“ไม่ว่าเธอจะเกิดใหม่อีกสักกี่ครั้ง ฉันสัญญา ว่าจะพาเธอกลับมาแน่นอน”
จองเซอุนผวาเฮือก สะดุ้งตื่นจากความฝัน จนตุ๊กตาหมีตัวโตที่ปกคลุมไปด้วยดอกไม้คริสตัลไถล่จากอกหล่นลงจากเตียงกว้าง แทนที่จะสนใจ เด็กหนุ่มกลับนั่งนิ่งด้วยดวงตาเบิกกว้าง ลมหายใจหอบถี่ ภาพความฝันที่เพิ่งฝันถึงปรากฏขึ้นเป็นฉากๆ ไม่ว่าจะเป็นแท่นหินภายในมหาวิหาร เปลวไฟที่ลุกท่วมสูง ประกายแสงจากคมมีด เลือดสดๆ ที่หลั่งริน พร้อมกับเสียงทุ้มนุ่มที่เอ่ยประโยคเหล่านั้นราวขับขานบทกวี
“เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นไปได้ยังไง...”
จองเซอุนกระซิบเสียงแหบพร่า ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านเกินควบคุม เขาสะบัดผ้าห่มผืนหนาที่คลุมตัวออก ก้าวพรวดออกจากห้อง มุ่งตรงไปยังห้องหนังสือที่อยู่ชั้นล่าง
“นายน้อยเซอุนตื่นแล้วเหรอคะ ยูจินเตรียมอาหาร...”
จองเซอุนเดินผ่านหน้าเด็กสาวไปโดยที่เธอยังไม่ทันได้พูดจบ เขาผลักประตูห้องหนังสือให้เปิดออกจนเกิดเสียงดังปัง ตรงดิ่งไปที่ชั้น ดึงหนังสือเล่มหนาทั้งหมดที่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ฝันถึงออกมา พลิกอ่านอย่างรวดเร็ว พอไม่ใช่เล่มที่ต้องการก็ปาทิ้งพื้นแล้วหยิบเล่มใหม่ ขอบตาของเขาแดงระเรื่อขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเริ่มรู้สึกร้อนใจ เมื่อยังไม่เจอสิ่งที่ต้องการ
“นายน้อย เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ” อันยูจินที่เกาะขอบประตูอยู่ถามเสียงสั่นเครือ
“ยูจิน! มันอยู่ไหน! มันต้องมีใช่ไหม หนังสือที่เกี่ยวกับเวทมนตร์บทนั้น!”
จองเซอุนหันไปขึ้นเสียงถามอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แทนที่อันยูจินจะแสดงสีหน้าสับสนงงงวยเหมือนไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร เด็กสาวผมน้ำตาลกลับเบิกตากว้าง ใบหน้าซีดเผือด ริมฝีปากสั่นระริกระคนสับสนปนหวาดกลัว และปฏิกิริยาแบบนี้นี่เอง เลยทำให้เขาได้คำตอบ
เธอรู้... ยูจินเองก็รู้เรื่องนั้น —
จองเซอุนเหยียดยิ้มบางด้วยความรู้สึกเย้ยหยันในตัวเอง เพราะมันเหมือนกับว่ามีเขาแค่คนเดียวเท่านั้นที่โง่งม ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยมาตั้งแต่ต้น สเลย์เบก้าหนุ่มหลุบสายตาลงต่ำ พร้อมกับบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไป ละอองแสงราวกับดวงดาวที่โอบล้อมรอบตัวนั้นหมุนวนอย่างรุนแรงและเกรี้ยวกราด จนเกิดสายลมลูกเล็กขึ้นภายในห้อง เมื่อเด็กหนุ่มขยับมือไปด้านข้างแล้วกระดิกปลายนิ้ว ชั้นหนังสือตรงด้านหลังก็ส่งเสียงดังปังและแตกสลายกลายเป็นผุยผง หนังสือบนชั้นเกือบทั้งหมดร่วงกราวลงพื้น เหลือเพียงหนังสือเล่มหนาปกสีเขียวเข้มดูโบราณเพียงเล่มเดียว ที่ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
