"เอาล่ะวันนี้พอเท่านี้ เจอกันคาบหน้านะนักศึกษาทุกคน" เมื่อได้ยินศาสตราจารย์สอนวิชาประจำเอกกล่าวหลังจากร่างท้วมพ้นออกจากห้องไม่ถึงก้าวก็มีเสียงเฮเหมือนดีใจที่จะได้กินข้าว หรือเสียงถอนหายใจที่รอดพ้นจากคาบแห่งความเครียดนี้ซะทีซึ่งชะเอมคือหนึ่งในนั้น
เสียงจอแจของคนนับร้อยเดินออกจากห้องเลคเชอร์ใหญ่เพื่อไปโรงอาหารตอนพักเที่ยง ชะเอมรอให้คนออกจากห้องออกไปก่อนสักพักแล้วค่อยเดินออกมาเพราะไม่อยากเดินเบียดเสียดกับผู้คนทั้งกลิ่นเหงื่ออับชื้นและกลิ่นตัวที่ไม่คุ้นชิน ยิ่งคิดยิ่งทำให้วิงเวียนผะอืดผะอมได้อีกครั้งเหมือนตอนที่เผชิญเหตุการณ์บนรถเมล์เมื่อเช้า
ยังไงซะเขาก็ทำข้าวกล่องมาไม่ต้องรีบไปแทรกคนเพื่อต่อคิวรอซื้ออาหารด้วย ร่างบางกระชับกระเป๋าขึ้นไหล่เดินหาโต๊ะในสวนใกล้ๆโรงอาหารที่มีต้นไม้เยอะๆ ให้ความร่มเย็นเพื่อนั่งทานข้าว ก็อย่างที่บอกในโรงอาหารตอนนี้คงเต็มไปด้วยผู้คนอย่าว่าแต่หาที่นั่งเลย แค่จะเดินยังยากที่จะเลี่ยงการเบียดเสียด
ตากลมใสกวาดตามองโต๊ะส่วนใหญ่ก็มีคนนั่งอยู่ประปรายอยู่แล้ว มีทั้งนั่งคนเดียวบ้าง กลุ่มบ้าง ไม่เหลือโต๊ะที่ว่างเลย
"เฮ้! นาย...ชะเอม!"เจ้าของชื่อหันซ้ายหันขวาเมื่อได้ยินเสียงเรียก แล้วก็เห็นใครโบกมือโหยงเหยงอีกด้านหนึ่ง
...ราม
คนดังกล่าวกวักมือเรียกเขาด้วยร่างบางมองรอบๆ กาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขาจริงๆ ไม่ได้เรียกคนอื่น จากนั้นก็เดินเข้าไปหาพบว่ารามนั่งอยู่กับเพื่อนอีกสองคนที่มองมาทางเขาเช่นกัน
"ราม มีอะไรเหรอ"
"อ้าว ก็เห็นนายหา
"มันก็ใช่อยู่หรอก"ชะเอมทำหน้างงกลับ เลิกคิ้วสูง "แล้วนายเรียกเราทำไมอะ"
ได้ยินประโยคนั้นทำเอารามอ้าปากพะงาบๆไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
"อุ๊บ! ฮ่าๆๆทะ โทษที เห็นหน้านิ่งๆ แบบนี้แต่ซื่อ(บื้อ)ชะมัด!" เพื่อนของรามที่เป็นผู้ชายตัวใหญ่ผิวสีแทนอยู่ๆก็ตบโต๊ะหัวเราะซะเสียงดังจนชะเอมสะดุ้ง โต๊ะรอบข้างหันมามองอย่างสนใจ
"
ตอนนี้คนที่มองหันกลับไปทำกิจกรรมของตนเองแล้วชะเอมจึงดึงความสนใจมาที่รามเหมือนเดิม
"ก็เราเห็นนายหาโต๊ะเลยจะเรียกมานั่งด้วยกันไง" รามพูดไปงงไป ทำไมเขาต้องมานั่งอธิบายอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย"...หรือว่ารังเกียจ"
ทำให้ร่างบางที่กำลังยืนงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรีบส่ายหน้าจนผมสะบัด
