Fic: 魔道祖师
Rate: 18+(นิดๆ)
Paring: วั่งเซี่ยน
คดีมือปีศาจที่เริ่มจากคฤหาสน์สกุลโม่กลายเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ทุกศพมีสภาพถูกสูบเลือดเนื้อจนแห้งและแขนซ้ายขาดเหมือนกันหมด แต่เมื่อจู่ๆเรื่องก็เงียบหายไปทำให้ผู้คนเริ่มวางใจจนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเสียที
แต่สำหรับเว่ยอู๋เซี่ยน มันคือการซุ่มรอจังหวะลงมือครั้งต่อไป
“คุณชายเว่ย...”
“ฉันไปไม่นานหรอก เฝ้าบ้านดีๆล่ะเวินหนิง ถ้ามีอะไรเดี๋ยวจะเรียกนะ”
“เวินหนิงทราบแล้ว คุณชายเว่ยระวังตัวด้วย” เวินหนิงก้มศีรษะรับคำสั่งอย่างนอบน้อม จากนั้นก็คิดบางอย่างและไว้อาลัยหลานวั่งจีในใจ
หวังว่าคุณจะไม่ถูกนายท่านของผมป่วนจนยุ่งเสียก่อนนะ คุณชายรองหลาน...
ในขณะเดียวกัน ที่สถานีตำรวจยามนี้กำลังยุ่งหัวหมุนได้ที่เนื่องจากคดีแขนซ้ายที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้ แม้จะโชคดีที่จำนวนเหยื่อไม่เพิ่มขึ้นมาเดือนกว่าแล้วแต่พวกเขาก็ยังต้องทำหน้าที่เพื่อหาคนร้ายออกมาอยู่ดี ต่อให้ตอนนี้จะยุ่งจนไม่ได้กินข้าวก็ห้ามบ่น!
“หิวจะตายแล้ว...”
เส้นผมสีดำของเธอยาวจรดบั้นเอว รวบเป็นมวยครึ่งศีรษะประดับด้วยปิ่นดอกบัวสีชมพูหวานอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นคนสมัยนี้ใช้งานมากนัก ใบหน้าสวยหวานแต่งแต้มสีสันน้อยๆตามสมัยนิยม ชุดเดรสสีชมพูหวานน่ารักยาวเหนือเข่าอวดขาขาวเรียวยาวกับเท้าคู่น้อยที่สวมรองเท้าส้นสูงสีขาวประดับโบว์น่ารักที่พร้อมจะเหยียบขยี้ใจหนุ่มๆให้แหลกเป็นผุยผง เธอหันมามองพวกเขาพร้อมคลี่ยิ้มหวานก่อนจะเดินตรงมาทันทีชวนใจหัวใจของพวกเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
“พี่รองหลาน พอดีฉันเห็นว่าช่วงนี้พี่งานยุ่งเลยทำมื้อเที่ยงมาให้พี่ ฉัน...มากวนพี่รึเปล่าคะ?”
เหมือนดั่งสายฟ้าฟาดเปรี้ยงกลางวันแสกๆ แต่ละคนทำหน้าเหมือนเห็นผีเมื่อ ‘แฟนสาว’
“มาทำไม”
“เอามื้อเที่ยงมาให้พี่ไงคะ พี่จะดุฉันเหรอ” จอมแสบทำท่าน่าสงสาร ดวงตากลมโตเพราะบิ๊กอายมีน้ำตาคลอเล็กน้อยทำให้เหล่าภู่ภมรรอบด้านต่างมองหลานวั่งจีด้วยสายตาตำหนิติเตียนในทันที
“...”
