อีกไม่กี่นาทีก็จะเข้าสู่วันใหม่ ฉันนั่งประจำเก้าอี้ รัดเข็มขัดนิรภัย แม้ใจจะอยากปรับพนักเอนเต็มที แต่ก็ต้องอดใจรอจนกว่าเครื่องบินจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าให้เรียบร้อยดีก่อน หญิงสาวหลายคนแต่งตัวมาสวยพร้อมลงแข่งกับความงามของทุ่งลาเวนเดอร์บนเกาะฮอกไกโด (Hokkaido)—จุดหมายปลายทางของเที่ยวบินนี้ นั่นทำให้ฉัน...ที่ใส่ชุดกึ่งนอน และใบหน้าเปล่าเปลือยไร้การปรุงแต่งจากเครื่องสำอาง รู้สึกผิดกาลเทศะอยู่นิดหน่อย ให้ตายสิ สำหรับฉันการเลือกเสื้อผ้าสำหรับเดินทางเที่ยวบินกลางคืนเป็นเรื่องยากเสมอ เพราะไหนจะต้องเลือกให้สวมใส่สบายเหมาะกับการนอนในท่านั่งอันมีพื้นที่ยืดขาอย่างจำกัด ไหนจะต้องผจญกับความหนาวเย็นระดับตู้แช่ปลาตลอดการเดินทาง และไหนจะต้องแต่งตัวให้เหมาะกับการท่องเที่ยวในวันพรุ่งนี้ด้วย
“นอนแล้วนะ” วรรณ—พี่สาวฝาแฝดที่นั่งข้างๆ บอกฉันอย่างส่งๆ แล้วเอาผ้าห่มผืนบางสีม่วงคลุมหัว
แอร์โฮสเตสสาวกำลังสาธิตการใช้อุปกรณ์ เข็มกลัดที่ผ้าพันคอของเธอสะท้อนแสงวิบวับ ทำเอาฉันแสบตา และลุ้นให้เธอรีบเสร็จสิ้นภารกิจเสียที เพราะฉันง่วงเต็มทนแล้ว
กัปตันประกาศขออภัยในความล่าช้า แต่เครื่องบินยังต้องจอดรออีกสักพักจนกว่าจะได้รับอนุญาตให้ออกจากลานบิน
ให้มันได้อย่างนี้สิ!
“แวว เธอเรียกแอร์ฯ ให้แม่หน่อยสิ แม่จะให้เขาเติมน้ำใส่ขวด” แม่ที่นั่งอยู่แถวหน้า หันหลัง ส่งขวดเปล่ามาให้ฉัน
“อ้าว? ไหนแม่บอกจะขอเองไงล่ะ?” ลูกกตัญญูอย่างฉันทำได้เพียงคิดย้อนแย้งในใจ และรับขวดน้ำมาโดยดี
ระหว่างที่รอแอร์โฮสเตสเดินมาตามสัญญาณที่สว่างวาบอยู่บนแผงไฟเหนือหัวฉัน พี่ต้อง—พี่ชายคนรองของครอบครัวก็ลุกขึ้นยืนจากที่นั่งด้านหลัง
“บิ๊มเป็นไกด์ แววเป็นเหรัญญิก วรรณเช็กอินโรงแรม วินกับพบเป็นเบลล์บอยคอยยกกระเป๋าให้คนแก่นะ” พี่ต้องแจกงานเสร็จสรรพ พร้อมดึงผ้าห่มออกจากหัววรรณ
“ตามนี้นะ?” เขาย้ำ
“ค่า/ครับ” ทุกคนขานรับหน้าที่อย่างเนือยๆ
แอร์โฮสเตสสาวเดินมาประชิดเก้าอี้ฉัน ฉันขอให้เธอเติมน้ำเปล่าใส่ขวดตามที่แม่ต้องการ
“เอาน้ำไม่เย็นนะ”
แม่ส่งเสียงมากำชับ
“ทริปครอบครัวเหรอ?” ฉันคิด แล้วเผลอถอนหายใจ มันช่างเป็นกลุ่มคำที่ให้ความรู้สึกเหนื่อย