"ไม่เลยๆ"ดีเสียอีก ยังไงแถวนี้ก็ไม่มีโต๊ะว่างแล้วด้วย "...ถ้ายังไงขอรบกวนด้วยแล้วกันครับ"ชะเอมพูดพร้อมกับก้มหัวน้อยๆ ทักทายเพื่อนของรามที่นั่งอยู่ก่อนแล้วซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มทักทายกลับมารามก็หย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามยิ้มยินดีเหมือนที่เขาไม่ปฏิเสธที่จะร่วมโต๊ะด้วย
อันที่จริงชะเอมก็แอบรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่มีคนเรียกมานั่งด้วยแถมเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกัน
ตั้งแต่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเขาไม่เคยสนิทกับใครเป็นพิเศษไม่มีคนที่เรียกได้ว่าเป็นเพื่อนสนิท ชีวิตนี้มีแค่ลุงเกษมกับ...คินมาตลอด จนกระทั่งเมื่อเช้าได้บังเอิญเจอกับเพื่อนใหม่อย่างรามแถมตอนนี้ยังมีเพื่อนของรามอีก
"เอ่อ เอม"รามเกริ่นในขณะที่เห็นคนตรงหน้าหยิบถุงผ้าวางบนโต๊ะเรียกความสนใจให้ร่างบางหันมามองคู่สนทนา"เรื่องเมื่อเช้า...ขอโทษนะ"
ใบหน้าขาวมองนิ่งทำให้รามยิ่งลนลานนึกว่าคนตรงหน้ายังโกรธอยู่
"คือว่าเราชอบพูดอะไรเอ่อ...ไม่ค่อยเข้าหูคนอื่นเท่าไหร่ แต่เราไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะ! คือ...แบบ" พอเห็นท่าทางลำบากใจที่พยายามอธิบายแล้วชะเอมก็นึกออกพลันร้องขึ้นมาเหมือนนึกได้
"อ๋อ...เรื่องเมื่อเช้า"
"เอ๊ะ?
"ก็เรื่องเมื่อเช้าไงที่รามบอก" ชะเอมเอ่ยเสียงเรียบ
"เอ่อ ใช่"
"เราไม่ได้โกรธไม่ต้องขอโทษหรอก"
"อ้าว แล้วเมื่อกี้ที่ทำหน้านิ่งๆเราก็นึกว่า..."
"อ๋อ นั่นเรากำลังนึกอยู่"ปากบางพูดแทรก มือหยิบกล่องข้าวขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วแกะฝา เหลือบตามองยังเห็นรามงง "เรากำลังนึกอยู่ว่ารามพูดเรื่องอะไรไง"
รามยิ้มค้าง
"อุ๊บ! หึหึ..."
ทำไมเวลาคุยกับชะเอมแล้วรู้สึกเหมือนคุยกันคนละเรื่องยังไงชอบกล
ดูนิ่งๆ เอ๋อๆ เบลอๆ บอกไม่ถูก
"แสดงว่าไม่ได้โกรธ
"อื้ม ไม่ได้โกรธ"ชะเอมส่ายหน้าย้ำคำพูดว่าไม่ได้โกรธจริงๆ "ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่"
รามมองหน้าขาวของชะเอมทุกคำพูดที่เอ่ยออกมาเหมือนกับไม่ได้พูดเรื่องของตัวเองอยู่ ทุกครั้งที่พูดจะมีแต่ใบหน้านิ่งๆถ้าไม่รู้จักอาจจะถูกมองว่าเป็นคนหยิ่งๆ
เขายังไม่เคยเห็นรอยยิ้มจริงๆสักครั้ง
"อันที่จริงเป็นเราต่างหากที่ต้องขอบคุณสำหรับนี่" ชะเอมแบมือคืนสิ่งของชิ้นเล็กที่รามให้มาเมื่อเช้าก่อนแยกกัน "ขอบคุณอีกครั้งนะช่วยได้มากเลยล่ะ"
