NOTICE:
เรื่องสั้นนี้มีความตั้งใจแรกจะเขียนในลักษณะนิทานภาพ แต่ด้วยตัวเองมิได้เป็นเด็กชายเสียแล้ว และไม่อาจเขียนอะไรให้สั้นกะทัดรัดได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ดี, จึงขอเขียนเป็นเรื่องสั้นเชิงนิทานก็แล้วกันครับ
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลก
ครั้งหนึ่ง, ณ หมู่บ้านชนบทอันห่างไกลผู้คน มีชายคนหนึ่งที่คนในหมู่บ้านให้ฉายาว่า ‘ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลก’ --- ว่ากันว่าเขาสามารถทำได้ทุกอย่างเลยทีเดียว เขาเรียนรู้ทุกอย่างเร็วกว่าคนทั่วไป สามารถเดินได้ตั้งแต่ยังเล็ก อ่านออกเขียนได้ก่อนจะเข้าโรงเรียน และเขาก็เรียนจบเร็วกว่าเด็กคนอื่น ด้วยความเก่งกาจทำให้สามารถประดิษฐ์เครื่องมือเพื่อทำไร่ทำสวน คำนวณคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน รวมไปถึงยังสามารถวินิจฉัยและรักษาคนไข้ได้อย่างแม่นยำ
บ้านของเขาตั้งอยู่หลังหมู่บ้าน เป็นบ้านที่ใหญ่ขนาดเท่าโรงงาน มีควันลอยออกจากปล่องตลอดทั้งวันทั้งคืน เขาทำงานและทดลองไม่หยุดหย่อน ทุกคนต่างให้ความยอมรับและชื่นชมเขาที่ช่วยให้หมู่บ้านนั้นเจริญรุ่งเรือง ถึงกับมีการสร้างอนุสาวรีย์ของเขา, ด้วยฝีมือของเขา, ตั้งอยู่ ณ กลางหมู่บ้าน ที่ต้องทำเองเพราะไม่มีช่างคนไหนทำงานแกะสลักหินได้ประณีตเท่าเขาอีกแล้ว
มีเด็กหลายคนสงสัยว่าทำไมบนป้ายจารึก เขาจึงไม่ระบุว่าตัวเองเกิดวันไหน เพียงแต่เขียนสั้น ๆ ไว้บนป้ายจารึกว่า ‘จะไม่มีวันตาย’ เท่านั้น --- ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าเขาจะหาทางขึ้นไปสู่ท้องฟ้า และจะมองดูทุกคนจากตรงนั้น เพราะในอวกาศจะไม่มีดวงดาว แสงแดด หรือกาลเวลาใดที่จะทำลายเขาได้
“แล้วคุณจะพาพวกเราไปด้วยไหม? ” เด็กถาม
“ไม่หรอก พวกเธอไม่เหมือนกับฉัน --- ฉันสามารถทำได้ทุกอย่างบนโลก และฉันจะทำทุกทางเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตนิรันดร์” ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลกตอบ
และนั่นเองเขาจึงเริ่มต้นคิดการใหญ่ --- เขาใช้เวลานานเกือบทศวรรษในการประดิษฐ์และคิดค้นสิ่งที่ล้ำหน้ากว่าใครบนโลก จนในที่สุดเขาก็ตัดสินใจออกเดินทางสู่มหานครด้วยหวังจะนำไปแสดงในนิทรรศการนวัตกรรมประจำปีของประเทศ
ณ งานประกวดนวัตกรรมประจำปี ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลกได้นำเสนอเครื่องจักรสุดอัศจรรย์ของเขา
“นี่คือ ‘เครื่องที่จะแปลงความปรารถนาของทุกคนให้เป็นจริง’ --- ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ชื่อเสียง ความรัก เครื่องนี้จะสามารถมอบให้คุณได้ ผมสามารถทำให้ผมเป็นอมตะได้ และสามารถสร้างยานอวกาศเพื่อไปค้นหาโลกใบใหม่ได้โดยไม่ต้องออกแรงอะไรเพราะเครื่องนี้”