“มาเยี่ยม ไม่ได้ยินเสียงประตูห้องนายหลายวันแล้วเลยเป็นห่วงมาดูว่านายตายรึยัง” ถ้าตายแล้วฉันจะได้เอาศพนายไปใช้งานต่อ แน่นอนว่าประโยคหลังเขาไม่ได้พูดออกไปแน่นอน
เว่ยอู๋เซี่ยนจัดสินใจไม่ก่อกวนหลานวั่งจีต่อ เขาส่งถุงใส่กล่องข้าวให้หลานวั่งจีทันที ซึ่งปรากฎว่าการ
“...ขอบคุณ”
“ถ้าอร่อยก็ชมกันหน่อยก็ดีนะพี่รอง~”
“อืม อร่อยมาก”
“ถ้าพี่ชอบก็ดีแล้ว”
หลานวั่งจีนิ่งอึ้ง ได้แต่มองเว่ยอู๋เซี่ยนที่ยิ้มจนดวงตาเป็นเส้นโค้งทั้งๆที่พึ่งฉวยโอกาสหอมแก้มเขาไปแบบสดๆร้อนๆ ส่วนตัวเขาเองกลับไม่ได้รังเกียจแต่ตัวเขานั้น...
“พี่รอง ฉันรู้นะว่าพี่ไม่คิดจะสนใจจดหมายจาก ‘เบื้องบน’
“นายไม่ทำหรอก”
“สามีเชื่อในตัวเค้าขนาดนี้เลยเหรอ เค้าเขิ๊นเขิน” คนแรดบิดตัวไปมา “พี่เข้าใจผิดแล้วล่ะ ฉันแค่เลือกว่าจะสนใจมันหรือไม่สนใจเท่านั้นเอง”
“...ฉันเชื่อในตัวนาย”
“ปากดี อย่ามาเสียใจตอนจะโดนฉันฆ่าก็แล้วกัน” เว่ยอู๋เซี่ยนเชิดหน้าส่งเสียงหึอย่างเย่อหยิ่ง เรียกได้ว่าเลียนแบบมาดราชินีของอวี๋ฟูเหรินมาได้ครบถ้วนจากนั้นเจ้าตัวก็สะบัดหน้าจากไปทันที
ทิ้งให้หลานวั่งจีนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่รัวจนแทบจะทะลุอกของตนเองออกมา
-----------------------------------------------------------
เว่ยอู๋เซี่ยนยืนอยู่บนหลังคาของคฤหาสน์สกุลโม่ บริเวณโดยรอบเองก็ถูกกางข่ายอาคมไว้เรียบร้อยเรียกได้ว่ายามนี้ที่นี่เสมือนถูกครอบไว้ด้วยกรงขังล่องหนที่คนนอกเข้าได้แต่คนในไม่อาจออก ในมือของชายหนุ่มคือเฉินฉิงที่ถูกควงเล่นไปมาไม่หยุดส่วนด้านหลังนั้นคือเวินหนิงที่ยืนอยู่เงียบๆในเงามืด
“โว่ว มาจริงๆด้วยแฮะ สมแล้วที่เป็นพี่รองหลาน” ชายหนุ่มมองภาพของหลานวั่งจีที่ถูกซากศพในชุดสตรีคนหนึ่งไล่ล่ามาแบบกระชั้นชิด ที่น่าแปลกคือการที่คนธรรมดาอย่างเขากลับสามารถหลบมือผีนั้นได้แบบฉิวเฉียดทุกครั้งไป
