เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Maybe I never know what I didmrppwpk
ความผิดหวังคือของหวาน

  •                                                 


          
      
          ตอนเราปี 1 เราก็ใช้ชีวิตเฟรชชี่ของเราอย่างเต็มที่ อยู่หอใน เจอเพื่อนใหม่ เข้าร่วมกิจกรรมทุกกิจกรรมของทางมหาลัย ซึ่งทำให้เทอม 1 เราเเทบจะไม่มีเวลาเล่นโทรศัพท์เลย เหมือนตอนนั้นโทรศัพท์เอาไว้ใช้เเค่โทรหาครอบครัว ใช้ส่งงานคุยงานซะมากกว่า เเละก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านซักเท่าไหร่  คือชีวิตตอนนั้นมีเเค่อยู่กับเพื่อน ตื่นไปหารุ่นพี่ เรียน เรียนเสร็จรุ่นพี่นัด กินข้าวเย็น ทำการบ้าน นอน เป็นลูป
    อยู่อย่างนี้ตลอดเทอม 1            

           ช่วงเทอม 2 ช่วงนี้เราคิดว่าเราได้ผจญภัยได้ใช้ชีวิตมากขึ้น ได้กลับบ้านบ่อยขึ้น ไม่เหมือนกับตอนเทอม 1 ที่ไม่ค่อยได้กลับเลย มีเวลาทำอะไรหลายอย่างมากกว่าตอนเทอม 1  เวลาที่ว่างเราก็เอามาเล่นโทรศัพท์ท่องโลกอินเทอร์เน็ต อินสตาเเกรม ทวิตเตอร์ เอาเป็นว่าเมื่อไหร่ที่ว่างเราก็จะจับโทรศัพท์ตลอดชดเชยกับที่ไม่มีเวลาเล่นเมื่อตอนเทอม 1  เเต่เราจะขอบอกก่อนว่าเรื่องความโป๊ะของเรามันมีที่มาจากการเล่นโทรศัพท์เเละการกลับบ้านช่วงวันหยุดของเรา           
        
           ด้วยความที่บ้านเราใกล้ค่ายทหารอยู่ 2 ค่าย คือเหมือนบ้านเราเป็นกึ่งกลาง ออกจากบ้านทางนึงก็จะเจอค่ายนี้ ออกจากบ้านอีกทางก็จะเจอค่ายนี้ เเหล่งผู้ชายของเเท้ 555 เพื่อนก็เเซวประมาณว่าอยู่ใกล้ค่ายทหารอย่างนี้ต้องมีทหารมาจีบเเน่นอน  เเต่เอาจริงๆเราไม่เคยเจอทหารจีบเลยนะ เเล้วบวกกับตอนมัธยมก็มีคนเข้ามาคุยบ้างเเล้วก็ติดซีรี่ย์หนักมาก ก็เลยทำให้เรามองข้ามตรงนี้ไปเลย เอาเวลาเทไปกับซีรี่ย์ซะส่วนใหญ่ พูดเหมือนสวยเลยเนอะเเต่ความจริงก็ไม่555             
        
          มาถึงประมาณช่วงวันเด็กเราก็ได้นอนเล่นไถโทรศัพท์ขึ้นลงไปเเล้วเราก็นึกได้ว่าที่เเถวบ้านเนี่ยเค้าจัดวันเด็ก เราก็เลยขับรถพาน้องไป น้องเราก็ขึ้นรถถังถ่ายรูปกินนั่นนี่ เเต่ตาของเรามันไปเจอกับทหารคนนึงยืนข้างรถถังกำลังถ่ายรูปเด็กๆอยู่ คือเราเห็นเเล้วเเบบ ผู้ชายรักเด็กเว้ย หน้าตาก็ดูไม่ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ก็เเอบกรี๊ดในใจ ก็ยืนเเอบมองซักพักเเล้วเราก็พาน้องกลับบ้าน มันพีคตรงที่ว่าเราโพสต์รูปเเล้วเช็คอินเเล้วมือเราไปโดนชื่อสถานที่ที่เราเช็คอินเเล้วทีนี้มันก็ขึ้นโพสต์ของคนอื่นๆที่เช็คอินโลเคช้่นเดียวกับเรา เเล้วเราก็เจออินสตาเเกรมเค้าคนนั้น เราก็ส่องก่อนเลย 5555 เเล้วก็กด follow  เค้าก็ follow เรากลับ ประมาณเดือนนึงมั้งที่เรากับเค้ากดไลค์กันไปมา ครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งนึงที่เป็นผู้ชายในโลกออนไลน์เเต่ครั้งนี้มันดีตรงที่ว่าเรากับเค้าอยู่ใกล้กัน   เเล้วเราก็เริ่มกลัวอีกว่ามันจะเหมือนครั้งที่เเล้วมั้ยที่เราได้เคยคุยกับคนๆนึงเเต่เเล้วก็ต่างคนต่างหายไป
             
