'งี่เง่าชะมัดยังคิดอยู่เหรอว่าที่คินเขาคบกับนายเพราะว่ารักน่ะ' ใบหน้าน่ารักยามนี้แสยะยิ้มร้ายกาจอย่างไม่น่าเชื่อ
'นาย...กะกำลังจะพูดอะไร' เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
'หึจะบอกอะไรให้เอาบุญ ที่คินยังคบกับนายเพราะแค่ความรับผิดชอบ'
'...ไม่ใช่'
'คินเป็นคนดีเขารับผิดชอบกับคำพูดของพ่อ ไม่ใช่เพราะอยากดูแลนาย ไม่ใช่เพราะรักนาย ชะเอมรู้ไว้ซะด้วย!!'
'ไม่ใช่!'
'...' คนตัวเล็กกว่าไม่พูดอะไรแต่แค่นเสียงอย่างสมเพชกับภาพที่เห็น
'คนอย่างนายจะไปรู้อะไร!?'
'ก็ฉันเป็นแฟนคิน'เรื่องที่ได้ยินยิ่งที่ให้ชะเอมนิ่งอึ้งหน้าชา '
'...ไม่จริง...คินน่ะเหรอ...'
ดวงหน้ามนส่ายไปมาช้าๆอย่างไม่อยากเชื่อ ดวงตาเหม่อลอย หยาดน้ำตาที่พยายามกลั้นไว้ไหลอาบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่เรื่องที่สำคัญอย่างนั้น ไม่มีทางที่คินจะเล่าให้ใครฟัง...อย่างนั้นเหรอแล้วคนตรงหน้าล่ะ รู้ได้ยังไง
'สงสัยเขาคงอยากเลิกกับนายเต็มแก่แต่ไม่อยากบอกตรงๆเพราะเห็นว่าโตมาด้วยกัน เขาก็เลยให้ฉันมาบอกเอง หึหึ เป็นไง ช็อคเลยสิ'
ไม่อยาก...ฟังแล้ว
'อ้อแล้วก็อีกไม่นานคินเขาจะย้ายมาอยู่กับฉัน อยู่กับนายแล้วเขาต้องลำบากพาไปนู่นมานี่แถมเรียนกันคนละคณะอีก ฉันไม่อยากให้คินเขาเหนื่อยมาก'
ร่างบางไม่เคยรู้เลยว่าตอนที่คินจะอยู่กับเขาต้องดูแล คอยไปรับไปส่งทุกวัน จะเหนื่อยหรือเปล่า...คินไม่เคยบ่น ไม่เคยบอกไม่เคยว่าอะไรเลย เพราะคิดว่ารักกัน เรื่องอยากเอาใจใส่ก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่กลับเล่าให้ฟังกับคนตรงหน้ากับคนที่เขานึกว่าเป็นแค่เพื่อนสนิทของคิน...เรย์
'ไม่ได้เกี่ยวข้องกันแล้วก็อย่ามาเกาะแกะเขาอีกเลยนะ สงสารคิน สงสารพ่อคินด้วย' คนตัวเล็กถอนใจส่ายหน้าน้อยๆเหมือนเห็นใจ ยื่นมาหวังจะไปตบไหล่แต่ก็โดนปัดมือออกมาซะก่อนทำเอาเรย์ชะงักและเหยียดรอยยิ้ม 'อันที่จริงถ้าฉันเป็นพ่อคินอาจจะคิดอยู่หน่อยๆ แหละว่าเมื่อไหร่กาฝากอย่างแกจะออกไปซะที'
'หยุดพูดนะลุงเกษมไม่ใช่คนแบบนั้น!' ชะเอมตวาดดังลั่น แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่ฟัง
'ไปอ่อยอะไรไว้ล่ะเขาถึงได้เลี้ยงดูแกต่อ หึ เอาคนลูกไม่พอยังจะไปเอาพ่ออีก น่าสมเพ...'
เพียะ!
ชะเอมสะบัดมือฟาดเข้าไปที่ใบหน้าอีกคนเต็มแรงไม่ยั้งจะว่าอะไรเขาเขาไม่ว่า แต่มาดูถูกคนที่มีบุญคุณต่อเขาขนาดนี้ แถมมาด่าว่าเสียๆหายๆเขายอมไม่ได้!
การกระทำครั้งนี้เขาเพียงหวังแค่ให้อีกคนหยุดพูดว่าร้ายเท่านั้น
แกร๊ก
เขาก็เห็นรอยยิ้มมุมปากที่ปรากฏขึ้น
เพล้ง!!