"
"
รามผงะเมื่อมือยื่นเข้ามาใกล้หน้า
"แต่... "ใบหน้าคมลังเล แน่นอนว่าแพ้คนหัวดื้ออย่างชะเอมเพราะว่าเผลอสบตากับดวงตากลมที่จ้องมาอย่างไม่ลดละ ถึงจะไม่ได้เอ่ยปากแต่แววตาก็เหมือนจะบอกว่า เอาสิ ถ้าไม่เอาคืน ก็จะยื่นมันอย่างนี้แหละ
"ก็ได้ๆ"รามยอมแพ้ นิ้วเรียวหยิบยาดมหลอดเล็กบนมือบางหย่อนใส่กระเป๋ากางเกง "พอใจแล้วนะ"
"อื้ม"ชะเอมพยักหน้าสีหน้าพอใจ
ถึงใครๆจะคิคว่าแค่ยาดมหลอดเดียวจะอะไรนักหนา ซื้อใหม่ก็แค่ไม่กี่บาทแต่ร่างบางรู้สึกติดค้าง ถ้ายืมมาก็ต้องคืน สิ่งนั้นเขาไม่ได้ซื้อมาเองมันไม่ใช่ของๆ เขา
และแน่นอนว่าถ้าไม่ได้รามช่วยไว้เมื่อเช้าเขาก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงมหาวิทยาลัยได้อย่างปลอดภัยรึเปล่า
"โอ้โฮ...มีข้าวกล่องด้วย"หนุ่มผิวคล้ำยื่นหน้ามามองกล่องข้าวสีทึบเหมือนกับเห็นของแปลกจนชะเอมที่ไม่คุ้นกับการกระทำถึงกับผงะเจ้าตัวที่เห็นปฏิกิริยาถึงกับหัวเราะร่า "โทษทีๆ พอดีเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นใครเอาข้าวมากินน่ะแหม เคยเห็นล่าสุดก็ตอนประถม"
คำอธิบายที่ร่างบางยังไม่ทันได้ตอบอะไรใครอีกคนที่นั่งข้างๆ เขาที่ก็พูดขึ้นมาก่อน
"คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้จักกันเลย" ก่อนทำท่านึกแล้วยักไหล่
ผัวะ!
"ดำบ้านมึง!"ดินแยกเขี้ยวแหว "เอมอย่าไปฟังมัน กู...เอ่อ ระ เราชื่อดิน ยินดีที่ได้รู้จัก"คำสรรพนามที่เรียกตัวเองไม่คุ้นชินอาจเพราะดูภายนอกแล้วชะเอมเป็นคนเรียบร้อยพูดเพราะทำให้ดินไม่กล้าที่จะพูดแบบที่เคยพูดกับเพื่อน
"พูดเพราะกับเขาไม่เป็นก็ไม่ต้องพูดได้ยินแล้วแสยงว่ะ" สินเยาะ
"ไอ้เวรนี่!"มือใหญ่โบกหัวอีกรอบ แต่คราวนี้สินรู้ทัน หลบได้ ทำให้ดินคว้าได้แต่อากาศ ส่วนรามนั่งขำ
"
"เอมไม่ต้องถือสากับไอ้ดำนี่นะถึงปากมันจะไม่ดี...ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ใช่แค่ปากไม่ดี แต่ก็เป็นคนดีใช้ได้" คำแนะนำของสินที่พูดไปหัวเราะไปทำดินเกือบกระโจนเข้าไปฟัดอีกรอบถ้าไม่ได้ยินประโยคหลังซะก่อน เลยได้แต่นั่งฮึดฮัด
ร่างบางที่มองการกัด...เอ่อเถียงกันของเพื่อนใหม่นามว่าสินและดิน (หรือจะเรียกว่าทะเลาะกันฝ่ายเดียวของดินก็ว่าได้)ทำเอาทั้งงงปนขำ
"ยินดีที่ได้รู้จักฝากตัวด้วยนะ"
เสียงใสหัวเราะในลำคอทำให้ทั้งสามคนมองค้าง
"อา ให้ตายเหอะ"รามคราง
