(500) Days of Summer | (2009) ???
Director : Marc Webb
Genres : Comedy ,Drama ,Romance
My Score : 8.5/10
[ภาพยนตร์มีความยาว 1 ชั่วโมง 35 นาที สามารถรับชมได้ใน Disney+]
.
ℹ บทความนี้ มีการเปิดเผยเนื้อหาภายในหนังและอาจจะมีการลบลู่ความเชื่อในรักแรกพบและพรหมลิขิต โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน
.
? Prolouge : บทเกริ่น
- ในตอนที่ (500) Days of Summer ออกฉาย มันกลายเป็นหนังรักอินดี้คลาสสิกในดวงใจและความทรงจำสำหรับคนรักหนังโดยเฉพาะหนังแนวรอมคอม (Romantic Comedy) ด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวที่แปลกใหม่ ที่ดูดิบ เป็นจริง และเจ็บปวดผสมปนเปกันในความรู้สึก ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้ปูทางให้หนังรอมคอมเรื่องอื่นในอนาคต ให้ทำอะไรที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย ได้ถ่ายทอดเรื่องราวที่มีความสร้างสรรค์และเป็นเอกลักษณ์ในแบบฉบับของตัวเอง
- "Author's Note : The following is a work of fiction. Any resemblance to persons living or dead is purely coincidental. Especially you Jenny Beckman. Bitch." - "หมายเหตุจากผู้ประพันธ์ : เรื่องราวต่อไปนี้คือเรื่องที่แต่งขึ้น หากเหมือนใครที่มีชีวิตอยู่หรือไม่? ถือว่าเป็นความบังเอิญอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะเธอ เจนนี่เบ็คแมน นางเวร!" 5555 ฉากเปิดของหนังกับข้อความดังกล่าว พอเดาได้เลยว่าหนังเรื่องนี้คงไม่ใช่หนังรักสดใสอย่างในความคิดหลายๆคนแน่ ความเข้าใจดังกล่าวโดนย้ำอีกทีโดยผู้บรรยาย (Narrator) ในอีกไม่กี่นาทีถัดมา "This is a story of boy meets girl, but you should know upfront, this is not a love story." และใช่ครับ -"นี่คือเรื่องราวของชายหนุ่มที่พบหญิงสาว แต่คุณควรทราบแต่แรกว่า...นี่ไม่ใช่เรื่องราวของความรัก"
- เรื่องราวมีการเล่าที่ไม่เป็นเส้นตรง ตัดสลับช่วงเวลาทั้งในอดีตและปัจจุบันระหว่างความสัมพันธ์ของ Tom (Joseph Gordon-Levitt) และ Summer (Zooey Deschanel) ตลอดระยะเวลา 500 วัน ซึ่งเราจะได้สำรวจพัฒนาการของตัวละครทั้งในเรื่องของความรัก ทั้งจุดสูงสุดและจุดต่ำสุด จวบจนวันสุดท้ายที่ทอมได้ก้าวข้ามและปล่อยวางซัมเมอร์ ให้เป็นความสัมพันธ์ที่เขาได้พบเจอในชั่วเสี้ยวหนึ่งของชีวิต
- แม้ว่าจะผ่านมามากกว่าทศวรรษแล้ว บทเรียนที่หนัง (500) Days of Summer ถ่ายทอดให้แก่คนดูยังคงเป็นจริงอยู่มาก หนังเรื่องนี้ยังคงใช้เป็นบทเรียนที่คนดูหลายคนได้หยิบยกนำมาดูใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในฐานะที่เป็นหนังที่ช่วยรับมือกับสถานการณ์อกหัก บทเรียนที่หนังเรื่องนี้ได้สอน ได้เปิดโลกทัศน์ของคนหนุ่มสาวจำนวนมากทั่วโลกให้มองเห็นสิ่งที่อาจผิดพลาดในความสัมพันธ์ของพวกเขา และช่วยให้พวกเขารับมือกับความเป็นจริงเมื่อมันได้จบลง
- และผมเชื่อมาเสมอ สำหรับคนที่ผ่านการดูหนังเรื่องนี้จนจบแล้ว หนังต้องทำให้เกิดความเห็นที่แตกต่างตามประสบการณ์ความรักของคนดูหลังดูจบ ว่าเรื่องราวระหว่างความสัมพันธ์ของทอมและซัมเมอร์นี้ ใครคือต้นเหตุของผลที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของหนัง และเราควรจะเข้าข้างและควรจะเห็นใจตัวละครไหนมากกว่ากัน?
- โดยในบทความนี้ จะมากลั่นกรองแก่นสารของหนัง เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นมุมมองของหนังผ่านตัวละครทั้งสองได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่เข้าข้างฝั่งไหนมากกว่า แต่ผมเชื่อว่า หากผู้อ่านได้อ่านบทความนี้จบ จะต้องเข้าใจมุมมองตัวละครทั้งสองมากยิ่งขึ้น และการดูหนังเรื่อง (500) Days of Summer ในครั้งต่อไป ภาพความเข้าใจในหนังของคุณจะเปลี่ยนไปแน่นอน
.
? Plot Summary : มีอะไรเกิดขึ้นใน 500 วัน
- หนังเล่าในมุมมองของ Tom Hansen เขาเป็นสถาปนิกที่ผ่านการฝึกอบรมและตอนนี้กำลังทำงานเป็นนักเขียนในบริษัทการ์ดอวยพร ในวันหนึ่ง (Day 1 of 500) เขาได้พบกับหญิงสาวที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน เธอสะกดห้วงอารมณ์ของเขาให้หยุดชั่วขณะ เขารู้ภายหลังว่าเธอคือ Summer Finn ผู้ช่วยคนใหม่ของเจ้านายของเขา หลังจากชั่ววินาทีนั้น เขาก็ได้แต่ฝันถึงเธอเสมอมา แต่คงเป็นได้แค่ฝัน เพราะเขาไม่รู้วิธีเข้าหา
- เริ่มเรื่องขึ้นมา ผู้บรรยายได้บรรยายชีวิตของ Tom ไว้ว่า "Tom Hansen of Margate, New Jersey, grew up believing that he'd never truly be happy until the day he met "the one." This belief stemmed from early exposure to sad British pop music and a total misreading of the movie 'The Graduate.' " - "ทอม เฮนเซ่น จากมาร์เกต นิวเจอร์ซี เขาโตมาพร้อมกับความเชื่อที่ว่า เขาคงไม่มีความสุขแท้จนกว่าจะได้พบ'คนที่ใช่' (The One) ความเชื่อนี้เกิดจากการได้ฟังเพลงป๊อบเศร้าๆ ของอังกฤษ ตั้งแต่เริ่มแตกหนุ่ม และการแปลความหมายผิดๆ จากภาพยนตร์เรื่อง The Graduate" เราจะเห็นได้ทันทีว่าชีวิตของเขานั้นขับเคลื่อนด้วยสื่อ ไม่ว่าจะมาจากเพลงที่เขาฟัง หรือหนังที่เขาดู เขาเชื่ออย่างสุดใจว่าชีวิตต้องการ'คนที่ใช่' เพื่อมาเติมเต็มความสุขที่เขานั้นคาดหวัง ถึงแม้มโนทัศน์ของเขาจะโดนหนังกำชับว่าเป็น 'การแปลความหมายผิด' จากหนังเรื่อง The Graduate ซึ่งผมจะมาเฉลยว่าความเชื่อจากหนังเรื่องนี้มันผิดตรงไหน ในหัวข้อต่อๆไป
- ส่วนของ Summer ผู้บรรยายได้เล่าว่า "The girl, Summer Finn of Shinnecock, Michigan, did not share this belief. Since the disintegration of her parents' marriage, she'd only loved two things. The first was her long blonde hair. The second was how easily she could cut it off... And feel nothing. ... Summer's employment at the Daily Freeze during her sophomore year coincides with an inexplicable 212% increase in revenue. Every apartment Summer rented was offered at an average rate of 9.2% below market value. And her round-trip commute to work averaged 18.4 double-takes per day. It was a rare quality, this "Summer effect." Rare, and yet something every post-adolescent male has encountered at least once in their lives." - "หญิงสาวคือ ซัมเมอร์ ฟินน์ จากซินเนค็อก มิชิแกน ไม่ได้มีความเชื่ออย่างเดียวกันนี้ นับจากความล้มเหลวในชีวิตสมรสของพ่อแม่ของเธอ เธอก็มีความรักให้กับสองสิ่งเท่านั้น สิ่งแรกคือผมสีเข้มยาวสลวยของเธอ สิ่งที่สอง คือเธอสามารถตัดมันทิ้งอย่างง่ายดายโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น ... ซัมเมอร์ ฟินน์ เป็นผู้หญิง 165 ซม. ความสูงปานกลาง 55 กก. น้ำหนักปานกลาง เบอร์แปด เบอร์รองเท้า ค่อนข้างใหญ่กว่างปกติ สรุปแล้ว ซัมเมอร์ ฟินน์ ก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ เว้นแต่ว่า เธอไม่ธรรมดา กล่าวคือ ในปีค.