'โอ๊ย! เอมทำอะไรเรย์เจ็บ ฮือ'
'เกิดอะไรขึ้น!?'
ชะเอมทั้งตกใจ ทั้งอึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อจู่ๆ คนที่ยืนทะเลาะกับเขาเมื่อสักครู่ ปัดแจกันที่วางอยู่บนชั้นข้างๆลงมาจนแตกกระจายเต็มพื้น และล้มลงบนเศษแก้วชิ้นน้อยใหญ่ทำให้ได้เลือดออกมาทั้งขาและมือไหลรวมกับน้ำแจกันที่เจิ่งนองจนแยกไม่ออก
ช่างประจวบเหมาะกับคินที่กลับออกมาจากไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อด้านล่างของคอนโดเห็นฉากที่ชวนเข้าใจผิดแบบนี้ ทำเอาร่างบางพูดไม่ออก
'เรย์เป็นอะไรมากไหม...เอมทำแบบนี้ทำไมเรย์เขาทำอะไรให้เหรอถึงต้องทำกันรุนแรงแบบนี้' ไม่ผิดจากที่คิดเมื่อเห็นสภาพของเพื่อน...ของแฟนตัวเองบาดเจ็บ ก็หันมาตะคอกทันทีไม่คิดถามไถ่น้ำเสียงช่างแตกต่างจากที่พูดกับอีกคน
แววตาดุทำให้ชะเอมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
'เอมไม่ได้ทำนะคินก็เขา...' ร่างบางทำหน้าจะร้องไห้ พยายามจะอธิบายไม่เคยเห็นคินโกรธเขาขนาดนี้มาก่อนยิ่งตอกย้ำเรื่องที่เรย์เป็นแฟนใหม่ของร่างสูงเข้าไปอีก ทำให้ใจชะเอมสั่นไหว
คินคงอยากเลิกกับนายเต็มแก่แล้วแต่ไม่อยากบอกตรงๆ
ยังไม่ทันพูดจบก็โดนร่างเล็กที่ตอนนี้ร้องไห้สะอื้นอยู่ในอ้อมอกแกร่งก็ดึงความสนใจของคินไปซะก่อน
'คิน เรย์เจ็บเจ็บมากเลย' ร่างเล็กเอื้อมมือกอดคอซบไหล่กว้างร้องไห้พูดเสียงอู้อี้ทำให้เลือดที่มือเปรอะเสื้อประปรายแต่คินก็ไม่ว่าอะไร กลับกระชับแขนอุ้มประคองขึ้น
'ไม่เป็นไรนะ
ร่างสูงเดินหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจรถขณะอุ้มอีกคนด้วยแขนข้างเดียวแสดงความแข็งแรงแต่ทว่ากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
'เอมไปด้วย'
'ไม่ต้อง'
'แต่...'
'อยู่ที่นี่แล้วเก็บห้องให้สะอาดกลับมาแล้วเราค่อยคุยกัน' ขายาวหันหลังเดินออกจากห้องไม่เหลียวมามองร่างบางที่ยืนนิ่งยิ่งได้เห็นแววตายิ้มเยาะฉายชัดออกมาจากคนที่คิดว่าบาดเจ็บสาหัสก่อนประตูจะปิดลงยิ่งทำให้ชะเอมเข้าใจอะไรมากขึ้น
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจของ'มัน'
'คิน...'
ปัง!
เสียงประตูที่ปิดลงและแผ่นหลังที่ซ้อนกันกับในอีกสามวันต่อมาที่คินหายไปและกลับเข้ามาเก็บของทั้งหมดออกไปประกาศว่าจะย้ายออกซึ่งเป็นไปตามที่ใครบางคนบอกทุกอย่าง
'เพราะมันใช่มั้ย!!'
'ไม่ใช่...ไม่ใช่เพราะเขาถ้าจะโทษใคร'
แผ่นหลังที่เดินจากไป
'ก็โทษตัวเอง'
มือที่เอื้อมไปอีกนิด ห่างกันเพียงฝ่ามือกั้นจะคว้าเอาไว้ได้แล้วแต่ก็ไม่ทัน
พร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง
ปัง!
เฮือก!
