เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
My First Storynightsky9241
[Fic:MDZS] Lure Part 1

  • Fic: 魔道祖师 Lure *Lure แปลว่า ล่อลวง,หลอกล่อ

    Rate: 15

    Paring: วั่งเซี่ยน

     

    เมื่อยามราตรีมาถึงนั่นคือช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย

     

    เสียงไซเรนรถตำรวจที่ดังไปทั่วท้องถนนของเมืองหลวงประเทศ C ไม่ได้ทำให้ผู้คนแตกตื่นสักเท่าไรแต่รอบด้านของคฤหาสน์สกุลโม่ที่ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองกลับไม่ใช่

     

    สกุลโม่นั้นเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นเศรษฐีใหม่ที่ได้เชิดหน้าชูตาจากการเกาะชายกางเกงของประมุขสกุลจินจินกวงซาน ราชาแห่งการเดินเรือผู้โด่งดังด้านชื่อเสียของประเทศ C ที่กำลังถูกลูกชายและลูกนอกสมรสอีกคนเลื่อยขาเก้าอี้ยึดตำแหน่งอย่างสนุกสนานจนตนเองสามารถเชิดหน้าชูตาขึ้นมาได้ แต่ช่วงนี้สกุลโม่กำลังอยู่ในช่วงขาลงเนื่องจากมีการออกมาแฉเรื่องคุณนายสกุลโม่ทำการทารุณกรรมเด็กอีกคนที่เป็นลูกนอกสมรสของประมุขสกุลจินคนนั้นจนคุณชายจินไม่พอใจอย่างยิ่งและโจมตีสกุลโม่อย่างรุนแรงจนใกล้จะล้มละลายเข้าไปทุกทีๆ เหตุการณ์นี้ทำให้คนอดไม่ได้จนต้องพูดกันคนละคำสองคำโดยมีความหมายเดียวกันว่า ประมุขสกุลจินนี่ช่างต่ำช้าขอเพียงคลำแล้วไม่มีหางก็พร้อมเสียบเหมือนม้าพ่อพันธุ์ไม่มีผิด’

     

    โปรดอย่าเข้าใจผิดคำพูดข้างต้นนี้มิได้มีเจตนาชื่นชมแต่อย่างใด

     

    สารวัตรหลานคุณมาได้เวลาพอดีเลยครับ พอดีร่างของเหยื่อมัน...นายตำรวจที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่ถูกเรียกมาก่อนหน้านี้เข้าประชิดตัวชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทที่มีตราตำรวจและซองปืนเหน็บไว้ที่เอว กระซิบกระซาบเรื่องรายละเอียดคดีเงียบๆระหว่างเดินไปภายในคฤหาสน์หรูหราที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร

     

    ชายคนนั้นมีใบหน้าหล่อเหลารูปร่างสูงโปร่งสง่างาม ดวงตาสีอำพันคมกริบกวาดมองไปยังฝูงชนทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางประการแต่เมื่อไม่เห็นสิ่งใดก็หันกลับมาตั้งใจฟังต่อเงียบๆ

     

    ในขณะเดียวกันนั้นเองบนดาดฟ้าของอาคารสูงที่ห่างไปสามบล็อกมีชายหนุ่มคนหนึ่งฉีกยิ้มกว้างอย่างถูกใจและดูสนุกสนาน ดวงตาทรงเมล็ดซิ่งคู่นั้นที่เปลี่ยนจากสีทับทิมกลับมาเป็นสีเทาหม่นเช่นเดิมเปล่งประกายระยิบระยับ ริมฝีปากบนใบหน้าหล่อเหลาติดหวานฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กที่เห็นของเล่นบนชั้นวางและอยากได้จนตัวสั่น

     

