เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Breathe In The Lightmomo2540
Chapter 3 | Evil In The Mirror
  • Breathe In The Light 


    Chapter 3 | Evil In The Mirror

    ในขณะที่โลกภายนอกดูปกติทว่า...โลกกระจกกลับมีการปะทะด้วยเวทย์มนต์อย่างดุเดือดระหว่างด็อกเตอร์สเตรนจ์กับเทพแห่งการโกหก ส่วนเรล่าก็งัดทุกอย่างที่เรียนมาสู้แบบสุด ๆ ทั้งทุบตึก หรือหมุนตึกให้เหมือนหนังอินเชปชั่น

    "มีดีแค่นี้หรอ? นังมนุษย์"

    "ชื่อเรล่าว๊อย!! นัง_ซ"

    อาร์มอร่าเสกเวทย์ลูกไฟแต่เรล่าเสกกำแพงเวทย์กันได้ทันเวลา แต่คงกันได้ไหมนานรักเพราะอีกฝ่ายถล่มเธอรัวแบบสุด ๆ จนต้องถอยร่นไปเรื่อยโดยที่เท้าตอนนี้ยืนปริ่มอยู่ขอบดาดฟ้า หญิงสาวผมน้ำตาลหาทางโต้ตอบโดยด่วนเพราะไม่งั้นตนเองได้โดนอีกถล่มเละแน่นอน

    ด้านด็อกเตอร์สเตรนจ์ก็กำลังรับมือกับโลกิ ร่างสูงสาดเวทย์ใส่เทพแห่งการโกหกรัวจนอีกฝ่ายต้องใช้ภาพลวงตาหลอกเบนความสนใจ เมื่อชายหนุ่มเผลอก็โจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวทันที ผ้าคลุมสีแดงรีบลากเจ้านายตนเองหลบทันทีเพื่อให่เขาตั้งตัวได้ทัน ชายหนุ่มทีถือคฑาชี้มาทางด็อกเตอร์อย่างไม่สบอารมณ์ เพราะตนเองจะไปจัดการกับโอดินแต่ต้องมาสู้กับจอมเวทย์ตรงหน้าตนเอง

    "เอาละ...สเตรนจ์ใช่ไหม? อย่าขวางทางข้าเลยเดี๋ยวหาว่าไม่เตือน" โลกิเอ่ย

    "ผมก็จะบอกเหมือนกันแต่คงเป็น...กลับไปที่ที่ท่านจากมาซะ" สเตรนจ์เอ่ยพลางร่ายแส้เวทย์ฟาดชายอีกคนจนกระเด็นทันที "บังเอิญท่านอยู่ในข่ายที่ผมต้องเฝ้าระวังนะ..."

    "บางทีเจ้าน่าจะระวังแม่ตุ๊กตาเจ้ามากกว่านะ"

    ทันทีที่สเตรนจ์หันไปก็พบว่าเรล่าล้มกลิ้งพร้อมแผลที่แขนเนียนที่เป็นทางยาว หญิงสาวหน้าตาสะบัดสะบอมจนเผลอละสายตามามองอีกฝ่ายที่ยันตัวเองลุกจากมาสู้กับแม่มดแอสการ์ดต่อ โลกิกับสเตรนจ์เริ่มสู้ต่อไปจนกระทั้งมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นพร้อมกับโลกรอบข้างที่เริ่มหมุนรอบ ร่างของแม่มดแอสการ์ดล้มก่อนจะมองคนตรงหน้าตนเองอย่างตกตะลึง จอมเวทย์หนุ่มแล่นลงพื้นทันทีเพื่อมาดูสถานการณ์ที่กำลังเกิดต่อไป แต่เว้นระยะห่างเพื่อไม่ให้โดนลูกหลง

    "พูดมาอีกยัยบ้า!!" เรล่าเกรี้ยวกราดใส่อาร์มอร่า "พูดดูถูกอีกทีสิ!!" ร่างของแม่มดแอสการ์ดโดนลากโดยพลังงานบางอย่างที่ไม่เห็นแต่สำหรับหล่อนแล้วคงกลัวว่าอาจโดนลากไปจากที่นี้ หรือที่แย่กว่าคือโดนกระชากเข้ามิติอื่น มือเรียวจิกลงพื้นก่อนจะกรี๊ดออกมาเมื่อโดนกระชากทะลุมิติกระจกออกไปต่อหน้าต่อตาพวกเขา

    มีอะไรบางอย่างในหัวสเตรนจ์ร้องเตือนว่าเธอกำลังใช้เวทย์มนต์มืดเลยรีบลอบไปหาอีกคนเพื่อปราม เหมือนทำให้โลกิถือโอกาสหนีไปทันที มือหนากำแน่นก่อนจะเขย่าตัวเรียกสติอีกฝ่าย

    เรล่าค้างไปชั่วครู่ก่อนจะมองมือตนเอง

    "เกิดอะไรขึ้น?"