มือที่ชะงักค้างกลางอากาศตาเบิกโพลงพลันหรี่ลงเมื่อพบแสงที่สาดส่องลอดหน้าต่างยามเช้า ร่างบางลดมือลงและตั้งสติพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงที่คอนโดไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์อะไรทั้งนั้น
...แค่ความฝัน
เสียงหอบหายใจและเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งตัวทำให้เขาลุกขึ้นจากที่นอนผ่อนลมหายใจให้แผ่วเบา ลูกอกพบหัวใจที่เต้นแรงรัวจนเจ็บจากนั้นก็เสยผมที่ชุ่มเหงื่อลูบหน้าลูบตาแล้วลุกขึ้นหยิบของเตรียมอาบน้ำ
ไม่แปลกเลยที่เขาจะฝันอะไรแบบนี้
เพราะมันคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่ยังฝังใจ
นับตั้งแต่เขาทะเลาะและ(ถูกเข้าใจว่า)ทำร้ายเรย์คินพาเรย์ไปโรงพยาบาลทำแผล แต่ไม่กลับมาคุยกันอย่างที่บอกหายไปสามวันกลับมาอีกทีก็ทำหน้าตึงเย็นชาใส่เขา เก็บเสื้อผ้าแล้วออกไป
แผ่นหลังที่เดินจากไป...ยังติดตาวันนั้นเขาร้องไห้อย่างหนัก
ร่างบางสะบัดหัวขณะยืนสระผมใต้ฝักบัวน้ำไหล อยู่เงียบๆ คนเดียวแล้วชอบคิดอะไรไม่เข้าท่า
ชะเอมขยี้หัวแล้วชโลมด้วยน้ำชะล้างออกฟองสบู่ไหลจากบนลงล่างไล้ตามสรีระผอมบางที่เห็นซี่โครงแต่ละซี่ชัดเจนเมื่อยกแขน
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ร่างบางรีบไล้ตัวให้สบู่ออกให้หมดอย่างรวดเร็วเมื่อพบว่าไม่มีฟองแล้วก็คว้าผ้าขนหนูพันท่อนล่าง อีกผืนคล้องคอ รีบเดินออกไปไม่ทันระวังเท้าที่กำลังเปียกลื่นทำให้ก้าวพลาดหงายท้อง
แย่ล่ะ...!!
ปั่ก! ตึง!
ด้วยสัญชาตญาณจึงรีบคว้าขอบอ่างล้างหน้าไว้แต่มือก็ดันเปียกลื่นจับไว้ไม่อยู่ทำให้
"โอ๊ย"ร่างบางหลุดปากครางซี้ดด้วยความเจ็บรวดร้าวถึงจะดีที่ศีรษะไม่ได้กระแทกหรือได้รับความกระทบกระเทือนส่วนใดมาก แต่แค่ความเจ็บที่แขนก็ทำเอาน้ำตาเล็ด
เพราะมัวแต่นั่งโอดโอยตอนนี้เสียงโทรศัพท์จึงเงียบไปแล้ว ร่างบางสำรวจตัวเองก่อนค่อยๆใช้แขนซ้ายที่ไม่เจ็บพยุงตัวเองลุกขึ้น แขนขวาข้างถนัดยังหนึบๆ ชาๆ อยู่เลย
ก้นก็เจ็บ โอย ให้ตายเถอะซุ่มซ่ามอะไรอย่างนี้ ชะเอมค่อนขอดตัวเองในใจ
ชะเอมเดินไปกดปุ่มดูโทรศัพท์พบว่ามีแถบสายที่ไม่ได้รับขึ้นชื่อว่าพระราม และไลน์กลุ่มซึ่งแน่นอนว่ามีแค่กลุ่มเดียวที่เมื่อหลายวันก่อนเพิ่งดึงเขาเข้าไปร่วมแน่นอนว่าก็เป็นข้อความที่รามเพิ่งส่งมาเขาจึงรู้ว่ารามจะโทรหาเขาแต่เขาไม่ได้รับสาย จึงส่งข้อความมาทางไลน์นั่นเอง
RamĀ : เอม พรุ่งนี้มีธุระไปไหนรึเปล่า ไปห้างกันเหอะ
chÄim : ไม่ได้ไปไหนนะ พรุ่งนี้เราว่าง
RamĀ : โอเค งั้นพรุ่งนี้สิบโมงเจอกันที่ห้างแถว
chÄim : อื้ม
chÄim : นี่รามมีเบอร์เราด้วยเหรอ
RamĀ : อ้อ นั่นเหรอ ก็ตอนที่แอดไลน์เราใช้เครื่องนายโทรเข้าเครื่องเราเองแหละ ถือโอกาสบันทึกเบอร์ให้ด้วยเลย โทษทีๆ
