“เกิ้ลจ๋า วันนี้เค้าขอนอนบ้านเกิ้ลได้ม้าย? ”
มะขามเอ่ยด้วยเสียงยานคางในขณะที่ใบหน้าสวยก็ซบอยู่ที่ซอกคอของเกิ้ล กลิ่นหอมละมุนของเชอรี่จากไวน์ที่เพื่อนตัวเล็กดื่มเข้าไปยังคงชัดเจน รวมถึงลมหายใจกลิ่นเชอรี่ที่กำลังเป่ารดต้นคอเธออยู่ตอนนี้เช่นกัน
“ทำไมหืม? ”
“ยางม่ายอยากกลับบ้าน”
“โอเคๆ งั้นเดี๋ยวเราโทรบอกคุณอาให้”
หยิบมือถือขึ้นมาต่อสายหาบิดาของมะขาม รอไม่นานนักปลายสายก็รับ
“คุณอาคะ วันนี้มะขามนอนค้างบ้านเกิ้ลนะคะ ใช่ค่ะ เดี๋ยวเช้าเกิ้ลไปส่งค่ะ”
วางจากปลายสายเสร็จเธอก็เบนสายตาหันกลับมามองเพื่อนคนพิเศษที่ตอนนี้กอดแขนซบไหล่ของเธอ ปากเล็กก็บ่นงึมงำในลำคอ
“สโมค mid ห้ายหน่อยยย”
คงเพราะเห็นว่ามากับเธอมั้ง ถึงได้ปล่อยให้ตัวเองเมาแอ๋ขนาดนี้ ขนาดเมาแล้วยังจะละเมอถึงการแข่งอีกนะ
เหลือบมองไปดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้ก็ตีหนึ่งกว่าแล้ว ในยามที่ไม่มีรถแออัดกันบนถนนจึงใช้เวลาไม่นานแท็กซี่ก็จอดหน้าบ้านของเกิ้ล ไฟในห้องนั่งเล่นยังคงสว่างเหมือนรอการกลับมาของเธอ แม่ยังนอนดูซีรีย์อยู่ที่โซฟา เมื่อเห็นลูกสาวแบกว่าที่ลูกสะใภ้ (ที่แม่คิดไปเอง) มาด้วยจึงเอ่ยปากถาม
“อ้าววันนี้หนูมะขามมานอนด้วยเหรอ? ”
“อือ ขามเมาอ่ะ แล้วแม่ยังไม่นอนอีก? ”
“กำลังจะไปนอนพอดี”
แม่หยิบรีโมทขึ้นมากดปิดทีวีแล้วลุกขึ้น ไม่ค่อยเนียนเลยนะแม่ รู้แหละว่ารออยู่ หลังจากถามไถ่จนรู้ว่าพรุ่งนี้พี่ชายตัวแสบไม่หยุดงาน เพราะเธอกะจะให้มันไปส่งที่ร้านเพื่อเอารถกลับสักหน่อย ก็ได้เวลาขอตัวพาเพื่อนตัวเล็กไปพักผ่อน
เธอพยุงมะขามขึ้นห้องตัวเองอย่างยากลำบาก ถึงตัวจะเล็กก็เถอะแต่หนักไม่ใช่เล่น หลังจากถอดเบลเซอร์พาดไว้ที่เก้าอี้เสร็จก็ค่อยๆ วางคนตัวเล็กลงบนเตียงขนาดคิงไซส์และจัดแจงท่าทางให้เพื่อนคนพิเศษนอนได้สบายที่สุด กว่าเธอจะอาบน้ำสระผม หยิบเอาไดร์ไปแอบเป่าผมที่ชั้นล่างเพราะกลัวเสียงจะรบกวนคนตัวเล็กที่กำลังนอนฝันดีอยู่ก็เกือบจะตีสองแล้ว เธอจึงค่อยๆ ย่องและเอนตัวนอนลงข้างๆ อย่างเงียบที่สุด ทันทีที่ศีรษะของเธอสัมผัสหมอนหนุน คุณเธอก็เอ่ยเสียงหวานขึ้น
“ตัวหอมจังเลย~”
“สร่างเมาแล้วรึไง? ”
“อืออออ”
เพื่อนตัวเล็กครางต่ำในลำคอพลางกอดแขนเกิ้ลที่หันไปมองหน้าคนเมาที่ตอนนี้ยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่
“งั้นไปอาบน้ำเลย”
“อาบให้เค้าหน่อยซี่~”
“จะบ้าเหรอ! ”
มะขามส่งเสียงหัวเราะในลำคอในขณะที่เกิ้ลลุกขึ้นโวยวายแล้วก็นิ่งไป นั่งมองสักพักเธอก็เอื้อมส่งมือเรียวไปเขี่ยปอยผมบลอนด์ที่ปกปิดใบหน้าเพื่อนตัวเล็กอย่างเบามือแล้วยกยิ้มอย่างเอ็นดู
“สร่างเมาบ้าอะไร ละเมอชัดๆ ”
เอื้อมมือไปปิดสวิทช์ที่โคมไฟข้างเตียงแล้วหันไปห่มผ้าให้มะขามก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ในขณะที่เกิ้ลกำลังจะถูกดึงเข้าสู่ห้วงนิทรา เสียงหวานของคนเมาก็ดังขึ้นปลุกเธอในความมืด
“เกิ้ล”
“นอนได้แล้ว”
นอนมองคนข้างๆ ที่นิ่งไปอีกครั้งจนเกิ้ลคิดว่าเพื่อนตัวเล็กของเธอคงหลับไปแล้ว จึงดึงผ้าห่มขึ้นเพื่อคลุมร่างกายตัวเอง แต่คนที่คิดว่าหลับไปแล้วก็ค่อยๆ เขยิบตัวเข้ามาใกล้พลางเอื้อมมือมากอดร่างสูงที่หันไปมองคนข้างๆ ด้วยความสงสัย
“อะไรอีกหืม? ”
“เค้าหนาว”
ไม่พูดเปล่า มะขามซุกหน้าเข้าที่ไหล่ของเธอ ลมหายใจร้อนที่ยังมีกลิ่นไวน์จางๆ ถูกเป่ารดต้นคออีกครั้ง ทำเอาหัวใจของเกิ้ลที่อยู่ๆ ก็เต้นเร็วขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
“ห่มผ้าให้แล้วไง”
“ก็เค้าหนาว”
“นี่แกล้งเรารึเปล่าเนี่ย? ”
เกิ้ลลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง ทอดสายตาจ้องมองเพื่อนตัวเล็กที่บ่นพึมพำในลำคอ นั่งรอสักพักเมื่อเห็นว่าคนเมานิ่งไปแล้วเธอจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้งก่อนที่มะขามจะเอ่ยชื่อเธออีก
“เกิ้ล”
“ขาม เราอยู่นี่ เลิกเรี….”