    "อื้ม....เธอเพิ่งเหวี่ยงแม่มดแอสการ์ดทะลุมิติกระจกไปนะ" สเตรนจ์กำบ่าอีกคนก่อนจะยื่นหน้าเขาไปใกล้ ๆ "เธอใช้มนต์นั้นได้ไง มันมนต์---" เขาชะงักเมื่อได้เสียงเหมือนรถอะไรบางอย่างตรงมาที่พวกเขาก่อนจะหยุดและมีคนในเครื่องแบบลงมาพร้อมอาวุธในมือ ทั้งคู่มองหน้ากันแบบจะทำยังไงต่อ ทว่า...มีเสียงคนบางคนเรียก

    "เอเจนต์ซาร์คา"

    "ผอ.โคลสัน"

     


    ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของอาศรมที่นิวยอร์ค (หรือลอนดอน?) โคลสัน เรล่า สเตรนจ์นั่งจิบชากันในบรรยากาศที่น่าอึดอัดแบบสุด ๆ แบบอีกฝ่ายคือเจ้านายเก่าเธอ อีกคนก็อาจารย์เธอ

    "มิเรล่า ซาร์คา" ผอ.คนใหม่ชีลด์เอ่ยอย่างเงียบ ๆ "นานแล้วที่เราไม่ได้เจอกันตั้งแต่ภารกิจที่...ไซบีเรีย เธอหายเงียบ ไม่ได้ส่งข่าว หรือทิ้งร่องรอยอะไรให้พวกเราตามหาสักนิดเดียว ทำไม?"

    "ฉันไม่ต้องการให้ใครมาเจอตัวฉันหรอก ท่านผอ. โดยเฉพาะพวกที่ตราหน้าฉันว่าทรยศชีลด์ ทั้งที่ผ่านมาฉันจงรักภักดีมาตลอด ทำตามคำสั่งพวกเขา แต่ผลที่ตอบแทน?" เรล่ามอง "ฉันต้องหนีหัวซุกหัวซุนตั้งแต่เม็กซิโก ยันยุโรป"

    สเตรนจ์เงียบกับเพิ่งที่ได้ยิน เพราะเรล่าไม่ค่อยเปิดเผยอะไรง่ายให้ใครฟังถ้าไม่จำเป็น คาดว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่เธอไม่อยากเชื่อใจใครมากนัก กลัวมีคนหลอกเธอแบบที่ผ่านมา หญิงสาววางแก้วชาตนเองลงก่อนจะพูดกับชายตรงหน้าทั้งสอง

    "ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ"

    "เรย์..." โคลสันเอ่ย "มีอะไรก็บอกเราได้นะ เพราะอย่างน้อยเราคือเพื่อนร่วมงานกันมาก่อนนะ"

    ร่างบางพยักหน้าและขึ้นบันไดไป

    "เธอเคยสดใสกว่านี้คุณสเตรนจ์" โคลสันยวางแก้วชาลงและเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบในตอนนี้ "มิเรล่า อดีตคือเอเจนต์คนเก่งของเรา เธอมีความสามารถ เรียนรู้ได้รวดเร็วกว่าเอเจนต์คนอื่น แต่วันนึงเธอพลาดทำเพื่อนร่วมงานตนเองตายในภารกิจ ก็เปลี่ยนไปทันที..." ชายวัยกลางมอง "แต่มันไม่ทำเธอใจสลายเท่า....โดนเพื่อนกล่าวหาเป็นสมาชิกไฮดร้า นั้นแหละเรล่าเลยเริ่มหนีไปและก็ไม่กลับมาชีลด์"

    "ตอนนี้เธอยังมีมลทินอยู่ไหม"

    "ไม่ เธอพ้นข้อหาแล้วแต่ดูท่ายังไม่พร้อมที่กลับมาทำงาน"

