Day 8 : Sweaters (เสื้อของคุณมันหลวมยังกะเสื้อฟรีไซส์) | #novelber
Author : Sean
Pairing : Colin Firth x Hugh Grant
Rating : No Rate
( อะฮั้นแนะนำว่าฟังเพลงนี้ไปด้วยจะได้ฟีลมากๆเลยนะฮะ จิ้มโลด )
04.00 a.m.
ตอนนี้เวลาตีสี่แล้ว แต่ผมยังเตร็ดเตร่อยู่บนถนนไฮเวย์ บนเส้นทางที่ว่างเปล่าไม่ต่างอะไรกับสมองของผม– ผมคิดถึงคุณตลอดเวลาที่ผมเริ่มขับรถออกมาจากบ้าน
ความจริงแล้วคือผมคิดถึงคุณจนนอนไม่หลับมากกว่า
‘เราเพิ่งเลิกกัน’ นั่นเป็นคำที่ผมใช้เตือนสติของตัวเองอยู่ทุกครั้งที่จับมือถือขึ้นมาเพื่อจะโทรหาคุณ
หน้าจอที่ยังไม่ดับ มันขึ้นภาพของคุณอยู่..
ถ้าวันนี้เรายังคบกันอยู่.. คงเป็นผมเองที่อยู่ในสถานะคนนั่งข้างคนขับ เพราะคุณบอกว่าผมเป็นคนขับรถได้ห่วยมาก ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ชอบขับรถเท่าไหร่ แต่คุณก็ขับให้ผมเสมอ..เวลาที่เราไปไหนด้วยกัน
ผมขับรถออกมาอย่างเรื่อยเปื่อย อย่างไร้จุดหมายและไร้ปลายทาง แต่โชคยังดีที่ผมเติมน้ำมันไว้เกือบเต็มถัง ยังมีเวลาให้ขับรถเล่นอีกนานเลยล่ะ ถ้าไม่ไปขวิดชาวบ้านเขาก่อน
ผมปล่อยให้ความคิดของตัวเองลอยเคว้งท่ามกลางม่านหมอกจางๆที่ลอยลงมาเกือบปิดถนน ผมกระดิกนิ้วเปิดไฟตัดหมอก และเอื้อมมากดเปิดวิทยุ
ผมจำได้..ผมเคยบอกคุณว่าผมไม่ชอบฟังเพลงจากรายการวิทยุ ผมไม่ชอบที่เวลาฟังเพลงแล้วมีคนมาพูดแทรก ถึงอย่างนั้นผมก็ขอแหกข้อห้ามของตัวเองสักวันเถอะ มันเงียบจนผมรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงเซลล์ที่กำลังแตกตัวของตัวเอง
ผมหมุนตัวรับคลื่นสัญญาณไปเรื่อยๆ ส่วนมากได้ยินเพียงแต่เสียงซาๆที่ดังมาตามลำโพงของรถ ผมยังคงหมุนกลับไปกลับมาอยู่อย่างนั้น
“..สวัสดีตอนเช้าตรู่ครับทุกคน”
ผมหยุดหมุนและกลับมาจับพวงมาลัยต่อ
“ตอนนี้เวลาตีสี่ยี่สิบนาทีแล้ว– สำหรับท่านใดที่กำลังเดินทางอยู่ตอนนี้ ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ”
เหมือนผมเปิดวิทยุมาเพื่อฟังหมอนี่พล่ามอย่างไรอย่างนั้น..แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็เป็นเพื่อนที่เกือบดีคนหนึ่งที่ยังอยู่ข้างๆผมในตอนนี้อะนะ
“แต่หากสำหรับท่านใดที่กำลังเดินทางคนเดียว ให้ผมนั่งจัดรายการและอยู่เป็นเพื่อนคุณนะครับ” แต่ถ้านายยังไม่หยุดพูด ฉันจะปิดรายการบ้าบอของนายซะเดี๋ยวนี้เลย
“เอาล่ะครับ สำหรับเพลงแรกของรายการเรา เริ่มต้นกันด้วยเพลงนี้เลยครับ..”
..ผมตั้งใจฟังเสียงเปียโนที่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงัน– ท่ามกลางในใจที่หว่าเหว้จนแทบจะทนไหว..
“Remember all the things we wanted
Now all our memories, they’re haunted
We were always meant to say goodbye.”
ภาพความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นกับคุณ..กับผม..กับเรา ปรากฏขึ้นมาในหัวของผม
แต่ตอนนี้ ความทรงจำที่แสนดีเหล่านั้น มันกลับวิ่งมาทำร้ายผม ราวกับคมมีดกระหน่ำแทง
ทุกอย่างมันจบลงด้วยการจากลา
“Even with our fists held high
It never would have worked out right
We were never meant for do or die.”
เราต่างคิดว่าเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน..แต่วันนี้มันกลับไม่ใช่ แม้เราจะพยายามกันแค่ไหน
สุดท้ายเราก็ต้องจากกันอยู่ดี..
“I didn’t want us to burn out
I didn’t come here to hurt you now I can’t stop.”