แต่เอาเข้าจริง ฉันก็แค่หนึ่งในสมาชิกทัวร์ลูกเป็ด 12 ตัว ที่มีหน้าที่แค่เดินตามธงต้อยๆ ไม่ต้องเช็กตารางรถไฟ ไม่ต้องหาโรงแรม ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าจะต้องไปเที่ยวไหนบ้าง สบายไปอีกแบบ
คนที่ถือธงอยู่ข้างหน้ามากกว่าที่น่าเป็นห่วง แค่คอยดูแลไม่ให้ลูกเป็ดแตกแถวก็เหนื่อยแล้ว
“คุณๆ” บิ๊ม (ออกเสียงเหมือนยิ้ม แต่เปลี่ยนเป็น บ.ใบไม้) ญาติผู้น้องส่งสมุดปกแดงมาให้ฉัน
“คุณกับพี่วรรณใช้ด้วยกันนะ นี่เป็นตารางทัวร์และข้อมูลจำเป็น เก็บดีๆ”
บิ๊มตกเป็นไกด์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะทริปนี้คือหนึ่งในมาตร-การใช้ทุนการศึกษาคืนให้น้านาฏ (แม่ของเธอ) ที่ส่งเสียให้เธอไปร่ำเรียนที่ญี่ปุ่นถึงห้าปี
ในฐานะไกด์จำเป็น บิ๊มทำการบ้านอย่างหนัก เธอต้องหาวันเวลาที่ทุกคนว่างตรงกัน จองโรงแรม หาร้านอาหารที่มีทั้งผักหญ้าให้คนแก่และหมูเนื้อให้หนุ่มสาว จองรสบัส ติดต่อคนขับ เช่าโทรศัพท์มือถือ เช็กอากาศ
ยังดีที่มีพี่โน้ต—พี่สะใภ้ของฉันที่กำลังอุ้มท้องหกเดือนมาช่วยแบ่งเบาภาระในการจองตั๋วเครื่องบินให้ ฉันคิดว่าสิ่งที่บิ๊มต้องทำมันเหนื่อยทั้งกายและใจยิ่งกว่าตอนฉันวางแผนการเดินทางด้วยรถไฟสำหรับสองคนถึงหกเท่า
สามวันก่อนออกเดินทาง
“ต้อง” น้านาฏกระซิบ “เมื่อวานบิ๊มมันร้องไห้”
“ว่าแล้ว” พี่ต้องทำเสียงสูง
“ก็เมื่อวานผมจี้ให้มันรีบทำตารางเที่ยว ผมจะได้เอาไปจัดการเรื่องเงินต่อ บิ๊มมันก็อิดออดบอกว่ายุ่ง จะให้ผมทำให้ พอผมไม่ยอม มันก็หน้าตึงเลย” พี่ต้องกึ่งเล่ากึ่งฟ้อง
“น้ำเสียงพี่ต้องมันกดดัน โน้ตเป็นพยานค่ะ” พี่โน้ตทำหน้าที่พี่สะใภ้ที่ดีและเป็นกลาง
“เธอนี่! ชอบกดดันน้อง” น้านาฏร้อง
พี่ต้องหัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกผิด แล้วไถ่โทษด้วยการแจกงานให้คนอื่นรับผิดชอบตอนเที่ยวบ้าง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้บิ๊ม
‘ทริปครอบครัว’ ซับซ้อนกว่าการเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์ หรือ ‘ทัวร์ลูกเป็ด’ทั่วไป ตรงที่เป็ดแต่ละตัวดันมีนิสัยเหมือนปู และในเมื่อทริปนี้มีแต่คนกันเองก็ไม่จำเป็นต้องมาคอยเกรงใจกัน จะให้เดินต้อยๆ ตามธงน่ะเหรอ? ฝันไปเถอะ
ทริปนี้จึงไม่ต่างจากการจับปูใส่กระด้ง!
