เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
GoodnightByeruk
Baby Driver : So you like him
  • ขับเคลื่อนด้วยแรงปรารถนา มุ่งไปข้างหน้าด้วยเสียงเพลง สีแดงในจิตใจคอยแต่บอกเขาว่า “ไปสิ ไปตามเสียงหัวใจของนายเลย” เขาจึงตามเสียงหัวใจ แต่ใจเจ้ากรรมดันคอยแต่ตามติดอีกคนหนึ่งแทนเสียงั้น กว่าอาคาอาชิจะรู้ตัวว่าตัวเองปั่นจักรยานมุ่งสู่ร้านกาแฟ กว่าจะรู้ตัวว่าหย่อนก้นบนที่นั่งประจำ กว่าจะรู้ตัวว่าสั่งลาเต้และทีรามิสุ และกว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้ตักอะไรเข้าปากเลยก็คงเป็นตอนที่คุโรโอะเข้ามาคุยกับเขานั่นแหละ “สรุปคือเพราะว่างงานเลยมาที่นี่ทุกวันงั้นสิ” อาคาอาชิกระแอม กวนลาเต้ที่ละลายแล้วไปมาอย่างเลื่อนลอย “ทำงานเสร็จแล้วต่างหากก็เลยมา” คุโรโอะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเคลือบแคลง จากนั้นจึงขอตัวไปจัดของข้างหลังร้านต่อให้เสร็จ ไดอิจิที่เดินสวนทางกับคุโรโอะกล่าวทักทาย ไม่วายซักถามเรื่อง ‘ความผิดปกติ’ ที่อาคาอาชิแสดงออกมาในช่วงนี้ 

    พวกเขาทั้งคู่สามารถจัดเรียงการกระทำที่ต่างไปจากเดิมของอาคาอาชิได้ 3 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้:
     
    อย่างแรก, อาคาอาชิเป็นลูกค้าประจำ มันอาจดูไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร หากแต่ไม่นานมานี้—ประมาณหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ—หมอนั่นมาที่ร้านทุกวัน ย้ำว่าทุกวัน ซึ่งโดยปกติการมาเหยียบที่นี่เป็นวันที่สี่ของสัปดาห์ก็มากเกินพอแล้ว—ยืนยันโดยไดอิจิที่เคยได้ยินเจ้าตัวพูดมาเองเต็มๆ หูทั้งสองข้างว่า “มาทุกวันได้เบื่อตายกันพอดี”

    อย่างที่สอง, อาการเหม่อลอยผิดปกติ จากที่รู้จักกันมา พวกเขาจับสังเกตได้ว่าอาคาอาชิชอบเหม่อมองไปทางประตูกระจกร้านอยู่บ่อยๆ โดยไม่แตะเค้กเลยสักคำ แถมยังปล่อยให้เครื่องดื่มละลายไปทั้งๆ อย่างนั้น ซึ่งผิดวิสัยคนรักของหวานอย่างอาคาอาชิ—แน่นอน คนรักของหวานอย่างคุโรโอะปฏิญาณกับตัวเองไว้ว่านั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำในชีวิต

    อย่างสุดท้าย, ท่าทางดีอกดีใจเมื่อคุโรโอะถึงเวลากลับบ้าน ข้อนี้ไดอิจิเป็นคนสังเกตเห็น อาคาอาชิดูอารมณ์ดี—มากจนเกินไป—เมื่อคุโรโอะเลิกงาน บางครั้งก็ฮัมเพลงออกมาด้วย ทำเอาไดอิจิที่เดินผ่านเพื่อเช็ดกระจกสงสัยใคร่รู้มากกว่าเดิม

    เพิ่มเติม อ้างอิงจากข้อสุดท้าย ข้อสันนิษฐานเดียวของไดอิจิ: อาคาอาชิเกลียดคุโรโอะเข้าเสียแล้ว—และเขาไม่มีทางบอกให้เพื่อนเขาช้ำใจอย่างแน่นอน