ศ. 1998 ซัมเมอร์ยกเพลงของวงดนตรีสก็อตทิช ที่ชื่อเบลล์แอนด์เซบาสเตียนมาเขียนในหนังสือรุ่น แต่งแต้มสีสันให้ชีวิตฉัน ด้วยความโกลาหลของปัญหาตามภูมิภาค ซึ่งเป็นการพุ่งยอดขายในมิชิแกนให้กับอัลบั้ม เดอะ บอย วิธ เดอะ อาหรับ สแตร็ป สร้างความงุนงงแก่นักวิเคราะห์ของวงการจนบัดนี้ งานที่ซัมเมอร์ทำที่เดลี่ ฟรีซ ขณะอยู่ปีสอง ก็บังเอิญมียอดขายเพิ่มถึง 212 เปอร์เซ็นต์ อย่างอธิบายไม่ได้ อะพาร์ตเมนต์ทุกแห่งที่ซัมเมอร์เช่าอยู่ ก็เช่าได้ในราคาเฉลี่ยที่ต่ำกว่าราคาตลาด 9.2 เปอร์เซ็นต์ และการเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงาน จะมีคนเหลียวมองเธอโดยเฉลี่ย 18.4 ครั้งต่อวัน ปรากฏการณ์แบบซัมเมอร์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย หากเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มเต็มตัวทุกคน เคยประสบอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต" /สิ่งแรกที่เรารับรู้ได้จากบทหนังข้างต้นเลยคือ ซัมเมอร์ไม่ใช่ผู้หญิงที่เชื่อในความรัก หลังจากที่พ่อแม่เธอหย่าร้างกัน และเธอก็ไม่ได้มองตัวเธอเป็นเครื่องดึงดูดทางเพศ ที่ต้องดูแลตัวเองให้เหล่าหนุ่มมองและเข้ามาจีบเธอ จากที่เธอไม่ได้สนใจผมยาวสีดำของเธอและตัดมันทิ้งง่ายๆอย่างไม่ใยดี และสุดท้าย สิ่งที่เรารับรู้ได้ จากการพรรณนาถึงความไม่พิเศษของเธอ หากเราวิเคราะห์เราจะรู้ว่า เธอนั้นมีเสน่ห์ดึงดูดขนาดไหน จากการที่ผู้บรรยายเน้นย้ำว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น "เป็นสิ่งที่ชายหนุ่มเต็มตัวทุกคน เคยประสบอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต" กล่าวคือ การฟังเพลงตามคนที่ชอบ การไปซื้ออาหารในร้านที่คนที่เราแอบหลงรักทำงานอยู่ การลดราคาของให้กับผู้หญิงที่เราคิดว่าสวย หรือการเหลียวมองผู้หญิงที่น่ารัก ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ชายทั่วไปทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว และความที่เธอมีเสน่ห์ขนาดนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความที่เธอไม่มีศรัทธาในความรักของเธอเข้าไปอีก เพราะเธอคือคนที่รู้ตัวเองมาเสมอว่าตัวเองมีเสน่ห์อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องพยายามอะไรเพื่อให้ได้มาซึ่งความรัก เธอแค่รอให้ความรักเข้ามาหาเธอ และทำให้เธอศรัทธาในความรักครั้งนั้นเท่านั้นพอ
▪︎
- แต่ด้วยโชคชะตาหรือพรหมลิขิตใดๆก็ตาม ทำให้วันหนึ่ง (Day 3 of 500) ระหว่างที่ Tom ยืนฟังเพลงในลิฟต์อย่างเหม่อลอย สาวสวย Summer ก็ก้าวเข้ามาในลิฟต์และยืนข้างๆเขา ด้วยความใกล้ชิดขนาดไหนไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ชัดเลยก็คือ เธอได้ยินเสียงเพลงที่ดังคลอๆมาจากหูฟังของเขา เธอพูดขึ้นเบาๆว่า "The Smith ,I love The Smith" หัวใจเขาพองโต แต่ก็เก็บอาการไว้ เธอเดินออกจากลิฟต์ และในทันใด อาการดีใจของเขาก็พลั่งพรูออกมา พระเจ้าก็ไม่ได้ใจร้ายกับเขานี่ นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ
- เมื่อ Tom กับ Summer คุยกันที่ออฟฟิศครั้งแรกในงานกินเลี้ยงของบริษัท (Day 8 of 500) ทอมได้คุยกับเธออย่างขบขัน ซัมเมอร์ถามทอมว่าเขาเก่งเรื่องสถาปนิกหรือไม่? และเขาก็แสดงความเคลือบแคลงบางอย่างว่าเขาอาจจะเก่งก็ได้ จนเมื่อซัมเมอร์เดินกลับไปที่โต๊ะทำงาน ทอมก็เริ่มสเก็ตช์ภาพอีกครั้ง ราวกับเขาได้รับแรงบันดาลใจจากเธอในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น
- ซึ่งฉากแรงบันดาลใจของ Summer ที่มีต่อ Tom นี้ยังเกิดขึ้นภายในวันหนึ่ง พวกเขาเดินไปตามถนนในเมืองลอสแองเจลิส ทอมได้ชี้ว่าเขาชอบอะไรเกี่ยวกับเมืองนี้ (Day 95 of 500) จนถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เขาบอกกับ Summer ว่านี่คือสถานที่ลับ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาขอบที่สุดของเขา เขามีมุมโปรดอยู่ที่หนึ่ง นั่นคือม้านั่ง ที่เขาสามารถเห็นวิวของเมืองได้อย่างเต็มตา ซัมเมอร์ยังกระตุ้นให้เขาแสดงให้เธอเห็นถึงความสามารถทางด้านสถาปัตย์ ด้วยการให้ทอมวาดวิวของเมืองในฝันของเชาบนแขนของเธอ แรงบันดาลใจนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเติบโตของตัวละครของทอม รวมไปถึงซัมเมอร์เอง ในภายหลังด้วย
▪︎
- ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะไม่มีความคืบหน้าใดๆ จนถึงงานสังสรรค์ในออฟฟิศที่บาร์คาราโอเกะแห่งหนึ่ง (Day27 ,28 of 500) ซึ่ง Tom และ McKenzie เพื่อนของเขาได้มีโอกาสทำความรู้จักกับ Summer มากขึ้นอีกนิด แม็คเคนซี่ได้ซักถามเธอว่า "เธอมีแฟนหรือเปล่า?" เธอตอบ "ไม่มี" และเขาก็ไม่เชื่อ เธอบอกว่า "คุณไม่เชื่อว่าผู้หญิงมีความสุขกับการเป็นอิสระและไม่ขึ้นกับใครหรอ?" ทอมสนใจในบทสนทนา และเริ่มถามเธอ "เดี๋ยวๆ แล้วถ้าคุณตกหลุมรักใครขึ้นมาล่ะ?" และทำให้เขารู้ว่า เธอไม่เชื่อในความรักสักเท่าไหร่? จนในที่สุด แม็คเคนซี่ซึ่งตอนนี้กำลังเมาได้ที่ ทอมพาเขาไปส่งที่รถแท็กซี่ แต่ก่อนจะไป แม็คเคนซี่เผลอบอกความลับที่ทอมแอบชอบซัมเมอร์ออกมา แต่แทนที่เธอจะตกใจ เธอกลับดูเหมือนว่าเธอจะสนใจแนวคิดนี้มากๆ เธอเผชิญหน้ากับทอมตรงๆ เธอถามทอมว่า "จริงหรอ?" ทอมบ่ายเบี่ยงไปคุยเรื่องเพื่อนขี้เมาของเขา ซัมเมอร์ตอบกลับ "ไม่ๆ ไม่ใช่เรื่องแม็คเคนซี่ แต่อีกเรื่องนึง ... คุณชอบฉันเหรอ?" ทอมตอบกลับไปอย่างเขินๆ "แน่นอน ผมชอบคุณอยู่แล้ว" ซัมเมอร์ถามเชิงรุกอีกคำถาม "ชอบแบบเพื่อนใช่ไหม?" ทอมนึกคำตอบในใจชั่วเสี้ยววิแล้วตอบออกมา "ใช่ ชอบแบบเพื่อน" วันรุ่งขึ้นที่ทำงาน เธอเดินเข้าไปหาเขาที่ห้องถ่ายเอกสาร เธอจูบทอมอย่างดูดดื่มเป็นช่วงเวลาครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะออกจากห้อง เธอมองเขาอีกรอบอย่างพิจารณา ก่อนเธอจะออกห้องไปและในไม่ช้า หลังจากนั้น เธอก็เริ่มตัดสินใจออกเดทกับเขาทันที
- ในเหตุการณ์ภายในบาร์คาราโอเกะ Tom ได้เห็นชัดว่าเขาและ Summer มีความเชื่อในเรื่องความรักที่แตกต่างกัน เขารู้ว่าเธอแทบไม่ใช่คนที่เชื่อในรักแท้เลย จากประการณ์ที่เธอพบระหว่างความสัมพันธ์ของพ่อแม่ของเธอที่เลิกรากัน รวมถึงความสัมพันธ์กับเธอกับอดีตคนรักหลายๆคน เธอก็ยังไม่เจอ'คนที่ใช่'ในสักที แต่ทอมก็ยังเชื่อมั่นในรักแท้เสมอ และเชื่อมากๆว่าเธอคือคนนั้น และโน้มน้าวให้ซัมเมอร์เชื่อในรักแท้บ้าง จากบทสนทนา "เดี๋ยวๆ แล้วถ้าคุณตกหลุมรักใครขึ้นมาล่ะ?" เขาได้บอกเธอว่าความรักไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นบ่อยๆ ถ้าได้เจอ คุณจะสัมผัสได้เอง /และหลังจากที่เพื่อนของเขา บอกความลับว่าเขากำลังชอบเธออยู่ และดูจะสนใจขึ้นมา ซึ่งทั้งสองได้ตกลงกันว่า "จะชอบกันแบบเพื่อน" ซึ่งทอมมองเห็นโอกาสที่ซัมเมอร์เสนอมาตรงหน้า เขาจึงรีบคว้าไว้ทันที โดยเขาคิดแค่ว่า นี่คือจุดเริ่มต้น เขามีเวลาพัฒนาความสัมพันธ์ซึ่งจะเปลี่ยนความคิดของเธอจากเพื่อนเป็นคนรักได้อย่างแน่นอนในอนาคตอันใกล้ ซึ่งในเช้าวันถัดมา เขาก็โดนซัมเมอร์รุก ด้วยการจูบอันดูดดื่ม ซึ่งเขาก็ปลดปล่อยร่างกายไปตามอารมณ์ที่เขาได้สัมผัส แต่ดูเหมือนว่าเธอจะคลางแคลงใจอะไรบางอย่าง ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ว่าสีหน้าและอาการของซัมเมอร์ในตอนนั้นหมายความว่าอย่างไร?