    เขาสวมชุดรัดกุมสีเข้มทั้งเสื้อยืดคอวีสีดำไร้ลวดลาย สกินนี่ยีนส์ขาดๆสีซีดและโอเวอร์โค้ทหนังสีดำมีฮู้ดยาวถึงเข่า เขาสวมบู้ทที่เหมือนกับของที่พวกทหารใช้กันมากกว่ารองเท้าแฟชั่นแต่ในมือนั้นกลับควงขลุ่ยสีดำประดับพู่ไหมสีแดงก่ำและหยกสีเขียวสดโดยไม่กลัวว่ามันจะร่วงลงไปข้างล่างแต่อย่างใด แถมตอนนี้เจ้าตัวยังเย้ยฟ้าท้าลมด้วยการยืนอยู่บนขอบปูนเล็กๆบนดาดฟ้าโดยไม่กลัวตกอีกต่างหาก

     

    ยอดเยี่ยม! เซนส์ดีแบบนี้ถึงจะน่ารำคาญไปหน่อยแต่ฉันอยากได้หมอนั่นจริงๆ!” ชายหนุ่มผิวซีดที่สวมเสื้อโค้ทตัวใหญ่และดึงฮู้ดขึ้นจนเห็นหน้าไม่ชัดกับถุงมือนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงนอบน้อมติดสำเนียงโบราณ

     

    เรื่องนั้นเวินหนิงเกรงว่าจะไม่เหมาะ เวินหนิงเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเตือน คุณชายเว่ยหากไม่รีบกลับไปตอนนี้เกรงว่าจะไม่ทันเวลานะขอรับ

     

    รู้แล้วน่ะ คุณชายเว่ย หรือ เว่ยอู๋เซี่ยนโบกมือปัดๆก่อนจะหันหลังและกระโดดลงมาจากขอบปูนมือขาวทัดผมยาวๆของตนเองไว้หลังใบหูก่อนจะเก็บเฉินฉิงไว้ในเสื้อโค้ทแล้วคลี่ยิ้มซุกซน

     

    ไปกันเถอะ วันนี้ฉันมีนัดกับอาจารย์หญิงเสียด้วยสิ

     

    -------------------------------------------------------------

     

    ช้า!” เสียงตวาดพร้อมเสียงแส้กระทบเนื้ออันรุนแรงจนคนโดนต้องร้องซี้ดดังขึ้นพร้อมการปรากฏตัวของโฉมงามในชุดเดรสสวยงาม หล่อนมีใบหน้าเฉี่ยวคมและดวงตาดุดันกับหุ่นทรงนาฬิกาทรายสุดเซ็กซี่แม้ว่าจะลูกสองแล้วก็ตามที

     

    เมตตาผมด้วยเถอะคร้าบ เว่ยอู๋เซี่ยนยกมือไหว้ประหลกๆ จนเมื่ออวี๋จื่อเยวี่ยนยอมรามือเปลี่ยนให้แส้เส้นยาวที่มีสายฟ้าสีม่วงแลบแปลบปลาบนั้นกลายเป็นแหวนที่นิ้วชี้เช่นเดิมเขาถึงได้วางใจ

     

    งานเป็นไงบ้าง รายงานมาซิ” หล่อนเดินไปนั่งไขว่ห้างหลังโต๊ะทำงานไม้ใหญ่โตด้วยมาดราวราชินี ส่วนทางด้านเจ้าคนที่หล่อนค่อนขอดเสมอว่าทั้งเหยาะแหยะและไม่มีวินัยนั้นเอามือไพล่หลังและยืนกางขาออกเล็กน้อยอย่างมั่นคง รายงานเสียงดังฟังชัด

     

    ยืนยันภารกิจ สมาชิกทั้งสกุลโม่ทั้งหมดไม่มีชีวิตรอดเลยแม้แต่คนเดียวครับ” เว่ยอู๋เซี่ยนยิ้มเล่นปอยผมที่ร่วงลงมาจากมวยผมที่ตนเองรวบไว้ครึ่งศีรษะ สิ่งที่ใช้แทนปิ่นกับเป็นวัตถุยาวเรียวที่มีรูปลักษณ์คล้ายดาบเล่มหนึ่ง ผมกับเวินหนิงพยายามไล่ตามแล้วแต่เจ้านั่นไวกว่าที่คิด เฮ้อ ทำไมทางกองต้องให้ผมทำงานนี้คนเดียวด้วยนะ...