"เอม..."คราวนี้เป็นสิน
"กูว่ากูเข้าใจแล้วว่ะที่ว่าชะเอมเป็นหนุ่มรูปงาม" และดิน
ใครบ้างที่เห็นชะเอมหนุ่มหน้าหวานในยามนี้แล้วจะไม่ใจเต้นผิวขาวผ่อง ริมฝีปากบางอมส้ม จมูกเล็ก ใบหน้ามนที่รับกับเส้นผมสีดำออกน้ำตาลเมื่อโดนแดดส่องขนตายาวเป็นแพ ตากลมโตดำเหมือนลูกกวาง ยิ่งวาววับไปด้วยประกายระยิบระยับทำให้ยิ่งมีเสน่ห์ใครที่เผลอจ้องมองก็ทำเอาตกหลุ่มได้ง่ายๆ เลยทีเดียว
และสามเกลอก็ตกหลุมเสน่ห์พราวที่ไม่รู้ตัวของชะเอมไปเรียบร้อยแล้ว
คนโดนมองเหมือนจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำบาป(?)พอเห็นว่าโดนจ้องก็ทำหน้าสงสัย กระพริบตาปริบ และยังกินข้าวต่อแบบไม่สนใจอีกด้วย ทำเอาทั้งสามหันมามองหน้ากันแล้วคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับความซื่อและบื้อของร่างบางเพื่อนใหม่ดีก่อนถอนหายใจแยกย้ายหันมาสนใจจานข้าวของตัวเองบ้าง
ผ่านไปสักพักโต๊ะรอบข้างที่เคยจอแจก็เริ่มเบาบางลงเพราะลุกออกไปประปราย ชะเอมมองนาฬิกายังมีเวลาก่อนที่จะเข้าเรียนคาบบ่ายอีกหลายนาที ยังไงเขาก็ไม่มีธุระรีบไปไหน เลยเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิม
"
เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเห็นใครพกข้าวกล่องมากินกันหรอก ล่าสุดที่เคยเห็นก็ตอนเรียนประถมแต่ตอนนั้นพ่อแม่บางคนก็ไม่มีเวลาว่างทำกับข้าวให้ตังลูกมาซื้อข้าวกินเองกันแล้วบางคนจะพกข้าวกล่องมาก็เขินอายเกินกว่าจะเปิดกินต่อสาธารณชน(ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะอายทำไม)
"ก็...จะพูดยังไงดี"ชะเอมนึก ไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหน มือก็หยิบทิชชู่ที่พกมาเช็ดริมฝีปากการกระทำที่เหมือนผู้ดีมีมารยาททำเอาดินที่ปกติจะทำตัวค่อนข้างไม่คิดมาก (สกปรก)กระพริบตาปริบ
"
"จริงเหรอ
"
"
"
"
"
"
"
"
"
"
ชะเอมนั่งมองการเถียงกันเหมือนชมละครตลกเขารู้ว่ารามที่ทำหน้าเหม็นเบื่อคอยห้ามทัพเพื่อนทั้งคู่ที่ตัวโตกว่าตัวเอง จริงๆก็ไม่ได้เบื่อหรอก ดูจากแววตาประกาย กับทั้งสินและดินที่เขาว่ากันว่ายิ่งทะเลาะกันยิ่งรักกันทั้งสามคนดูสนิทกันมาก
"
"รับรองว่ากินแล้วไม่ท้องร่วงแน่นอน"
"