RamĀ : ก็คิดว่ามีเบอร์ติดต่อไว้มันสะดวกกว่าน่ะ
ชะเอมพยักหน้าน้อยๆ เห็นด้วยเพราะปกติเวลาเขามีธุระอะไรจะโทรตลอดเลยไม่ค่อยได้ใช้งานเจ้าแอพสีเขียวนี้เท่าไหร่ เพราะหนึ่งเลยคือสะดวกกว่าและสองรวดเร็วกว่าด้วย โดยเฉพาะเวลามีธุระเร่งด่วน
ร่างบางโยนมือถือลงบนเตียงนุ่มแต่ก็หยิบขึ้นมาใหม่เพราะนึกขึ้นได้ว่าลืมถามอะไรไปบางอย่าง
chÄim : ว่าแต่จะไปทำอะไรกันเหรอ
แต่รอแล้วรอเล่ายังไม่มีคนอ่านข้อความจึงโยนมือถือไว้เช่นเดิมเดินไปเปิดประตูหยิบเสื้อผ้าพอเหลือบเห็นรอยช้ำสีแดงม่วงที่ต้นแขนเป็นวงกว้างผ่านกระจกนี่เขาลืมไปได้ไงว่าเขาเพิ่งกระแทกกับชักโครกอย่างแรงพอไม่รู้ว่ามีแผลก็ไม่รู้สึกเจ็บแต่พอเห็นปั๊บก็เจ็บปุ๊บทำเอาต้องร้องซี้ด
ชะเอมหยิบเสื้อโปโลมาใส่ แขนเสื้อสั้นทำให้เห็นรอยช้ำแดงน่าเกลียดจึงถอดออก ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวแทน รอยช้ำนี้ทำให้ยิ่งเป็นอุปสรรคกับการยกแขนขึ้นลงทำให้การใส่และถอดเสื้อเป็นไปอย่างทุลักทุเลเพราะความเจ็บปวด
สงสัยช่วงนี้คงต้องใส่เสื้อเชิ้ตไปก่อนน่าจะดีกว่า...
ตึ๊ง
NissiN : เอมลืมรึเปล่าว่ามะรืนนี้ต้องไปค่ายปลูกป่าของมหาลัยแล้วนะพรุ่งนี้พวกเราสามคนเลยนัดกันไปซื้อของจำเป็นกันไง
chÄim : อ๋อ จริงด้วย
chÄim : โอเคงั้นไว้เจอกันวันพรุ่งนี้นะ
:DiN : เห้ยๆๆ ว่าแต่ไอ้ราม นี่มึงมีเบอร์ของชะเอมได้ไงวะ อะไรๆ กูไม่ยอมนะเว้ย
ชะเอมหลุดหัวเราะกับข้อความของดิน พอเห็นรามไม่ตอบ มือขาวก็กดโทรศัพท์จึ้กๆตอบแทน
chÄim : ไม่เป็นไรดิน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาเบอร์เราก็ได้นะ
chÄim : แต่ต้องแลกกับเบอร์ดินนะ เราแลกเบอร์กัน
:DiN : โคตรโอเคเลยค้าบ นางฟ้าใจดีของดิน
หลังจากนั้นก็มีการเถียงกันระหว่างสินกับดิน(อีกแล้ว) ถึงจะงงๆกับนางฟ้าใจดีแต่ชะเอมก็ไม่ได้ติดใจอะไรปล่อยให้ทั้งสอนคนทะเลาะกันในข้อความต่อไป
ตั้งแต่วันนั้นที่ได้กินข้าวด้วยกันกับทั้งสามคนเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่เพราะยังไงก็เรียนกันคนละเอกถึงจะคณะเดียวกันก็เถอะ แถมปีสามแล้วด้วยเลยไม่มีวิชาเรียนที่เหมือนกันเลย ทั้งๆที่ตอนปีหนึ่งก็มีบางวิชาที่ต้องเรียนพื้นฐานรวมกับเอกอื่นแท้ๆ
ชะเอมส่องกระจก จับหน้าลูบผมจัดแต่งเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนและกางเกงสแลคสีดำไซส์เล็กสุดในตู้ที่เคยใส่พอดีบัดนี้มันหลวมโพรกจนต้องหาเข็มขัดมาใส่อันที่จริงไม่ใช่แค่กางเกงที่หลวม เสื้อก็ด้วย
เพราะช่วงนี้มีหลายๆ เรื่องประดังประเดเข้ามาทำให้ทั้งเครียดและนอนน้อยกว่าเดิม น้ำหนักจะลดก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แต่จะปล่อยไว้แบบนี้ไปเรื่อยๆคงไม่ได้เพราะปัญหาที่จะตามมานี่สิ...ยุ่งยาก