     

    เมื่อท่าทางเป็นการเป็นงานเปลี่ยนเป็นเหลาะแหละอวี๋ฟูเหรินพลันปาปากกาใส่ด้วยความหมั่นไส้อย่างสุดซึ้งซึ่งแน่นอนว่าเจ้าศิษย์ตัวแสบของนางคนนี้ย่อมหลบได้อย่างง่ายดาย

     

    ภาษิตว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอคือผู้ฝึกวิถีมารเพียงหนึ่งเดียวของกองกำลังลับแล้วจะเป็นใครได้อีก!”

     

    เอาเหอะๆ อาจารย์หญิงคนดี ศิษย์น้อยๆคนนี้ของอาจารย์หิวจนไส้จะขาดแล้ว ไปกินข้าวกันน้า~”

     

    เพียงพริบตาเดียวคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานพลันหายไปอยู่ด้านหลังเก้าอี้หนัง สองมือบีบนวดไหล่บางทั้งยังบีบเสียงเล็กเสียงน้อยประจบประแจงเจ๊ใหญ่บ้านสกุลเจียงอย่างน่าเตะเป็นที่สุดแถมยังแหย่จนอวี๋จื่อเยวียนโวยวายได้สำเร็จ บางทีก็ให้รู้สึกว่าเจ้าเด็กบ้านี่ถ้าไม่ทำให้เธอโกรธให้ได้คงนอนไม่หลับ!

     

    ภาพเว่ยอู๋เซี่ยนถูกอวี๋ฟูเหรินดึงหูถูลู่ถูกังออกมาจากห้องทำงานส่วนตัวบุวัสดุกันเสียงอย่างดีของเธอเป็นภาพที่คนในคฤหาสน์สกุลเจียงคุ้นตาเป็นอย่างดีจนไม่มีใครคิดเป็นอื่น นอกจากนี้สมัยคุณชายเว่ยคนนี้ยังเด็กเขายังถูกนายหญิงของบ้านเลี้ยงดูด้วยหมัดเท้าเข่าศอกจนเนื้อตัวฟกช้ำไปไม่น้อย

     

    เสี่ยวเยวียน” น้ำเสียงทุ้มนุ่มอ่อนโยนที่ดังขึ้นทำให้อวี๋จื่อเยวียนหยุดมือที่กำลังตบตีศิษย์ในปกครองที่เสแสร้งปัดป้องแบบไม่จริงจังนัก ผู้พูดคือเจียงเฟิงเหมียน สามีสุดที่รักของอาจารย์หญิงคนสวยของเว่ยอู่เซี่ยน ดวงตาคู่นั้นมองภรรยาของตนด้วยสายตารักใคร่ก่อนจะอ้าแขนรับร่างอวบอิ่มของเธอเข้าไปกอดและหอมแก้มเบาๆจนแม่เสือสาวส่งเสียงหึทั้งใบหน้าแดงก่ำ

     

    คุณลุงเจียง เว่ยอู๋เซี่ยนหัวเราะคิกคักแล้วก้มศีรษะทักทายสามีของอาจารย์หญิง จนเมื่อโดนหล่อนขู่ด้วยกำปั้นอีกหนนึงนั่นแหละเขาถึงได้ทำท่ารูดซิบปากไม่พูดอะไรอีก

     

    อาเซี่ยนพักนี้ไม่ได้เจอเลยนะ อาเฉิงเองก็บอกว่าไม่ค่อยเห็นเธอที่มหาลัยเหมือนกัน เจียงเฟิงเหมียนทักทายลูกศิษย์ของภรรยา มือหนึ่งโอบเอวบอบบางของอวี๋จื่อเยวียนไว้หลวมๆ ส่วนอีกมือถือทั้งกระเป๋าใส่เอกสารและถุงกระดาษสกรีนตราร้านเครื่องประดับชื่อดัง

     

    พอดีทำเรื่องจบไว้เรียบร้อยแล้วน่ะครับเลยมีเวลาไปยุ่งเรื่องอื่นได้ ทางด้านอาเฉิงเองก็คงยุ่งไม่เบาสินะครับ?