    โคลสันมองหน้าด็อกเตอร์สเตรนจ์และเอ่ยขึ้นต่อ "ด็อกเตอร์ ผมขอฝากดูแลลูกน้องผมด้วยถึงเธอจะออกแนวต่อต้านบ้างแต่....ก็มีความสามารถนะ ถ้าใช้ความสามารถไม่ออกลู่ออกทาง"

    ชายหนุ่มพลัดกหน้าพลางลุกมาผายมือเมื่อผอ.ชีลด์ลุกออกไปจากห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มผมดำแซมขาวหันมาพูดกับผ้าคลุมที่กำลังจะสื่ออะไรบางอย่าง

    "ปลอบเธอ?"

    ถ้าผ้าคลุมมีหน้าคงพยักหน้าไปแล้ว

    "ให้เธอปลอบตัวเองแหละ และ...ฉันจะไปคามา-ทาจ แกก็ดูแลเธอ--" มันลากเขาไปที่หน้าห้องก่อนโอบข้อมืออีกให้เคาะประตูห้องอีกคน "นี่แกจะให้ฉันบอกเอง?"

    ผ้าคลุมดันอีกคนไปทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตู

    "สเตรนจ์ คุณมีธุระอะไรกับฉันหรอ?"

    จอมเวทย์หนุ่มอ้ำอึ้งก่อนจะยกมือมาเกาท้ายทอย

    "คือ ผมจะไปคามา-ทาจนะ จะไปหารืออะไรบางอย่างกับหว่อง และผ้าคลุมนี่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอจะเดินไปไหนก็ได้ยกเว้น---"

    "ประตูทางเชื่อมมิติ ฉันทราบค่ะอาจารย์"

    "งั้นผมไปก่อนละ" สเตรนจ์เดินออกไปพร้อมกับเปิดประตูเวทย์ไปคามา-ทาจ

     


    ทันทีสเตรนจ์เดินมาหาหว่องที่ห้องสมุดก็เริ่มประเด็นทันที ในตอนแรกชายชาวเอเชียก็ไม่ได้อยากเล่าเรื่อง แต่เมื่อสเตรนจ์เล่าเรื่องที่อีกฝ่ายใช้เวทย์มนต์ดำก็จำใจเล่าเรื่องทั้งหมด

    "คืนที่เรล่าเกิดนั้นตามความเชื่อของเหล่าผู้ที่มีเวทย์มนต์ คือ คนที่เกิดจะมีพลังเวทย์มนต์มาก แม่ของเธอตายตอนที่ให้กำเนิด คนรักเธอสติแตกจนหวังจะปลุกชีพเธอจากความตาย ทว่าครั้นที่อันเชี่ยนมาเตือนเรื่องจุดจบของเขานั้น..."

    หว่องกางหน้าในหนังสือเล่มหนึ่ง

    "เขาสาปลูกสาวตนเอง...." ชายเอเชียเอ่ย "....เมื่อเรล่าอายุย่างเข้ายี่สิบห้า พลังของเธอจะประเมินได้ยากและธรรมชาติจะเลือกเอง---"

    "เดี๋ยวคุณหมายความไง? ว่าธรรมชาติจะเลือกเอง" สเตรนจ์ขมวดคิ้วเข้าหากัน

    "สายเลือดของตระกูลเรล่าไม่เชิงว่าเป็นจอมเวทย์เต็มตัวแต่ก็ถือว่าเป็น เมื่ออายุครบยี่สิบห้าปีจะมีการเลือกว่าตนเองจะเป็นไลท์หรือดาร์ค แต่ผู้หญิงไม่มีสิทธิเลือกเหมือนผู้ชาย ซึ่งธรรมชาติจะเลือกให้พวกเขาเอง แต่อย่างเรล่าคง...."

    "คงอะไรหว่อง"

    "เธอมีสิทธิ์เป็นดาร์คตามคำสาป"

    คำตอบจากปากอีกคนทำเอาด็อกเตอร์เงียบลงไปทันที

    "ทำไม?"

