ก้อนกระดาษที่ถูกขยำทิ้งนับไม่ถ้วนกำลังเกลื่อนเต็มสตูดิโอโดยที่ไม่เกรงกลัวแต่ภาวะโลกร้อนใดๆทั้งสิ้น
“ทำไรอ่ะ” คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่มองก้อนกระดาษในห้องก่อนจะตัดสินใจเก็บมันทั้งหมดลงในถังขยะ
“คิดไม่ออกอ่ะ” จุนฮยองพูดเสียงอ่อน เขาเหนื่อยมาหลายวันแล้วกับการใช้หัวคิดเนื้อเพลงไม่รู้ทำไมอยากแต่งเพลงขึ้นมาแต่กลับไม่มีอะไรในหัวที่พอจะเป็นรูปร่างเลย
“คิดเยอะไปป่าว” กีกวังเดินมาหาคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนจะยื่นแก้วกาแฟให้อีกคน ตอนแรกเขาคิดจะเข้าบริษัทแปปเดียวก็กลับเลยแต่เห็นว่าไฟในห้องสตูยังเปิดแถมวันนี้วันหยุด ไม่เป็นยงจุนฮยองก็คงเป็นผีแล้วละ
“เติมพลังหน่อย” แขนขาวอ้ากง้างรอให้คนมาสวมกอด กีกวังได้แต่กลั้นขำกับพฤติกรรมที่ดูไม่โตของอีกคนเท่าไหร่
“มาๆเติมพลังนะ” คนตัวเล็กกว่าเดินเข้าไปหาสวมกอดอ้อมแขนนั้นไว้ในขณะที่อีกคนยังนั่งอยู่แน่นแต่ไม่ได้ทำให้อึดอัด
“โอยอย่าเล่นงี้ดิจั๊กจี้อ่ะ” คนที่เอาแต่ซุกอยู่ตรงหน้าท้องเขาได้แต่เป่าลมใส่จนคนกอดทนไม่ได้ต้องผละออกเอง ก่อนจะย้ายตัวเองไปนั่งโซฟาที่ห่างกันไม่มากนัก บ่อยให้อีกคนนั่งเขียนเนื้อเพลงอย่างที่ตั้งใจไว้
“อีกีกวัง”
“หืม?” ตายังคงจ้องมองอยู่ที่กระดาษที่อยู่ขยำทิ้งหลายใบที่ตอนนี้กีกวังจัดการคลี่มันมาอ่านที่ละใบ จุนฮยองย้ายตัวเองไปนั่งกับอีกคนก่อนจะมองคนที่ตั้งใจอ่านเหลือเกิน
“ชอบอันนี้” กระดาษหนึ่งในใบที่เคยถูกขยำไปปรากฎอยู่ตรงหน้าของเจ้าของลายมืออีกคน ตาคมไล่อ่านเนื้อเพลงที่คนถือบอกว่าชอบ
แม่ง โคตรกีกวังเลยว่ะ
“ไม่อ่ะไม่ใช่แนว” จุนฮยองเบือนหน้าหนีทำให้กีกวังต้องหยิบมาดูอีกที อะไรกันละตัวเองเขียนเองแต่บอกไม่ใช่แนวเนี่ยนะ
“เอ้าแล้วเขียนทำไม”
“เขียนตอนนึกถึงกีกวังอยู่”
“ห้ะ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in