Day 9 : E-mail (จดหมายถึงคุณ) | #novelber
Author : Sean
Pairing : Colin Firth x Hugh Grant
Rating : No Rate
ป.ล.กลายเป็นว่าหญิงทำให้คีย์เวิร์ดกลายเป็นส่วนประกอบเพียงเสี้ยวเดียวของเรื่อง มิใช่ประเด็นหลักเลย ฮ่าาาาาา - ต้องขออภัยด้วยหากมันเหมือนฟิคเด็กอมมือหัดเขียน OTL
( #Nowlistening : Photograph - Ed Sheerah )
คุณท้องฟ้า..ช่วยบอกผมได้ไหมว่าคนทางนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
คืนนี้คงเป็นอีกคืนที่ผมยืนมองท้องฟ้า แต่ผมก็ยังหวังเล็กๆว่าคุณเองก็คงยืนมองท้องฟ้าเช่นเดียวกับผม
คุณท้องฟ้า..ฝากบอกคนทางนั้นได้ไหมว่าคนทางนี้คิดถึงเหลือเกิน
ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่(ตามโอกาส) แต่ไม่เคยมีสักวันเลยที่ผมจะเลิกคิดถึงคุณได้
ผมหวังเพียงแค่ว่าจะมีสักวันหนึ่งที่เราได้เจอกันอีกครั้ง..วันที่เส้นขนานสองเส้นได้มาบรรจบกัน
ให้เวลาผมได้อยู่ใกล้ๆคุณ..
ผมรู้ว่ายังไงคุณก็คงไม่สนใจผม ด้วยความขลาดของผม
แต่ผมขอ..ขอเก็บช่วงเวลานั้นไว้เป็นความทรงจำระหว่างเรานะ
ครั้งแรกที่ผมได้เจอคุณ..เหมือนโลกทั้งใบของผมมันหยุดนิ่ง ทุกอย่างไร้การเคลื่อนไหว ผมหยุดมองคุณไม่ได้เลย ผมเห็นว่าคุณมองมาที่ผมอยู่หลายครั้งนะ..บางทีผมก็เผลอสบตาคุณ
ผมชอบมองเวลาที่คุณยิ้ม รอยยิ้มของคุณสดใสราวกับสายรุ้ง นัยน์ตาสีฟ้าของคุณสว่างราวกับสีน้ำที่ถูกแต่งแต้ม– แต่คุณคงไม่ได้สังเกตผมเท่าไหร่นักเพราะคุณคงคิดว่าผมเป็นช่างกล้องธรรมดาๆที่ชอบถ่ายวัตถุมากกว่า
แต่คุณไม่รู้เลยว่าผมแอบเก็บภาพคุณไว้หลายภาพ..
ผมนิยมกล้องฟิล์มมากกว่า ผมชอบเวลาที่อัดภาพ..
ม้วนฟิล์มที่ผมเก็บไว้เป็นอย่างดีเป็นม้วนฟิล์มภาพถ่ายของคุณ
ม้วนฟิล์มสีเนกาทีฟ – ผมชูขึ้นแล้วมองมันผ่านแสงของหลอดไฟ ภาพชุดนี้เป็นภาพที่ผมถ่ายเก็บไว้ที่บูทแสดงงานศิลปะเมื่อสองสามวันก่อน นั่นเป็นครั้งล่าสุดที่ผมได้เจอคุณ
ผมคิดว่าเราคงมีสิ่งที่ชอบเหมือนกัน..สี่ครั้งแล้วที่ผมปรากฏตัวในแกลอรี่หรือสถานที่ต่างๆที่มีงานศิลปะ และผมจะพบคุณอยู่เสมอ คุณมักจะไปกับเพื่อนสนิทของคุณ ดูเหมือนเพื่อนคุณจะรู้ด้วยนะว่าผมแอบถ่ายรูปคุณอยู่
-
“ขอโทษนะครับ” ผมหันไปมองคนที่สะกิดไหล่ผมเบาๆ
“เอ่อ..ครับ” ผมชะงักไปสักครู่ เมื่อรู้ว่าคนที่สะกิดไหล่ผมคือคุณ– ผมหันไปหาคุณที่ยืนอยู่ข้างหลังผม คุณดูตัวเล็กกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก
“คุณเป็นช่างภาพเหรอครับ” เสียงของคุณดูนุ่มลึก..เหมือนกับเสียงของนักเล่านิทานที่ผมชอบเปิดฟังตอนอัดภาพไม่ก็ตอนขับรถ
“ใช่ครับ..” ผมตอบไปแค่นั้น กลัวสติที่เหลืออยู่น้อยนิดจะละลายไปกับลมหายใจของตัวเอง
“ผมเห็นคุณที่แกลอรี่แถวๆนี้ตลอดเลย..คุณอยู่แถวนี้เหรอ” จริงๆแล้วก็เปล่าหรอก.. ผมคิดแค่ว่าอยากไปที่ไหนก็ได้ที่จะได้เจอคุณอีกครั้ง
“ผมอยู่แฮมป์เชียร์ครับ– ผมชอบมาถ่ายรูปที่งานแสดงศิลปะน่ะ” ผมยิ้ม