    "ผมเองก็ให้คำตอบไม่ได้หรอกครับด็อกเตอร์แต่...พอจะรู้สาเหตุที่คำสาปนี้แรง---"

    เสียงร้องผู้หญิงบางคนแผดเข้ามาในหัวสเตรนจ์ เรล่า... ชายหนุ่มเปิดประตูเวทย์กลับมาที่นิวยอร์คก่อนจะเห็นผ้าคลุมสีแดงของเขากำลังชี้อะไรบางอย่างไปมาที่ห้องเก็บของ ถึงของมันจะเรียงเป็นระเบียบแต่...ก็น่ากลัว เพราะมันถูกใช้เก็บสมบัติอะไรที่น่ากลัวไว้หลายอย่างและผ้าคลุมมันลอยนำเขาไปยังกลางห้องทันที

    พื้นตรงกลางห้องเก็บของที่มีกระจกอยู่ตรงกลางและมีร่างคนบางคนนอนสลบอยู่ ด็อกเตอร์คุกเข่าลงและประคองร่างอีกคน

    "เรล่า ๆ" เขาเขย่าตัวอีกคน

    "ไม่!!!" เรล่ากรี๊ดออกมาออกมาราวกับคนที่เพิ่งอะไรน่ากลัว หรือฝันร้ายแบบสุดขีด มือเรียวกำแขนเสื้ออีกคนพลางมองด้วยเหงื่อที่แตกพลั่ก "ด็อกเตอร์ นั้นคุณจริง ๆ หรอ"

    เขาได้แต่พยักหน้า

    "เมื่อกี้ฉันเห็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัว...." เธอเอ่ย "...เขาเรียกชื่อจริงฉัน หมายชื่อต้นนะ"

    "เรล่า...เล่ามาตรง ๆ เลยว่าเกิดอะไรขึ้น


     

    เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น...

    เรล่านั่งอ่านแฟ้มบนเตียงนอนในห้อง โดยมีผ้าคลุมของด็อกเตอร์สแตรนจ์ลอยไปมาอยู่ในห้องเป็นเพื่อนเธอ หญิงสาวคลำหาแก้วชาจิบก่อนจะนั่งอ่านไฟล์เก่า ๆ ไฟล์เก่าตอนเธอยังทำงานชีลด์ มือเรียวปิดแฟ้มลงอย่างหงุดหงิดก่อนจะล้มตัวนอนและหลับไป ร่างบางหลับลงไปได้แค่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินกระแแทกไปมา สาวผมน้ำตาลสะดุ้งด้วยความตก

    เธอลงจากเตียงและเดินตามหาที่มาของเสียง ร่างของเธอมาหยุดที่หน้าประตูห้องเก็บของของคฤหาสน์ก่อนจะเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน มือเรียวเปิดสวิซต์ไฟ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ติดเลยใช้ไฟจากมือถือแทน ส่องไปตามทางเดินในห้องเก็บของ ต้องขอบอกก่อนว่าอาศรมทุกที่ในลอนดอน นิวยอร์ค เนปาล ฮ่องกง ถูกใช้เก็บของที่มีอาคมจึงไม่แปลกที่ห้องที่อยู่ในขณะนี้จะมีบรรยากาศหลอนและน่ากลัวมากจนร่างบางรู้สึกถึงลมเย็นที่กำลังพัดมาได้จนกระทั้งเธอเห็นเงาคนเดินผ่านไปตามกำแพงเลยเดินตามไปเรื่อย ๆ ก่อนจะพบกระจกโบราณที่มีผ้าคลุมครึ่งนึง ผ้าคลุมสีขาวซีดไหลงไปกองพร้อมกับพื้นพร้อมกับมีเงาคนสะท้อนอยู่บนกระจกและ....เขาก็ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ทำให้เธอหันไปมองอย่างระแวงและเจอกับความว่างเปล่าเหมือนกับหนังเดอะคอนจูลิ่งสองที่อะไรโผล่มาเพียงแต่....

    มันทะลุกระจกพร้อมกับมือซีดมาหาเธอ เรล่ากรี๊ดออกมาก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปแต่ชายคนนั้นยืนขวางก่อนจะทำให้ร่างกายเธอหยุดเคลื่อนไหว มือหนาค่อย ๆ โอบกอดเธอราวกับพ่อที่ไม่ได้เห็นหน้าลูกมานาน

    แต่โทษทีอ้อมกอดตอนนี้มันออกสยองมากกว่า...