สิ่งที่เว่ยอู๋เซี่ยนทำคือการใช้ยันต์เรียกพลังหยินแอบซ่อนไว้ในชุดของหลานวั่งจีตอนที่เขาจูบแก้มอีกฝ่าย ทำให้มือผีนั้นถูกดึงดูดด้วยยันต์จากนั้นเขาก็ทำตัวเป็นผู้ชักใยจากเบื้องหลัง ตัดสินใจช่วยเหลือหลานวั่งจีด้วยการบอกให้อีกฝ่ายมาที่คฤหาสน์สกุลโม่โดยจะบอกว่าฆาตกรมือซ้ายนั้นเป็นใคร แต่จากภาพที่เห็นนี่เห็นทีว่าหลานวั่งจีคงจะเจอกับมือผีนี่กลางทางและไล่ฆ่ากันมาตลอดทางเลยกระมัง
ช่างเถอะ เดี๋ยวทางหน่วยก็เก็บกวาดให้ทีหลังเองมั้ง เว่ยอู๋เซี่ยนคิดแบบโนสนโนแคร์และมองหลานวั่งจี่ต่อกรกับมือผีนั่นต่อไป
“เวินหนิง เตรียมตัว”
หลานวั่งจีได้แต่มองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึงเมื่อจู่ๆซากศพแห้งกรังที่มีแขนซ้ายขนาดใหญ่โตผิดกับตัวศพกระเด็นไปกระแทกกำแพงเสียงดังสนั่นแต่กำแพงนั้นกลับไร้ร่องรอยบุบสลายอีกทั้งยังปรากฎวงน้ำคล้ายยามก้อนหินตกลงกระทบผืนน้ำ เมื่อมองดูดีๆอีกทีเขาก็พบว่าผู้ที่ซัดผีดิบนั่นจนกระเด็นเป็นชายสวมโค้ทสีเข้มคนหนึ่ง แต่เมื่อเขาถอดโค้ทออกหลานวั่งจีก็ได้แต่นิ่งอึ้งเหมือนคนบื้อใบ้
ชายผิวซีดเหมือนกระดาษคำรามเหมือนสัตว์ป่าและพุ่งเข้าต่อกรกับมือผีนั่น น่าแปลกที่เสียงดังถึงขนาดนี้แต่บ้านเรือนโดยรอบคล้ายไม่ได้ยินสิ่งใด สารวัตหนุ่มเห็นแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วและพยายามพยุงร่างของตนเองให้ถอยห่างจากการต่อสู้ของสัตว์ประหลาดทั้งสอง จากนั้นร่างกายของเขาก็ต้องแข็งทื่อเมื่อใครบางคนสวมกอดตนเองจากด้านหลัง
“เวินหนิงของฉันยอดเยี่ยมมากเลยใช่ไหมพี่รอง นั่นน่ะผลงานชิ้นโบว์แดงของฉันเลยนะ” เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยพร้อมหัวเราะคิกคัก มือที่เขารู้สึกว่ามันร้อนจนแทบลวกลูบคลำแถวๆสะโพกของเขาช้าๆ อีกฝ่ายไม่วายจุ๊ปากชื่นชม “ก้นแน่นมากอ่ะสามี เค้าอิจฉาจัง”
หลานวั่งจีหน้ามืดทะมึนทันที นึกอยากจำคนข้างหลังมาพาดตักแล้วฟาดก้นแรงๆสักยกสองยก
“ได้ละ ขอบคุณพี่รองมากน้าที่ล่อมือผีมาให้เค้าจัดการ” เว่ยอู๋เซี่ยนยิ้มแล้วหอมแก้มหลานวั่งจีหลายฟอด ในมือของเขาคือกระดาษสีเหลืองแผ่นเล็กที่ถูกวาดด้วยลายเส้นมากมายแปลกตา แต่เมื่อกระพริบตาอีกทียันต์กระดาษนั่นก็กลายเป็นแค่เศษฝุ่นกองนึงเท่านั้น
“นายใช้ฉันเป็นตัวล่อ?”
