การเข้ามาของสตาร์ดัสต์ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจในตัวเองอย่างมาก
เธอเป็นผู้หญิงชื่อแปลกๆเกิดในช่วงเวลาที่ไม่ควรเกิด และถึงจะไม่ได้ถาม แต่ผมแน่ใจว่าเธอไม่ได้รับการศึกษาในโรงเรียนของพวกเรา
เธอมีความคิดประหลาดมีพฤติกรรมประหลาด แต่ถึงอย่างนั้นเธอกลับพึงพอใจและมีความสุขในสิ่งที่เธอทำ
แม้จะปิดเพลงในโทรศัพท์มือถือไปแล้ว(ซึ่งเธอยืนยันหนักแน่นว่ามันใช้งานอะไรไม่ได้นอกจากเล่นเพลงกับถ่ายภาพ)แต่เธอก็ยังฮัมเพลงตลอดเวลา เป็นเพลงที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันน่าฟังเหลือเกิน
ยามเมื่อผมยังเด็กผมเรียนตามสิ่งที่ถูกสั่งให้เรียน
ผมได้รับอนุญาตให้วิ่งเล่นวันละสองชั่วโมงและน้อยลงเรื่อยๆ เมื่ออายุเริ่มเพิ่มมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จดจำช่วงเวลาเหล่านั้นได้ดีแม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนานแล้วแต่คล้ายกับว่าผมจะจำอากาศร้อนของวันได้จำได้ว่าเหงื่อออกชุ่มแผ่นหลังแค่ไหน ผมหัวเราะเสียงดังอย่างไรและยิ้มปากกว้างกับใคร
ทว่าหลังจากนั้นผมก็หัวเราะน้อยลงเรื่อยๆด้วยข้อจำกัดหลายอย่างทำให้เราไม่สามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้เสมอไป
ผมไม่เคยสงสัยในสิ่งที่สังคมบัญญัติขึ้นแต่ผมไม่แน่ใจว่าความกังขาที่มีแอบซ่อนอยู่ในตัวผมมานานแค่ไหนแล้ว
กระทั่งเมื่อวันนี้เดินทางมาถึงผมถูกล่อลวงด้วยภาพของหญิงสาวในสายฝน ภาพลวงตาที่เห็นว่าเธอมีน้ำตาบนใบหน้าหรืออะไรก็ตามที่ทำให้สตาร์ดัสต์ขึ้นรถมาด้วยล้วนทำให้ชีวิตผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปและผมรู้ดีว่าเมื่อความคิดเหล่านั้นเริ่มกัดกินจิตใจของผมแล้วมันก็ยากที่จะทำให้หายไปได้เหมือนกับฝุ่นละอองที่เพียงแค่เป่าก็มองหาไม่เจอ
ใช่แล้วไม่แน่ว่ามันอาจจะเริ่มมานานแล้วโดยที่ผมไม่รู้ตัว เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ฝังลึกในตัวผมรอคอยอย่างเยือกเย็นและเชื่องช้าเพื่อเติบโตและสตาร์ดัสต์ก็เป็นสายฝนที่ตกลงมารดใส่พวกมันทำให้เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นแตกหน่อผลิใบ
ผมเคยสงสัยว่าทำไมพ่อแม่ถึงเย็นชาพวกเขาไม่มีความรักให้กัน แม่อายุสามสิบตอนที่แต่งงาน นั่นเพราะพ่อเป็นคนที่กองกำลังแห่งความผาสุกจัดหามาให้พวกเขาทำเรื่องรักใคร่กันเพียงเพราะว่ามันคือสิ่งที่ถูกกำหนดมาแล้วพวกเขาสนทนากันไม่ต่างจากเจ้าหุ่นยนต์สุนัขในบ้านของผม ไม่มีชีวิตจิตใจไร้ความรู้สึก
ผมเคยสงสัยว่าทำไมเราต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ที่โรงเรียนเรื่องราวทั้งหลายเกี่ยวกับความรุ่งโรจน์ของวอลเตอร์เรย์และความคิดอันเป็นภัยของกลุ่มคนสมัยก่อน