     

    ใช่ รายนั้นน่ะบ่นเป็นหมีกินผึ้งทุกวันเลยล่ะว่ามีแต่งาน” เขายิ้มและดึงมือขาวของภรรยาไปทางบันได เมินเรื่องอื่นที่หลานชายเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้าอย่างนั้นเธอทำตัวตามสบายนะ ลุงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน

     

    ชายหนุ่มรับคำเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วทิ้งตัวลงบนโซฟา เอาขาพาดพนักวางแขนอย่างไม่เรียบร้อยเท่าไหร่นักแถมยังเอาหมอนอิงมาปิดหน้าตัวเองกะงีบเอาแรงสักพักด้วย น่าเสียดายที่ในจังหวะที่กำลังจะเคลิ้มหลับนั่นเองกลับโดนเสียงแปดหลอดปลุกจนสร่างเสียก่อน

     

    เว่ย อู๋ เซี่ยน!นายหายหัวไปไหนมาหะ!!!”

     

    โอ๊ย สวรรค์ อาเฉิงคนดี นายอย่าทำแบบนี้กับพี่ชายได้ไหม” เขาโอดครวญเมื่อถูกเจียงเฉิงลูกชายเพียงคนเดียวของเจียงเฟิงเหมียนและอาจารย์หญิงอวี๋จื่อเยวียนกระชากคอเสื้อและเขย่า ฉันทำเรื่องจบอะไรเรียบร้อยแล้วเหลือแค่รับปริญญาเท่านั้นเอง

     

    เจียงเฉิงขมวดคิ้ว พึมพำเสียงค่อย นายจะเป็นทหารเหมือนแม่จริงๆเหรอ...

     

    ชายหนุ่มเพียงแค่แบมือทั้งสองข้างเสมอไหล่เป็นคำตอบ ทั้งบ้านนี้มีเพียงแค่อาจารย์หญิงเท่านั้นที่รู้ว่างานจริงๆของเขาคืออะไร ส่วนคนอื่นๆนั้นก็แค่เห็นว่าเขาเป็นทหารเหมือนอาจารย์หญิงที่ปลดประจำการแล้วเท่านั้นเอง

     

    เมื่อเจียงเฉิงเห็นท่าทีเช่นนั้นก็ส่งเสียงเหอะและปล่อยให้อีกฝ่ายลงไปนอนกับโซฟาแต่โดยดี ยึกยักไปมาสักครู่ก็ถามคล้ายเกริ่นไปหาเรื่องบางอย่าง

     

    ...ถ้าเกิดมีผู้ชายคนนึงมาทำดีกับนายนายจะคิดว่ายังไง?

     

    ต้องดูก่อนว่าทำดีนี่ดีในแง่ไหน คนอายุมากกว่ากระดิกเท้า อาเฉิงอา นายก็รู้ว่าฉันเป็นพลพรรคสนับสนุน LGBT แต่ถ้าเขาหล่อก็จีบเลย!”