เขาให้ผู้ชมกลุ่มหนึ่งทดลองใช้เครื่องมือสุดแปลกนี้ และเป็นไปตามที่เขาได้กล่าวไว้ --- เมื่อคนเหล่านั้นเข้าไปทางช่องของเครื่องและออกมา พวกเขาก็ได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการมาตลอด: เงินทอง ชื่อเสียง คนรัก และหน้าที่การงาน พวกเขาแทบไม่ต้องลงแรงอะไรเลย เพียงแค่ก้าวเข้าไปในเครื่องที่ทำให้ความปรารถนาเป็นจริงในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลกท้าทายให้ผู้เข้าประกวดคนอื่นลองเข้าไปในสิ่งประดิษฐ์ของเขา แต่ว่าทั้งสามคนที่เข้าไปกลับออกมาจากเครื่องแล้วไม่ได้รับสิ่งที่ต้องการ และแล้ว, เครื่องที่ทำให้ความปรารถนาเป็นจริงก็เริ่มทำงานผิดพลาด มันส่งอะไรต่าง ๆ ออกมาจากทางออกของมันแล้วก็ส่งเสียงครืดคราด ก่อนจะมีควันพุ่งจากรอยต่อ ในที่สุด เครื่องที่แปลงความปรารถนาของทุกคนให้เป็นจริงก็หยุดทำงานลงไป
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? นี่ท่านทั้งสามไม่มีความปรารถนาอะไรเลยจริง ๆ หรือ! ”
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างถามคู่แข่งอย่างสิ้นหวัง เขาได้รับคำตอบจากชายคนแรกซึ่งเป็นนักการเมืองว่า “สิ่งที่ผมปรารถนาคือสันติภาพ แต่ตราบใดที่มนุษย์ทุกคนยังคงมีความขัดแย้งกันอยู่ ผมก็มิอาจสร้างโลกที่สงบสุขและเท่าเทียมแก่ทุกคนได้”
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างถาม “ถ้าเช่นนั้นทำไมจึงไม่กำหนดไปเลยล่ะว่าทุกคนต้องเป็นเหมือน ๆ กัน คิดเหมือน ๆ กัน เชื่อในสิ่งเดียวกัน และรักในสิ่งเดียวกันคืออุดมการณ์อะไรนั่น?”
“มันทำไม่ได้” นักการเมืองกล่าว “ไม่มีใครเคยทำได้ พวกเขาไม่มีความรักต่อเพื่อนมนุษย์ และกระหายในอำนาจอย่างล้นเหลือ เพราะท่านไม่เข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนแตกต่างจากท่าน”
ชายคนที่สองซึ่งเป็นกวีกล่าวว่า “สิ่งที่ผมปรารถนาคือการที่ผมได้เห็นทุกคนมีความสุข ดังนั้นผมจึงเขียนโคลงเขียนกลอนเพื่อความฝัน และความสุขของพวกเขาและตัวเอง”
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างถาม “ถ้าเช่นนั้นทำไมจึงไม่ให้เครื่องมันเขียนบทกวีแทนท่านล่ะ? ”
“มันทำไม่ได้” กวีกล่าว “ทุกคนมีความสุขที่แตกต่างกันไป ใหญ่เล็กไม่เคยเท่ากันเลย เพราะท่านไม่เข้าใจว่ามนุษย์แต่ละคนมีประสงค์ของชีวิตที่ต่างกัน”
ชายคนที่สามผู้เป็นนักปราชญ์กล่าว “สิ่งที่ผมปรารถนาคือความจริง: โลกนี้คืออะไร จักรวาลจะสิ้นสุดเมื่อไร พระเจ้ามีจริงหรือไม่ และพระเจ้าจะตัดสินความดี-ความชั่วของใครอย่างไร นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะให้ทุกคนตั้งคำถามมาตลอด นั่นคือความตั้งใจของผม”