    ทั้งสองเล็งเห็นพ้องกันว่าจะคอยสืบหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ลูกค้า (ที่มาทุกวันเป็น) ประจำเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น

    อาคาอาชิจามจนตัวโยน เขาคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นหวัด แต่ลางสังหรณ์บางอย่างบอกว่ามันไม่ใช่ เขาจัดการทีรามิสุตรงหน้า ใบหน้าภายใต้แว่นตากันแดดสีดำแสดงความเรียบเฉย คงมีแค่พนักงานสองคนที่กำลังจ้องจับผิดอาคาอาชิเท่านั้นแหละที่รู้ว่าเขาทานด้วยสีหน้าที่โคตรเบื่อหน่าย (คุโรโอะและไดอิจิทดความผิดปกติข้อใหม่ไว้ในใจ) อาคาอาชินั่งเท้าคาง ดวงตาภายใต้เลนส์สีดำมองไปทางประตูกระจกร้านเป็นครั้งที่สิบตั้งแต่หย่อนก้นนั่งที่นี่ บ้างก็หันไปมองทางคุโรโอะด้วยรังสีที่อ่านได้ว่า “รีบๆ กลับบ้านได้แล้วเจ้าบ้า”

    เมื่อเสียงกระดิ่งร้านดังขึ้น อาคาอาชิหันขวับไปมองผู้มาใหม่ทันที ความเจิดจ้าแผ่กระจายไปทั่วร้าน ประกายแสงซึมสู่หัวใจ โลดแล่นตามจังหวะเพลงที่เขาฟังอยู่หรืออาจเร่งจังหวะมากกว่า “เฮ้! เจอกันอีกแล้วนะพ่อหนุ่มเรย์แบน” อาคาอาชิเบือนหน้าหนีมองเคสแอร์พอดของตัวเองอย่างลนลาน ทักทายกลับอย่างตะกุกตะกักโดยที่ยังคงนั่งก้มหน้า โบคุโตะหัวเราะแล้วเดินไปทางห้องเฉพาะพนักงาน คุโรโอะที่ได้เวลาเลิกงานแล้วฝากฝังให้ไดอิจิคอยสังเกตการณ์อาคาอาชิแทนเขาด้วย ไม่วายยังเตะก้นโบคุโตะก่อนจาก “เจอกันเว้ยอาคาอาชิ” คุโระโอะสะพายกระเป๋าข้างเดียว ไถสเก็ตบอร์ดออกนอกร้านทันที อาคาอาชิโบกมือให้ตามหลังด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่มีแค่ไดอิจิคนเดียวเท่านั้นที่สังเกตเห็น—นั่นทำให้ไดอิจิมั่นใจขึ้นอีกว่าลูกค้าขาประจำเกลียดเพื่อนเขา

    ไม่อาจรู้ได้ว่าเป็นเพราะเทพเจ้าแห่งเสียงดนตรีอย่างอะพอลโลหรือชายหนุ่มครึ่งเทพอย่างออร์ฟีอุส ดลบันดาลให้มีนักดนตรีเปิดหมวกบรรเลงเพลงที่ใจกลางเมือง เย้ายวนลูกค้าภายในร้านให้ไปรวมตัวกันที่นั่น ไดอิจิก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ก่อนเปิดประตูออกนอกร้านเขาขอร้องให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามบอกเจ้านายเด็ดขาด อาคาอาชิและโบคุโตะพยักหน้า บอกตามตรงถ้าหากตัวเขาไม่ถูกพนักงานน้องใหม่ของร้านดึงดูดล่ะก็คงเดินตามไดอิจิไปแล้ว