มือจับเอวอย่างสำรวจแล้วใบหน้านิ่วคิ้วขมวด
ไม่ได้การละ เขาต้องขุนน้ำหนักตัวเองให้ขึ้นมากกว่านี้อีกซักหน่อย
เมื่อเห็นว่าใบหน้ากับผมเป็นทรงเรียบร้อยดีแล้วก็ใส่ถุงเท้าหยิบกระเป๋าเงินเปิดดูว่าไม่ลืมคีย์การ์ดจึงใส่รองเท้าหนังมันเงาดูดีกวาดตาสำรวจห้องก่อนเดินออกมา
"อ้าว คุณชะเอม โอ้โห วันนี้แต่งตัวหล่อมากเลยจะออกไปธุระที่ไหนเหรอครับ" ยามที่คอยเปิดประตูกระจกให้คนเดินเข้าออกทักทายร่างบาง
"สวัสดีครับลุงธรรมวันนี้จะออกไปทานข้าวกับคุณลุงครับ แล้วลุงทานข้าวรึยังครับ
ถ้ามีลูกแบบชะเอมคงทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย
งามทั้งภายนอกและภายในจริงจริ๊ง
"อู๊ย ทานเสร็จตั้งแต่เช้าแล้วกับข้าวเมียลุงนะอร่อยอย่าบอกใคร" ลุงยามว่าแล้วลูบปาก ท่าทางนั้นทำให้ชะเอมหัวเราะเสียงใสเชื่อแล้วล่ะว่าอร่อยจริงๆ
"ถ้าอย่างนั้นคราวหน้าลุงต้องเอาอาหารฝีมือภรรยาลุงมาฝากเอมบ้างแล้วล่ะโทษฐานทำให้เอมอยากกิน" เสียงทุ้มใสเอ่ยแซวๆ แต่ลุงธรรมพยักหน้าอย่างเต็มใจแต่แล้วกลับชะงักลังเล
"ถ้าเป็นคุณชะเอมล่ะก็ได้แน่นอนอยู่แล้วแต่ว่าจะดีหรือ คุณชะเอมไม่เหมือนพวกเราๆ ถ้าทานแล้วเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไงลุงมิต้องเสียหายหลายล้านหรอกหรือไปทำร้ายลูกเต้าเค้า
ชะเอมหัวเราะเสียงดัง แต่ยังคงกิริยาที่น่ารัก น่าเอ็นดูให้กับคนเดินผ่านไปมา
"โธ่ ลุงธรรมครับ ผมก็เป็นคนเหมือนกับลุงเหมือนกับภรรยาลุงนั่นแหละ ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลยถ้ายังไงภรรยาลุงสะดวกก็ฝากผมได้นะ ผมอยากกิน"
ธรรมไม่โกรธสักนิดที่คนรุ่นอายุน้อยกว่าเขาตั้งหลายรอบหัวเราะใส่เขารู้ว่าคนหนุ่มอย่างชะเอม ทั้งกิริยาใสซื่อ อ่อนโยนและมีความเอาใจใส่คนไม่มีทางหัวเราะเยาะอย่างดูถูกแน่
ธรรมพยักหน้ารัว "ได้ครับได้เอ๊ะว่าแต่คุณชะเอมจะไปทานข้าว ไปยังไงครับ"
"เดี๋ยวผมนั่งแทกซี่ไปน่ะครับ
"อ้าว แล้วคุณคินล่ะครับ
"คินเค้า...ไปค้างหอเพื่อนทำงานกลุ่มแล้วก็เอารถไปด้วยน่ะครับ ช่วงนี้เลยต้องเดินทางแบบนี้ไปก่อน
"ไม่เห็นยากเลยให้คุณเกษมออกรถใหม่ให้สิครับ ลุงว่าเดินทางแบบนี้ลำบากออก
"ไม่ดีกว่าครับลุงธรรมเอมขับรถไม่ค่อยแข็งเท่าไหร่ รถคันนึงก็ราคาแพง เอมไม่อยากรบกวนคุณลุง
"เชิญครับเชิญ เดินทางปลอดภัยนะครับคุณชะเอม
รบกวนอะไรกัน คุณเกษมน่ะประธานบริษัทใหญ่ระดับร้อยล้านเลยนะ
ชะเอมโชคดีเป็นลูกหลานเศรษฐี ใครๆ ต่างก็พูดแบบนี้ ทั้งๆที่มันไม่จริงเลย