ชะเอมอึกอักที่เขาประหยัดเพราะไม่อยากรบกวนลุงเกษมต่างหากที่สำคัญเขาไม่เคยบอกใครเรื่องที่ว่าเป็นลูกกำพร้าที่พ่อของคินลุงเกษมเก็บมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม และให้ความเอาใจใส่ดูแลเหมือนลูกแท้ๆ ของตัวเองเขาก็นับถือและให้ความเคารพลุงเกษมเหมือนเป็นพ่อแท้ๆ เช่นกันแต่ไม่กล้าเรียกว่า...พ่อ เพราะเขารู้มาตลอดว่าไม่มีสิทธิ์ ทั้งๆที่ลุงเกษมเคยบอกว่าให้เรียก
และเพราะไม่มีความจำเป็นต้องไปป่าวประกาศให้ใครรู้เรื่องนี้อันที่จริงเขากับคินก็ใช้นามสกุลเดียวกัน เพราะว่าไม่มีใครเคยถามหรือใส่ใจจึงไม่มีใครรู้ว่าเขากับคินเกี่ยวข้องกันแบบไหนนอกจากจะเป็นคนที่เคยรักกัน
ในมหาวิทยาลัยมีนักศึกษาเป็นพันคนใครจะมาใส่ใจกับชื่อและนามสกุลของคนสองคน และเขาก็ไม่มีเพื่อนในคณะเดียวกันเอกเดียวกันด้วย เรื่องความเกี่ยวข้องของเขาและคินจึงยังเป็นความลับต่อไป
"เพราะถ้าเรา
"
"ว่าแต่รามเรียนเอกอะไรนะ"ชะเอมพยายามเปลี่ยนเรื่องและก็ดูเหมือนจะได้ผล
"พวกเราเรียนเอกญี่ปุ่น"สินเหลือบมองเห็นรามที่ตาโตเหมือนเพิ่งนึกได้กำลังเคี้ยวข้าวอยู่ จึงตอบแทน
"ทำไมถึงเลือกญี่ปุ่นล่ะ
"ไม่รู้จะเรียนอะไรน่ะ"รามว่า
"ชอบดูการ์ตูน"ดินยิ้มกว้างตอบอย่างภูมิใจ
"พอดีพ่อเป็นคนญี่ปุ่นเขาเลยอยากให้เรียนเอาไว้ เผื่อย้ายไปอยู่นู่นเลย" สินบอก ดูเป็นคนมีเหตุผลที่สุด
ร่างบางครางในลำคอรับจะว่าไป ดูไปดูมาสินก็เหมือนลูกครึ่งญี่ปุ่นจริงๆ แต่คงเป็นครึ่งญี่ปุ่นครึ่งยุโรปล่ะนะ เพราะสินตัวใหญ่กว่าดินอีก แล้วผิวก็ขาวมาก
เป็นครั้งแรกที่เขาได้นั่งคุยกับเพื่อนรู้สึกแปลกๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้แย่
"เออ แล้วนั่นน่ะ ทำรึยัง" อยู่ๆ สินก็เอ่ยขึ้นมาไม่เป็นปี่เป็นขลุ่ยทำเอาคนทั้งโต๊ะงง
"อะไร" ดินถามเขากำลังดูดน้ำกับจานข้าวที่ว่างเปล่าวางอยู่ตรงหน้าที่กินเสร็จตั้งนานแล้วดินได้ฉายาว่าเป็นพวกกินเร็ว เขาว่าคนกินเร็วจะเคี้ยวข้าวไม่ละเอียดทำให้อ้วนแต่หนุ่มผิวคล้ำนอกจากจะไม่อ้วนแล้วหนำซ้ำยังหุ่นดีมากแถมมีกล้ามพอให้เห็นว่าเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอีกด้วย
"ก็การบ้านของวิลเลี่ยมไง ส่งวันนี้นะเว้ย" รามตอบให้
"หะ!!!!!!!?" ดินร้องลั่น ชิบ-หาย!
เสียงร้องของดินทำชะเอมสะดุ้ง
"กูบอกมึงตั้งแต่เมื่อวานละนะ" สินถอนหายใจแต่แววตาประกายขำ "มัวแต่เล่นเกม"
"สิน...โธ่ มึง ...เวรละไง ส่งกี่โมงนะ ส่งกี่โมง"ดินถามร้อนรนลุกขึ้นเก็บจาน
"ลอกกูไหม ให้ยืม แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ"สินยิ้มทั้งปากทั้งตา ดูลับลมคมในแต่ดินรู้ความหมายหน้าแดงระเรื่อ