“ช่ายยย”
หลานวั่งจีเห็นเว่ยอู๋เซี่ยนก้าวไปข้างหน้าช้าๆ มือดึงปิ่นปักผมรูปกระบี่แสนประหลาดออกมาจากมวยผมจนทำให้เส้นผมที่เหลือร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงเหมือนม่านน้ำตก สารวัตหนุ่มใจเต้นถี่รัวและรู้สึกว่าเจ้าตัวแสบที่ชอบกวนประสาทเขาคนนี้เท่จนใจเต้น ฝักกระบี่ถูกโซ่เส้นเล็กโยงเข้ากับด้ามกระบี่ที่ประดับพู่สีแดงสดเผยให้เห็นใบมีสีเงินยวงสลักนามชัดเจน
เขาเห็นเว่ยอู๋เซี่ยนย่อกายลงเล็กน้อยเหมือนนักกรีฑาที่กำลังออกตัว แต่พริบตาเดียวร่างโปร่งของชายหนุ่มพลันปรากฎอยู่เหนือร่างของผีดิบประหลาด มือของเขาที่ถือกระบี่เล็กอยู่ฟาดลงมาทันทีแต่กลับถูกมือผีนั่นสกัดไว้ได้เขาจึงต้องดีดตัวออกมาอย่างจนใจและสะบัดมือใส่สร้างรังสีกระบี่พุ่งเข้าจู่โจมมือผีนั่นอย่างรุนแรงจนพื้นหญ้ากลายเป็นร่องลึก
เว่ยอู๋เซี่ยนประสานการโจมตีกับเวินหนิงอย่างคล่องแคล่วว่องไวและดูรู้ใจกันและกันดีจนหลานวั่งจีนึกอิจฉา ในขณะที่เขากำลังเหม่ออยู่นั่นเอง รังสีกระบี่จากเว่ยอู๋เซี่ยนพลันพุ่งเข้าโจมตีที่โคนแขนของมือผีเข้าเต็มเปาและเวินหนิงก็ฉีกกระชากมือข้างนั้นออกทันทีและเหวี่ยงมันออกไปจนชนเข้ากับม่านอาคมอย่างรุนแรง
“เวินหนิง!”
“ขอรับ!”
หลานวั่งจีเห็นเว่ยอู๋เซี่ยนหยิบขลุ่ยสีดำเลาหนึ่งออกมาจรดริมฝีปาก พู่สีแดงสดประดับหยกสีเขียวเข้มพริ้วไหวไปตามลมในขณะที่เสียงขลุ่ยพลันดังขึ้น ดวงตาของชายหนุ่มกลายเป็นสีแดงก่ำดั่งโลหิตพร้อมกับท่วงทำนองเร่งร้อนบาดหูที่เริงร่าอยู่กลางอากาศ มือผีนั้นพยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้หลุดพ้นจากการจับกุมแต่สุดท้ายมันก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผง
“ไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่เลย คดีผีน้ำตอนนั้นยังสนุกกว่าอีก” เว่ยอู๋เซี่ยนถอนหายใจ เท้าเหยียบขยี้ลงบนฝุ่นผงกองนั้นด้วยท่าทางหงุดหงิดก่อนจะเดินกลับไปยังซากศพแห้งกรังที่ไร้แขนซ้าย ในขณะที่เวินหนิงจำต้องกอบเศษผงที่เหลืออยู่ใส่ถุงหลักฐานเพื่อนำกลับไปแจ้งยังกองกำลังลับที่ผู้เป็นนายประจำอยู่
หลานวั่งจีก้มลงตรวจสอบศพนั้นและเหลือบมองดวงตาสีแดงสดคู่นั้นก่อนจะละสายตากลับมา ยังไม่ทันจะได้เริ่มต้นทำอะไรก็เห็นยันต์กระดาษลอยแปะลงบนศพและเกิดเพลิงฟ้าลุกไหม้จนไม่เหลือแม้แต่กระดูก สารวัตหนุ่มขมวดคิ้วไม่พอใจทันที
“นั่นมันเหยื่อของฉัน”
“นั่นก็งานทางนี้เหมือนกันนะพี่รอง”
