เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
You, Me and London (unfinished)ad.ar
You, Me and London | 05 Ordinary People
  • Chapter 05 | Ordinary People

    We're just ordinary people
    We don't know which way to go
    — John Legend - Ordinary People



    15 ตุลาคม 2013
    หลังจากทริป Brighton เราก็เเทบไม่ได้เจอไบรอันอีกเลย เนื่องจากไบรอันติดธุระ จึงมีไกด์อีกคนมาดูเเลพวกเราแทน ซึ่งเขาก็ nice ดี แต่ก็นั่นแหละพูดคุยตามประสาไกด์ทั่วไป จนมาถึงวันนี้ เป็นวันที่ไบรอันจะกลับมาพร้อมพาพวกเราเที่ยวอีกครั้ง! วันนี้เราไปเที่ยวที่ Oxford กัน ตามแพลนที่พี่กุ๊กบอกพวกเราคร่าวๆ ก็จะมี Christ Church, Oxford University และไป shopping ที่ Bicester Village 

    ในช่วงเช้าของวันเราก็ได้เข้าคลาสเพื่อไปเรียนตามปกติ เออฉันลืมบอก หลังจากเพื่อนๆ ชาวรัสเซียได้กลับไปแล้ว ฉันและคนอื่นๆก็ได้ทำการทดสอบวัดระดับภาษากันอีกครั้ง เพื่อจะได้ถูกจับไปอยู่กับคลาสใหม่และเพื่อนใหม่ๆ โดยคลาสที่ฉันได้เรียนนั้นมีคนไทยก็คือฉันคนเดียว นอกนั้นเป็นเพื่อนๆชาวอิตาลี ซึ่งอาจารย์ก็ได้มีให้จับกลุ่มกันเพื่อจะได้ทำกิจกรรมและช่วยดูเเลกันตลอดการเรียนในคลาสนี้ โดยเเต่ละกลุ่มจะมี 3 คน เพื่อนร่วมกลุ่มฉันก็มี Sara อิตาเลียนเกิร์ลตาสีเข้มผมสีเข้มตัวเล็ก และอีกคนคือ Jessica บลอนด์แฮร์เกิร์ล ตาสีฟ้า ผอมสูงและขี้เม้าท์ โดยคลาสเราก็มีกันประมาณ 13 คน ซึ่งก็ถือเป็นคลาสที่เล็ก เวลาทำกิจกรรมก็มีโอกาสพูดคุย และได้รู้จักหน้าคร่าตากันอยู่เนืองๆ 

    พอถึงตอนเที่ยงเราก็ได้เดินทางไป Oxford ตามแพลน โดยในส่วนของการเดินทางนั้นเราก็ได้ขึ้นรถบัสกันไป วันนี้ไบรอันใส่แจ็กเกตสีน้ำตาลเข้ม และตรงปกเป็นขนสัตว์สีน้ำตาลอ่อน ซึ่ง match กับสีผมของเขามากๆ (รู้สึกพ่ายเเพ้) และที่สำคัญเขาดูร่าเริงผิดปกติซะด้วย วันนี้น่าจะเป็นวันดีๆที่อังกฤษอีก 1 วัน :)


    เมื่อถึง Oxford ที่เเรกที่เราไปเยี่ยมชมกันก็คงไม่พ้น Oxford University บรรยากาศคือดีีมากๆ ดูมีความเป็นมหาลัยแบบมหาลัยจริงๆ แต่ฉันก็แอบสงสัยว่านักเรียนที่นี่เขาจะรู้สึกรำคาญบ้างมั้ยที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปมาเดินป้วนเปี้ยนอยู่ตลอดเวลา แต่เขาก็คงชินกันแล้วแหละ


    จากนั้นเราก็เข้าไปใน Christ Church กัน ข้างในสวยมาก ฉันชอบโบสถ์ตรงที่เขาใส่ใจทุกรายละเอียดจริงๆ ตั้งเเต่หลังคา เพดาน ผนัง กระจก ทุกอย่างมีความประณีตและดูสวยงาม ทุกคนเอนจอยถ่ายรูปภายในโบสถ์กันมาก ส่วนฉันที่ไม่ได้อินกับการหามุมถ่ายรูปคู่กับโบสถ์ขนาดนั้น เเค่ถ่ายภาพโบสถ์ไว้เป็นที่ระลึกและซึมซับกับความงามตรงหน้า ทำให้ทุกๆครั้งที่ไปไหนฉันมักจะมีเวลาว่างเหลือในการเดินเล่นเสมอ ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ในขณะที่ทุกคนพยายามต่อคิวถ่ายรูปกับมุมเด็ดที่สุด ก็เหลือฉันและไบรอันยืนคุยเล่นและถ่ายรูปเล่นกัน ไบรอันชวนฉันสร้างเทรนด์ใหม่ด้วยการถ่ายรูปกะส่วนที่ไม่ค่อยมีคนไปถ่าย เช่นป้ายชี้บอกทาง ซึ่งไบรอันไปยืนข้างลูกศรให้มันชี้เข้าหาตัวเอง ดูร่าเริงผิดปกติจริงๆ 555


    หลังจากชื่นชมโบสถ์กันหนำใจแล้วพี่กุ๊กก็ได้ปล่อยให้เราไปเดินชมเมืองและ shopping ตามสะดวกและมาเจอกันอีกทีเพื่อขึ้นรถกลับลอนดอนตามที่ได้นัดหมายเวลาเอาไว้ 



    เมื่อถึงเวลานัดเราได้มารวมตัวกันขึ้นรถกลับ โดยฉันนั่งใกล้ๆพี่กุ๊กและไบรอัน จึงทำให้ได้รับรู้เรื่องบางอย่างที่จริงๆก็ไม่ควรจะรู้ นั่นก็คือเรื่องราวความรักของไบรอัน... โดยทอปปิคนี้ถูกเปิดขึ้นโดยพี่กุ๊กได้ถามถึงแฟน(คนเก่า ซึ่งตอนนั้นพี่กุ๊กก็ไม่รู้ว่าทั้งสองคนได้เลิกกันแล้ว) พี่กุ๊กได้ถามไบรอันว่า "หมิว(นามสมมติ)เป็นยังไงบ้าง" ซึ่งพี่หมิวเป็นแฟนเก่าไบรอัน เป็นคนไทยที่มาเรียนอยู่อังกฤษเลยได้เจอกันและเป็นแฟนกัน แต่ตอนนี้พี่หมิวเรียนจบและได้กลับไปยังเมืองไทยแล้ว ไบรอันก็เหมือนไม่อยากเล่า แต่ก็หันมาสบตาฉันครั้งนึง ซึ่งเหมือนจะไว้ใจจึงพูดต่อว่า เขากับหมิวเลิกกันแล้ว และหมิวก็กำลังจะเเต่งงานกับชายจีนที่อยู่เมืองไทย โดยถูกพ่อแม่คลุมถุงชน เขาก็ทำอะไรไม่ได้ โดยในขณะที่พูดนั้นฉันสังเกตสายตาของไบรอันที่ยังไม่ลืมพี่หมิว เขาพูดด้วยสายตาที่เศร้า เศร้ามากๆจนฉันอยากจะเข้าไปกอดและพูดปลอบใจ แต่ฉันทำอะไรไม่ได้ นอกจากจะนั่งเงียบและส่งทุกคำพูดไปยังสายตาที่มองไปหาไบรอัน ฉันไม่รู้ว่าหลังจากแยกย้ายกันกลับบ้านในคืนนี้จะเป็นยังไง เขาจะนอนหลับมั้ย ฉันไม่รู้เลย...
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in