"ไอ้เวร...ไม่เอาเว้ย คนกำลังรีบ เล่นอยู่ได้"ดินหลบตาแต่สินเห็นว่าใบหูแดงก็อดหัวเราะหึๆ ไม่ได้มือเรียวคว้าหยิบกระเป๋าพาดไหล่
"รามกูไปก่อน เอมด้วย โทษทีนะ ไว้คราวหน้าเจอกัน" ดินพูดรัวแล้ววิ่งออกไป ไม่ทันมองรามที่พยักหน้า และร่างบางที่ยังเอ๋อๆ โบกมือน้อยๆ ลา
"เดดไลน์บ่ายโมงครึ่งนะดิน!" สินตะโกนบอกดินที่ยังไปไม่ไกล
"เออ!ขอบใจ!" ได้ยินเสียงตอบมาแว่วๆ สินก็หัวเราะในลำคอเบาๆพอละสายตาจากแผ่นหลังที่ลับไปจากมุมตึก หันมาก็พบสายตาเจ้าเล่ห์ของราม
"ฮันแน่" หนุ่มผิวเหลืองส่งเสียงแซว
"อะไรของมึง"
"ตีกันจนได้เรื่องนะพวกมึง ตอนไหนอะไร กูไม่เห็นรู้เลย"รามว่า "เฮ้อ ต่อไปคนที่โสดก็มีแค่กูนะสิ"
"หึหึ" สินไม่พูดอะไร เพียงแต่หัวเราะ
"ไอ้นี่"รามมองอย่างหมั่นไส้ "มีข่าวดีอะไรก็บอกกูด้วยละกัน"
"เออ"
สินเนี่ยเป็นพวกพูดน้อยกับเรื่องของตัวเอง...ใช่มั้ยนะ
ชะเอมนั่งมองเงียบๆ ก่อนนึกอะไรขึ้นได้
"วิลเลี่ยมนี่ชื่ออาจารย์ใช่ไหม" ร่างบางฉุกคิด "เอ๊ะว่าแต่อาจารย์คณะเรามีคนชื่อวิลเลี่ยมด้วยเหรอ"
รามกับสินมองหน้ากัน ก่อนหัวเราะพรืด
"ไม่ใช่ๆ นั่นน่ะฉายาอาจารย์เฉลิมพงษ์ต่างหาก" คนตอบคือสินที่พูดไปกลั้นขำไป
"เอ๋" ชะเอมร้องเสียงสูง "แต่นั่นเขาเป็นอาจารย์นะไปตั้งฉายาเรียกห้วนๆ แบบนั้นได้ยังไง" ร่างบางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง สำหรับเขาอาจารย์ทุกคนเป็นผู้ให้ศาสตร์และความรู้ต้องให้เกียรติและเคารพอย่างมาก เพราะเขาอาวุโสมากกว่าแถมอาจารย์เฉลิมพงษ์เขาก็อายุตั้งเกือบแปดสิบปีแล้วถือว่าเป็นอาจารย์ที่อาวุโสที่สุดในคณะอักษรศาสตร์เลย
"ไม่เป็นไรเลย เราแค่คุยกันเล่นๆ 'จารย์แกไม่รู้สักหน่อย"สินมองสีหน้าเคร่งเครียดของร่างบาง เหมือนเป็นคนโดนตั้งฉายาเสียเอง
"ใช่ๆ ก็แบบวิลเลี่ยม จากหัวเลี่ยมไง" รามหัวเราะร่าแล้วชี้ตรงศีรษะตัวเอง ทำให้พานนึกไปถึงอาจารย์เฉลิมพงษ์ ที่มีรูปร่างท้วมอุ้ยอ้ายเวลาเดินหน้าท้องจะยื่นนำหน้ามาก่อนเลย ส่วนที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นเส้นผมที่เบาบางจนเริ่มเห็นศีรษะเกลี้ยงเกลา
วิลเลี่ยม...หัวเลี่ยม
"จริงด้วยเนอะ" ชะเอมหลุดหัวเราะคิก ยิ้มตาปิดทำให้คนมองอย่างรามและสินยิ้มตามได้ง่ายดาย
"ใช่ไหมๆ" รามเท้าคางมองคนตรงหน้าเขาชอบที่ร่างบางมีรอยยิ้มที่สุด ไม่เคยเห็นคนยิ้มสวยขนาดนี้มาก่อน...คนอะไรยิ้มแล้วโลกสดใส