    โบคุโตะที่เห็นว่าเหลือเพียงอาคาอาชิคนเดียวที่ยังนั่งอยู่จึงเข้าไปคุยด้วย ไม่น่าเชื่อว่าคนน่าเบื่ออย่างเขาสามารถโต้ตอบอีกฝ่ายได้ลื่นไหลขนาดนี้ โบคุโตะพูดเก่งมาก สามารถเชื่อมโยงเรื่องไม้จิ้มฟันไปยังขีปนาวุธได้ เคยคุยกับต้นไม้คนเดียวเวลาเหงา เคยเข้าหาแก๊งค์เด็กวัยรุ่นที่ชอบขี่สเก็ตบอร์ดจนซี้กันไประยะหนึ่ง สนิทกับป้าโดโรธีหน้างอได้อย่างง่ายดาย เป็นเพื่อนกับทีมวอลเลย์บอลเพราะชอบเข้าไปนั่งดูและเก็บบอลให้ วงดนตรีที่กำลังเล่นเพลงเปิดหมวกอยู่ตอนนี้ก็เข้าขากันเพราะตอนที่ยังว่างงานเคยเข้าไปช่วยจัดเครื่องดนตรีให้ และอื่นๆ อีกมากมายที่อาคาอาชิจำได้ไม่หมด เพื่อนของโบคุโตะมีเยอะมากกว่าจำนวนยุงที่เขาตบตายเสียอีก อาคาอาชินั่งเท้าคางมองหน้าโบคุโตะคล้ายกับอยู่ในห้วงเวลาที่เดินไปอย่างเชื่องช้า ตั้งใจฟังอีกฝ่ายพูดน้ำไหลไฟดับ

    โบคุโตะขอจับแว่นคู่ใจของเขา แม้รู้สึกแปลกนิดหน่อยที่ถอดแว่นยามไม่ได้อยู่บ้านแต่ก็ยอมยื่นแว่นของตัวเองให้อีกฝ่ายอย่างสมยอม อาคาอาชิพยายามเอามือลูบหน้าตัวเองด้วยความประหม่า โบคุโตะเห็นดังนั้นจึงสวมแว่นสีดำแล้วทำท่าเลียนแบบภาพ The Scream ของ Edvard Munch อาคาอาชิหลุดหัวเราะออกมาดังลั่นจนตัวงอ มือคว้านหาโทรศัพท์ถ่ายรูปอีกฝ่าย หลังจากไม่กี่วินาทีที่เขาวางโทรศัพท์มือถือลงข้างตัว อาคาอาชิก็พบกับเหตุการณ์ที่ทำให้หน้าอกจั๊กจี้ โบคุโตะคืนแว่นตากันแดดโดยการสวมคืนให้เขา—นุ่มนวล อบอุ่น และอ้อยอิ่งในความรู้สึก ฝ่ามือที่สัมผัสโดนใบหน้าอย่างไม่ได้ตั้งใจทำเอาเพลง Be Careful, it’s My Heart  - Bing Crosby ที่เขากำลังฟังอยู่เสียจังหวะ หรืออาจจะเป็นตัวเขาที่คิดไปเองว่ามันเสียจังหวะ

    “สีตาเหมือนท้องฟ้าตอนฝนใกล้ตกเลย ฉันชอบนะ” อาคาอาชิคิดว่าเขากำลังพ่ายแพ้ให้กับสิ่งที่มองไม่เห็น ใจเจ้ากรรมเต้นรัวเร็วอย่างกับจังหวะซุมบ้า หลบสายตาของอีกฝ่ายที่พยายามจ้องตาเขาผ่านเลนส์แว่น ถ้าหากอาคาอาชิจ้องตาตอบล่ะก็ คาดว่าได้มีคนแถวนี้หัวใจวายตายก่อนมีคนรักแน่

    แต่—ใช่—เขายอมหัวใจวาย

    อาคาอาชิจ้องตากลับอีกฝ่ายผ่านเลนส์แว่น ทำตัวใจกล้าเพราะยังมีสิ่งบดบังใบหน้าอยู่ อย่าหวังเลยว่าเขาจะกล้าสบตาด้วยใบหน้าเปล่าเปลือย ตัวเขาในตอนนี้ก็ทำได้แค่นี้แหละ ศิโรราบแต่โดยดี โบคุโตะทำท่าจะถอดแว่นให้อาคาอาชิ แต่อนิจจา ทั้งๆ ที่อาคาอาชิไม่ยอม—และไม่ได้คิด—เบี่ยงหน้าหลบมือของอีกฝ่ายโดยที่เขาจะทำแบบนั้นก็ได้ เสียงกระดิ่งใสที่ประตูร้านก็ดังขึ้น ส่งผลให้ทั้งคู่หันไปมองผู้มาใหม่พร้อมกัน—อย่างกับเมียร์แคต

