เสียงร้องของนกเค้าแมวดังกึกก้องท่ามกลางราตรีอันเงียบสงัด แต่เมื่อมีสิ่งหนึ่งเคลื่อนผ่าน มันก็เงียบลง
ตลอดเส้นทางเดินของป่าทึบที่เต็มไปด้วยเถาหนามและต้นไม้ไร้ใบ มีกลุ่มก้อนความมืดขนาดใหญ่แผ่กระจายส่งรังสีอำมหิต ใจกลางความมืดนั้น มีดวงตาเรียวยาวสีแดงดุจดั่งสีโลหิตทอประกายลุกโชน แต่ในความเกรี้ยวกราดนั้นก็แฝงไปด้วยอารมณ์เจ็บปวดและแตกสลาย
อิมยองมินรู้ดี เขากำลังจะกลับไปยังจุดที่ตกต่ำอีกครั้ง กำลังจะกลับไปสู่สภาพที่เหมือนกับสัตว์ก็ไม่ใช่ มนุษย์ก็ไม่เชิง ส่วนสาเหตุที่เป็นแบบนี้นั่นมีอยู่เหตุผลเดียว คือ ประกายแสงแห่งความหวังที่เขาเฝ้ารอมานาน ตอนนี้ไม่ต้องการเขาอีกต่อไป มันอาจจะจริงอยู่ ที่เขาเคยพบกับการจากลามาแล้วหลายครั้ง แต่นี่คงเป็นครั้งที่สอง ที่เขารู้สึกทรมานจนเหมือนจะตายแบบนี้
อิมยองมินกัดริมฝีปากตัวเอง เมื่อนึกถึงน้ำเสียงรวดร้าวของเด็กหนุ่มผมแดงคนนั้น นึกถึงแววตากลมโตที่เอ้อล้นไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเสียใจ แน่นอน หากเลือกได้ เขาไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เขาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เขายังคงอยากอยู่กับเด็กคนนั้นต่อ หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงเหนี่ยวรั้งให้อยู่ได้อย่างง่ายดาย แต่ไม่รู้ทำไม คราวนี้เขาถึงไม่ทำแบบนั้น
บาง ส่วนลึกของจิตใจของเขานั้นพร่ำบอก เด็กคนนั้น กับ เธอคนนั้น ไม่เหมือนกัน
แม้ดวงวิญญาณจะเป็นดวงเดียวกัน แต่กลับมีบางอย่างที่แตกต่างออกไป และที่สำคัญยิ่งกว่า เขาได้ สัญญา กับ เธอ ในชาติที่แล้วไปด้วยว่า หากกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ไม่ว่าเธอหรือเขาคนนั้นจะเลือกเส้นทางไหน หากนั่นคือคำปรารถนาจากหัวใจ เขาก็ยินดีที่จะทำให้ความปรารถนาเป็นจริง
“คุณ...เคยบอกทุกความต้องการของผม คุณ...จะทำให้เป็นจริง”
“ฮึก...ถ้าอย่างนั้น ปล่อยผมไปที ผมไม่อยากอยู่กับคุณอีกต่อไปแล้ว ผมไม่อยากเป็นตัวแทนของใครทั้งนั้น ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ฮึก...ปล่อยผมไปเถอะ ผมขอร้องละ”
จอมเวทหนุ่มผุดยิ้มมุมปาก ไม่เคยคาดคิดเลยว่า ความรัก ความอบอุ่นที่เขามอบให้เด็กคนนั้น จะถูกผลักไสอย่างไม่ใยดีได้ถึงขนาดนี้ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เขาก็ไม่แปลกใจเท่าไรนัก หากจองเซอุนเลือกที่จะไม่อยู่กับเขา เพราะในมุมมองของเด็กหนุ่ม เขาคงเป็นคนที่โหดร้าย เลือดเย็น พยายามทำทุกอย่าง เพียงเพื่อเหนี่ยวรั้งคนที่ตัวเองรักเอาไว้ และบางที จองเซอุนเองก็คงรู้สึกตัว ว่าตัวเองนั้น เป็นเพียงตัวแทนของเธอคนนั้น