     

    ไอ้บ้านี่!” เจียงเฉิงแยกเขี้ยวและเริ่มต่อยตีพี่ชายต่างสายเลือดเป็นพัลวัน ใบหน้าแดงก่ำเพราะทั้งอายทั้งโกรธในขณะที่คนปัดป้องหัวเราะร่า ไม่ได้คิดอะไรมากมายนักแต่กลับรับมือมวยวัดที่อาเฉิงเรียนรู้มาจากมารดาอย่างสนุกสนาน

     

    ------------------------------------------------------

     

    หลังจากกินมื้อเย็นที่คฤหาสน์สกุลเจียงเสร็จเว่ยอิงก็กลับคอนโดของตัวเองที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองที่หรูหราไม่แพ้กัน แต่ไม่คิดว่าทันทีที่เปิดประตูเข้ามาจะเจออะไรแบบนี้เข้า

     

    ภายในห้องชุดสุดหรูที่มีผู้พักอาศัยอยู่แค่คนเดียวกลับมีแขกไม่ได้รับเชิญนั่งรอเจ้าของห้องอยู่ เขายังคงสวมสูทสีเข้มเช่นเดิมดวงตาคมกริบสีอ่อนมองเจ้าของห้องนิ่งในขณะที่ผมสีดำตัดสั้นดูยุ่งเหยิงเล็กน้อยแต่กับเสริมให้เขาดูดิบเถื่อนมากยิ่งขึ้น ใบหน้าหล่อเหลามองตามการกระทำของเว่ยอู๋เซี่ยนเหมือนนายพรานจับจ้องเหยื่อ

     

    อุ๊ย พี่รองหลานแอบเข้าห้องเค้าแบบนี้คิดจะทำมิดีมิร้ายเค้าใช่ไหม ลามกที่สุดเลย~” เจ้าของห้องที่โดนบุกรุกไม่ได้มีท่าทางแปลกประหลาดแถมยังทำตัวสะดีดสะดิ้งกวนอารมณ์เป็นที่สุดจนสารวัตหลานวั่งจีได้แต่ถอนหายใจ

     

    เว่ยอิง อย่าแรด

     

    แค่ก ก็ได้ๆ ตกลงดึกดื่นป่านนี้พี่มานี่มีอะไรล่ะ เขายักไหล่น้อยๆ ถอดรองเท้าเหวี่ยงไว้ด้านหนึ่งลวกๆ เสื้อโค้ทเองก็แขวนไว้ที่ราว ถ้ามาเพราะมากวนกันอย่างเดียวก็กลับไปเลย คนอะไรใช้อำนาจในทางที่มิชอบแอบไปปั้มการ์ดห้องเค้ามาโดยพละการ เชอะ!”

     

    ...วันนี้มีคดีทีบ้านสกุลโม่ เหยื่อตัวแห้งเหมือนถูกสูบเลือดเนื้อออกไปจนหมด” หลานวั่งจีนำรูปภาพจากสถานที่เกิดเหตุออกมาวางบนโต๊ะให้เจ้าของห้องดูที่ละภาพ แต่ละภาพดูสยดสยองยิ่งกว่าภาพจากหนังสยองขวัญเกรด B เสียอีก นายได้ไปที่เกิดเหตุวันนี้รึเปล่า?

     

    เว่ยอู๋เซี่ยนยิ้มหวานพร้อมทั้งหัวเราะเบาๆไม่สะทกสะท้านกับสายตาคมกริบนั่นแม้แต่น้อย พี่รองหลานนี่พูดอะไรแปลกๆ ทำไมฉันต้องไปที่อะไรแบบนั้นด้วยล่ะ

     

    เพราะนายน่าสงสัย

     

    ไม่เอาน่าพี่รอง เรื่องมันตั้งนานขนาดนั้นแล้วแถมคนทำก็ไม่ใช่ฉันสักหน่อย พี่เลิกคิดจะยัดฉันเข้าซังเตสักทีเถอะ เว่ยอิงโบกมือ เขาพูดถึงคดีที่เป็นต้นเหตุให้เขาและหลานวั่งจีได้พบเป็นครั้งแรกและเป็นจุดเริ่มต้นของการไล่ล่าแบบกัดไม่ปล่อยเหมือนหมาบ้านี่

     

    จนกว่าจะจับนายได้ฉันจะไม่ล้มเลิกความตั้งใจ หลานวั่งจีหยิบเสื้อโค้ทที่วางไว้มาพาดแขน ขอโทษที่รบกวน

     

    บ๊ายบายยย คืนนี้ฝันถึงเค้าด้วยนะคะสามี จุ๊บๆๆ

     

    ...