▪︎
- นี่ดูเหมือนจะเป็นการเติมเต็มความปรารถนาของ Tom โดยสมบูรณ์ แต่ทอมที่เป็นคนโรแมนติกมากๆ ไม่เพียงแต่สนใจในความสัมพันธ์ทางกายภาพเท่านั้น หลังจากคบกันมาหลายเดือน เขายังต้องการผูกสัมพันธ์กับ Summer ในระดับที่ลึกกว่า เขาอยากเป็นแฟนเธอในท้ายที่สุด มีวันหนึ่งที่เพื่อนของทอมได้ถามเขาถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอว่าเป็นอย่างไร? พัฒนาไปถึงไหนแล้ว? แต่เขาก็บอกปัด โดยบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้องติดป้าย (Label it) เพื่อบอกสถานะ ว่าเขาและเธอกำลังเป็นอะไรกัน แต่ในใจเขาเกิดความสงสัยในใจมาเสมอ ว่าซัมเมอร์คิดอย่างไรกับความสัมพันธ์นี้
- และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีแรงดึงดูดระหว่างคนทั้งสอง การออกเดทอย่างกะทันหันของพวกเขาในครั้งหนึ่ง พาพวกเขาไปที่ IKEA (Day 31 of 500) ซึ่ง Summer สารภาพว่าเธอไม่ได้ “มองหาอะไรที่จริงจัง” อย่างที่ใครๆ คาดไว้Tom ไม่ค่อยพอใจกับข้อเท็จจริงนี้ แต่เขาเก็บซ่อนมันไว้ นี่คือจุดที่ทอมทำให้ตัวเขาเองมีปัญหาในภายหลัง
-โดยย้อนไปในวันหนึ่ง ที่มีชายคนหนึ่งเข้ามาจีบ Summer ซึ่งเธอพยายามบอกปัดและไม่เล่นด้วย ชายคนนั้นโอเค แต่ก่อนจะจากไป ชายคนนั้นมองมาที่ Tom แล้วแซวว่า "คุณเป็นแฟนหมอนี่หรอ? ... ไม่อยากเชื่อเลย หมอนี่เป็นแฟนของคุณ" ในช่วงไม่กี่อึดใจต่อมา ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ทอมเข้าไปซัดกับหมอนั่น และโดยไม่ทันตั้งตัว ชายคนนั้นก็ซัดทอมกลับ ภาพตัดมาที่อะพาร์ตเมนต์ของซัมเมอร์ ทอมถือถุงน้ำแข็งประคบแผลบริเวณปากที่ฟกช้ำ เขาภูมิใจที่ได้ปกป้องซัมเมอร์จากชายอีกคนที่คิดจะมาจีบเธอ แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปที่เขาหวัง เธอดูไม่ค่อยพอใจกับพฤติกรรมดังกล่าว เธอบอกกับทอมทำนองว่า "คุณทำเพื่อฉันจริงเหรอ? งั้นคราวหน้า ไม่ต้องทำอีก เพราะฉันไม่ต้องการให้คุณช่วย" ทอมนิ่งอึ้งไปสักพัก ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง แต่เขาขัดความรู้สึกตัวเองไม่ได้ เขาเดินกลับมา พูดความรู้สึกที่อัดอั้นที่เขาเก็บไว้มานาน เขาต้องการคำตอบ ว่าสถานะของเขาและเธอกำลังอยู่ในจุดไหน? เธอตอบ "เราแค่...เราแค่เป็นเพื่อนกัน" ทอมสวนกลับทันควัน "ไม่นะ อย่ามาเล่นไม้นี้กับผม เพื่อนกันไม่ทำแบบนี้ จูบกันในห้องถ่ายเอกสาร จูบกันในร้าน IKEA มีเซ็กส์ตอนอาบน้ำเหรอ? ให้ตายเถอะ เพื่อนกะผีน่ะสิ" ซัมเมอร์นิ่งเงียบสักพัก และพูดว่า "ฉันชอบเธอนะทอม แต่ฉันไม่อยากจะมีแฟน" ซึ่งทอมก็โมโหและบอกกับเธอไปว่า "คุณไม่ได้เป็นคนเดียว ที่จะออกความเห็นเรื่องนี้ได้หรอกนะ ผมก็มีความเห็นเหมือนกัน และผมบอกว่าเราเป็นแฟนกัน ให้ตายสิ" พูดจบ ทอมก็หุนหันออกจากห้องของเธอไป
- เรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหา ถ้า Summer ไม่เล่นด้วย ในเช้าวันต่อมา เธอไปหา Tom เพื่อขอโทษ ซึ่งทอมก็รู้สึกผิดเหมือนกัน และตกลงว่าจะไม่ติดป้ายกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอในตอนนี้ ซึ่งฉากนี้ เราจะเห็นได้ชัดว่า ซัมเมอร์รู้สึกบางอย่างกับทอม ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาไปสู่คืนที่ดูหนังและอาบน้ำด้วยกัน จนในที่สุด เขาและเธอก็เป็นมากกว่าเพื่อนกันอย่างชัดเจน (Day 185 of 500)
▪︎
- ฉากบอกเลิก เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 5 ของหนัง และขยายความอีกทีในช่วงท้ายๆของหนัง คนดูจะรู้ได้ทันทีว่าหนังเรื่องนี้ไม่น่าจบสวย คงเป็นเรื่องราวของชีวิตชายที่จมทุกข์ในความรัก จนกว่าเขาจะปลงกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสาวคนนี้แต่เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ และเขาต้องจมกับความทุกข์กี่วันกัน?
- เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อ Summer ชวน Tom ไปดูหนังเรื่อง The Graduate (1967) (Day 290 of 500) เมื่อหนังจบ เธอร้องไห้ให้กับฉากจบของหนัง ซึ่งทำให้ทอมงงเล็กน้อย พวกเขาไปที่ร้านแผ่นเสียงและดูเหมือนว่าครั้งนี้ Summer จะฟุ้งซ่านและไม่สนใจเลย ซัมเมอร์อยากจะกลับห้อง แต่ทอมไม่ยอม สุดท้ายทอมจึงชวนซัมเมอร์ไปกินแพนเค้ก และในที่สุด เธอก็ขอเลิกคบกับเขา เธอพยายามจะรักษาสถานะเพื่อนระหว่างเธอและเขาไว้ แต่ทอมไม่โอเคด้วย แล้วเขาก็เดินออกจากร้านไป เป็นการสิ้นสุดของความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอ จนทำให้หลังจากนั้น ทอมก็จมลงสู่ภาวะดิ่งของห้วงอารมณ์
- และเนื่องจากสภาพจิตใจของเขาในปัจจุบัน เจ้านายของ Tom จึงย้ายเขาไปที่แผนกเขียนการ์ดปลอบใจ เนื่องจากเขาไม่สามารถเขียนเนื้อหาที่มีความสุขได้อีกต่อไป (Day 321 of 500) ในขณะเดียวกัน ทอมไปนัดบอดกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ Alison จากนั้นเขาก็ใช้เวลาทั้งคืนบ่นเรื่องของ Summer ซึ่งเธอก็ให้คำแนะนำ ที่พอจะให้ทอมตาสว่างขึ้นมาสักหน่อย แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ทิ้งทอมไว้คนเดียวในร้านคาราโอเกะแห่งนั้น (Day 345 of 500)
- ไม่กี่เดือนต่อมา Tom และ Summer ได้พบกันอีกครั้งบนรถไฟเพื่อไปงานแต่งงานของเพื่อนร่วมงาน (Day 402 of 500) ภายในงานแต่ง พวกเขามีช่วงเวลาที่ดีต่อกัน พวกเขาถามถึงสารทุกข์สุกดิบ และหวนนึกย้อนถึงวีรกรรมที่เคยทำตอนที่ทั้งคู่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน ทำให้ทอมได้จุดประกายความหวังเล็กๆ ที่ทำให้เขาคิดว่าเธอก็ยังคงมีเขาในใจมาเสมอ ในช่วงกลางดึกภายในงานแต่ง ซัมเมอร์เชิญทอมไปงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นภายในอะพาร์ตเมนต์ของเธอ เขาตอบรับคำเชิญของเธอด้วยความหวังว่าจะได้กลับมาคืนดีกันอีกครั้ง
▪︎
- ฉากงานปาร์ตี้ที่อะพาร์ตเมนต์ของ Summer เป็นฉากที่เป็นจุดเด่นและภาพจำของหนัง เพราะผู้กำกับใช้วิธีเล่าโดยแบ่งจอเป็นสองจอ คือ จอหนึ่งคือความคาดหวัง และอีกจอหนึ่งคือความเป็นจริง เป็นการเข้าประทะกันของความคิดของ Tom ที่ทำให้คนดูเข้าใจมโนทัศน์ของความคาดหวังของตัวละครมากยิ่งขึ้น
- ฉากเปิดด้วยภาพระยะใกล้ของ Tom ที่เดินเข้าประตูอาคารอะพาร์ตเมนต์ของ Summer ในช็อตแรกของความคาดหวัง ทอมอยู่ที่ด้านหน้าของทางเดินโดยอยู่กลางเฟรม ที่ทำให้ดูว่าเขามีความหวังขณะที่เขาเดินขึ้นบันไดเลี้ยวเข้ามุม ซึ่งเทียบกับความเป็นจริง แสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ปลายสุดของโถงทางเดิน ที่ดูโดดเดี่ยวอ้างว้างขนาดไหน บนหน้าจอทั้งสอง ทอมถูกถ่ายจากมุมสูง ซึ่งแสดงถึงความไร้อำนาจของเขาและไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้
- เมื่อเขาเดินมาถึงหน้าประตู บนจอของความคาดหวัง ภาพแสดงให้เห็นถึงการต้อนรับของ Summer ที่ดูสนิทสนม เมื่อเธอทักทายเขาด้วยการจูบที่แก้มเบาๆ อย่างไรก็ตาม ในจอความเป็นจริง มีเพียงภาพที่ซัมเมอร์กอดทอมอย่างอึดอัด เพราะวางตัวไม่ถูก เมื่อเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์ เราเห็นทอมพยักหน้าให้กับแขกที่มาร่วมงานทั้งสองหน้าจอ แต่มีเฉพาะในจอที่คาดหวังเท่านั้นที่แขกคนอื่น ๆ ของปาร์ตี้ที่พยักหน้าตอบเขา หลังจากนั้น ทอมยื่นของขวัญให้กับซัมเมอร์ ซัมเมอร์แกะห่อของขวัญ นั่นคือหนังสือ 'The Architecture of Happiness' หนังสือที่เธอเคยชมตอนเธอเจอทอมบนรถไฟ ในจอความคาดหวัง เธอประทับใจและซาบซึ้งใจกับของขวัญที่ทอมนำมาให้มาก เธอกอดทอมอย่างขอบคุณ แต่ในจอความเป็นจริง เธอแค่มองหนังสือเล่มนั้น เอามือแตะไหล่ของทอม และพูดขอบคุณ
- ในฉากที่ระเบียงบนดาดฟ้าของอะพาร์ตเมนต์ จอความคาดหวัง แสดงให้เห็นว่า Tom และ Summer อยู่ตรงกลางเฟรม กำลังสนทนากัน โดยรายล้อมไปด้วยผู้คนในงาน ที่พวกเขาทั้งสองเพิกเฉยไม่สนใจ ภาพซูมเข้าไปยังทั้งสองเพื่อถ่ายทอดความสนิทสนมของพวกเขา แต่ในจอความเป็นจริง ทอมได้สนทนากับเพื่อนคนหนึ่งของซัมเมอร์ เพื่อนของเธอถามว่าเขาทำงานอะไรเหรอ? ทอมก็บอกตามจริงว่าเขาทำอาชีพเขียนคำคมในการ์ด ซัมเมอร์พูดเสริมว่า "ทอมอาจเป็นสถาปนิกที่ดีได้นะ ถ้าเขาอยากเป็น" ทอมก็ตอบว่า "ผมว่า ผมคงคิดว่าจะสร้างสิ่งที่ทำแล้วทิ้งอย่างตึกทำไม? ในเมื่อเราสามารถทำสิ่งที่อยู่ได้ตลอดไป อย่างบัตรอวยพร" ซัมเมอร์ยิ้มเจื้อนๆ และฉากก็ตัดไป ทอมปรากฏตัวอีกทีในขอบของเฟรม ซึ่งแสดงถึงความไม่มีตัวตนของเขาในงานปาร์ตี้นี้ ซัมเมอร์ยืนอยู่ไกลออกไป ในขณะที่ทอมนั่งมอง ฉากนี้ทำให้เกิดความรู้สึกตึงเครียดและระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสอง
- ในจอความคาดหวัง Tom และ Summer ได้พลอดรักกัน โทนสีของฉากกลับกลายเป็นสีฟ้า ทอมถูกล้อมรอบด้วยชุดและวอลล์เปเปอร์ของเธอ และจบวันอย่างมีความสุข แต่เมื่อเทียบกับช็อตเดียวกันในจอของความเป็นจริง แสดงให้เห็นถึงทอมที่ยืนดื่มอยู่คนเดียวและมองออกไปไกลๆอย่างผิดหวัง แม้ว่าการจัดองค์ประกอบในเฟรมของช็อตนี้จะแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่โทนสีก็ส่งผลต่ออารมณ์โดยรวมของแต่ละช็อต ภาพที่ทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมถูกล้อมรอบด้วยวัตถุจำนวนมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่บานสะพรั่งและให้ความรู้สึกอบอุ่นแก่คนดู อีกภาพหนึ่งเต็มไปด้วยวัตถุจำนวนน้อยกว่าและทำให้ทอมรู้สึกโดดเดี่ยวเกินจริง ทอมเฝ้าดูซัมเมอร์พูดคุยกับผู้ชายคนอื่นอย่างอกหัก เขาเริ่มรินเครื่องดื่มอีกแก้วและอีกแก้วอย่างไม่มีจุดหมาย
- ในที่สุดก็ถึงจุดไคลแม็กซ์ของฉากนี้ กล้องแพนไปรอบๆพร้อมซูมเข้าไปยังใบหน้าที่ตกใจของ Tom เมื่อเขารู้ความจริงที่ว่า Summer นั้นได้หมั้นแล้ว ในขณะที่หน้าจอความจริงค่อยๆเฟดหน้าจอความคาดหวังออกไปอย่างช้าๆ เพื่อเผยให้เห็นว่าซัมเมอร์กำลังแสดงแหวนหมั้นของเธอให้เพื่อนสาวของเธอ ฉากนี้อาจจะแสดงให้เห็นว่า ทอมไม่คาดหวังในตัวซัมเมอร์แล้ว และมองเธอด้วยความเป็นจริงอย่างที่เขาไม่เคยทำ จากนั้น กล้องก็แพนออกเพื่อแสดงระยะห่างระหว่างตัวละครอีกครั้ง ทอมอยู่ใกล้กล้องอย่างไม่น่าเชื่อในขณะที่ซัมเมอร์อยู่ไกลออกไปและปรากฏที่ด้านตรงข้ามของหน้าจอ ระยะห่างระหว่างเขาสองคน แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปไม่ได้ที่เขาและเธอจะได้อยู่ด้วยกันอีก โลกทั้งใบของเขาได้พังทลายลง ขณะที่เขาวิ่งออกไปยังถนน ที่มีแสงไฟต่ำ ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อแสดงถึงอารมณ์ที่มืดมนของเขา เมื่อเขามาหยุดที่กลางถนน โลกรอบตัวเขากลายเป็นภาพร่าง และเขาก็ปรากฏเป็นร่างเงาเพียงคนเดียวกลางภาพ ซึ่งเฉดสีเทานี้เน้นถึงอารมณ์ที่อ้างว้างของเขา (Day 408 of 500)
▪︎
- ในวันหนึ่ง Tom ได้ไปนั่งวาดรูปที่ลานกีฬา (Day 450 of 500) และ Rachel น้องสาวของเขาก็เห็น จึงวิ่งมาหา และสังเกตเห็นว่าช่วงนี้ ทอมดูเศร้ากว่าปกติ เธอถามทอมว่า "พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?" ทอมบอกว่าเขาสบายดี แต่เรเชลสังเกตเห็นสิ่งที่ทอมวาด คือรูป Summer ถือมีด ทำหน้าตาอำมหิต เธอรู้ได้ทันทีว่าทอมยังไม่มูฟออนจากซัมเมอร์ เธอจึงให้คำแนะนำว่า "หนูรู้ว่าพี่คิดว่าเธอเป็น'คนที่ใช่' แต่หนูไม่คิดแบบนั้น หนูคิดว่าพี่แค่คิดถึงแต่สิ่งดีๆ แต่คราวหน้าถ้าพี่จะคิดถึงมัน หนูว่าพี่ควรทบทวนให้ดีๆ" เธอตบบ่า และวิ่งไปเล่นกีฬาต่อ เมื่อทอมได้ยินสิ่งที่น้องสาวของเขาแนะนำ ก็เหมือนพบทางสว่าง เขาย้อนกลับไปคิดถึงวันวานเก่าๆระหว่างเขาและซัมเมอร์ เขาพบรายละเอียดเล็กๆที่เขาไม่เคยสังเกต ว่ามีหลายๆครั้ง ที่ซัมเมอร์เองก็ไม่ได้มีความสุขร่วมไปกับเขา เขานึกถึงวันที่เธอเข้ามาจูบเขาในห้องถ่ายเอกสาร นึกถึงวันที่เขาได้ดูหนังเรื่อง 'The Graduate' และเขาก็เข้าใจทุกอย่างว่าทำไมเธอถึงแสดงสีหน้าแบบนั้น ทำไมเธอถึงร้องไห้ขนาดนั้นหลังดูหนังจบ
- Tom ลาออกจากงานและทุ่มพลังทั้งหมดไปโฟกัสที่งานสถาปัตยกรรม ซึ่ง Summer สนับสนุนให้เขาทำเสมอ ในไม่ช้าเขาก็รวบรวมพอร์ตโฟลิโอและเริ่มออกสมัครงาน (Day 456 - 476 of 500)
- ในระหว่างวันที่ Tom กำลังหางาน เขาได้พบ Summer นั่งอยู่ใกล้ม้านั่งตัวโปรดของเขา ทั้งสองได้พูดคุยกัน และทอมสังเกตเห็นว่าตอนนี้ซัมเมอร์ได้แต่งงานไปแล้ว เขาสงสัยว่าทำไม และ Summer ได้อธิบายว่า เธอรู้สึกมั่นใจในสามีของเธอ บางอย่างที่ไม่เกิดขึ้นเมื่อเธออยู่กับทอม ทอมสารภาพว่าเขาไม่เชื่อว่ารักแท้มีอยู่จริงอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม Summer หยุดเขา ไม่ให้เขาคิดเช่นนั้นและบอกว่า ให้เชื่อเสมอว่ายังมีรักแท้อยู่ เพียงแต่เธอไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเขาเท่านั้นเอง ก่อนจากไป เธอจับมือเขา และบอกว่าเธอดีใจที่เห็นเขาไปได้ดี เขาตอบแทนความรู้สึกนั้นอย่างขอบคุณและหวังว่าเธอจะมีความสุขในชีวิตสมรสของเธอเช่นกัน (Day 488 of 500)
- ในการสัมภาษณ์งานในวันหนึ่ง ทอมได้พบกับหญิงสาวที่สมัครงานในที่เดียวกัน พวกเขาพบว่าระหว่างเขาและเธอต่างมีความสนใจและความคิดเห็นร่วมกันอย่างมากมาย ทอมชวนเธอไปดื่มกาแฟแต่เธอปฏิเสธ แต่ถึงอย่างไร หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว หญิงสาวก็ตัดสินใจตอบรับคำเชิญของทอม เขาถามชื่อเธอและเธอพูดว่า "ฉันชื่อ Autumm" (Day 500 of 500)
.