เขาน่ะแต่เดิมฐานะต่ำเตี้ยเรี่ยดินถ้าไม่มีลุงเกษมเขาก็ไม่มีอะไรเลย ทุกวันนี้ก็เหมือนกาฝากอย่างที่เรย์เคยปรามาสไว้เขาอยากเรียนจบเร็วๆ เพื่อจะทำงานหาเงิน ถ้าเป็นไปได้ก็จะคืนสิ่งที่ได้มาจากลุงเกษมทั้งหมดถึงจะคิดไว้ว่า แม้ชีวิตนี้ทั้งชีวิตก็คืนให้ไม่หมดก็เถอะ
อยากทำเท่าที่ทำได้
ร่างผอมบางในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวหลวมโพรกเดินอยู่ในห้างที่เพิ่งมาถึง จุดนัดพบคือร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังที่ลุงเกษมชอบทานชะเอมเดินผ่านร้านรวงต่างๆ ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นป้ายประกาศบางอย่างที่ติดอยู่หน้าร้านอาหาร
‘รับสมัครพนักงานเสิร์ฟ
เบอร์ติดต่อ 09X-XXXXXXX หรือติดต่อโดยตรงได้ที่หน้าร้าน
ต้องการด่วน ภายในวันที่ X เดือน XX’
ชะเอมตาเป็นประกาย
นี่แหละ
ตอนเรียนก็เรียนไปส่วนเวลาว่างทำงานพิเศษหาเงินเก็บไปเรื่อยๆ เท่านี้ก็ไม่ต้องรอจนเรียนจบก็ได้ระหว่างนี้เขาก็หารายได้ได้แล้ว
แต่เนื่องจากเวลาใกล้นัดเต็มทีร่างบางจึงควักโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปป้ายประกาศนั้นไว้ แล้วค่อยติดต่อมาทีหลังก็ได้ร่างบางยิ้มกว้างดีใจเหมือนเด็กๆ เดินมาจนถึงหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นที่นัดไว้ไม่รู้ตัว
"ยินดีต้อนรับค่าคุณลูกค้า มากี่ท่านคะ
"พอดีว่าจองโต๊ะไว้น่ะครับในชื่อคุณเกษมศักดิ์"
"อ๋อได้เลยค่ะ สักครู่นะคะ
ร่างบางก้าวตามพนักงานหญิงที่นำทางเข้าไปในร้านค่อนข้างเกือบสุดค่อนข้างเงียบเพราะไม่ค่อยมีคนนั่ง เป็นที่โปรดของลุงเกษมเลย ชะเอมเอ่ยขอบคุณพนักงานหญิงคนนั้นก่อนเธอเดินไปบริการลูกค้าคนอื่น
"อ้าว คุณลุง สวัสดีครับ
"อ้าวชะเอมมาแล้วเหรอ มาลูก มานั่งข้างลุงนี่" เกษมพยักหน้ารับไหว้พร้อมตบที่นั่งข้างตัวชะเอมก็หย่อนตัวลงนั่ง ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
"มาเร็วจังครับ
ทั้งๆ ที่เป็นวันธรรมดาแต่ประธานบริษัทอย่างเกษมศักดิ์ก็ยังปลีกตัวมาเพื่อหาเวลาทานข้าวกับครอบครัวอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแน่นอนว่าเลขาของเกษมศักดิ์ต้องเป็นคนจัดเวลาให้ หลังเสร็จจากตรงนี้อีกเดี๋ยวก็ต้องกลับไปที่บริษัททำงานต่อแล้วดังนั้นการแต่งกายของเขาในยามนี้ช่างดูภูมิฐานแม้จะล่วงเลยไปอายุเกือบจะห้าสิบก็ยังดูหล่อเหลาเหมือนสมัยหนุ่มกิริยาท่าทางทำให้คนรอบด้านก้มหัวเคารพด้วยความเต็มใจแต่อยู่กับครอบครัวแล้วจะเปลี่ยนไปอีกคนเลยทีเดียว
"ก็ลุงคิดถึงไม่รู้ใครแถวนี้คิดถึงลุงบ้างรึเปล่า"
"โธ่ คิดถึงสิครับ
"ไหน คิดถึงก็มาให้ลุงกอดหน่อยเร็ว
เฮ้อ เด็กคนนี้นี่น้า จะโตยังไงก็น่ารักอยู่ดี
"ทำไมผอมแบบนี้เอมนี่ผอมลงใช่ไหม กินข้าวบ้างรึเปล่าหือ" มือใหญ่ลูบสำรวจผ่านทั้งเอว และหลังนี่ผอมจนกระดูกสันหลังโผล่เป็นลูกๆ เลย
"โอ๊ย!
