บุรุษไปรษณีย์วัย 30 ปีคนหนึ่งตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคร้ายและกำลังจะตาย ขณะที่กำลังโดนความจริงอันโหดร้ายกระหน่ำซัดชีวิตอันว่างเปล่าของเขา ก็ปรากฏมีตัวเขาอีกคนหนึ่ง(?)อ้างว่าเป็น "ปิศาจ" โผล่มา พร้อมกับยื่นข้อเสนออันหอมหวานว่า หากต้องการมีชีวิตอยู่ต่อไป ต้องแลกกับการลบของสิ่งหนึ่งออกไปจากโลก ของหนึ่งสิ่ง ต่อเวลาชีวิตได้หนึ่งวัน หลังจากคิดใคร่ครวญแล้วในที่สุดชายหนุ่มก็ตอบตกลงข้อเสนอของปิศาจตนนั้น ถึงแม้ชีวิตเขาจะแสนจืดชืด แต่เขาก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป และถ้าการลบของไม่กี่อย่างออกไปจากโลก ของที่ไม่สำคัญอะไรพวกนั้น ทำให้เขามีชีวิตต่อไปได้ขึ้นมาล่ะ ทำไมจะไม่รับข้อเสนอนั้นกันล่ะ
แต่แน่นอนว่าเรื่องมันต้องไม่ได้ง่ายแบบนั้น เมื่อของที่ลบจากสิ่งที่เป็นของไม่สำคัญ กลับกลายเป็นสิ่งที่สำคัญกับเขามากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่เลือกลบสิ่งของไม่ใช่ตัวเขาเองแต่เป็นปิศาจ และในที่สุดเขาก็รู้ตัวว่า "แม้ทุกอย่างในโลกจะมีเหตุผลให้อยู่ แต่ไม่มีอะไรในโลกเลยที่มีเหตุผลพอที่จะหายไป" สิ่งสุดท้ายที่ปิศาจยื่นข้อเสนอให้เขาลบคือ "แมว" ที่อยู่กับเขามาแทบจะทั้งชีวิต
สุดท้ายแล้ว ชายหนุ่มจะตัดสินใจแบบไหนกันนะ
--
จริง ๆ เราคิดว่าความน่าสนใจของเรื่องนี้คือการทบทวนความหมายของสิ่งต่าง ๆ รอบตัว
สิ่งแรกสุดที่ชายหนุ่มเลือกลบคือ "โทรศัพท์มือถือ" มีข้อความหลายอย่างในเรื่องที่ทำให้เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนแปลงอะไรหลายอย่างในชีวิตเราหรือเปล่า มือถือจำเป็นกับเรามากแค่ไหน แล้วถ้าไม่มีมันแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับโลก ก่อนมีมันเราอยู่กันมาอย่างไร พอวันนี้ใช้จนเคยชิน ถ้าขาดมันไปชีวิตของพวกเราจะเป็นอย่างไรนะ
ในเรื่องมีย่อหน้าหนึ่งเขียนไว้แบบนี้
ขณะที่คุณเก็งคิ คาวามูระ ทำให้เราค่อย ๆ ตั้งคำถามของการมีอยู่ของสิ่งของแต่ละอย่าง ก็พาเราทบทวนความสัมพันธ์ของตัวเองกับโลกผ่านความนึกคิดของตัวละคร เหมือนเป็นกระจกสะท้อนสิ่งที่เราคิดอยู่ ความสัมพันธ์ที่เรามองข้าม เรื่องราวที่เราเคยลืมไปแต่อาจจะติดอยู่ในใจของคนอื่น คุณค่าเบื้องหลังการกระทำของคนที่อยู่รอบตัวเรา รวมถึงเรื่องของ "ความรัก" ที่แม้ในเรื่องจะไม่เอ่ยออกมาตรง ๆ แต่การกระทำของตัวละครก็ชัดเจนดีว่านี่คือสิ่งที่เกิดจากการรักและห่วงใยใครสักคนจากใจจริง
อีกหนึ่งเรื่องที่เราชอบในหนังสือคือ แนวคิดที่ว่า “โลกนี้มีเรื่องโหดร้ายมากมาย แต่ก็มีสิ่งสวยงามเยอะพอ ๆ กัน” ซึ่งรู้สึกว่าตัวละครจะโควตมาจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง ถึงแม้จะเรื่องแย่ ๆ มากมายเกิดขึ้นบนโลก แต่ก็มีเรื่องดี ๆ ให้น่าชื่นชมเช่นกัน ถ้าเราหามันเจอก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่ ๆ -- นิยายญี่ปุ่นหลายเล่มดูจะให้คุณค่ากับเรื่องพวกนี้ (รวมถึงคุณค่าของชีวิตด้วย)
โดยรวมคือเป็นหนังสือที่ดี อ่านแล้วได้คิดอะไรหลาย ๆ อย่าง (มัน so ปรัชญา อย่างบอกไม่ถูก แต่ชอบนะ) ทั้งเรื่องของตัวเราและคนรอบข้าง สิ่งที่ยึดโยงเราไว้กับโลกใบนี้ และความเป็น "มนุษย์" ด้วย
เราคิดว่า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ชื่นชอบการให้ความหมายกับสิ่งต่าง ๆ เสียเหลือเกิน ถึงแม้บางอย่างจะเป็นเรื่องที่เป็นไปตามกลไกธรรมชาติ แต่มนุษย์ก็ชอบสร้างเรื่องราวให้มัน romanticize มัน หรือทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าขึ้นมา (โดยใช้มาตรฐานของมนุษย์เองวัดค่าของสิ่งเหล่านั้น -- ซึ่งมันก็อยู่ของมันเฉย ๆ) และมีประโยคหนึ่งในเรื่องที่ตรงกับที่เราคิดพอสมควร
พออ่านแบบนี้แล้ว ความสามารถในการให้ความหมายกับสิ่งต่าง ๆ ของมนุษย์ ก็ดูสมเป็นมนุษย์ที่สุดนั่นแหละ
--
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in