? Relationship Analysis : มอง 500 วันให้ลึกๆ
➡️ มองทอมใน 500 วัน
- เชื่อว่ามีคนดูหลายๆคนที่เห็นใจผู้ชายคนนี้ ที่เขานั้นอุทิศตัวอย่างยิ่งใหญ่ต่อความรัก พฤติกรรมและการกระทำของเขาจะถูกมองว่ามีเสน่ห์และโรแมนติกตามความคิดของคนส่วนใหญ่และบ่อยครั้งจากหนังหลายๆเรื่อง ผู้ชายแสนดีเหล่านี้มักจะได้ครองรักกับผู้หญิงของเขาได้ในที่สุด ทำให้เราคาดหวังว่าตัวละคร Tom จะต้องสมหวังเหมือนกับผู้ชายแสนดีในหนังเรื่องอื่นๆ ความเห็นใจของเรานี้ได้รับการผลักดันโดยวิธีการเล่าของหนัง เราคนดูได้รับรู้ได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่อย่างเปิดเผยจากมุมมองและความคิดของทอมล้วนๆ บวกกับการสร้างตัวละครทอมให้เป็นคนโรแมนติก และ Summer ให้อยู่ในฐานะคนที่เข้ามาทำลายช่วงเวลาที่แสนวิเศษนี้ของเขา ทำให้เชื่อว่าคนที่มีประสบการณ์ด้านความรักที่ไม่ค่อยดีส่วนใหญ่ที่ดูหนังเรื่องนี้ จะต้องร้องว่า "เฮ้ เรื่องนั้นก็เกิดขึ้นกับฉันด้วยนี่หว่า!" และเห็นอกเห็นใจทอมได้ไม่ยาก
- Tom Hansen ไม่ใช่แค่คนโรแมนติกทั่วๆไปตามที่เห็นได้ในหนังเรื่องอื่นๆ แต่ในโลกภาพยนตร์ เขาคือคนที่มีความโรแมนติกอย่างสิ้นหวัง (Hopeless Romantic) กล่าวคือเขาเป็นผู้ชายประเภทที่หมดศรัทธาในโชคชะตาในเรื่องเนื้อคู่และอยู่ตัวคนเดียว เขาเชื่อเรื่องความรัก แต่ไม่เคยจะออกค้นหาไขว่คว้า เขาทำได้เพียงนั่งคอยใครสักคนเข้ามาเปลี่ยนชีวิต ทำให้เขาต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง อีกอย่าง ตัวละครทอมคือสิ่งที่เราได้รู้จักในฐานะผู้ชายแสนดี (Nice Guy) เขาคือผู้ชายที่หลงใหลในความรัก ผู้ซึ่งชอบติดตามชีวิตสาวๆที่เขาชอบ และต้องมาเจ็บปวดเมื่อเธอหักอกไม่ก็เธอดันไปมีความรักกับผู้ชายคนอื่น ความเป็นผู้ชายแสนดีของทอม จะเห็นชัดมาก ในช่วงแรกๆของเรื่อง หลังจากที่เขาเจอซัมเมอร์ในลิฟต์ เขาตามติดชีวิตของเธอ แล้วคิดไปต่างๆนานา เอาเธอมาสนทนาในกลุ่มเพื่อนว่าเธอคิดอย่างไรกับเขา? เธอมีชายอื่นแล้วหรือยัง? หรือการที่เขาเปิดเพลงของวง The Smith เรียกร้องความสนใจของเธอ [Day 3 - 22 of 500]
- อย่างที่ผู้กำกับ Marc Webb เคยให้สัมภาษณ์ว่า "We think of that as romantic, but really it's just intellectual laziness" - "เราคิดว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องโรแมนติก แต่จริงๆ แล้วมันเป็นแค่เรื่องสิ้นคิด" ในตอนที่ Tom พบกับ Summer ครั้งแรก ทอมหลงรักเธอในช่วงเสี้ยววิ สิ่งนี้เกิดขึ้นทันที ก่อนที่เขาจะได้รู้จักเธอด้วยซ้ำ เขาจะรู้สึกหงุดหงิดเสมอ เมื่อซัมเมอร์ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของเขาว่าเธอควรจะทำอะไร ควรเป็นเช่นไร เหล่าชายแสนดีในโลกภาพยนตร์ มักจะบ่นเสมอ ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาต้องจบลงที่ Friend Zone ในสักวัน และสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับทอมอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องเดา แต่ถึงทอมจะรู้อยู่แก่ใจว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและซัมเมอร์ ต้องพังทลายในสักวัน ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงโน้มน้าวเธอต่อไปให้เปลี่ยนใจ ด้วยความโรแมนติกที่เขาพยายามยัดใส่ให้เธออยู่ดี ตลอดทั้งเรื่อง เราจะเห็นทอมแสดงพฤติกรรมที่เป็นปัญหาแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่สนใจความต้องการของซัมเมอร์ ที่เธอบอกไว้อย่างชัดเจนว่า เธอไม่สนใจและไม่ต้องการอยู่กับเขาหรือใครก็ตาม
- ถึงแม้ตลอดเวลาในความสัมพันธ์ระหว่างเขาทั้งสอง เราจะเห็นได้ตั้งแต่ช่วงต้นๆ ว่าทั้ง Tom และ Summer ได้จะก้าวข้าม Friend Zone ไปแล้วก็ตาม [มีเซ็กส์ครั้งแรกหลังไป IKEA : Day 31 of 500] ซัมเมอร์ได้บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ได้ต้องการมีความสัมพันธ์ที่จริงจังกับเขา แต่ถึงยังไงทอมก็ไม่ยอมแพ้ และแน่นอน ผู้ชายแสนดีคนนี้ก็ไม่ได้ดีไปซะหมด เมื่อเขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ เขาก็พยายามสร้างข้อผูกมัดตามความมโนของเขา โดยที่เขาพยายามให้ความสนใจมากขึ้นและตามดูแลประคบประหงมซัมเมอร์มากขึ้น โดยเขาคาดหวังว่าเขาจะได้รับความรักจากเธอเป็นการตอบแทน ทอมรู้สึกว่าตัวเขามีสิทธิ์ที่ได้รับการยอมรับจากเธอ เพราะเขาเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่าผู้ชายคนอื่นๆ
- เราอาจจะมองว่า การที่ Tom มีความคิดที่ยกตัวเองเหนือชายอื่นเช่นนี้ อาจจะเกิดจากการที่เขาเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนของเขา (Mckenzie เพื่อนร่วมงาน และPaul เพื่อนร่วมห้อง) ที่เพื่อนกลุ่มนี้เป็นคนที่มีประสบการณ์ด้านความรักน้อยครั้ง และเป็นประสบการณ์ความรักที่ล้มเหลวและผ่านมานานแล้ว ทำให้พวกเขาไม่สามารถให้คำปรึกษาที่ดีแก่ทอมได้ เมื่อเขาเปรียบเทียบความฝันเฟื่องเรื่อง Summer กับความสัมพันธ์ของพอล เพื่อนร่วมห้องของเขากับอดีตคนรัก เราจะเห็นได้ว่าไม่เพียงแค่ทอมจะไม่รู้จักซัมเมอร์จริงๆเท่านั้น ดูเหมือนเขาจะไม่อยากรู้จักเธอมากกว่านี้ด้วยซ้ำ การที่ทอมอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเขา ก็ยิ่งทำให้เขามีความลำพองใจมากขึ้นกว่าเก่า ว่าเขาเข้าใจเรื่องความรักเหนือกว่าผู้ชายคนอื่นและเขานั้นคู่ควรกับ Summer ที่สุด [ฉากสนทนาระหว่างทอมกับเพื่อนของเขา : Day 116 of 500]