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง..จ้องมองภาพถ่ายของเราที่ผมตั้งเป็นภาพพื้นหลังของหน้าจอ
สายตาของคุณที่มองมายังผม มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน..
เราเคยมีความสุข– ผมยังจำมันได้ดี คุณยังจำมันได้ไหม
“I want you to know
That it doesn’t matter
Where we take this road
But someone’s gotta go
And I want you to know
You couldn’t have loved me better
But I want you to move on
So I’m already gone.”
ผมรู้นะ..ว่าคุณก็คงเสียใจที่เราต้องจากกัน ผมเองก็เสียใจไม่แพ้กับคุณ
แต่ถ้าให้เลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับคุณ สำหรับเราสองคน..
หากมันจำเป็นต้องเลือกทางนี้ ผมก็อยากจะทำ..ถึงแม้ผมจะต้องไป
“Looking at you makes it harder
But I know that you’ll find another
That doesn’t always make you wanna cry.”
คุณจะรู้ไหม..ผมใจอ่อนทุกครั้งที่เห็นน้ำตาของคุณ
ตอนที่คุณกอดผมไว้และบอกกับผมว่าอย่าไป ผมต้องฝืนใจตัวเองแค่ไหนตอนเดินออกมา..
“Started with the perfect kiss then
We could feel the poison set in
Perfect couldn’t keep this love alive.”
เราเริ่มต้นกันด้วยรอยยิ้มแต่สุดท้ายเราก็กลับจบลงด้วยน้ำตา
ผมคิดถึงคุณแทบขาดใจแต่ผมกลับไปไม่ได้อีกแล้ว
“You know that I love you so
I love you enough to let you go.”
คุณคงรู้ใช่ไหมว่าผมรักคุณมากแค่ไหน..
ผมก็รู้เหมือนกันว่าคุณเองก็รักผมมาเช่นกัน
..ผมรักคุณมากจนต้องยอมให้คุณจากไป
“I want you to know
That it doesn’t matter
Where we take this road
But someone’s gotta go
And I want you to know
You couldn’t have loved me better
But I want you to move on
So I’m already gone.”
ไม่ผมก็คุณต้องเป็นคนเดินจากไป..แต่เพื่อคุณผมจะทำ ถ้ามันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำเพื่อคุณได้
“I’m already gone, already gone
You can’t make it feel right
When you know that it’s wrong
I’m already gone, already gone
There’s no moving on
So I’m already gone.”
หากว่าวันข้างหน้ากลับเป็นผมเองที่กลายเป็นกำแพงขวางกั้นคุณ ผมจะยอมถอยจากไป..
ผมเห็นทุกสิ่ง ผมรู้ทุกอย่าง..ทุกๆทางที่คุณพยายามดึงรั้งผมเอาไว้...
แต่สุดท้ายเราคงฝืนชะตากรรมของตัวเองไม่ได้หรอกนะ
“I’m already gone...”
ผมหักพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวลงไปจอดที่ข้างทาง..เบื้องล่างของผมมันเป็นหน้าผาสูงชัน ผมสามารถกระโดดลงไปเล่นน้ำทะเลด้านล่างได้หากไม่มีรั้วกั้น
อากาศตอนนี้มันค่อนข้างหนาวเย็นกว่าปกติ..แหงล่ะผมอยู่บนหน้าผานะ พอดีกับที่ผมสวมเพียงแค่เสื้อไหมพรมเก่าๆเพียงตัวเดียว– ผมกลับไปที่รถ เปิดประตูหลังและควานหาเสื้อกันหนาวที่ยัดๆไว้อยู่เบาะหลังอย่างมีความหวัง
ใต้กองเอกสารที่ผมกองๆไว้ ผมจับได้ว่ามีแขนเสื้อกันหนาวตัวหนึ่ง..จริงๆแล้วผมค่อนข้างสายตาสั้น มองเห็นไม่ชัดหรอกว่ามันคืออะไร จนผมเอื้อมแขนไปเปิดไฟที่อยู่ในรถ..ผมถึงได้รู้ว่านั่นเป็นเสื้อของคุณ
คุณทิ้งเสื้อกันหนาวตัวนี้ไว้ที่รถของผม..ในวันที่คุณย้ายของออกไป
ผมแทบจะกวาดทุกอย่างที่อยู่บนเบาะลงไปบนพื้น ผมหยิบฮู้ดของคุณออกมา..จ้องมองอยู่อย่างนั้นเพื่อความแน่ใจ
ใช่..มันเป็นของคุณแน่ๆ ผมจำกลิ่นน้ำหอมของคุณได้
ผมรู้สึกราวกับว่ามีน้ำใสๆไหลอาบลงมาที่แก้มของผม แต่นั่นมันไม่สำคัญอะไรแล้วในตอนนี้..ผมสวมฮู้ดของคุณ แขนเสื้อนั่นมันยาวเลยแขนของผมออกมาตั้งเยอะ แถมยังหลวมโพรกราวกับใส่เสื้อฟรีไซส์..
..อุ่นจัง..เหมือนได้กอดคุณอีกครั้งเลย..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in