“มาไกลนะเนี่ย” คุณยิ้มขำ “ขอโทษที่ถามนะครับ แต่ว่าคุณเปิดร้านถ่ายรูปด้วยหรือเปล่า..คือเพื่อนผมกำลังมองหาช่างกล้องเพื่อถ่ายพรีเวดดิ้งให้กับเขาน่ะ” คุณชี้ไปทางเพื่อนของคุณที่ยืนอยู่อีกฟากของแกลอรี่ เขาโบกมือให้กับผม
“ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้เปิดหรอก แต่ผมเป็นฟรีแลนซ์..ช่างภาพมือสมัครเล่นน่ะ” ผมเผลอเกาท้ายทอยตัวเองแก้เขิน
“งั้นผมขออนุญาตดูรูปในกล้องของคุณได้มั้ย” คุณทัดผมที่ตกลงมาปิดตาของคุณ– ผมเผลอจ้องไปที่นัยน์ตาของคุณอีกแล้ว..ให้ตายสิ หยุดมองไม่ได้เลย
“อยู่หรือเปล่า?” คุณโบกมือข้างหน้าผมไปมา เสียงของคุณเพิ่งแล่นผ่านเข้ามาในหูของผม ดึงสติที่กำลังหลุดลอยให้กลับมา
“เอ่อ..ต้องขอโทษด้วยครับ มันเป็นกล้องแบบใช้ฟิล์มน่ะ..” ผมชูกล้องที่สะพายอยู่ขึ้นมา “ไว้เดี๋ยวผมอัดแล้วจะเอาให้ดูนะครับ”
“ทำไงถึงจะได้ดูล่ะ..” คุณกอดอกแล้วตั้งศอกขึ้น คุณกำมือหลวมไว้ที่คางของตัวเอง ผมคิดว่าคุณมักจะทำแบบนี้ตลอดเวลาคิดอะไรอยู่ ผมเห็นคุณมักจะทำอย่างนี้เสมอเวลาที่คุณกำลังเพ่งสมาธิไปที่ภาพทัศนศิลป์– พระเจ้า น่ารักเป็นบ้า “นี่เป็นนามบัตรของผม..ในนั้นมีชื่อที่ทำงานกับอีเมล์ผมอยู่..”
คุณหยิบนามบัตรที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อยื่นให้ผม
– Hugh Grant, M.D., Ph.D. Hammersmith Hospital
“งั้นผมขอค่าตอบแทนเป็นการรักษาฟรีนะครับคุณหมอแกรนท์” ผมพูดยิ้มๆ และมองดูคุณหัวเราะ
“ได้เลยครับคุณช่างภาพ”
-
ผมกดเปิดแม็คบุ๊คที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของผม..รายล้อมไปด้วยม้วนฟิล์มจำนวนมากที่วางกระจัดกระจายอยู่ ผมดึงลิ้นชักและหยิบนามบัตรของคุณออกมาอีกครั้ง
‘คุณหมอแกรนท์ พรุ่งนี้คุณอยู่ที่โรงพยาบาลหรือเปล่าครับ คือผมอัดภาพเสร็จแล้วเมื่อตอนหัวค่ำนี้แต่ว่าภาพบางส่วนในม้วนฟิล์มมันไม่ชัด..’ ผมกำลังแต่งเรื่อง ภาพส่วนใหญ่ในม้วนฟิล์มเป็นภาพของเขาต่างหาก ‘ผมเลยคิดว่าจะเอาภาพอื่นๆที่ผมเคยถ่ายไว้ไปด้วย..ถ้าคุณหมอว่าง ติดต่อกลับมาด้วยนะครับ’
เอาล่ะ ผมหาทางติดต่อเขาได้แล้ว ผมกดส่งอีเมล์..และนั่งรอ
น่าเหลือเชื่อมากที่ไม่ถึงสิบนาทีเขาตอบกลับมา ในอีเมล์ของเขาที่ตอบกลับมานั้น เขาบอกว่าไม่อยากให้เสี่ยงไปที่โรงพยาบาลจะดีกว่า เพราะช่วงนี้คนไข้ค่อนข้างเยอะ และวุ่นวายมาก แต่คุณหมอแกรนท์บอกว่า เขาพักเบรกช่วงเที่ยงจนถึงบ่ายหนึ่ง ฉะนั้นผมจึงสามารถไปหาเขาได้ในช่วงเที่ยงของวันพรุ่งนี้
ผมพับหน้าจอลง..เหม่อมองภาพวอลเปเปอร์พื้นหลังที่ผมใช้เป็นภาพของคุณและยิ้ม– ถ้าแม่เดินเข้ามาตอนนี้ต้องหาว่าผมเป็นบ้าแน่ๆ..
แต่อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่าตัวเองคงจะมีน้ำยาพอ..ที่จะพัฒนาความสัมพันธ์หอยทากเป็นตะคริวนี้ขึ้นมามากกว่าเดิม..
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in