ชาวคณะของเราประกอบด้วยคนหลากหลายเจเนอเรชั่น (Generation) ตั้งแต่เบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) เอ็กซ์ (X) วาย (Y) แซด (Z) ยันอัลฟ่า (Alpha) แต่ละคนมีความสนใจไม่เหมือนกัน เที่ยวไม่เหมือนกัน ความเชื่อแตกต่างกัน มีปรัชญาการใช้ชีวิตคนละแบบ หรืออาจถึงขั้นพูดกันคนละภาษา (เพราะดันมีสมาชิกบางคนเรียนนานาชาติ)
ขณะเดียวกันก็ยังมีคนแก่ เด็ก น้า หลาน พ่อ แม่ พี่ น้อง ‘ระบบอาวุโส’จึงเข้ามามีผลกับแผนการของทริปทันที
บิ๊มต้องมานั่งคิดสถานที่ท่องเที่ยวและที่กินให้ถูกใจลุงป้าน้าอาทุกคน คนนี้ชอบวัด คนนั้นชอบเดินตลาด คนโน้นอยากเดินเทร็กกิ้ง (Trekking) คนนู้นชอบช้อปปิ้ง หรือคนแก่ไม่กินเนื้อสัตว์ใหญ่ ส่วนวัยรุ่นอยากกินแบบจัดหนัก ฯลฯ
และที่ซ่อนเงื่อนไปกว่าระบบอาวุโสก็คือระบบหลานคนโปรด เพราะลุงป้าน้าอาจะสุขใจก็ต่อเมื่อ อานนท์—หลานตัวน้อย ยิ้มแย้มสนุกสนาน หัวหน้าทัวร์เลยต้องหันมาเอาใจสมาชิกวัยสองขวบครึ่ง เพื่อให้สมาชิกวัยหกสิบอัปร่าเริงทางอ้อมไปด้วย
และสุดท้าย...ไอ้คนที่มีหน้าที่จับปูใส่กระด้งก็ดันเป็นปูซะเองอีก เพราะภารกิจของบิ๊มคือ ซื้อเครื่องสำอาง SK-II ยกเซ็ต ไปร้องคาราโอเกะให้หลุดโลก และแช่ออนเซ็นให้หนำใจโดยที่ไม่ต้องรีบไปจัดการเรื่องอาหารเช้า...
ทริปครอบครัวเหรอ...แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
สำหรับครอบครัวฉัน ญี่ปุ่นดูจะเป็นจุดมุ่งหมายที่ปรองดองที่สุด แน่นอนว่ามันป๊อปปูลาร์ในหมู่คนที่ต่างก็โตมากับการ์ตูนมังงะอย่างเจนวายลงมา สำหรับเจนเอ็กซ์นี่ก็เป็นโอกาสในการพาลูกเจนอัลฟ่าท่องเที่ยวต่างประเทศครั้งแรก ส่วนชาวเบบี้บูมเมอร์ก็เริ่มแก่จนอยู่ในวัยที่เริ่มเปิดใจรับกระแส Japan Fever ตามลูกหลานบ้าง จากที่เคยเที่ยวอย่าง exotic ในแถบประเทศเพื่อนบ้าน (ไม่ว่าจะด้วยกำลังทรัพย์หรือรสนิยม) ตอนนี้ก็แก่เกินกว่าจะไปเที่ยวแบบผจญความลำบากอย่างนั้นอีกแล้ว เขาอาบน้ำร้อนจนรู้แล้วว่าความเท่น่ะมันกินไม่ได้ หรือจะให้เที่ยวแถบยุโรปที่ใครต่อใครว่าสบาย อากาศก็หนาวเกินไป ใช้เวลานั่งเครื่องบินนาน เดินก็เยอะ แถมอาหารก็เลี่ยน
ญี่ปุ่นจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสมทั้งคุณวุฒิและวัยวุฒิสำหรับทุกคน
คิวห้องน้ำก่อตัวยาวเหยียดเป็นสัญญาณบอกว่าเครื่องบินกำลังเตรียมลงจอดที่สนามบินชิน-ชิโตะเซะ (Shin-Chitose Kuko) เกาะฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น หญิงสาวหลายคนที่ฉันแอบมองตอนขึ้นเครื่องผมยังอยู่ทรงหน้ายังสวย แม้จะผ่านวิบากกรรมของการพยายามหลับบนเครื่องบินมากว่าหกชั่วโมง
ฉันเหลือบมองคราบมันที่จมูกและหน้าผากของวรรณ ผมของเราทั้งคู่ชี้ฟูในขณะที่เรียบแบนไปพร้อมกัน
วรรณยื่นมือมาสะกิดฉัน
“โอ๊ย” ไฟฟ้าสถิตปลุกเราทั้งคู่ให้ตื่นเต็มตา
“โทรมไหม?” เธอถามในคำตอบที่รู้อยู่แก่ใจ
ฉันเหลือบมองแม่และน้าในสภาพงัวเงีย ผมชี้ หน้ามัน
...โอเค นี่อาจเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in