     

    หลานวั่งจีปิดประตูทิ้งท้ายดังสนั่นจนแทบได้ยินไปทั้งชั้น ห้องเจ้าตัวเองก็อยู่ตรงข้ามห้องเขานี่เองไม่ได้ไกลอะไรเท่าไหร่นัก เว่ยอู๋เซี่ยนยิ้มหวาน เผลอยกมือขึ้นมากัดเล็บตามความเคยชินอย่างอดไม่ได้

     

    แย่แล้ว แย่จริงๆ เวินหนิง ฉันอยากได้เขา!” เขาลุกจากโซฟาและย่ำเท้าไปมาเหมือนเด็กเอาแต่ใจในขณะที่เจ้าของชื่อนั้นปรากฎตัวออกมาจากเงามืด ยกแก้วน้ำบนโต๊ะไปเก็บล้างพร้อมตอบอย่างนอบน้อมเช่นเดิม

     

    เวินหนิงเกรงว่าจะไม่เหมาะ

     

    ไม่เหมาะไม่ได้ของที่ฉันอยากได้ก็ต้องได้ ในเมื่อฉันอยากได้ หมอนั้นก็ต้องเป็นของฉัน!”

     

    คุณชายช่วยลดเสียงลงหน่อยได้หรือไม่... ถึงห้องนี้จะเก็บเสียงอย่างดีแต่ก็ใช่ว่าคุณชายควรจะกระโดดโลดเต้นแบบนี้นะขอรับ เวินหนิงรำพึงในใจ

     

    ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเขาก็นานแล้วเหมือนกันนะขอรับ คุณชายรองหลานผู้นั้น เวินหนิงที่ถอดเสื้อโค้ทตัวโตออกจนเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงพูดขณะชงชาอวิ๋นซานอิ๋นเจิน(ชาเข็มเงินจวินซาน)ตามพิธีชงชาแบบโบราณ

     

    เวินหนิงเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งให้ถูกคือเป็น ศพ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ตายจากคดีฆ่าล้างครอบครัวที่เว่ยอู๋เซี่ยนทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นขุนพลผีใต้อาณัติของตนเอง เส้นผมสีดำยาวถูกรวบไว้ที่ท้ายทอยลวกๆและเก็บผมที่ปรกใบหน้าไว้ด้วยกิ๊บดำตัวเล็ก ดวงตาทั้งสองข้างเป็นสีขาวทั้งดวงเช่นเดียวกับผิวขาวซีดจนเหมือนกระดาษ ผีดิบหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีดำและยีนส์สีเข้มกับถุงมือหนังคู่หนึ่ง หากไม่นับสีผิวที่แปลกประหลาดกับดวงตาแล้วเจ้าตัวคงไม่ต่างจากนายแบบสุดหล่อจากนิตยสารเสียเท่าไหร่

     

    ใช่ แต่พอมีคดีอะไรแปลกๆหมอนั่นก็เอาแต่พุ่งเป้ามาที่ฉันทุกที น่าเบื่อ เว่ยอู๋เซี่ยนหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบแถมยังบ่นงึมงำไม่หยุด จมูกไวชะมัด ทำไมหมอนั่นถึงได้เซนส์ดีนักนะ”

     

    เวินหนิงไม่ได้พูดอะไรอีกเขาก้มหน้าก้มตาเก็บกวาดบ้านช้าๆ จนกระทั่งผู้เป็นนายเข้านอนไปแล้วตนเองถึงได้นั่งบนโซฟาเงียบๆเปลือกตาปิดลงและเปิดประสาทสัมผัสการฟัง ขยายไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อเก็บลายละเอียดทุกสิ่ง

     

    เวินหนิงทำเช่นนั้นต่อไปจนถึงเช้า...

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in