    “โห คนโล่งเลยแฮะ ว่าไงพวกนาย คือฉันลืมของเลยกลับมาเอา” คุโรโอะเดินเข้าไปหยิบของที่ห้องเฉพาะพนักงานอย่างเร่งรีบ เป็นกล่องของขวัญขนาดกลางห่อด้วยริบบิ้นเบี้ยวๆ ที่คุโรโอะผูกเองกับมือตามคลิปในยูทูป “เฮ้ย! โบคุโตะ ทำไมไม่เก็บไม้ถูพื้นให้เข้าที่ เดี๋ยวก็โดนหักเงินเดือนหรอก” คนโดนเรียกชื่อลนลานลุกขึ้นจากที่นั่ง คงเป็นของไดอิจิที่ทิ้งเอาไว้ รีบพุ่งตรงไปยังข้างหลังร้านทันที ใครจะยอมโดนหักเงินเดือนที่มีอยู่แค่น้อยนิดล่ะจริงไหม

    อาคาอาชิถอนหายใจอย่างโล่งอก เหตุการณ์เมื่อกี้ทำเอาเขาเกือบลืมไปเลยว่าเขากำลังอยู่ที่ไหน คุโรโอะมองลูกค้าประจำที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่เขาเลิกงาน ปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่เขาเห็น เมื่อประมวลผลเสร็จสิ้น สองนิ้วดีดเกิดเสียงดัง ‘เป๊าะ’ อาคาอาชิหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ “พ่อหนุ่มหน้าตาย ฉันพอจะรู้แล้วนะว่านายมาที่นี่ทำไมทุกวัน” อาคาอาชิขมวดคิ้ว “อย่าเที่ยวไปโพนทะนาให้ใครฟังล่ะ” คุโรโอะยิ้มอย่างมีเลศนัย อาคาอาชิรู้ได้ในทันทีว่าในหัวของผู้ชายคนนี้คงคิดหาวิธีมาแบล็คเมล์เขาเรียบร้อยแล้วล่ะ “เจอกันพ่อหนุ่มเรย์แบน” คุโรโอะล้อเลียนเขาโดยการดัดเสียงพูดให้เหมือนโบคุโตะ อาคาอาชิจึงมอบนิ้วกลางให้ ผู้ (ไม่ยอม) รับผิวปากอย่างหยอกล้อ 

    เสียงกระดิ่งจางหายไปพร้อมกับคุโรโอะ หลงเหลือไว้เพียงตัวเขาที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมกับความคิดในหัวที่เอาแต่ฉายภาพโบคุโตะชมสีตาของเขาพร้อมจ้องมองอย่างใคร่รู้ และประโยคที่คุโรโอะทิ้งท้ายเอาไว้ทำให้หัวใจปั่นป่วนยิ่งกว่าเดิม “อาคาอาชิของเรากำลังมีความรัก”



    Talkๆ :  วันนี้วันเกิดเลยลงงานเขียนเป็นของขวัญให้ตัวเองค่ะ 18 ปีบริบูรณ์เรียบร้อยแล้ว คิดว่าแต่งเสร็จตอนที่ทุ่มแต่ดันลากยาวเกือบเที่ยงคืน เกือบเลยวันเกิดตัวเองไปแล้ว ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีตอนที่สอง55555555555
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
eiei__kiki (@eiei__kiki)
แฮปย้อนหลังค่า ไรท์เต้อ(ไม่สวย)
Byeruk (@fb1940925622875)
@eiei__kiki ??