          ช่วงบ่ายๆที่หอ เรากับเพื่อนสนิทก็นั่งทำงานอยู่ด้วยกันซึ่งเพื่อนคนนี้เนี่ยเราไปบอกนางว่าชอบคนนี้นะ ตามมาเดือนกว่าเเล้ว จะบอกชอบดีมั้ย ไอ้เพื่อนเราก็บอกว่าบอกไปเลยเดี๋ยวบอกให้ นางก็จัดการ follow เเล้วทักไปบอกคนนั้่นว่ามีคนเเอบชอบคือเรา เเล้วพออีกสักพักเค้าคนนั้นทักมาค่ะคุณผู้ชม! เรากรี๊ดลั่นหอเลย วิ่งเข้าออกห้องเพื่อน คือมันเขิน มันตื่นเต้นไปหมด            
      
           เรากับเค้าคุยกันไม่นานเราก็จำไม่ได้ว่ากี่เดือน คือตอนที่คุยกันกับเค้าเนี่ยตอนเเรกคุยกันใน
    อินสตาเเกรม เเล้วเค้าก็ขอไลน์เรา เราไม่รู้ว่าทุกคนเป็นเหมือนเรามั้ย คือเรากลัวไปหมด กลัวเค้ารำคาญ กลัวนั่นกลัวนี่ เเต่ตอนที่่คุยกับเค้าเราก็คุยกันค่อนข้างโอเคเลยนะ เป็นการคุยกันเเบบผู้ใหญ่ขึ้น คือเค้าก็ทำงาน เราก็ไปเรียนก็คุยกันตอนที่ว่าง บอก morning บอก goodnight กัน ถ่ายรูปส่งให้กันดูว่าทำอะไรอยู่ มันก็เป็นโมเม้นต์ที่น่ารักๆอยู่ช่วงนึง

  •              
              เเล้วก็มาถึงช่วงที่เรากับเค้าใกล้จบความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก ต่างคนต่างตอบกันช้ามาก คือเหมือนต่างคนต่างตีตัวออกห่างกัน คือทักมาปลุกกันตอนเช้าเเต่กว่าเราสองคนจะตอบกันมันก็ครึ่งวันไปเเล้ว เราทักเค้าไปเช้า เค้าตอบเที่ยง เค้าตอบเราเที่ยง เราตอบเค้าสี่ห้าทุ่ม มันเป็นอย่างนี้ซักพัก จนมีวันนึงเค้าอ่านเราเเล้วไม่ตอบ เเต่เราก็ไม่ใช่คนเซ้าซี้อะไรมากก็ไม่ได้ทักเค้าไปอีก เเละก็เป็นอีกครั้งที่เราได้หายจากกันไปโดยไม่ได้บอกลากัน  

          สุดท้ายครั้งนี้ก็ไม่สมหวังอีกเช่นเคย เราก็ยอมรับว่าระหว่างที่คุยกับเค้าจากที่เราเคยให้ใจเค้าไป 100   มันก็เริ่มลดลงไปเรื่อยๆระหว่างที่เราคุยกับเค้า  เพราะเราเริ่มกลัว กลัวว่ามันจะไม่ตลอดไป กลัวเค้ารำคาญเเล้วเราก็นิสัยไม่ดีด้วยที่ไม่ได้ให้ใจ ไม่ได้รู้สึกจริงใจกับเค้าในช่วงที่คุยกัน  ตัวเราเองบางครั้งก็ไม่อยากคุยกับใคร อยากเลิกเรียนกลับมาก็นอนเลย เเล้วเราก็ใช้เวลาในการดูซีรี่ย์ อยู่กับเพื่อนมากกว่าที่จะคุยกับเค้า เราว่าที่เค้าหายไปมันก็ดีนะ มันก็สอนให้เรารู้ว่าเราควรจะจริงใจเเล้วก็ควรจะใส่ใจเค้ามากกว่านี้ เเค่ความจริงใจเรายังให้เค้าไม่ได้เลย  เราคิดว่ามันก็เเฟร์สำหรับเค้าเเล้วที่เค้าหายไป เเล้วเราก็ไม่อยากมารู้เหตุผลอยู่ดีว่าทำไมเค้าถึงหายไป ถ้าเรารู้เราอาจจะเจ็บกว่านี้ก็ได้

                "ใครจะไปรู้ว่ามันจะจบเเบบเดิมทุกครั้ง"
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in