ผมเคยสงสัยว่าหนังสือและรายการทีวีเหล่านั้นที่ผมต้องทำลายมีอะไรน่ากลัวเราจำเป็นต้องกวาดล้างโรงเรียน สนามเด็กเล่น สถาปัตยกรรม สิ่งใดๆก็ตามจากยุคก่อนที่มีผลกระทบต่อความคิดให้หมดหรือเราทำเพื่อกวาดล้างสภาพน่าชังเหล่านั้นหรือเราทำเพียงเพราะเราหวาดกลัวกันแน่
หลายๆความสงสัยเกิดขึ้นในตัวผมนานแล้ว เพียงแค่ผมไม่รู้ตัวเท่านั้น
ในวันนั้นผมส่งสตาร์ดัสต์ลงตรงถนนสายที่แปดตามที่เธอต้องการไม่มีคำพูดใดมากระหว่างเรา
“ขอบคุณมาก คุณคือเครื่องแบบแห่งความผาสุกคนแรกและคนเดียวที่ดีต่อฉัน”เธอพูดขณะที่ยืนตากฝนอยู่นอกตัวรถ
“อย่าพูดเรื่องที่เธอพูดกับฉันต่อหน้าคนอื่นพวกเขา...ไม่เหมือนฉัน”
ตอนนั้นผมเห็นเธอนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่เธอจะยิ้มเศร้ากลับมาแต่นัยน์ตากลับเปล่งประกายเจิดจ้า “อย่าดูถูกความคิดของมนุษย์และกาลเวลานายไม่มีวันรู้หรอกว่าอีกสิบปีหรือร้อยปีข้างหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแน่นอนว่าบางทีระยะเวลาพวกนี้อาจไม่ถูกต้อง แต่ไม่ต้องห่วงสักวันหนึ่งมันย่อมเปลี่ยนแปลงไปในแบบที่ฉันต้องการแน่นอน” เธอขยับกระเป๋าที่ไหล่“ฉันต้องไปแล้ว หวังว่าจะได้เจอคุณอีก”
ผมเลียริมฝีปากแล้วทวนคำสั้น“หวังว่า”
สตาร์ดัสต์ยิ้มให้ผมยิ้มในแบบที่ทำให้ผมตาพร่าแม้เธอจะเปียกปอนน่าสมเพชก็ตามแต่เพียงแวบเดียวเธอก็หมุนตัวหันหลังแล้วหายไปจากสายตาผมไม่ได้เจอเธออีกเลยในหลายวันถัดมา ทว่าความคิดที่เธอบ่มเพาะไว้กลับไม่หายไปไหน
วันนี้ผมมาทำภารกิจตามที่มีกำหนดเอาไว้ผมเห็นร่องรอยความสนุกสนานอบอวลไปทั่วสถานที่แห่งนี้ แต่มันยากที่จะบอกได้ว่าเด็กๆที่เคยวิ่งเล่นที่นี่เติบโตมาในรูปแบบไหน
“เอาล่ะ ทำงานเถอะพวก” ลูคัสสหายร่วมงานของผมเอ่ยปากบอกทุกคน จากนั้นพวกเขาก็เริ่มต้นคว้าอุปกรณ์พวกที่ทุบก็ทุบ พวกที่เผาก็เผาผมเหม่อมองภาพตรงหน้าราวกับว่าผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของมันก่อนจะก้มลงมองอุปกรณ์แท่งยาวทำจากเหล็กชั้นดีในมือ จู่ๆมันก็พลันให้ความรู้สึกร้อนลวกมือจนอยากจะโยนทิ้งในหัวผมได้ยินเสียงของสตาร์ดัสต์ดังแว่วมา
“พวกเขาพูดว่าสิ่งที่ทำไปล้วนทำเพื่อให้ทุกคนเท่าเทียมแต่ความเท่าเทียมนั้นคืออะไรกันล่ะ ฉันหมายถึงจริงๆ แล้วน่ะ มันคืออะไรกันแน่และคุณมั่นใจได้ยังไงว่าสิ่งที่ปลูกฝังคุณมามันคือสิ่งที่ถูกต้อง”
ขอบตาผมร้อนผ่าว สิ่งที่เรียกว่าน้ำตาค่อยๆไหลออกมาอย่างเชื่องช้าเมื่อผมพบว่าความจริงที่น่าเจ็บปวดก็คือทุกสิ่งที่สตาร์ดัสต์พูดออกมาล้วนเป็นความจริง
สุขสันต์วันระเบิดลงจ้า กรุงเทพชีวิตดีๆ ที่ลงตัว วนลูปเดิมๆ แบบน่าขยะแขยง เลิกปลอมนะคะ ดูออก
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in