คำพูดแสนกวนประสานนั้นทำให้หลานวั่งจีได้แต่มองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน ดวงตาสีแดงสดระยิบระยับนั้นไม่น่าไว้ใจอย่างน่าประหลาดและแฝงแววคุกคามจนสารวัตหนุ่มจำต้องก้าวถอยหลัง เว่ยอู๋เซี่ยนคลี่ยิ้มหวานหยด ขลุ่ยในมือถูกเก็บไปนานแล้วแต่สิ่งที่อยู่ในมือของเขาตอนนี้กลับเป็นกระบี่เล็กคมกริบที่สามารถเรียกเลือดคนได้เพียงแค่กรีดบางๆ
“พี่รองหลานรู้อะไรไหม? ตั้งแต่วันที่เค้าเจอพี่ครั้งแรกตอนคดีผีน้ำเค้าก็คิดมาตลอดเลยล่ะว่าเค้าอยากได้พี่มาเป็นของเค้าม๊ากมาก” เว่ยอู๋เซี่ยนยิ้ม โผเข้าหาหลานวั่งจีและผลักอีกฝ่ายจนล้ม นั่งคร่อมเอวโดยใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบแขนของสารวัตหนุ่มเอาไว้คมกระบี่ที่ถูกเงื้อขึ้นเหนือศีรษะของหลานสั่งจีสะท้อนแสงแวววาว แต่สิ่งที่งดงามที่สุดในยามนี้ในสายตาเขากลับเป็นดวงตาสีแดงสดของคนที่หมายจะเอาชีวิตเขาคู่นั้น
“มาเป็นของเค้าไปตลอดกาลเถอะนะ สามี♥
หลานวั่งจีคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเว่ยอู๋เซี่ยนทันทีจนอีกฝ่ายแปลกใจเล็กน้อย เมื่อลองเดินลมปราเสริมกำลังดูก็รู้สึกว่าตอนนี้ตนเองคล้ายจะกลายเป็นคนธรรมดาผู้หนึ่ง บางทีหลานวั่งจีคนนี้อาจจะมีของวิเศษบางสิ่งติดตัวหรือไม่ก็เป็นความสามารถเฉพาะ ทำให้คนที่อีกฝ่ายแตะต้องไม่อาจใช้ปราณที่ไหลเวียนอยู่ในร่างได้ แม้จะน่าหงุดหงิดไปบ้างแต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะยอมแพ้เพราะสิ่งที่เขาโปรดปราณที่สุดคือการต่อสู้เอาชนะ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดไม่ได้จึงพูดจาหยอกล้อไปสักคำสองคำ
“ไม่เอาน่าพี่รองหลานทำตัวว่าง่ายๆหน่อยซี่” เว่ยอู๋เซี่ยนบีบเสียงเล็กเสียงน้อยงุ้งงิ้งใส่หลานวั่งจีที่ตนนั่งคร่อมอยู่ ในมือถือกระบี่เล็กสุยเปี้ยนที่ถึงจะไม่ได้อัดปราณเข้าไปภายในก็ยังคงคมกริบและพร้อมจะเสียบทะลุคอหอยของสารวัตหนุ่มตลอดเวลาถ้าไม่ติดที่ว่าสารวัตหนุ่มเอาแรงเข้าสู้จนแขนสั่น
“ไม่”
“สามีเชื่อเค้าสิ เจ็บนิดเดียวเองแล้วหลังจากสามีตายสามีจะเป็นของเค้าคนเดียวเลยนะ”
แบบนี้ไม่ดีแน่...
เขากระชากมือของเว่ยอู๋เซี่ยนเข้าหาตัวแต่เบี่ยงกระบี่เล็กในมือให้มันปักลงที่พื้นหญ้า อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังตะลึงจับคนบนร่างเหวี่ยงลงกับพื้นและจับขาข้างที่อีกฝ่ายใช้เหยียบแขนตนยกขึ้นพาดบ่า มือควานหาขลุ่ยในโค้ทของอีกฝ่ายแล้วโยนมันออกไปไกล หลานวั่งจี่หรี่ตาลงก่อนจะรูดเนคไทออกและยัดมันเข้าไปปากของอีกฝ่ายทันที
สารวัตหนุ่มไม่สนใจท่าทางตื่นตะลึงนั่นและดึงเอาเข็มขัดของเว่ยอู๋เซี่ยนออกมารัดข้อมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้แน่น ดวงตาสีอ่อนมองท่าทางนั้นด้วยแววตาเร่าร้อนดุดันคล้ายอยากจะกลืนคนตรงหน้าลงท้องเสียให้ได้
“อื้อ!”
