เชื่อว่าไกด์บุ๊กทุกเล่มในโลกต้องระบุพิกัด Victoria Harbour (อ่าววิคทอเรีย) เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คของเกาะฮ่องกงที่ทุกคนต้องมาเยือน หากใครไม่มาจะถือว่ามาไม่ถึงฮ่องกงอะไรทำนองนั้น ถ้าหากจะมีใครนับการมาถึงฮ่องกงด้วยการนับจำนวนครั้งที่มาอ่าววิคทอเรีย ฉันก็คงถึงฮ่องกงจนนับครั้งไม่ถ้วนไปแล้ว
ทุกครั้งที่มาฮ่องกง ฉันมักจะมานั่งนิ่ง ๆ ที่นี่ มองตึกสูงระฟ้าเรียงรายตรงฝั่งฮ่องกงจากฝั่งเกาลูน มีอ่าววิคทอเรียคั่นกลางระหว่างสองฝั่ง ที่จริงต้องบอกว่าเกาะฮ่องกงมีน้ำโอบล้อม เราจึงเรียกฮ่องกงว่าเกาะ มองจากตรงไหนก็โรแมนติกไปหมด วิวตึกสูง ท้องฟ้า และผืนน้ำก็ยังสวยงามราวกับภาพวาดทุกครั้งที่มอง ในระหว่างที่นั่งนิ่งนานก็อดคิดจินตนาการไม่ได้ว่า ที่ตรงนั้น ตรงนี้ ในสมัยก่อนเป็นแบบไหน ก่อนจะมีพื้นที่ริมน้ำให้เราได้พักผ่อนหย่อนใจในวันนี้ ฉันชอบฮ่องกงอยู่อย่าง ในเมืองที่เจริญมาก ๆ เศรษฐกิจเฟื่องฟูเช่นนี้ รัฐบาลฮ่องกงยังใส่ใจคุณภาพชีวิตของประชากร มีพื้นที่สาธารณะริมน้ำให้เรามานั่งทอดอารมณ์อย่างในตอนนี้ ไม่กลายเป็นที่จับจองของเอกชนไปทั้งหมด แถมวิวหลักล้านเลยด้วย
บนทางเดินเลียบอ่าว นอกจากรูปปั้นบรู๊ซ ลี ที่ฉันชอบไปยืนถ่ายรูปแล้ว ฉันยังชอบเดินก้มดูรอยฝ่ามือประทับของเหล่าคนดังตรงถนนแห่งซุปเปอร์สตาร์ Avenue of Stars รอยมือตรงทางเดินเหล่านั้นเป็นของนักแสดงและคนในวงการภาพยนตร์ฮ่องกงเต็มไปหมด มีทั้งชื่อดาราที่รู้จักบ้าง ไม่รู้จักบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่รู้จัก การเดินหาฝ่ามือดาราที่เราชื่นชอบกลายเป็นเรื่องสนุกมากกว่าที่คิด เพราะเราไม่รู้ว่ารอยนั้นจะปรากฏอยู่ตรงไหน ฉันเห็นหลายคนลงไปนั่งกับพื้นเอามือทาบเพื่อถ่ายรูปกับรอยฝ่ามือของดาราในดวงใจ การจะหาเจอรอยมือเป็นเรื่องไม่ง่าย ความยากคือต้องฝ่าคลื่นมหาชนที่หลั่งไหล บางคนที่มีจุดประสงค์เดียวกันคือมาเพื่อจะหารอยมือนั้นให้เจอ ภาพความวุ่นวาย ลุกก้ม ลุกเงยจากตรงนั้น ไปตรงนี้ อาจเป็นภาพที่ดูน่าขัน แต่เชื่อไหมว่าเป็นความสนุกที่แม้แต่เราเองก็เพลิดเพลิน