- Tom สร้างภาพในอุดมคติตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเจอ Summer เขาเชื่ออย่างสุดใจว่าความสุขของเขาขึ้นอยู่กับเธอเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกของเขาอยู่บนพื้นฐานจากความเข้าใจที่เปราะบางว่า ซัมเมอร์คือ'คนที่ใช่' มากกว่าสิ่งที่เธอเป็น เขาสนใจเพียงว่าเธอเป็นใคร น้อยกว่าสิ่งที่เธอพยายามสะท้อนถึงตัวเขา เราจะเห็นตลอดทั้งเรื่อง ที่ซัมเมอร์พยายามจุดประกายหรือเป็นแรงผลักดันความสามารถทางสถาปัตย์อันโดดเด่นของเขามาตลอด แต่ความมืดบอดในความรักของทอมที่หวังเพียงจะพิชิตใจของซัมเมอร์ ทำให้เขาไม่ค่อยได้ใส่ใจที่จะพัฒนาความสามารถนี้สักเท่าไหร่ ทอมเอาความสามารถทางสถาปัตย์นี้ มาใช้สร้างสิ่งต่างๆในใจ เขาสร้างความสัมพันธ์กับซัมเมอร์ในจินตนาการ เขาเก็บทุกความความทรงจำที่ดีไว้ในหัว ความสัมพันธ์ของพวกเขาในความคิดของทอมช่างสมบูรณ์แบบ และทำให้เขาคาดหวังจะให้ชีวิตของซัมเมอร์เป็นไปตามจินตนาการของเขา [Day 8 ,95 ,408 of 500] ซัมเมอร์ก้าวเข้ามาในชีวิตของทอม เพื่อให้เขาตระหนักถึงความใฝ่ฝันอันลึกซึ้งที่สุดของทอม ราวกับว่าเธอเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เป็นส่วนเติมเต็มชีวิตในอุดมคติของเขา แต่อุดมคติของทอม ณ ช่วงเวลาภายในเรื่องคงเป็นคนละทิศทางกับชีวิตในอุดมคติของเธอ
- ดังนั้นเมื่อ Summer ตัดสินใจว่าเธอไม่ต้องการจะคบหากับ Tom อีกต่อไป เขาจึงแสดงความความโมโหและขมขื่นออกมา เขาโกรธเพราะเขาเชื่อมาเสมอว่าเขาควรได้รับสิทธิ์ที่จะครอบครองเธอ เมื่อซัมเมอร์ไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกรวมถึงความคิดของทอมในตอนนั้นได้ นั่นแหละคือช่วงเวลาที่ผู้ชายแสนดีได้แสดงตัวตนที่เก็บกดไว้ออกมา [ฉากจบความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง : Day 290 of 500]
- ความแตกหักพังทลายด้วยสภาพจิตใจและร่างกายของ Tom เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น [เริ่มขึ้นวันที่ 290 กว่าจะครบ 500 ก็นานอยู่ ?] ในช่วงแรก เขาแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนอนโศกเศร้า จมดิ่งอยู่กับความทุกข์ แต่ในที่สุด เขาก็ได้ฮึดสู้และอุทิศตัวเองให้กับสถาปัตยกรรมอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อให้ Summer กลับมา ที่ไหนสักแห่งภายในจิตใจอันเปราะบางของทอม เขาเชื่อเสมอว่าถ้าเขาสามารถเป็นสถาปนิกได้ ซัมเมอร์อาจจะกลับมามองเขาอีกครั้ง แม้ว่านี่จะเป็นแรงจูงใจที่ดูจะใช้ความพยายามมากไปสักหน่อย แต่ก็มีประโยชน์ที่จะส่ง Tom ไปสู่ทางเดินที่ดีขึ้น
- หนังแสดงให้เห็นว่า Tom เริ่มเดินสายสมัครงานในหลายบริษัททั่วเมืองลอสแองเจลิส ทอมส่งผลงานของเขาไปให้แต่ละบริษัทได้พิจารณา และเราจะเห็นว่าเขาถูกปฏิเสธมาเสมอ แต่ทอมไม่ยอมแพ้ เขายังคงส่งผลงานของเขาไปเรื่อยๆ อย่างมุ่งมั่นและขับเคลื่อนด้วยความเชื่อที่ว่าหากเขาประสบความสำเร็จในเรื่องนี้ เขาก็จะได้ Summer กลับมา ซึ่งในขณะที่ทอมกำลังจดจ่ออยู่กับการสมัครงานของเขา เราจะได้เห็นว่าหนังฉายภาพอีกจอขึ้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าในระหว่างนั้น ซัมเมอร์ได้แต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง ภาพจากฉากนี้น่าสนใจเพราะวาง Tom ไว้ด้านหนึ่งกับ Summer สวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวอีกด้านหนึ่ง ราวกับหนังจะเน้นว่าควรเป็นเขาที่อยู่กับเธอที่นั่น แต่ในความเป็นจริง ทั้งคู่แยกจากกัน เดินทางกันคนละเส้นทางแล้ว เป็นการต่อต้านขนบเก่าๆของหนังรอมคอมทั่วไป ที่ตัวละครหลักทั้งสองควรจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
- ความทุ่มเทของ Tom ได้สัมฤทธิ์ผลในฉากสุดท้ายของหนัง เขาได้พบกับ Summer ที่สถานที่โปรดของพวกเขาในสวนสาธารณะกลางเมือง ซึ่งเธอสารภาพว่าเขาคิดถูกมาตลอด ความรักที่แท้จริงนั้นมีอยู่จริง เมื่อเขาพบกับความจริงนี้ด้วยการเสียดสีที่เขาปิดบังแทบไม่อยู่ ซัมเมอร์ตำหนิเขาโดยบอกเขาว่า "เขาพูดถูก (ในความเชื่อเรื่องพรหมลิขิตของทอม) ...แต่เพียงไม่ใช่ฉัน" [ตามความคิดเห็นของผม ฉากนี้ถ้าดูกันดีๆ จะเห็นว่าทอมซักไซ้ซัมเมอร์มากๆ ทำไมนั่น ทำไมนี่ ทำไมไม่ใช่ผม ด้วยคำพูดที่ดูเสียดสีหน่อย และคำตอบของซัมเมอร์ก็จุกเอามากๆ เธออธิบายประมาณว่า ทอมไม่เคยสร้างความแน่ใจให้กับซัมเมอร์ได้เลยตลอดกับใช้ชีวิตด้วยกัน ว่าเขาคือ'คนที่ใช่'สำหรับเธอ : Day 488 of 500]
- ในฉากต่อไป เมื่อทอมไปสัมภาษณ์งาน เขาได้พบกับสาวสวยที่สมัครงานในตำแหน่งเดียวกัน Tom ซึ่งตอนนี้เขาปลงแล้วกับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ Summer เขาได้เริ่มพูดคุยกับเธอ ด้วยการขอเธอไปทานกาแฟด้วยกันหลังสัมภาษณ์เสร็จ ซึ่งเธอก็ตอบตกลง และเขาได้รู้ในภายหลังว่า เธอนั้นชื่อ "Autumm" ชื่อนี้คือสัญญะอย่างชัดเจน จากฤดูกาล ฤดูใบไม้ร่วงจะมาทีหลังฤดูร้อน ทอมเชื่อว่าซัมเมอร์คือคนที่ใช่ (The One) มาเสมอ แต่ตอนนี้กลับเป็นหญิงสาวหลังจากฤดูร้อน 'ออทัม' ซึ่งสร้างความเชื่อใหม่ว่าน่าจะเป็นเธอ อย่างน้อยก็เพื่อเห็นแก่ทอม คนดูต่างคาดหวังว่าเธอจะเป็น'คนที่ใช่' และคงจะน่าเสียดายที่สุด ถ้าทอมต้องเจอเรื่องอกหักจากความสัมพันธ์ใหม่นี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เมื่อมาถึงจุดนี้ ทอมได้เติบโตขึ้นเป็นอีกคน หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่าเขาผิดพลาดอะไรบ้างเกี่ยวกับซัมเมอร์ และพร้อมจะพิสูจน์ความเชื่อในความรักครั้งใหม่อีกครั้ง [Day 500 of 500 / Day 1 of Autumm]
▪︎
➡️ มองซัมเมอร์ใน 500 วัน
- หากเรามองอีกด้านหนึ่งของความสัมพันธ์ หนังดูจะปิดกั้นมุมมองนี้สำหรับเรา เราไม่เคยเห็นสิ่งที่ Summer รู้สึกหรือสิ่งที่เธอคิดเลย กล่าวอีกนัยหนึ่ง เรื่องราวที่หนังนำเสนอแก่เรานั้น ค่อนข้างลำเอียงไปทางชีวิตของ Tom มากๆ เมื่อลองคิดแวบแรกหลังจากดูจบ เราจะเห็นว่าซัมเมอร์ปฏิบัติต่อทอมอย่างไร และเราคงคิดว่า "เธอมันเลว ทำไมเธอถึงย่ำยีชีวิตผู้ชายคนหนึ่งได้ขนาดนี้" เป็นที่เข้าใจกันว่านั่นเป็นสิ่งที่หนัง (500) Days of Summer ต้องการให้เราคิดเช่นนั้น แต่ถ้ามองตัวละครว่าคือคนจริงๆ ตัวเธอคงคล้ายกระดาษที่มีสองด้านเสมอ ซึ่งเราจะมามองอีกด้านที่หนังปิดซ้อนไว้กัน