    "เวอร์โรนิก้า...ลูกรักพ่อ" ชายคนนั้นเอ่ยเสียงที่น่าขนลุกจนเธออยากร้องไห้ออกมา ตอนนี้วิ่งเปิดประตูออกไปหาด็อกเตอร์เธอมากแต่ร่างกายดันไม่ขยับเสียนิ "ไม่ต้องกลัวสาวน้อย....อีกไม่กี่วันลูกจะได้พบกับพลังที่แท้จริง"

    "พลังอะไร..."

    "พลังของด้านมืดไง...." เขาเอ่ยพลางปิดตาเธอ ร่างกายเธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไหลผ่านทั่วร่างกาย "...และวันนั้นเราจะครองโลกด้วยกันในฐานะพ่อลูก เวอร์โรนิก้า"

    "ไม่นะ!! ไม่!! ฉันจะไม่มีทางเข้าด้านมืดเด็ดขาด" เรล่าส่ายหน้ารัวก่อนจะได้ยินใครบางคนล้มหน้าเกยไหล่เธอและร่างสูงโปร่งชุ่มไปด้วยเลือด มือเรียวประคองหน้าคนที่เพิ่งล้มก่อนกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

     

    "สรุปคือเธอกรี๊ดเพราะเห็นผมตายและ...ชายคนนั้นเรียกเธอด้วยชื่อแท้ ๆ" ด็อกเตอร์สเตรนจ์ขมวดคิ้วพลางยกกาชาเทใส่แก้วให้อีกคน "มันแค่ฝันนะเรล่า" ชายหนุ่มพูดนิ่ง ๆ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังเพลียเลยทำให้ฝันประหลาดแนวนั้นแต่สิ่งต่อมาที่ทำให้เขาดเงียบ คือ มือเรียวที่เข้าใกล้ใบหน้าเขาซึ่งมันมีตัวเลขบางอย่างบนฝ่ามือ

    17

    "ตัวเลขพวกนี้มันคือวันที่ชายคนนั้นบอกว่าฉันจะได้รับรู้พลังที่แท้จริงของตนเอง...." เรล่าเอ่ย "...และชายคนนั้นเรียกตนเองว่าพ่อ ยังคิดว่าฉันแค่ฝันไปไหมสเตรนจ์"

    "ไม่...." เขาเอ่ยพลางดึงมืออีกคนมาดูใกล้ ๆ "ฝันร้ายที่กำลังจะเป็นจริง”

     

     

     

     

     

     

    นักเขียนขอพูด

    เอาละ.....มาลุ้นว่าด็อกเตอร์จะช่วยแฟน---เอ้ย!! ศิษย์ของเขายังไงกัน ก่อนที่คำสาปจะแผลงฤทธิ์ในอีกสิบเจ็ดวัน


  • ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นของอาศรมที่นิวยอร์ค (หรือลอนดอน?) โคลสัน เรล่า สเตรนจ์นั่งจิบชากันในบรรยากาศที่น่าอึดอัดแบบสุด ๆ แบบอีกฝ่ายคือเจ้านายเก่าเธอ อีกคนก็อาจารย์เธอ

    "มิเรล่า ซาร์คา" ผอ.คนใหม่ชีลด์เอ่ยอย่างเงียบ ๆ "นานแล้วที่เราไม่ได้เจอกันตั้งแต่ภารกิจที่...ไซบีเรีย เธอหายเงียบ ไม่ได้ส่งข่าว หรือทิ้งร่องรอยอะไรให้พวกเราตามหาสักนิดเดียว ทำไม?"

    "ฉันไม่ต้องการให้ใครมาเจอตัวฉันหรอก ท่านผอ. โดยเฉพาะพวกที่ตราหน้าฉันว่าทรยศชีลด์ ทั้งที่ผ่านมาฉันจงรักภักดีมาตลอด ทำตามคำสั่งพวกเขา แต่ผลที่ตอบแทน?" เรล่ามอง "ฉันต้องหนีหัวซุกหัวซุนตั้งแต่เม็กซิโก ยันยุโรป"

    สเตรนจ์เงียบกับเพิ่งที่ได้ยิน เพราะเรล่าไม่ค่อยเปิดเผยอะไรง่ายให้ใครฟังถ้าไม่จำเป็น คาดว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่เธอไม่อยากเชื่อใจใครมากนัก กลัวมีคนหลอกเธอแบบที่ผ่านมา หญิงสาววางแก้วชาตนเองลงก่อนจะพูดกับชายตรงหน้าทั้งสอง

    "ขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ"