แน่นอน ในตอนแรกเขาเองก็มองว่าเด็กหนุ่มเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ผ่านมา เหมือนกับคนอื่นๆ ที่มีดวงวิญญาณของ เธอคนนั้น แล้วกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ใสซื่อ บริสุทธิ์ ว่านอนสอนง่าย ไม่ว่าสั่งอะไรก็ทำตามทุกอย่าง ถึงจะมีมุมดื้อรั้นหลงเหลือนิดๆ อยู่บ้าง แต่ก็ยอมเชื่อฟังไม่คิดตั้งคำถาม แม้กระทั่งตอนบอกความจริงทั้งหมดออกไป พวกเขาก็เพียงแค่พยักหน้าเข้าใจและยิ้มรับ ซึ่งต่างจากจองเซอุน ที่ถึงแม้จะมีบุคลิกส่วนใหญ่คล้ายกัน แต่เด็กหนุ่มนั้น ดื้อเงียบ ไม่ยอมเชื่อฟัง ยึดติดกับความรู้สึกและสัญชาตญาณของตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง ถึงอย่างนั้นก็ยังมีมุมอ่อนโยน พยายามช่วยเหลือคนอื่นอย่างสุดกำลัง แม้ว่าตัวเอง จะต้องมาทรมานในภายหลังก็ตาม และเพราะความแตกต่างนี้เอง เขาเลยไม่กล้าบอกความจริง เพราะกับเด็กที่รักความถูกต้องคนนั้นแล้ว หากรู้ความจริง ก็คงไม่พ้นที่จะโกรธและก้าวเดินจากไป ดังนั้น เขาถึงทำได้เพียงแต่รอเวลาให้เด็กหนุ่มหาคำตอบ และเลือกตัดสินใจด้วยตัวเอง
แม้เด็กคนนั้นจะยังคงมีอะไรหลายๆ อย่างที่น่าเป็นห่วง แต่ถึงอย่างนั้นก็เข้มแข็งมากพอที่เขาจะยอมปล่อยมือ
อิมยองมินแหงนหน้ามองท้องฟ้ามืดที่ไร้ซึ่งแสงจันทร์ มีเพียงดวงดาวดวงเล็กเท่านั้นที่ยังคงส่องสว่างอยู่เป็นเพื่อน
“หากย้อนเวลากลับไปได้ พวกเราไม่ควรเลือกทางนี้หรือเปล่าเอสเธอร์ แล้วฉันควรปฏิเสธคำขอของเธอไหม”
...ถ้ามันทรมานขนาดนั้น จะพอก็ได้นี่ ฉันน่ะ ก็พยายามทำเท่าที่ทำได้แล้ว...
เสียงหวานใสราวกระพรวนใบน้อยที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้จอมเวทหนุ่มหันขวับไปมอง
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยืนอยู่ เขาก็ได้แต่ยกยิ้มอย่างขมขื่น
ชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเนิ่นนาน มองตรงไปยังเส้นทางที่เดินเข้ามา
หากเขากลับไปตอนนี้ เขาก็จะสามารถกลับไปเจอกับเด็กหนุ่มผมแดงคนนั้นอีกครั้ง
แต่...ในเมื่อเด็กคนนั้นเลือกแล้ว เขามีแต่ต้องทำแบบนี้
อิมยองมินหมุนตัวหันหลังให้กับแสงสว่าง ก้าวเดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยเถาหนามช้าๆ
มันอาจจริงอยู่ ว่าเขาเคยพบกับการจากลามาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ทุกครั้งที่ร่ำลานั้น เขามักจะมีความหวังว่าจะยังคงได้พบเจอ เพียงแค่เฝ้ารออยู่อีกหน่อย ก็จะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ว่าในครั้งนี้ เขาไม่มีโอกาสนั้นอีกต่อไป ไม่มีการเฝ้ารอ หรือโอกาสที่จะได้เอ่ยลา ในเมื่อเป็นแบบนั้น ทางเดียวที่จะทุเลาความเจ็บปวดนี้ลง คือการกลับไปยังที่แห่งนั้น
กลับไปยังสถานที่ที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง กลับไปยังห้วงความมืด กลับไปยัง ที่ที่เคยจากมา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in