“คราวหน้าไปเที่ยวไหน?” เป็นคำถามยอดฮิตหลังจาก ‘หนัง+สือ’ Wish Us Luck ขอให้เราโชคดี เข้าฉายและวางแผงเป็นที่เรียบร้อย
“ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ” ฉันตอบเจื่อนๆ
“มีความคิดชั่ววูบว่าอายุ 30 จะไปทิเบตค่ะ” วรรณกู้สถานการณ์เอาไว้
“30 วัน 9 ประเทศ 2 แฝดสาว ที่เดินทางกลับเมืองไทยด้วยรถไฟจากอังกฤษ”
ไอ้ประโยคยาวเฟื้อยที่อยู่บนหน้าปกหนังสือสร้างความกดดันให้ฉันไม่น้อย
“พี่โคตรเจ๋งอะ หนูอยากทำอย่างพี่บ้าง เขียนอีกนะคะ หนูจะรอ” แววตาเป็นประกายที่คลอไปกับประโยคจากปากผู้อ่านวัยรุ่น เพิ่มน้ำหนักให้มวลอากาศบนบ่าสองข้างของฉันซ้ำอีก เขียนเรื่องอะไรดีล่ะ การเดินทางอันน่าจดจำจนอยากจะบอกต่อมันไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ นะน้อง
เอาล่ะ...ก็ได้ ฉันจะออกเดินทางอีกครั้งเพื่อหมู่มวลมนุษยชาติผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
ไม่...ไม่ใช่จุดหมายอินดี้ เท่ๆ เซนๆ อย่างทิเบตที่วรรณโม้เอาไว้ แต่เป็นจุดหมายที่โคตรจะป๊อปอย่าง ‘ญี่ปุ่น’ ต่างหาก ยังไม่พอ เราขอทำลายความฝันวัยรุ่นด้วยการโยนแบ็กแพ็คทิ้งจากหลัง แล้วลากกระเป๋า ยกธงนำทัวร์ลูกเป็ดทั้งครอบครัวมุ่งสู่เกาะฮอกไกโด ...นั่งเครื่องบินไปนะรถไฟมันนาน
ฉันเห็นประกายในแววตาผู้อ่านหลายคนดับวูบ
‘ทริปครอบครัว’ ฟังดูไม่เท่เอาเสียเลย ดูเป็นลูกแหง่ติดพ่อแม่ ไม่แบกเป้ลุยเดี่ยว เป็นกลุ่มคำที่ฟังดูล้งเล้งวุ่นวายอย่างไรบอกไม่ถูก ช่างขัดกับการเดินทางด้วยรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียอย่างสิ้นเชิงทั้งในระดับความชวนฝันของเส้นทาง ความเท่ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรค สิ่งที่ตกตะกอนเกี่ยวกับชีวิต และความ poetic ของวิธีการ ...หรือถ้าลดระดับความอินดี้ลงมาหน่อยเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นกับเพื่อน มันคงจะชิคกว่านี้แน่ๆ แก๊งวัยรุ่นสามสี่คน (ห้าคนขึ้นไปจะเริ่มปวดหัวละ) ออกไปตะลุยญี่ปุ่นกันเอง เที่ยวกันเอง หลงกันเอง โพสท่าถ่ายรูปบ้าๆ กินบุฟเฟต์เนื้อย่าง เหล่หนุ่มญี่ปุ่น ร้องคาราโอเกะ ช้อปปิ้ง ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ และเรื่องสนุกอื่นๆ ที่จะไม่เกิดขึ้นถ้าเราไปกับครอบครัว
ทริปครอบครัวครั้งนี้ ถ้าเปรียบเป็นหนัง ก็เป็นหนังแมสที่โคตรจะป๊อป โคตรจะไม่คูล เป็นขั้วตรงข้ามกับหนังอินดี้ที่ถ่ายรถไฟวิ่งเอื่อยไปเรื่อยอย่างไร้จุดหมาย แล้วเอามาตีความนามธรรมหล่อๆ ว่ามันเป็นสัญญะของชีวิตอันเนิบช้าที่มีความสุขและปล่อยวาง หนังการเดินทางเรื่องใหม่นี้ แค่รู้ชื่อเรื่องก็เดาได้เลยว่ามันจะไปเที่ยวไหนบ้าง ทุ่งลาเวนเดอร์แน่ๆ กินปูกันชัวร์ๆ ออนเซ็นแหงๆ แล้วก็จะมาบอกว่าอายอย่างนั้น อย่างนี้ หนีไม่พ้นพล็อตนี้หรอก เชื่อเหอะ
ยัง...อย่าเพิ่งตัดสินหนัง (สือ) เรื่องนี้ว่าจะน่าเบื่อแบบนั้น ถ้ามองให้ลึกลงไป จะเห็นว่ามวลก้อนความสัมพันธ์อันซับซ้อนซ่อนเงื่อนภายในครอบครัวลูกเป็ดจะทำให้หนัง (สือ) เรื่องนี้เป็นหนังคอเมดี้ดราม่าที่ทุกครอบครัวต้องตบตักฉาดด้วยความอิน เป็นไง ดูดีขึ้นไหม?
ทำไมบางครั้งคนที่มีพันธุกรรมเดียวกับเรา รูปทรงคิ้วบานปลาย หน้าผากเถิก ตาสองชั้นหลบในเหมือนเรา กลับเป็นคนที่เราพยายามจะทำความเข้าใจเขาน้อยที่สุด ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่วงกลมชีวิตของเราถ่างออกจากกัน ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน กินข้าวที่เขาหุง นอนบ้านของเขา ดูทีวีที่เขาจ่ายค่าไฟ
“อยู่ใกล้พ่อแม่แล้วร้อน” หลายคนคิดแบบนั้น รวมทั้งฉันด้วย “เราเข้ากันไม่ได้” “แม่ไม่เข้าใจ” “พ่อเผด็จการ” “น้าชอบจิก” “ญาติคนนั้นชอบวีน”“อีหลานโคตรดื้อ”
ทริปครอบครัวเหรอ? นี่มันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ
แต่...เที่ยวหรู อยู่สบาย ไม่ต้องจ่าย ใครไม่ไปก็โง่แล้ว
พร้อมจะเดินทางไปกับหนัง (สือ) เรื่องนี้หรือยัง?
กรุณาเปิดใจก่อนชมหนัง (สือ)
ด้วยความปรารถนาดีจากลูกเป็ดตัวหนึ่ง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in