ยังไม่ทันจะได้หาทางออกจากสถานการณ์ตรงหน้า เขาก็เห็นว่ายีนส์ของตัวเองถูกดึงทึ้งออกอย่างโหดเหี้ยมและมันถูกใช้แทนผ้ารองบั้นท้าย เช่นเดียวกับบูทของเขาที่โดนโยนไปด้านหลัง
“เว่ยอิง ฉันจะเป็นของนาย” หลานวั่งจีพูดช้าๆ เริ่มปลุกเร้าราคะของคนใต้ร่างด้วยช้าๆ ริมฝีปากขบกัดขาเรียวงามไปตามปลีน่องจนขึ้นเป็นรอยฟันเต็มไปหมด ในภายหลังเว่ยอู๋เซี่ยนจึงรู้สึกตัวว่าสารวัตหนุ่มจงใจกัดแต่บริเวณที่พ้นรอยขาดออกมาโดยเฉพาะ
มันเป็นแฟชั่นนะ
--------------------------------------------------------
เว่ยอู๋เซี่ยนไม่รู้ว่าเวลาผ่าไปนานเท่าไหร่กันแน่แต่ตอนนี้เขาได้แต่นอนครวญครางอยู่ใต้ร่างของหลานวั่งจี คนที่น่ารำคาญแต่เขาอยากจะได้อีกฝ่ายมาทำเป็นขุนพลผีของตัวเองใจจะขาด แต่พอโดนจับแล้วก็โดนใส่ไม่ยั้งเหมือนสารวัตหนุ่มเขาอัดอั้นมานาน
รอบแรกที่สนามหญ้าหน้าคฤหาสน์สกุลโม่ รอบต่อมาเขาถูกลากกลับมาที่คอนโดทั้งๆที่ยังกรึ่มๆและเริ่มรอบใหม่ตั้งแต่อยู่หน้าประตูทางเข้า จากนั้นก็ลามไปทั่วห้อง
“พี่ พี่รองหลาน เมตตา เมตตาเค้าด้วย ฮึก เค้าจะตายแล้ว เค้าไม่มีอะไรให้ออกแล้ว!” เว่ยอู๋เซี่ยนโวยวายเสียงดัง ตอนนี้เขาเปลือยทั้งร่างแถมยังข้อมือทั้งสองข้างยังถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือสีเงินแวววาว
ใช้ของหลวงแบบนี้ขี้โกงนี่นา
“ไม่”
เว่ยอู๋เซี่ยนครางฮือในลำคอ สภาพตอนนี้ของเขาเรียกได้ว่าดูไม่จืดเลยสักนิด
“สามี เค้าขอโทษ ฮึก เค้ายอมแพ้แล้วจริงๆ!” ชายหนุ่มงอแงก่อนจะเปลี่ยนจากโวยวายเป็นครางในลำคอเมื่อช่องทางด้านหลังถูกนิ้วเรียวแทรกเข้ามาภายใน หลานวั่งจีไม่ปราณีเขาเลยสักนิด เห็นทีว่าที่เคยกวนๆเอาไว้ก่อนหน้านี้คงจะโดนคิดดอกเบี้ยทบต้นทบดอกจนตัวซีดแน่ๆ
สารวัตหนุ่มกดเจ้าตัวแสบลงคว่ำหน้าบนเตียง มือรั้งบั้นท้ายนุ่มนิ่มและขยำมันแรงๆจนกลายเป็นรอยมือและแบะก้อนเนื้มนิ่มออกจนเห็นช่องทางที่มีของเหลวสีขุ่นไหลซึมออกมา เขาจับแกนกายร้อนผ่าวของตนเองเสียดสีกับปากทางที่ขมิบรัดผิวเนื้ออ่อนถี่รัวก่อนจะกระแทกเข้าไปภายในอย่างแรง