"อ๊ะ แต่ว่ายังไงก็ไม่ดีนะ" ชะเอมหยุดหัวเราะ ยิ้มเขินๆนี่เขาเพิ่งจะหัวเราะขบขันกับฉายาของอาจารย์ที่เคารพ ถึงอาจารย์จะไม่เห็นก็เถอะ"ห้ามเรียกแบบนั้นอีกเด็ดขาดเลย"
"น่าๆ แค่เรียกกันเฉพาะพวกเรา" สินพูดไกล่เกลี่ยกับคนที่ท่าทางเอาจริงเอาจัง
"เฉพาะ...เรา" ร่างบางนิ่งงันกับคำพูดที่ออกมาจากปากสิน
รู้สึก...แปลกๆ
"ใช่ เฉพาะพวกเรา"
สายลมพัดใบไม้ปลิวไสว เส้นผมสีดำไหวไปตามแรงลมลู่กับใบหน้ามนดวงตาดำกลมโตวาววับไปด้วยน้ำตาชั่วครู่แค่เพียงกระพริบตาทีก็หายไป
ตลอดชีวิตนี้เขามีแค่ผู้มีพระคุณอย่างลุงเกษมที่เปรียบเสมือนพ่อแท้ๆกับคินที่เป็นทั้งพี่น้องและคนรัก เขาใช้ชีวิตมาโดยมีสองคนนี้อยู่เคียงข้างมาตลอดแม้แต่เพื่อนที่คุยได้อย่างสนิทสนม...ก็ไม่เคยมี
รามเป็นเพื่อนคนแรก ที่เขาบังเอิญได้พบบนรถเมล์เป็นเรื่องคาดไม่ถึงที่เขารู้สึกขอบคุณ จากนั้นได้พบเพื่อนอย่างสินและดินอีกด้วย...ที่มากไปกว่านั้นคือทั้งสามคนเป็นคนดี
รามมองใบหน้ามนที่ประดับยิ้มเศร้าอีกแล้วเขาคิดถูกแล้วที่ดึงชะเอมมาอยู่กับพวกเขาเขามั่นใจว่าเพื่อนอย่างสินและดินจะทำให้ร่างบางประดับด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขได้
คนอย่างเอมไม่เหมาะกับรอยยิ้มเศร้าๆ หรอก
"มาเอม ขอไลน์หน่อย" ชะเอมกระพริบตาปริบๆ มองมือที่แบตรงหน้า
"ไลน์เหรอ"
"อืม ส่งมือถือมาเดี๋ยวทำให้" รามกระดิกนิ้วเร่งมือขาวเลยหยิบโทรศัพท์ยี่ห้อคุ้นตาสีขาวเหมือนใหม่ออกมาสแกนนิ้วก่อนจัดแจงวางบนมือที่ยังแบอยู่
"อ่ะ"
รามกดที่แอพสีเขียว ก่อนเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นแถบกล่องบทสนทนาแค่สองแถบแถบหนึ่งคือลุงเกษม ซึ่งเขาไม่รู้ว่าเป็นใคร...และอีกแถบก็คือคิน
เขาพอจะรู้(เพราะได้ยินจากข่าวลือ)ว่าชะเอมเป็นพวกโลกส่วนตัวสูงเพราะในมหาวิทยาลัยก็ไม่เคยเห็นอยู่กับใครนอกจากคิน แต่นึกไม่ถึงว่าในไลน์ แอพที่เอาไว้ติดต่อกับคนอื่นๆอย่างสะดวกสบาย ชะเอมก็มีแค่สองคนที่ติดต่อ
แล้วพ่อกับแม่ล่ะ?
"ราม" เสียงเรียกของสิน ทำให้ความคิดของรามหยุดลง
"เออๆ โทษที เหม่อนิดหน่อย" รามอดโคลงหัวระอากับความเสือกของตัวเองไม่ได้กดจึ้กๆ แล้วส่องคิวอาร์โค้ดของเขาเข้าเครื่องชะเอม กดแอดแล้วส่งสติกเกอร์
ไลน์! เสียงเตือนเข้าเครื่องรามทันที
"เดี๋ยวเราลากชะเอมเข้ากลุ่มพวกเรานะมีไอ้สินกับดินอยู่ด้วย"
"อะ อื้ม" ชะเอมพยักหน้ารับมือถือไปดูพบว่ามีแจ้งเตือนเชิญชวนเข้ากลุ่ม กดตกลง
chÄimเข้าร่วมกลุ่ม
ตึ๊ง!