จองเซอุนยื่นมือออกไปด้านหน้า ส่งผลหนังสือเล่มนั้นลอยมาวาง พลิดเปิดออกไปยังหน้าที่ต้องการอย่างรวดเร็วตามคำบัญชา เด็กหนุ่มไล่อ่านรายละเอียดเนื้อหา และยิ่งแต่ละบรรทัดผ่านตาของเขามากเท่าไร เขาก็รู้สึกเหมือนจิตใจแตกสลายมากเท่านั้น
“เซอุน เกิดอะไรขึ้น เธอทำอะไรลงไป” เสียงทุ้มนุ่มที่ดังขึ้น ทำให้เด็กหนุ่มละสายตาจากหนังสือปกหนา
ห่างออกไปไม่ไกล จอมเวทหนุ่มผมสีแดงส้มยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองมาที่เขาด้วยแววตาสับสน
จองเซอุนเค้นยิ้มส่งให้อีกฝ่าย กล่าวถามสั้นๆ พร้อมกับหยาดน้ำตาที่เริ่มหลั่งริน
“คุณทำแบบนี้กับผมได้ยังไงครับ... คุณทำแบบนี้กับพวกเราได้ยังไง...”
อิมยองมินยืนเงียบไม่ตอบ เด็กหนุ่มผมแดงเลยเอ่ยต่อขึ้นเอง โดยกล่าวเป็นท่วงทำนองราวขับขานกวี ตามที่เคยได้ยินในห้วงความฝัน
สายลมหมุนวน พสุธาโอบอุ้ม เปลวไฟแผดเผา สายน้ำรินไหล
แด่บทเพลงแห่งราตรีกาล แด่คำสาบานของดวงตะวัน
โชคชะตาทักทอร้อยเรียง ผูกพันดุจเส้นด้ายสีเงิน
ไม่ห่างดุจต้นฮอลี่ ไม่คลายออกดุจต้นไอวี่ ดุจไม้ยิวเจ็ดต้น ผูกพันกันเจ็ดคลา
ต่อให้ลมหายใจเจ้ามอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ข้าจักอยู่เคียงข้างตราบนิจนิรันดร์
คราวนี้อิมยองมินเบิกตากว้างน้อยๆ ทว่ายังคงไม่พูดอะไร
จองเซอุนยกยิ้มขมขื่นส่งให้อีกฝ่าย และไม่รู้ทำไม เขาถึงได้รู้สึกสมเพชตัวเองได้ถึงขนาดนี้
ในห้วงความฝันที่เขาฝันถึง ภาพที่เขาเห็น คือ ทั่วทุกบริเวณของอดีตมหาวิหารนั้นโอบล้อมไปด้วยเปลวเพลิงร้อนระอุ บนแท่นหินขนาดใหญ่ใจกลางเปลวไฟ มีหญิงสาวผมแดงนัยน์ตาฟ้านอนเหยียดยาวอยู่บนนั้น ดวงตากลมโตทั้งสองข้างนั้นแดงก่ำอย่างน่ากลัว พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลทะลักไม่ขาด เหนือร่างของเธอ มีชายหนุ่มผมสีแดงส้มยืนค้ำอยู่ ดวงตาทั้งสองของเขาแดงระเรื่อไม่ต่าง แววตานั้นปรากฏรอยปริแตกและเจ็บปวด ขณะที่ในมือถือมีดเล่มเล็กสีเงินสลักลวดลายงดงามแปลกตาเอาไว้
ชายหนุ่มใช้มือประคองใบหน้าของเธออย่างเบามือ ขณะที่มืออีกข้างนั้นเงื้อขึ้นสูง เขาเปล่งเสียงทุ้มนุ่มราวขับขานบทกวี ทุกคำที่เอื้อนเอ่ย ส่งผลหญิงสาวผมแดงยิ่งสะอื้นไห้จนแทบขาดใจ และเมื่อสิ้นสุดประโยคของชายหนุ่ม มีดสีเงินนั้นก็ปักลึกลงกลางอก เรียกเลือดสดๆ ให้หลั่งริน
จองเซอุนจำได้แม่นยำ ในความฝันนั้น เขากรีดร้องเสียงหลง รู้สึกร้อนวูบ เจ็บแสบกลางอก ราวกับตัวตนของเขาโดนแทงเสียเอง และก่อนที่จะทรมานไปมากกว่านั้น เขาก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา
ใช่แล้ว ชายหนุ่มผมสีแดงส้มในฝันนั้น ก็คือ อิมยองมิน ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้
สิ่งที่อิมยองมินได้ทำลงไป มันไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า เวทมนตร์ แต่มันคือ คำสาป
ในหนังสือปกหนาสีเขียวได้บอกไว้ หากผู้ร่ายเวทสังหารอีกฝ่ายขณะร่าย บทร่ายนั้นจะกลายเป็นคำสาป ผูกมัดดวงวิญญาณให้กลับมาเกิดใหม่ทุกชาติภพ อิมยองมินฆ่าเอสเธอร์ เพื่อทำให้เธอได้กลับมาพบเขาอีกครั้ง และทุกครั้งที่เกิดใหม่ร่างของ เขา หรือ เธอ คนนั้น จะมีอัตลักษณ์โดดเด่นเป็นที่จดจำ พร้อมกับรอยคำสาปที่ปรากฏขึ้นตรงส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย หรือก็คือ ผมสีแดง กับ ปานรูปกลีบดอกไม้
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าทำไมเฮเลนถึงพูดประโยคแปลกๆ แบบนั้น “สำหรับเธอที่เคยจากลามาแล้วหลายครั้ง เธอเองน่าจะเข้าใจความรู้สึกนี้ดีกว่าใคร” ทั้งเข้าใจ ว่าทำไมตอนที่โซยูแตะที่ปานรูปกลีบดอกไม้บนต้นคอเขานั้น ถึงได้พูดประโยคนั้นออกมา “ว่าแต่ เธอนี่อยู่มานานมากเหมือนกันนะ ...ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น งดงามจริง”
พวกเขาเหล่านั้นรู้ ว่าเขาคือดวงวิญญาณของใครสักคนที่กลับชาติมาเกิด
จองเซอุนก้มหน้าลงต่ำ หลั่งน้ำตาอย่างเงียบงัน นึกถึงบทสนทนาที่เคยพูดคุยกันในอดีต
“คุณเองก็คิดเหมือนพวกเขาใช่ไหมครับ เพราะผมเป็นสเลย์เบก้า คุณเลยพาผมมาที่นี่”
“เปล่า เพราะเธอคือเธอต่างหาก ไม่ว่าเธอจะเป็นอะไร ฉันก็จะออกตามหาเธออยู่ดี”
ในตอนนั้นเขาเคยแอบน้อยใจ คิดว่าอิมยองมินต้องการเขา เพียงเพราะเขาเป็นสเลย์เบก้า
แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เลย สิ่งที่แย่ยิ่งกว่าการเป็นสเลย์เบก้า คือการที่อิมยองมินเห็นเขาเป็นตัวแทนของใครอีกคน
เด็กหนุ่มผมแดงผุดยิ้มมุมปากน้อยๆ มองหยดน้ำตาที่หยดลงพื้นเป็นด่างดวงด้วยหัวใจแตกสลาย สิ่งที่เขารู้สึกในตอนนี้มันผสมปนเปกันไปหมด ทั้งเสียใจ สับสน หวาดกลัว มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบที่เคยสว่างไสว อยู่ๆ ก็มืดดับลง ทั้งที่เคยคิดมาตลอด ว่าในที่สุดเขาก็มีที่อยู่เป็นของตัวเอง มีใครสักคนที่ต้องการเขาจากหัวใจ แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้น ไม่มีเลย เขาไม่เคยมีอะไรมาตั้งแต่ต้น ทุกอย่างล้วนเป็นโชคชะตาที่อิมยองมินสร้างขึ้นมาแทบทั้งนั้น และบางที สาเหตุที่เขากำพร้าพ่อแม่ เป็นสิ่งมีชีวิตที่ผิดแผกไม่เป็นที่ต้องการ อาจจะเป็นผลมาจากคำสาปที่อิมยองมินร่ายใส่เอสเธอร์เมื่อหลายชาติที่แล้ว