"เป็นอะไร ชะเอม
"เอ่อ คือเมื่อเช้าเอมซุ่มซ่ามนิดหน่อยก็เลย..." ชะเอมตอบเสียงอ่อยไม่อยากให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาโดนอะไรมา เพราะไม่อยากให้เป็นห่วง
"ไปทำอะไรมา ไหนลุงขอดูแผล
"ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ ไม่กี่วันเดี๋ยวก็หาย
ท่าทางลนลานนั้นมีหรือคนที่เลี้ยงมากับมืออย่างเกษมจะไม่รู้ว่ามันหมายความว่าไง
ถึงชะเอมจะหัวดื้อหรือขี้อ้อนยังไงแต่เรื่องนี้เกษมศักดิ์ไม่ยอมอ่อนให้แน่นอน
"เอม..." เสียงเข้มเอ่ยเรียก แต่ร่างบางกวาดตามองหาพนักงานทำเป็นไม่ได้ยิน แต่แอบเหงื่อตก
"เอม ถ้ายังเป็นอย่างนี้ ไม่ระมัดระวังไม่ยอมดูแลตัวเอง ไม่ให้ลุงดูว่าเป็นอะไร ลุงจะให้เรากลับไปอยู่ที่บ้านกับลุงแล้วก็..." ไม่ต้องรอให้พูดจบ ชะเอมหันขวับทันทีที่ได้ยินว่ากลับไปอยู่บ้าน
"โธ่ ลุงเกษม...เอมไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆนะครับ"
"ถ้าไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่บอกก็ให้ลุงดูแผลสิ
"...เอมไม่อยากให้คุณลุงเป็นห่วง
"ลุงรู้ ลุงเลี้ยงเอมมากับมือไม่รู้หรือว่าคิดอะไรลุงรู้หมดน่ะ" มือใหญ่วางบนหัวเล็กโยกไปโยกมาเหมือนปลอบใจกับหน้าบึ้งๆ
ชะเอมน้ำตาคลอกับความเป็นห่วงและความอ่อนโยนที่ได้รับแต่ก็ได้นิ้วโป้งใหญ่ของเกษมปาดทิ้งก่อนไหลลงมาจนแพขนตาชุ่ม
"เอมขอโทษ" ร่างบางประกบมือไหว้แนบอกท่าทางนั้นทำให้เกษมศักดิ์ยิ้ม ก่อนรวบคนตัวเล็กมากอดปลอบลูบหัว เขาทั้งรักและเอ็นดูคนตรงหน้ามากจริงๆอีกทั้งยังเป็นห่วงมากจนไม่อยากให้อยู่ห่างสายตา ที่ให้ไปอยู่ข้างนอกเพราะเจ้าคินไปอยู่เป็นเพื่อนด้วยหรอกนะถึงจะจำได้ว่ากว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็เกือบบ้านแตกก็เถอะ
เกษมศักดิ์รู้ดีว่าชะเอมยังคิดว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของตนแม้ทางการจะเป็นลูกบุญธรรมอย่างถูกกฎหมาย ใช้นามสกุลเดียวกันยังคิดและสำเหนียกตนอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นใครเกษมศักดิ์ไม่ว่าที่ชะเอมจะคิดหาเงินมาคืนทั้งๆ ที่เขาคิดว่าไม่จำเป็นเลยสักนิดเพราะที่ให้ทั้งหมดกับเด็กคนนี้เป็นสิ่งที่ให้ด้วยความเต็มใจและอีกอย่างมันก็ไม่ได้มากมายอะไรเมื่อเทียบกับสมบัติทั้งหมดที่ครอบครัวของเกษมศักดิ์มีมีครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าถ้าจะตอบแทนพระคุณล่ะก็เรียกเขาว่าพ่อดีกว่าแต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็น...