:DiN: ใครวะ ชะเอมเหรอ 1:05PM
Ram
:DiN: จริงงงดิ้ เออดีๆ คราวหน้าจะได้ชวนไปดูหนังกูอยากดูเรื่องนี้พอดีเลย ที่ออกสัปดาห์หน้า ไปกันนะพวกมึง ชะเอมด้วย
เสียงแจ้งเตือนทั้งสามดังขึ้นพร้อมกันเมื่อดินที่เพิ่งเผ่นไปหลายนาทีก่อนพิมพ์ลงไลน์กลุ่มซึ่งสินก็ควักมือถือออกมาดูบ้าง
Ram
NissiN: ว่าแต่นี่มึงทำงานเสร็จแล้วเหรอ 1:07PM
:DiN: วันพุธดิ ต้องไปวันนี้ มันลดราคา 1:09PM
:DiN: เออน่า ใกล้เสร็จแล้ว 1:09PM
:DiN: กูไปทำต่อก็ได้ 1:09PM
:DiNส่งสติกเกอร์
ทั้งสามคนก้มหน้ามองมือถือ ไม่มีใครพูดอะไรมีเพียงเสียงหัวเราะในลำคอของสิน
"เอมมีไลน์พวกเราแล้ว มีอะไรก็แชทเข้ามาได้นะ"รามเก็บมือถือ
"ใช่ อ่านไลน์ด้วย ดินมันชอบหาเรื่องนู่นนี่มาคุยตลอดแหละถ้าไม่ตอบมันจะน้อยใจเอา" สินบอก แต่มือก็จิ้มโทรศัพท์ไม่หยุด
ถ้าเป็นเรื่องของดิน สินมักจะพูดไปยิ้มขำไปซึ่งไม่รู้ว่ามีอะไรน่าขำนักหนา เหมือนเช่นตอนนี้
"อื้ม โอเค" ชะเอมตอบรับ ยกดูนาฬิกาข้อมือ แล้วลุกขึ้น "งั้นเดี๋ยวเราขอไปก่อนนะจะได้เวลาเข้าเรียนแล้ว"
"โอเค งั้นพวกเราก็ไปหาไอ้ดินกันบ้างเหอะ" รามบอกรวบของบนโต๊ะ
"งั้นไว้เจอกันเอม" สินพยักหน้า พร้อมรามที่ยิ้มให้
"เจอกัน" ชะเอมยิ้มบางหันหลังเดินแยกไปอีกทาง
"ไง เป็นอย่างที่กูบอกมั้ย" หลังเดินแยกับชะเอมมาแล้ว อยู่ๆรามก็พูดขึ้นมา แต่ดูเหมือนสินจะเข้าใจ
"อืม"
รามเคยเล่าเรื่องของชะเอมให้ทั้งสินและดินฟัง จริงๆ พวกเขาไม่สิ...คนทั้งมหาลัยก็น่าจะเคยได้ยินเรื่องข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับร่างบางมาบ้างไม่มากก็น้อยและแน่นอนเขาไม่สนใจหรอก ก็มันไม่ใช่เรื่องของเขานี่...
แต่เมื่อเช้ารามมาเล่าเรื่องที่ได้คุยกับคนดังที่ว่าให้ฟังก็ทำให้อยากรู้จัก อยากลองคุยและความบังเอิญทำให้เราได้มานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน
"นี่มึง...คงไม่ได้แอบชอบชะเอมหรอกใช่ไหม
"หืม" รามหันมามองตาโต "อะไรที่ทำให้มึงคิดแบบนั้น"
"ก็มึงมองเขาตาค้างเชียว
ได้ยินดังนั้นรามนิ่งอึ้งกับสิ่งที่เพื่อนพูดระเบิดหัวเราะ
"ก็ตอนเอมเขายิ้มมันน่ามองเสียขนาดนั้น หรือมึงว่าไม่" พอโดนรามถามกลับ สินก็อดเห็นด้วยไม่ได้ตอนนั้นแม้แต่โต๊ะข้างๆ ยังแอบมองเลย
"สิน..."
รามหยุดเดินทำให้คนที่เดินนำอย่างสินต้องหยุด
"กูไม่ได้ชอบเอม"
"...
"ก็แค่รู้สึกว่าจะปล่อยไว้เฉยๆไม่ได้ ลางสังหรณ์กูมันบอกแบบนั้น" หนุ่มลูกครึ่งไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่พยักหน้า ถึงจะบอกว่าเรื่องของชะเอมที่ได้ยินมาไม่เกี่ยวกับเขาก็เถอะแต่...
"อืม เพราะยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันแล้ว
เพราะลางสังหรณ์ของรามมันก็แม่นดีซะด้วย
"...ขอบใจว่ะ
ตึ๊ง!ตึ๊ง!
พลันเสียงแจ้งเตือนดังขัดสนทนา
:DiN: พวกมึงอยู่ไหน อาจารย์เข้าแล้วรีบมาให้ไวเลย!
:DiNส่งสติกเกอร์
"รีบไปเหอะ วิลเลี่ยมเข้าคลาสละ
"ชิบหายแล้วอาจารย์แม่งเช็คชื่อตรงเวลาซะด้วย"
ทั้งแววตา...และรอยยิ้ม
ช่างแตกต่างกับข่าวลือว่าร้ายที่เขาว่ากันจริงๆ
เรื่องมันยังไงกันแน่นะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in