เหนื่อยจัง... จองเซอุนหลับตาลง ซุกหน้าลงบนฝ่ามือ เริ่มส่งเสียงสะอื้นไห้ ราวกับเด็กตัวน้อยที่ถูกทอดทิ้ง
“เซอุน...” อิมยองมินเรียกชื่อแผ่วเบา เดินเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมหนุ่ม
ทว่าแตะต้องยังไม่ทันถึงหนึ่งวินาที เด็กหนุ่มก็ยกมือปัดมืออีกฝ่ายออก พร้อมกล่าวเสียงละลักละล่ำ
“คุณ...เคยบอกทุกความต้องการของผม คุณ...จะทำให้เป็นจริง” จองเซอุนช้อนสายตามองคนตัวสูงกว่า อิมยองมินมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตารวดร้าว ยกปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยผมนุ่มแผ่วเบา ไล้ลงมาตามแก้ม ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปาก กล่าวกระซิบเบาๆ ว่า ใช่ “ฮึก...ถ้าอย่างนั้น ปล่อยผมไปที ผมไม่อยากอยู่กับคุณอีกต่อไปแล้ว ผมไม่อยากเป็นตัวแทนของใครทั้งนั้น ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ฮึก...ปล่อยผมไปเถอะ ผมขอร้องละ”
อิมยองมินประสานสายตากับเด็กหนุ่มผมแดงอยู่เนิ่นนาน จากนั้นก็ผุดยิ้มบางอบอุ่น
“ได้สิ ถ้านั่นคือความต้องการของเธอ ฉันจะทำให้เป็นจริงอย่างแน่นอน”
กล่าวจบ อิมยองมินก็โน้มตัวแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากนุ่มของคนตัวเล็กแผ่วเบา จองเซอุนเบิกตากว้าง ก่อนจะหลับตาลงซึมซับสัมผัสและความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย และเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง จอมเวทผมสีแดงส้มที่เคยอยู่เบื้องหน้าก็ได้หายไป
อิมยองมิน... จากเขาไปตลอดกาล ตามที่เขาปรารถนา
จองเซอุนยืนนิ่งงันราวกับตกอยู่ในห้วงภวังค์ ทั้งสงสัยว่าสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ คือความฝันหรือความจริงกันแน่
“นายน้อย...” อันยูจินที่ยืนองเหตุการณ์อยู่ตลอดเรียกเสียงเบาด้วยน้ำตานองหน้า
เสียงเรียกนั้นทำให้จองเซอุนหันไปมองเธอด้วยแววตาเลื่อนลอย นึกขึ้นได้ว่าไม่กี่นาทีก่อนหน้า เธอบอกว่าเตรียมอาหารไว้ให้ เด็กหนุ่มลากร่างตัวเองให้ไปที่โต๊ะอาหารอย่างแช่มช้า ทิ้งตัวลงนั่ง และหยิบช้อนขึ้นมาตักทาน
น่าแปลกอยู่เหมือนกัน ทั้งที่เมนูในวันนี้มีแต่ของอร่อยที่เขาชอบ
แต่ไม่รู้ทำไม รสชาติอาหารในวันนี้ ถึงไม่อร่อยเหมือนวันก่อนเลยสักนิด
เข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของเซอุนนะ แต่น้องยังไม่ทันได้ฟังเหตุผลในการกระทำของพี่เขาเลย แล้วอิคุณพ่อมดก็นะ รู้ทั้งรู้ว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบนี้ก็ยังไม่อธิบายอะไรอีก น่าจับตีจริงๆ