เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
TransSongs เพลงแปลงร่างWinai Chaichana
ในฝัน | In Dreams (OST. The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring) - Edward Ross [Thai Version]
  • เด็กที่เกิดยุค '90s และโตมาในยุค 2000s หลายคนน่าจะเคยรับชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เอฟเฟ็คอลังการที่ช่วยเปิดจินตนาการให้กว้างไกลเกินขีดจำกัดของตัวเองอย่างภาพยนตร์ไตรภาคชุด The Lord of The Rings โดยเฉพาะภาคแรก The Fellowship of the Ring (2001) อันเป็นปฐมบทแห่งการผจญภัยในมัชฌิมโลกที่แสนตระการตาน่าทึ่ง ภาพภูมิทัศน์ตลอดจนรูปร่างลักษณะและการแต่งกายของเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ รวมทั้งสัตว์ประหลาดในเรื่องถือเป็นของแปลกตาที่เด็กสมัยนั้นรวมทั้งผมยังคงจดจำได้มาจนถึงทุกวันนี้

    นอกจากภาพและเรื่องราวการผจญภัยเหนือจินตนาการในเรื่องแล้ว อีกสิ่งหนึ่งท่ี่ประทับใจผมและเพื่อนรุ่นเดียวกันรวมทั้งผู้ใหญ่สมัยนั้นที่ได้รับชมเรื่องนี้ก็คือเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ประพันธ์โดย Howard Shore ทุกเพลงในหนังทำให้ผู้ชมรู้สึกร่วมไปกับอารมณ์ของเรื่องได้เป็นอย่างดี และมีเพลงหนึ่งที่เรามักจะได้ยินทำนอง intro ติดหูตลอดทั้ง 3 ภาค ไม่ว่าจะในฉากหมู่บ้านไชร์อันสงบสุขของชาวฮ็อบบิทหรือฉากที่ตัวละครแสดงความรู้สึกซาบซึ้ง และทำนอง outro สุดยิ่งใหญ่ที่มักจะได้ยินในฉากต่อสู้หรือฉากสงคราม และเมื่อจบภาค The Fellowship of the Ring ช่วง end credit เพลงนี้ก็กลับมาอีกครั้งแต่เพิ่มเสียงโซปราโนของเด็กชายชื่อ Edward Ross ที่เปรียบเสมือนตัวแทนเหล่าฮอบบิทคนตัวเล็กมาขับขานบทเพลงให้ผู้ชมเข้าถึงแก่นสารและอารมณ์ของภาพยนตร์มากขึ้น เพลงที่ว่าก็คือ In Dreams

    เพลงนี้ไม่ได้ปรากฏแค่ในไตรภาค LOTR เท่านั้น แต่ประมาณ 10 ปีหลังจากนั้นเพลงนี้ก็ยังปรากฏในไตรภาค The Hobbit ด้วยซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์การผจญภัยของบิลโบ แบ๊กกินส์ที่เกิดขึ้นก่อนเรื่อง LOTR อันที่จริง Peter Jackson ผู้กำกับ LOTR อยากสร้าง Hobbit ก่อนแต่ติดปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์จึงไปทำ LOTR แทน แต่พอผมได้ดู Hobbit หลัง LOTR ก็ไม่ได้รู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่รู้สึกว่าได้ย้อนกลับมาดูเหตุการณ์ก่อนหน้า ทำให้เข้าใจเรื่องราวใน LOTR มากขึ้นเหมือนได้ "go there and back again" เหมือนในเนื้อเพลง In Dreams แถม There and Back Again ก็ยังเป็นอีกชื่อหนึ่งของ Hobbit อีกด้วย ผมเดาว่าคนเขียนเนื้อเพลงนี้น่าจะตั้งใจใส่วลีดังกล่าวเป็น Easter egg เพื่อเชื่อมโยงไปถึง Hobbit ว่าคือเรื่องราวก่อน LOTR และยังเป็นหนังที่ Peter Jackson ต้องการสร้างให้ได้ และเขาก็สร้างมันสำเร็จอย่างประสบความสำเร็จในทศวรรษถัดไป

    ผมได้ยินทำนองเพลง In Dreams ตั้งแต่ฉากแรกทีี่พ่อมดแกนดัลฟ์มาหาพ่อเฒ่าบิลโบใน The Fellowship of The Rings พอได้ดู Hobbit จนถึงฉากจบ The Battle of The Five Armies ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของไตรภาคชุดนี้ ผมก็ถึงกับน้ำตาคลอเมื่อได้เห็นฉากที่แกนดัล์ฟเคาะประตูบ้านบิลโบ แล้วบิลโบก็เปิดประตูออกไปรับและโผเข้ากอดกันด้วยความดีใจ นี่คือฉากเดียวกันใน The Fellowship of the Ring แม้ภาพจะเป็นคนละมุมแต่ก็ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งใจเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันแสนนาน เป็นฉากเริ่มและฉากจบที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่เคยดูหนังมาเลย (หากใครอยากอินแบบผมขอแนะนำให้ดู LOTR ตั้งแต่ต้นจนจบแล้วค่อยต่อด้วย Hobbit ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ถ้าใครเคยดูฉากนี้แล้วแต่อยากรื้อฟื้นความทรงจำหรือใครที่ยังไม่เคยดูแต่อยากดูไม่กลัวสปอยล์ก็แนะนำให้คลิกเข้าไปดูทีี่คลิป Gandalf in Bagend และ The Battle of The Five Armies: Ending Scene 1080 HD ได้เลย)


    In Dreams (เวอร์ชั่นต้นฉบับ)


    When the cold of winter comes,
    Starless night will cover day
    In the veiling of the sun,
    We will walk in bitter rain

    But in dreams (but in dreams), 
    I can hear your name
    And in dreams (and in dreams),
    We will meet again

    When the seas and mountains fall
    And we come to end of days,
    In the dark I hear a call
    Calling me there
    I will go there
    And back again
  • ในฝัน (In Dreams เวอร์ชั่นภาษาไทย)


    เมื่อลมหนาวเหมันต์พัดมา
    ราตรีดำครอบงำทิวา
    ดวงตะวันลับในเมฆา
    เราจะเดินท่ามฝนเยือกเย็น

    แต่ในฝัน (ช่างงดงาม)
    ข้าได้ยินนามเจ้า
    และในฝัน (อันงดงาม)
    เราจะได้พบกันอีกครั้ง

    เมื่อทะเลและเขาลับตา
    และเรามาถึงสนธยา
    ในราตรีข้ายินเสียงเรียก
    ข้าจะไปหา
    และจะหวนมา
    ที่เดิมอีกครั้ง


    ที่มาของภาพปกบทความ:
    http://foots.info/lord-rings-fellowship-ring/

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in