- หากมองอย่างผิวเผิน เราคงนิยาม Summer ได้ว่าเธอคือ 'หญิงสาวสดใสอันชวนฝัน' (Manic Pixie Dream Girl) ซึ่งถูกอธิบายโดยนักวิจารณ์หนัง Nathan Raven ว่าเป็นตัวละครที่เกิดจากจินตนาการอันร้อนแรงของผู้กำกับและนักเขียน สร้างขึ้นเพื่อสั่งสอนชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ให้เรียนรู้ชีวิตจากความลึกลับอันไม่มีที่สิ้นสุดของตัวละครหญิงสาวพวกนี้ ซึ่งซัมเมอร์ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติหลายอย่างเลย เธอดูแปลกและแตกต่าง เธอมีรสนิยมเฉพาะตัวที่เหมือนกับตัวละครเอก Tom อย่างบังเอิญ ซัมเมอร์ถูกบรรยายว่า เธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ จากสไตล์ส่วนตัวที่แตกต่าง ไปจนถึงการมีเพศสัมพันธ์แบบสบายๆ เธอไม่ยึดติดและความไม่แยแสสิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับเธอ บวกกับความน่ารักของนักแสดง Zooey Deschanel ที่ทำให้ซัมเมอร์กลายเป็น'หญิงสาวสดใสอันชวนฝัน'โดยสมบูรณ์แบบ
- เราได้ข้อมูลเชิงลึกเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวละครของ Summer ตลอดทั้งเรื่อง เรารู้ว่าเธอไม่เชื่อในความรัก ในตอนต้นของเรื่อง ผู้บรรยายบอกเราว่า นับจากความล้มเหลวในชีวิตสมรสของพ่อแม่ของเธอ เธอก็มีความรักให้กับสองสิ่งเท่านั้น สิ่งแรกคือผมสีเข้มยาวสลวยของเธอ สิ่งที่สอง คือเธอสามารถตัดมันทิ้งอย่างง่ายดายโดยไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งสิ้น" ข้อความนี้บ่งบอกถึงบุคลิกของเธอ เริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย เธอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนสองคนที่ "รักกัน" มีความเจ็บปวด ความขัดแย้ง และเต็มไปด้วยความบาดหม่าง
- ต่อมา ในฉากบาร์คาราโอเกะ ที่ Summer อยู่กับ Tom และ McKenzie ซัมเมอร์พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าเธอไม่ต้องการมีแฟน โดยเธอบอกกับพวกเขาว่า เธอรู้สึกไม่สบายใจที่จะผูกมัดกับใคร เธอรักอิสระ ความเชื่อของเธอถูกสรุปไว้ในคำพูดของเธอว่า "ความสัมพันธ์นั้นยุ่งยาก และทำให้คนเสียความรู้สึก ใครจะอยากมี เราอายุยังน้อย" อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะประกาศไปอย่างนั้น แต่เธอก็ทรยศต่อคำพูดของตัวเอง เมื่อเธอยอมรับว่าเธอชอบทอมในตอนที่เขาร้องคาราโอเกะ เธอรู้สึกว่ามีแรงดึงดูดระหว่างเธอกับเขา ซึ่งตอนนั้น เธอก็ถามกับทอมแล้วว่า "แค่เพื่อนเท่านั้นใช่มั้ย?" ทอมก็ตอบว่า "ใช่แล้ว" ซึ่งเธอคงคิดว่าทอมหมายความว่าเช่นนั้นจริงๆ [Day 27,28 of 500]
- แต่เมื่อพวกเขาออกเดทกันที่ IKEA Summer บอก Tom อย่างไม่เต็มใจว่าเธอไม่ได้มองหาความสัมพันธ์ที่จริงจัง เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการหลีกเลี่ยงการทำร้ายจิตใจเขา แต่ในความจริง คำพูดของเธอนั้นกำลังทำร้ายทอมทางอ้อม อย่างไรก็ตาม จากการอนุมานนี้ สันนิษฐานได้ว่า ซัมเมอร์อาจจะเคยมีความสัมพันธ์ที่ยุ่งเหยิงมาก่อน และเธอไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นอีก [Day 31 of 500]
- ความสัมพันธ์ของทั้งสองยังคงดำเนินต่อไป และเหมือนว่าทั้งคู่ก็เป็นมีสถานะคู่รักกันแล้ว แต่หลังจากการต่อสู้ระหว่าง Tom กับคนที่เข้ามาจีบ Summer จนเกิดการการโต้เถียงกันระหว่างซัมเมอร์และทอมที่ตามมา เราก็เข้าใจเธอมากขึ้นอีกเล็กน้อย ซัมเมอร์ดูสับสนกับตัวเองในฉากนี้ เธอพยายามบอกทอมว่าพวกเขาเป็นแค่เพื่อนกัน แต่ทอมโมโหกับความจริงนี้ โดยเขาชี้ให้เธอเห็นว่า "เพื่อน" ไม่จูบกันในห้องถ่ายเอกส่รหรือมีเซ็กส์กันตอนอาบน้ำหรอก ทอมกลับบ้านแต่เขานอนไม่ค่อยหลับ และเราเห็นเขานอนพะวงอยู่บนเตียง พยายามตัดสินใจว่าเขาควรโทรหาซัมเมอร์หรือไม่ แต่ในที่สุด เราก็เห็นซัมเมอร์ไปหาเขาที่ห้องเพื่อขอโทษและขอคืนดีกับเขา ในฉากนี้เราจะเห็นว่าซัมเมอร์นั้นแคร์ทอมขนาดไหา และจะได้ความคิดของเธอมากขึ้น ทอมบอกเธอว่าเขาแค่ต้องการความสม่ำเสมอ รู้ว่าเธอไม่ตื่นขึ้นมาในวันหนึ่ง แล้วเธอจะมีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ซึ่งคำตอบตอบของเธอตอนนั้นคือ "ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ไม่มีใครทำได้" ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็เบี่ยงความสนใจของทอม ด้วยการจูบเขาเบาๆ การกระทำของเธอนี้ เน้นชัดว่าเธอเข้าใจความรัก และเธอยังคงไม่อยากผูกมัดกับใครในตอนนี้จริงๆ [Day 185 of 500]
- ซึ่งถ้ามองในมุมของ Tom สิ่งนี้ก็ดูเหมือนจะตอกย้ำความคลุมเครือของสถานะ "เธอมันเลว" ได้จริงๆ และตอกย้ำในอีกหลายๆเหตุการณ์ อย่างเช่น หลังจากที่พวกเขาเลิกรากันไปแล้ว และเมื่อได้พบกันอีกครั้งที่งานแต่งของ Millie เธอไม่ได้บอกทอมว่าเธอกำลังจะหมั้นกับผู้ชายอีกคน ซึ่งทำให้เห็นว่าเธอเก่งเรื่องการเบี่ยงประเด็น รวมถึงการรักษาความคลุมเครือได้ดีขนาดไหน และดูเหมือนว่า ในฉากวันแต่งงาน เธอจะชักจูงเขาให้หลงเสน่ห์เธอไปตลอดทั้งคืน ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีความหวังในความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธออีกครั้ง แต่เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วมองอีกมุมนึง การชักจูงนี้ที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะเป็นเพียงสิ่งที่ทอมสร้างขึ้นมาแค่หลอกตัวเองก็ได้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการอยู่กับเธออีกครั้ง และเนื่องจากหนังนำเสนอจากมุมมองของเขาล้วนๆ เราจึงไม่รู้ความคิดของซัมเมอร์ว่าแท้จริงแล้วเธอกำลังคิดอะไรอยู่ [ในความเห็นของผม การที่เธอไม่ได้บอกทอมว่าเธอกำลังหมั้นกับผู้ชายอีกคน ซึ่งเฉลยในภายหลังว่า ตอนนั้นเธอยังไม่แน่ใจกับชายคนนั้น เธอจึงไม่บอก การกระทำของเธอในงานแต่ง เธอปฏิบัติกับทอมแบบเพื่อนที่ดีคนนึง และในบริบทนั้น เธอสนิทกับเขาเพียงแค่คนเดียว ทำให้ภายในงาน จึงเกิดบทสนทนาที่มากกว่าปกติ ที่อาจจะทำให้ทอมคิดเกินเลยไปก็ได้ : Day 402 of 500]