สมัยที่ใช้ชีวิตอยู่ฝั่งเกาลูนก่อนจะย้ายไปยังฝั่งฮ่องกง ฉันมักจะออกจากห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ มานั่งรับลมพัดเอื่อย ๆ มีเรือแล่นผ่านจนน้ำกระเพื่อมเป็นเกลียวคลื่น มีคนเอาเบ็ดมาตกปลาในตอนกลางคืน แล้วก็ได้ปลาจริง ๆ เป็นเรื่องเซอร์เรียล ถ้าจะบอกใครว่ามานั่งตกปลาที่อ่าววิคทอเรีย แต่อาแปะก็ทำให้เราได้เห็นกับตา อเมซิงฮ่องกงจริง ๆ เลยพี่ ฮ่องกงยังมีสิ่งมหัศจรรย์อีกหลายอย่าง เช่นการแสดงแสงสีเสียงอย่าง Symphony of lights เนี่ยค่ะ จนบัดนี้ยังมองไม่ออกเลยว่าทำไปเพื่ออะไร กับการที่ทุกเวลาสองทุ่มของวันจะมีดนตรีกระหึ่มมาพร้อมกับไฟวูบวาบ แสงเลเซอร์จากตึกฉายตัดกันไปมา แล้วก็จบไปแบบงง ๆ เหมือนเป็นนวัตกรรมที่ย้อนหลังกลับไปในสมัย 8-9 ปีก่อน ตอนอากง อาม่ามากับทัวร์ก็จะได้รับแพคเกจชนิดนี้บรรจุเข้าไปในโปรแกรม
ยิ่งคิดก็น้ำตาจะไหล ใครมาฮ่องกงทีไรข้าพเจ้าก็ต้องพามาดูแสงไฟวูบวาบนี่เป็นประจำ
ถ้าช่วงไหนเบื่อหนัก ๆ ก็จะลุกมาวิ่งออกกำลังตรงทางเดินเลียบอ่าววิคทอเรียในตอนดึก ในช่วงเวลาที่ทุกคนจมอยู่ในห้วงยามแห่งความฝัน หรือในยามเช้าตรู่ที่ยังไม่มีใครลุกจากที่นอน ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวมายืนถ่ายรูป ผู้คนบางตากว่าเคย มีแต่ผู้คนที่ออกมาวิ่งสวนกันไปมา ไม่มีใครหยุดยิ้มให้แก่คนแปลกหน้า ฉันเองก็เช่นกัน เมื่อสวมรองเท้าผ้าใบ ใส่เฮดโฟน ออกไปวิ่ง โลกทั้งโลกก็จะเงียบสงัดไร้เสียง มีแค่ช่วงจังหวะเท้าที่ก้าวย่ำและเสียงเพลงที่ขับกล่อม การได้อยู่กับตัวเองถือเป็นการทำสมาธิอีกรูปแบบหนึ่ง ให้จิตอยู่กับปัจจุบันขณะ ไม่จมจ่อมอยู่ในอดีต ไม่พร่ำเพ้อถึงอนาคต การวิ่งก็กลายเป็นการเจริญสติอย่างหนึ่งเช่นกัน
ฟ้าเริ่มแจ้ง มีขอบสีทองโผล่พ้นขอบฟ้า ผู้คนเริ่มหลั่งไหลมากันเยอะขึ้น ฉันวิ่งข้ามฝั่งเพื่อไปทานบะหมี่พี่มาก “Mak’s noodle” ในตำนาน ซึ่งสาขาจิมซาจุ่ยหาง่ายมาก เดินวนไปวนมา ต่อให้หลงยังไงก็ต้องหาเจอ ความเหนียวนุ่มของเส้นบะหมี่แบบโฮมเมดและน้ำซุปที่กลมกล่อมทำให้ฉันผันตัวเป็นติ่งตั้งแต่บัดนั้น แต่ปรากฏว่าร้านยังไม่เปิด เลยต้องเปลี่ยนไปเข้าร้านสะดวกซื้อแทน และนำกลับมานั่งทานตรงม้านั่งริมอ่าว วิวเบื้องหน้ากับอากาศดี ๆ ในตอนเช้า เสียบหูฟังเปิดเพลงเพราะ ๆ ทำให้รู้สึกว่าไส้กรอกและติ่มซำของร้านสะดวกซื้อในวันนี้อร่อยมากเป็นพิเศษ เป็น Breakfast ที่ราคาเพียงไม่กี่เหรียญแต่วิวหลักหลายร้อยล้านพันล้านของแท้เลย
บางครั้งความอร่อยของมื้ออาหารก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ปรากฏให้เห็นตรงหน้า
เป็นความเชื่อมโยงระหว่าง ลิ้น หู ดวงตาและหัวใจ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in