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างถาม “ถ้าเช่นนั้นทำไมท่านไม่ขอให้เครื่องมือของผมสร้างพระเจ้าขึ้นมาล่ะ แล้วให้พระเจ้าอะไรนั่นสถาปนาความจริงอันบริบูรณ์แก่โลกและจักรวาลนี้? ”
“มันทำไม่ได้” นักปราชญ์กล่าว “ไม่มีใครเคยเชื่อตรงกันสักครั้งว่าพระเจ้ามีรูปพรรณเช่นไร คความจริงมีโครงสร้างเช่นไร พวกเราแค่เชื่อไปแบบนั้น เชื่อแบบที่ตนได้เรียนและได้ประสบมา --- และที่ท่านยังคงตรากตรำต้องสร้างเครื่องมือที่ทำให้ความปรารถนาเป็นจริงขึ้นมา ก็เพราะท่านไม่เข้าใจว่ามนุษย์มีความสงสัยและความต้องการไม่สิ้นสุดต่างหากเล่า”
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลกถึงกับสิ้นสติ เขาเริ่มโวยวายว่าเหตุใดกันหนอ --- โลกจึงสร้างคนที่ปรารถนาสิ่งที่ไม่สามารถทำได้จริง, สิ่งที่มอบความสุขโดยแท้จริงไม่ได้, และสิ่งที่ไม่อาจหาคำตอบอันบริบูรณ์...เหตุใดกันหนอโลกและจักรวาลนี้จึงได้สร้างคนให้แตกต่างกันและทำได้เพียงไม่กี่อย่าง ซึ่งต่างจากเขานัก
เขาคุ้ยเศษกองขยะที่เครื่องมือที่ทำให้ความปรารถนาเป็นจริงขึ้นมา พบกับระเบิดลูกหนึ่ง ก็ดึงสลักก่อนจะโยนไปยังฝูงชนด้วยความเกลียดชัง
โดยที่ไม่มีใครรู้, ระเบิดนั้นได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง --- มันทำลายเวที ทำลายบ้านเรือน ทำลายทุกคน ทำลายนักการเมือง ทำลายกวี ทำลายนักปราชญ์ ทุกสิ่งที่ขวางทางวิธีระเบิดของมันพลันต้องระเนระนาดไปในบัดดล
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลกหัวเราะ เขารู้แล้วว่าเขาจะใช้ระเบิดนี้ทำให้โลกนั้นเป้นไปดังที่เขาเข้าใจ เขาเชื่อว่าทุกคนจะต้องคิดเหมือนเขาและรักเขา --- ทว่าเครื่องมือที่เขาสร้างมาเกือบทศวรรษก็กลายเป้นเพียงซากเศษเหล็กเสียแล้ว...ด้วยระเบิดที่เขาปรารถนาสร้างมันขึ้นมาในคราวแรก
เขาเดินออกจากพื้นที่นั้นไปยังซากปรักหักพังและถนนซึ่งยังพอเห้นเค้าลางบ้าง จนกระทั่งพบเด็กชายคนหนึ่งที่ยังคงกอดกระเป๋าเก็บอุปกรณืขัดรองเท้าให้เขาอีกครั้ง...เด็กชายคนนั้นร้องไห้
“เธอเป็นอะไร? ”
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลกถาม
“ผมหาแปรงขัดรองเท้าของผมไม่เจอ ผมต้องใช้มันทำงาน”
เด็กชายตอบ
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลกเสนอ “ถ้าเช่นนั้นฉันจะสร้างเครื่องขัดรองเท้าให้เธอใช้”
“แต่ถ้าเกิดมันเสียขึ้นมา ผมจะซ่อมมันอย่างไร และหากมันทำงานได้ไม่ดีเท่าที่คนทำคุณจะทำอย่างไรเล่า? ”
“ฉันซ่อมให้เธอได้ทุกเมื่อ เพราะฉันจะไม่มีวันจากโลกนี้ไปไหน”