‘ไม่...ไม่ได้หรอกครับ มันมากเกินไป แค่ที่ผมได้รับนี่ก็มากพอแล้วอีกอย่าง...ผมไม่มีสิทธิ์จะเรียกแบบนั้นหรอกครับ’
นั่นทำให้เขารู้ทันทีว่าชะเอมคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน
ถึงเขาจะอายุปูนนี้แล้วแต่เกษมยอมรับว่าเขากลัว...กลัวเหลือเกินว่าวันหนึ่งจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ชะเอมเด็กที่มีแต่ความอ่อนโยนคนนี้ตีตัวออกห่างจากครอบครัวเขาไป และนั่นเขาไม่ยอมแน่เด็กคนนี้เป็นลูกของเขา ลูกแท้ๆ ที่ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่ยอมรับสิทธิ์นั้นแต่เขายัดเยียดให้ตั้งแต่รับเด็กนั่นมาเลี้ยงแล้ว
ทั้งที่อยากจะให้เอาแต่ใจกับเขามากกว่านี้แท้ๆ
"งั้นมา เปิดแผลให้ลุงดูหน่อย
ชะเอมดูรอยช้ำของตัวเองแล้วแอบกลืนน้ำลาย ไม่เท่าใบหน้าคมของเกษมที่บัดนี้ขมึงเครียดแผ่รังสีน่ากลัว ถ้าเป็นการ์ตูนคงมีไอสีดำลอยปกคลุม
"เอมไปหาหมอมารึยังรอยช้ำแบบนี้ไม่ธรรมดาแล้วนะ" ไม่ใช่แค่หน้าแต่เสียงก็เครียดด้วยมือใหญ่ยังคงสำรวจพร้อมแตะแขนเบาๆ กลัวว่าจะกระทบกระเทือนมิน่าล่ะเมื่อกี้ถึงได้ร้องโอดโอยนัก
"คือเพิ่งลื่นล้มเมื่อเช้าก็เลยยังไมได้ไปครับ แค่กระแทกเองครับแบบนี้สักอาทิตย์หนึ่งก็คงหาย" เสียงใสเอ่ยไกล่เกลี่ย
"ถ้าเป็นคนอื่นลุงก็จะเห็นด้วยนะ แต่นี่ลุงแค่จับเบาๆยังสะดุ้งเลย เจ็บมากล่ะสิ" เกษมเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวลเจือความเป็นห่วงก่อนปล่อยแขนให้เด็กน้อยของเขาดึงแขนเสื้อลงเหมือนเดิม
ชะเอมกัดริมฝีปาก คราวนี้เขาค้านอะไรไม่ได้จึงต้องพยักหน้าและตอบรับอย่างจำใจ
"ลุงว่า...เอม
พอนึกถึงรอยช้ำนั่นแล้วต้องขมวดคิ้วย่น ตีนกาจะขึ้นอีกวันละหลายๆรอบ
"ตะ แต่...เมื่อกี้คุณลุงสัญญาแล้ว
เกษมพยายามไม่สบตากลมที่มองมาราวกับจะรู้ว่าถ้าจ้องมากกว่านี้ต้องแพ้...แพ้สายตานั่นแน่
"เฮ้อ ก็ได้ๆ ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วนะ
เกษมศักดิ์ ชายหนุ่มรุ่นพ่อที่ยังคงไฟแรงในวงการธุรกิจเป็นแชมป์ที่ไม่เคยแพ้ใคร แม้จะเป็นศัตรูคู่แค้นตลอดกาลอย่าง ลักขณา
แต่ถึงกระนั้นเกษมก็ยังมีคนที่ชนะเขาตลอดกาลซึ่งก็คือชะเอม ลูกบุญธรรมของเขานั่นเองในบางครั้งชะเอมก็น่ากลัวเสียยิ่งกว่าศัตรูทางธุรกิจแม้จะไม่ต้องใช้มารยาเล่ห์เหลี่ยมใดๆ
เกษมกำหมัดใต้โต๊ะแน่น ให้คำสาบานกับตัวเองอย่างมั่นเหมาะ
คราวหน้าไม่ว่าจะมาไม้ไหนก็จะไม่ยอมใจอ่อนให้อีกแล้วนะ...แน่นอน!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in