- สิ่งที่ทำให้เชื่อว่าเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อคความเข้าใจเรื่องความรักของ Summer คือเมื่อ Tom ย้อนนึกกลับไปในวันที่เขาเลิกรากัน เขาและซัมเมอร์ไปดูหนังเรื่อง The Graduate [Day 290 of 500] ซึ่งถูกกล่าวถึงตอนต้นเรื่อง ว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่หล่อหลอมความเชื่อโรแมนติกของทอม ในช่วงสุดท้ายของหนังที่กำลังฉาย ซัมเมอร์เริ่มร้องไห้ และเราได้เห็นตอนจบของหนังเมื่อ Benjamin (Dustin Hoffman) พา Elaine (Katharine Ross) หนีออกจากงานแต่ง ขึ้นไปบนรถบัส ระหว่างที่ทั้งสองนั่งอยู่หลังรถ หนังได้สะท้อนอารมณ์บนใบหน้าของของแสดง ในช่วงแรกทั้งคู่ยิ้มดีใจตื่นเต้นกับแผนการที่หนีออกมาจากงานได้สำเร็จ แต่หนังแช่ภาพไว้ แล้วก็เผยให้เห็นสีหน้าที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าที่ดูเคว้งคว้างปนความเศร้านิดๆ เมื่อหนังจบ ซัมเมอร์ออกมาจากโรงละครทั้งน้ำตา และทอมก็ดูไม่แน่ใจว่าทำไมเธอถึงร้องไห้ฟูมฟายขนาดนั้น
- นี่คือจุดที่เราจะเห็นมุมมองที่เปลี่ยนไปของตัวละคร Summer ในความเห็น ผมคิดว่าเธอร้องไห้เพราะดูหนังที่ทำให้ Tom เกิดความเชื่อในรักแท้ ทอมมองการที่ตัวละครเอกหนีออกจากงานแต่งคือการกระทำของรักแท้ แต่ซัมเมอร์มองถึงผลลัพธ์หลังจากนั้นของตัวละครทั้งสอง ว่าตัวละครจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เธอจึงตระหนักได้ว่า สิ่งที่พวกเขามีไม่เป็นไปตามที่ทอมคาดหวัง เธอจึงได้คำตอบแก่หัวใจว่าเธอชอบเขาแต่เธอไม่ได้รักเขา และการตระหนักรู้นี้เป็นสิ่งที่สะเทือนอารมณ์สำหรับเธอ เพราะเธอรู้ว่าเธอจะทำร้ายทอมในที่สุด
- ในฉากการพบกันระหว่าง Summer และ Tom ครั้งสุดท้ายในสวนสาธารณะใจกลางเมืองเธอได้เฝ้าคอยให้ทอมปรากฏตัว ณ ที่แห่งนั้น เพราะเธอเชื่อว่า ทอมจะต้องแวะมาที่นี่อย่างแน่แท้ และในที่สุดเขาก็ปรากฏตัว จากการวิเคราะห์ตามความคิดของผม ผมคิดว่าที่ซัมเมอร์มาสวนสาธารณะแห่งนี้ เพราะเธอยังแคร์ทอมอยู่ในสถานะเพื่อน เธอต้องการแน่ใจว่าทอมยังอยู่สุขสบายดี และคิดเรื่องของเธอน้อยลง แต่ในความจริงแล้ว ทอมยังคงนึกถึงเธออยู่เสมอ เธอโดนทอมซักไซ้ถามไถ่เชิงเสียดสีว่าทำไมถึงไม่ใช่เขา ที่เป็น'คนที่ใช่' เธอได้ให้คำตอบกับทอมประมาณว่า เธอรู้สึกว่าสามีของเธอคือ 'คนที่ใช่' เขาเป็นบางอย่างที่เธอรู้สึก ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเมื่ออยู่กับทอม เพียงแค่มีใครบางคนรักคุณอย่างสุดซึ้ง ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องรักเขาตอว ใช่ เธอรู้มาเสมอว่าทอมรักเธอขนาดไหน แต่ไม่ได้หมายความว่าทอมจะเป็นเจ้าของความรักของเธอ
- มาถึงจุดนี้ การกระทำทุกอย่างของ Summer ทำให้การันตีคำว่า "เธอมันเลว" ได้โดยไม่ต้องสงสัย แต่ทุกการกระทำของเธอล้วนมีเหตุผลเบื้องหลัง ซึ่งเธอไม่เคยอาฆาตพยาบาท หรือดูถูก Tom เลย เธอแคร์ Tom มาตลอดด้วยซ้ำ ในสายตาของทอม เธอคือ'คนที่ใช่' เพียงแต่เธอไม่อาจเป็นผู้หญิงตามความคาดหวังของเขาได้ เท่านั้นเอง
.
? Final Thoughts : สรุปใจความใน 500 วัน
- (500) Days of Summer เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่มีความสมจริงอย่างมากที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคน หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนถึงความคาดหวังของเราที่มีต่อความรัก อาจแตกต่างจากความรักในความเป็นจริงมากเพียงใด สุดท้ายแล้วความรักคืออะไร? และเรารู้ได้อย่างไรว่าเราได้พบคนๆ นั้นแล้ว?
- Summer และ Tom มีมุมมองเกี่ยวกับความรักที่แตกต่างกันมาก ตัวละครทั้งสองมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติในเรื่องของความรัก ตัวอย่างเช่น ซัมเมอร์มักตรงไปตรงมาเสมอว่าไม่เคยอยากมีความรัก เธอชอบคนรักเก่าของเธอ แต่เธอไม่ได้รักพวกเขา ในทางกลับกัน ทอมเป็นคนโรแมนติกที่แท้จริง เขาเป็นคนประเภทที่เชื่อในแนวคิดเรื่องรักแท้ เป็นคนที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้เพื่อความรัก
- การตีความฉากจบของหนังเรื่อง The Graduate เป็นตัวอย่างที่ดีว่า Summer และ Tom มีทัศนคติเรื่องความรักแตกต่างกันอย่างไร ซัมเมอร์มองตอนจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน พวกเขาไม่มีความสุข แต่ในขณะเดียวกัน ทอมตีความตอนจบแบบเดียวกันด้วยวิธีที่ต่างไปจากซัมเมอร์อย่างสิ้นเชิง ทอมมองว่า ในตอนจบ พวกเขาอยู่ด้วยกัน ดังนั้นจึงเป็นความสุขชั่วนิรันดร์
- สิ่งที่ Tom ทำกับ Alison (หญิงสาวจากการนัดบอด) คือหนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุด ที่ทำให้หลายคนไม่พบความรักหรืออย่างน้อยก็เป็นการเริ่มต้นใหม่ คือทอมไม่สามารถเลิกใคร่ครวญถึงตัว Summerได้ ต้องบอกว่า ผู้หญิงทุกคนที่เขาเจอมักจะด้อยกว่าเสมอเมื่อเทียบกับซัมเมอร์ สิ่งที่ยังคงติดค้างในใจของทอม ทำให้โอกาสที่เขาจะก้าวไปสู่หน้าชีวิตครั้งใหม่ โดนปิดกั้นแทบทุกทิศทาง
- ถึงแม้จะมีน้องสาว Rachel คอยเตือนสติอยู่เสมอ แต่ Tom ก็พาชีวิตตัวเองดำดิ่งไปกับความสัมพันธ์ที่เป็นพิษนี้เกือบ 450 วัน ทำให้เราได้ตระหนักว่า ปัญหาทุกอย่างเกิดจากความคาดหวังที่เราสร้างขึ้นมาในหัว เมื่อเรามองความสัมพันธ์ได้อย่างที่เป็นจริงได้เร็วเท่าไหร่ เราจะรู้ถึงที่มาของปัญหาได้เร็วเท่านั้น ซึ่งอาจจะทำให้พอมีเวลาในการแก้ไข แต่สำหรับทอมนั้น กว่าเขาจะมองความสัมพันธ์ได้อย่างที่เป็นจริง มันก็สายไปเสียแล้ว ทอมตระหนักได้ทุกอย่างว่า ซัมเมอร์ได้ส่งสัญญานเตือนมาเสมอ และเธอก็เน้นย้ำมาตลอด ว่าในความสัมพันธ์ของเขาและเธอ อยู่ในกรอบของความเป็นเพื่อน
- และสิ่งนี้คือสิ่งที่หนัง (500) Days of Summer ต้องการสื่อสารให้คนดูได้รับรู้ เราทุกคนต่างเคยเป็น Tom ไม่ก็ Summer ในช่วงชีวิตหนึ่ง ซึ่งเราต้องมองว่าในความสัมพันธ์ที่เคยเป็นพิษของเรา มันเป็นเพียงบทหนึ่งในหนังสือชีวิตเล่มหนาของเรา ซึ่งเนื้อหาภายในบทนั้นได้ให้ข้อคิดจากความผิดพลาด ซึ่งจะทำให้บทต่อไปในชีวิตได้เจอสิ่งที่ดีขึ้น และหวังว่าในวันหนึ่ง เราจะได้เจอ 'Autumm' ของเรา เหมือนกับทอมที่พบ 'Autumm' ในบทชีวิตบทใหม่ของเขา (Day 1 of Autumm)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in