    "เรย์..." โคลสันเอ่ย "มีอะไรก็บอกเราได้นะ เพราะอย่างน้อยเราคือเพื่อนร่วมงานกันมาก่อนนะ"

    ร่างบางพยักหน้าและขึ้นบันไดไป

    "เธอเคยสดใสกว่านี้คุณสเตรนจ์" โคลสันยวางแก้วชาลงและเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบในตอนนี้ "มิเรล่า อดีตคือเอเจนต์คนเก่งของเรา เธอมีความสามารถ เรียนรู้ได้รวดเร็วกว่าเอเจนต์คนอื่น แต่วันนึงเธอพลาดทำเพื่อนร่วมงานตนเองตายในภารกิจ ก็เปลี่ยนไปทันที..." ชายวัยกลางมอง "แต่มันไม่ทำเธอใจสลายเท่า....โดนเพื่อนกล่าวหาเป็นสมาชิกไฮดร้า นั้นแหละเรล่าเลยเริ่มหนีไปและก็ไม่กลับมาชีลด์"

    "ตอนนี้เธอยังมีมลทินอยู่ไหม"

    "ไม่ เธอพ้นข้อหาแล้วแต่ดูท่ายังไม่พร้อมที่กลับมาทำงาน"

    โคลสันมองหน้าด็อกเตอร์สเตรนจ์และเอ่ยขึ้นต่อ "ด็อกเตอร์ ผมขอฝากดูแลลูกน้องผมด้วยถึงเธอจะออกแนวต่อต้านบ้างแต่....ก็มีความสามารถนะ ถ้าใช้ความสามารถไม่ออกลู่ออกทาง"

    ชายหนุ่มพลัดกหน้าพลางลุกมาผายมือเมื่อผอ.ชีลด์ลุกออกไปจากห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มผมดำแซมขาวหันมาพูดกับผ้าคลุมที่กำลังจะสื่ออะไรบางอย่าง

    "ปลอบเธอ?"

    ถ้าผ้าคลุมมีหน้าคงพยักหน้าไปแล้ว

    "ให้เธอปลอบตัวเองแหละ และ...ฉันจะไปคามา-ทาจ แกก็ดูแลเธอ--" มันลากเขาไปที่หน้าห้องก่อนโอบข้อมืออีกให้เคาะประตูห้องอีกคน "นี่แกจะให้ฉันบอกเอง?"

    ผ้าคลุมดันอีกคนไปทันทีที่อีกฝ่ายเปิดประตู

    "สเตรนจ์ คุณมีธุระอะไรกับฉันหรอ?"

    จอมเวทย์หนุ่มอ้ำอึ้งก่อนจะยกมือมาเกาท้ายทอย

    "คือ ผมจะไปคามา-ทาจนะ จะไปหารืออะไรบางอย่างกับหว่อง และผ้าคลุมนี่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอจะเดินไปไหนก็ได้ยกเว้น---"

    "ประตูทางเชื่อมมิติ ฉันทราบค่ะอาจารย์"

    "งั้นผมไปก่อนละ" สเตรนจ์เดินออกไปพร้อมกับเปิดประตูเวทย์ไปคามา-ทาจ

     

  • เหตุการณ์ก่อนหน้านั้น...

    เรล่านั่งอ่านแฟ้มบนเตียงนอนในห้อง โดยมีผ้าคลุมของด็อกเตอร์สแตรนจ์ลอยไปมาอยู่ในห้องเป็นเพื่อนเธอ หญิงสาวคลำหาแก้วชาจิบก่อนจะนั่งอ่านไฟล์เก่า ๆ ไฟล์เก่าตอนเธอยังทำงานชีลด์ มือเรียวปิดแฟ้มลงอย่างหงุดหงิดก่อนจะล้มตัวนอนและหลับไป ร่างบางหลับลงไปได้แค่กี่นาทีก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินกระแแทกไปมา สาวผมน้ำตาลสะดุ้งด้วยความตก