“ไม่มีทาง” เด็กชายแย้ง “ผมไม่ได้อยากอยู่กับที่ขัดรองเท้า ไม่อยากมีอาชีพต้องขัดรองเท้าตลอดไป ผมอยากอาศัยในบ้านที่สบาย ที่ที่จะไม่ต้องทนหนาวยามเหมันต์มาเยือน ที่ที่จะมีอาหารกินให้ได้ทุกมื้อ ที่ที่ให้พ่อได้พักผ่อนหลังจากกลับจากทำงาน ที่ที่แม่จะได้พักรักษาตัวให้หายจากการป่วยไข้ ที่ที่พี่น้องจะได้ไม่ต้องมาลำบากทำงานอันได้เงินเพียงไม่กี่เหรียญ...ผมเพียงอยากได้แปรงของผมคืน แม้มันจะไม่ดีมากแต่สักวันผมจะต้องทำให้ทุกคนมีความสุขให้ได้”
เขาได้ฟังก็ถึงกับนิ่งไป...และแล้วเขาก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลกตัดสินใจพาเด็กชายขัดรองเท้ากลับมายังหมู่บ้าน เริ่มต้นใหม่โดยการสอนเด็กชายทุกอย่าง, ทุกอย่างที่เขารู้และเขาทำได้ ก่อนจะเริ่มเปิดโรงเรียนเพื่อมอบทุกสิ่งที่เขารู้ และเขาสามารถทำได้ให้แก่เด็กคนอื่น ๆ ทั้งในหมู่บ้านและจากเมืองอื่น จากนครอื่น
เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเด็กแต่ละคนชอบทำในสิ่งที่ต่างกัน --- บางคนชอบร้องเพลง บางคนชอบเล่นกีฬา บางคนชอบอ่านหนังสือและเขียนหนังสือยาก ๆ บางคนก็เก่งด้านช่างไม้ บางคนก็เก่งด้านการสังเกตและจับแมลง เด็กบางคนทำได้หลายอย่าง บางคนทำได้อย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะทาง และเมื่อเด็กกลุ่มนี้มีมากขึ้นพวกเขาจึงร่วมมือกันเปลี่ยนบ้าน, หรือโรงงาน, หรือโรงพยาบาลของครูที่สอนเขาใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิม
และสิบปีผ่านไป...สามสิบปีผ่านไป...หกสิบปีผ่านไป --- ที่แห่งนี้ก็ได้ส่งให้เด็กหลายคนเติบโตด้วยความรู้ที่พวกเขาชื่นชอบ และเดินทางสู่โลกที่กว้างขวางขึ้น บางคนได้เป็นนักการเมืองที่ในที่สุดก็สามารถหาทางยุติสงครามได้ บางคนก็เป็นกวีผู้เลื่องชื่อลือชาและมอบความสุขให้แก่ผู้คน บางคนก็เป็นนักปราชญ์หรือนักวิชาการที่หาคำตอบให้แก่สิ่งที่ตัวเองสงสัย พวกเขาสามารถหาทางเยียวยาที่ดีที่สุดแก่คนไข้ และสร้างยานอวกาศที่ทันสมัยที่สุด...ทันสมัยกว่าที่เครื่องมือของเขาเคยทำได้นัก
ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลกได้แต่เพียงสอนเด็ก ๆ เหล่านั้นไป --- หลายครั้งเขาก็ได้ยินว่าลูกศิษย์ของเขาก็เลือกจะเป็นครูเฉกเดียวกับเขา ส่งต่อสิ่งที่พวกเขาชำนาญต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อสร้างโลกที่เป็นอุดมคติของพวกเขา
หลังจากนั้นผ่านไปหลายปี, ชายผู้ทำได้ทุกอย่างบนโลก, ก็จากโลกนี้ไป
และขณะที่ชาวบ้านกำลังรื้อถอนอนุสาวรีย์ที่ชายผู้ล่วงลับได้สร้างขึ้นเมื่อนานมาแล้ว มีคนกลุ่มหนึ่งสังเกต ว่า ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ป้ายจารึก ณ ฐานของประติมากรรมมีการแก้ไขวันที่เขาจะจากโลกนี้ไปว่า: ‘จนกว่าความรู้ทั้งหมดจะถูกค้นพบ’
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in