หลานวั่งจีทำรักกับเว่ยอู๋เซี่ยนจนเช้า เขาโทรไปลาหยุดที่สถานีด้วยน้ำเสียงแหบพร่าทั้งๆที่ยังจับยึดเส้นผมที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายไว้แน่น บังคับให้เจ้าตัวกลืนกินแท่งร้อนเข้าไปในริมฝีปากอย่างว่าง่าย หลังจากได้รับคำอนุญาตมือถือก็ถูกโยนไปที่พื้น เขาจับแก้มนวลและบังคับให้อีกฝ่ายกลืนตัวตนของเขาเข้าไปลึกถึงคอหอย กระแทกไปอีกไม่กี่ครั้งก็ปลดปล่อยให้เว่ยอู๋เซี่ยนกลืนน้ำรักของเขาลงคอเป็นการปลดปล่อยครั้งสุดท้ายของ ‘วันนี้’
ชายหนุ่มมองสภาพของเจ้าตัวแสบที่นอนพังพาบอยู่บนเตียงด้วยสายตาเรียบนิ่ง เว่ยอู๋เซี่ยนเนื้อตัวเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยรอยกัดและรอยรักมากมาย ช่องทางมีของเหลวสีขุ่นที่คั่งค้างอยู่ภายในไหลซึมออกมาเช่นดียวกับใบหน้าที่เลอะคราบคราวเป็นบางส่วน
เขาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดร่างกายของเว่ยอิงจนสะอาด เอาผ้ามาห่อตัวอีกฝ่ายและใช้การ์ดห้องที่ตัวเองแอบปั้มไว้เข้าไปในห้องฝั่งตรงข้าม หลังจากโทรเรียกแม่บ้านให้ไปทำความสะอาดแล้วเขาก็เอนตัวลงนอนกอดคนที่โดนผ้าห่มห่อตัวเป็นก้อนเหมือนดักแด้ไว้โดยมีผ้านวมคลุมสะโพกไว้แค่หมิ่นเหม่
กว่าเว่ยอู๋เซี่ยนจะตื่นอีกทีก็เข้าช่วงบ่ายแล้ว ข้างตัวยังมีหลานวั่งจีกอดเอวไม่ห่างแต่พอเข้าจะยันตัวลุกขึ้นก็ต้องร้องไห้กระซิกแล้วกลับไปนอนตามเดิม
สามีเร่าร้อนรุนแรงเหลือเกิน
“หิวไหม?”
หลังจากมื้อเที่ยงค่อนบ่ายจบลง เว่ยอิงก็ได้แต่มองสารวัตหนุ่มด้วยสายตาหวาดระแวง เขาโคจรลมปราณฟื้นฟูตัวเองช้าๆจนตอนนี้สามารถลุกขึ้นยืนและเดินได้จนเกือบจะเป็นปกติ ท่ามกลางสายตาจับจ้องของหลานวั่งจีเขามองคุณตำรวจสุดหล่อที่ยุ่งง่วนกับการจัดการงานบ้านแทนเขาเงียบๆและถามขึ้นเมื่ออีกฝ่ายพักมือด้วยการเอนตัวลงบนเตียงและดึงเขาเข้าไปกอดหลวมๆ
“สามี วันแรกมาก็เล่นงานเค้าซะเละแบบนี้ไม่กลัวเค้าเครื่องพังบ้างเหรอ?”
“ขอโทษครั้งหน้าไม่ทำแล้ว” เพราะวันนี้กินจนอิ่มแล้ว หลานวั่งจีพูดต่อในใจขณะกดริมฝีปากบนขมับของอีกฝ่าย “นายเป็นของฉัน”
“ฮื่อ โมเมเอาแบบนี้ก็ได้เหรอ แล้วเด็กๆของเค้าล่ะจะเอาไปไว้ที่ไหน”
“โกรธ”
เว่ยอู๋เซี่ยนหน้าเผือดสีทันที
ทุกคืนหรือ
เอาเถอะ ไม่ได้ขุนพลผีแต่ได้สามีมาแบบนี้ก็คิดเสียว่าคุ้มก็แล้วกัน
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in