    เธอลงจากเตียงและเดินตามหาที่มาของเสียง ร่างของเธอมาหยุดที่หน้าประตูห้องเก็บของของคฤหาสน์ก่อนจะเปิดประตูและเดินเข้าไปข้างใน มือเรียวเปิดสวิซต์ไฟ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ติดเลยใช้ไฟจากมือถือแทน ส่องไปตามทางเดินในห้องเก็บของ ต้องขอบอกก่อนว่าอาศรมทุกที่ในลอนดอน นิวยอร์ค เนปาล ฮ่องกง ถูกใช้เก็บของที่มีอาคมจึงไม่แปลกที่ห้องที่อยู่ในขณะนี้จะมีบรรยากาศหลอนและน่ากลัวมากจนร่างบางรู้สึกถึงลมเย็นที่กำลังพัดมาได้จนกระทั้งเธอเห็นเงาคนเดินผ่านไปตามกำแพงเลยเดินตามไปเรื่อย ๆ ก่อนจะพบกระจกโบราณที่มีผ้าคลุมครึ่งนึง ผ้าคลุมสีขาวซีดไหลงไปกองพร้อมกับพื้นพร้อมกับมีเงาคนสะท้อนอยู่บนกระจกและ....เขาก็ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ทำให้เธอหันไปมองอย่างระแวงและเจอกับความว่างเปล่าเหมือนกับหนังเดอะคอนจูลิ่งสองที่อะไรโผล่มาเพียงแต่....

    มันทะลุกระจกพร้อมกับมือซีดมาหาเธอ เรล่ากรี๊ดออกมาก่อนจะหันหลังวิ่งออกไปแต่ชายคนนั้นยืนขวางก่อนจะทำให้ร่างกายเธอหยุดเคลื่อนไหว มือหนาค่อย ๆ โอบกอดเธอราวกับพ่อที่ไม่ได้เห็นหน้าลูกมานาน

    แต่โทษทีอ้อมกอดตอนนี้มันออกสยองมากกว่า...

    "เวอร์โรนิก้า...ลูกรักพ่อ" ชายคนนั้นเอ่ยเสียงที่น่าขนลุกจนเธออยากร้องไห้ออกมา ตอนนี้วิ่งเปิดประตูออกไปหาด็อกเตอร์เธอมากแต่ร่างกายดันไม่ขยับเสียนิ "ไม่ต้องกลัวสาวน้อย....อีกไม่กี่วันลูกจะได้พบกับพลังที่แท้จริง"

    "พลังอะไร..."

    "พลังของด้านมืดไง...." เขาเอ่ยพลางปิดตาเธอ ร่างกายเธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไหลผ่านทั่วร่างกาย "...และวันนั้นเราจะครองโลกด้วยกันในฐานะพ่อลูก เวอร์โรนิก้า"

    "ไม่นะ!! ไม่!! ฉันจะไม่มีทางเข้าด้านมืดเด็ดขาด" เรล่าส่ายหน้ารัวก่อนจะได้ยินใครบางคนล้มหน้าเกยไหล่เธอและร่างสูงโปร่งชุ่มไปด้วยเลือด มือเรียวประคองหน้าคนที่เพิ่งล้มก่อนกรีดร้องออกมาเมื่อเห็นว่าเป็นใคร

     

    "สรุปคือเธอกรี๊ดเพราะเห็นผมตายและ...ชายคนนั้นเรียกเธอด้วยชื่อแท้ ๆ" ด็อกเตอร์สเตรนจ์ขมวดคิ้วพลางยกกาชาเทใส่แก้วให้อีกคน "มันแค่ฝันนะเรล่า" ชายหนุ่มพูดนิ่ง ๆ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังเพลียเลยทำให้ฝันประหลาดแนวนั้นแต่สิ่งต่อมาที่ทำให้เขาดเงียบ คือ มือเรียวที่เข้าใกล้ใบหน้าเขาซึ่งมันมีตัวเลขบางอย่างบนฝ่ามือ

    17

    "ตัวเลขพวกนี้มันคือวันที่ชายคนนั้นบอกว่าฉันจะได้รับรู้พลังที่แท้จริงของตนเอง...." เรล่าเอ่ย "...และชายคนนั้นเรียกตนเองว่าพ่อ ยังคิดว่าฉันแค่ฝันไปไหมสเตรนจ์"

    "ไม่...." เขาเอ่ยพลางดึงมืออีกคนมาดูใกล้ ๆ "ฝันร้ายที่กำลังจะเป็นจริง”

     

     

     

     

     

     

    นักเขียนขอพูด

    เอาละ.....มาลุ้นว่าด็อกเตอร์จะช่วยแฟน---เอ้ย!! ศิษย์ของเขายังไงกัน ก่อนที่คำสาปจะแผลงฤทธิ์ในอีกสิบเจ็ดวัน


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in