คำพูดต่อจากนั้นถูกแทนที่ด้วยสัมผัสนุ่มจากริมฝีปากบางของเพื่อนคนพิเศษ รสเชอรี่หอมละมุนจากไวน์ที่มะขามดื่มเข้าไปถูกส่งต่อมาที่ริมฝีปากของเกิ้ล คนตัวเล็กส่งมือสอดเข้าประคองเข้าที่ใบหน้าเรียวของร่างสูง เป็นการจูบที่บางเบาและอ่อนโยน ไม่มีการรุกล้ำใดๆ เกิดขึ้น ก่อนที่เพื่อนคนพิเศษจะถอนจูบรสเชอรี่ออกจากริมฝีปากของเธอแล้วฟุบลงที่ไหล่ เธอจึงอำนวยความสะดวกให้คนข้างๆ หลับสบายขึ้นด้วยการค่อยๆ ยกแขนให้คนตัวเล็กได้นอนหนุนแทนหมอน กลิ่นหอมละมุนยังคงอบอวลอยู่ในปากของเธอถึงแม้ว่าตัวการจะนอนนิ่งไปอีกรอบแล้วก็ตาม ทิ้งสายตานอนมองใบหน้าของเพื่อนสนิทพลางบ่นพึมพำ
“ยัยบ้าเอ๊ย เมาทีไรมาขโมยจูบเราทุกที”
เสียงนกที่ดังขึ้นด้านนอกเหมือนกำลังขับขานเสียงเพลง แสงแดดอ่อนๆ ลอดมาตามแนวแยกของผ้าม่านที่สูงติดเพดานบ่งบอกว่าเป็นเช้าวันใหม่แล้ว มะขามตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอุ่นของเกิ้ล นี่เธอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ? จำได้ลางๆ ว่าโดนเกิ้ลบ่นเรื่องที่ดื่มไวน์แล้วเหตุการณ์หลังจากนั้นถึงจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก แต่การที่ได้ตื่นมาในอ้อมกอดของคนที่รักนี่รู้สึกดีเป็นบ้า เธอซุกหน้าเข้ากับอกของร่างสูง ได้ยินถึงเสียงหัวใจของคนข้างๆ เต้นเป็นจังหวะ มือกระชับกอดพลางผ่อนลมหายใจอย่างผ่อนคลาย
ถึงจะสนิทกันขนาดไหนแต่มะขามก็ไม่เคยก้าวข้ามจากเส้นแบ่งความสัมพันธ์แบบเพื่อนได้เลยสักครั้ง เป็นตัวเธอเองที่ไม่ได้มีความกล้ามากพอที่จะบอกความรู้สึกออกไปตรงๆ หากเพียงแต่ยังคงเฝ้ารอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากออกมาว่ารู้สึกเช่นเดียวกับเธอ
พอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน้ำตาก็พลันไหลออกมา และในขณะที่มะขามกำลังร้องไห้เงียบๆ อยู่นั้น เกิ้ลที่ไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มของเธอเบาๆ น้ำเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนถูกเอ่ยขึ้น
“ฝันร้ายเหรอ? ”
“....”
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว เราอยู่นี่แล้ว”
เกิ้ลกระชับกอดเพื่อปลอบประโลม ถ้าหากมันจะเป็นฝันร้ายจนทำให้เพื่อนตัวเล็กของเธอกลัวจนร้องไห้แบบนี้แล้วละก็...เธอจะขอกอดไว้แบบนี้จนกว่าจะดีขึ้น ไม่ชอบเห็นมะขามร้องไห้เลย ครั้งหนึ่งเธอเคยทำให้มะขามร้องไห้มาแล้วเพราะโดนเธอต่อว่าเรื่องยกเลิกการประชุมระหว่างบริษัททั้งหมดเพียงเพราะแค่วันนั้นเธอบอกให้มะขามลงแข่ง หลังจากนั้นจึงสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะไม่ทำให้เพื่อนคนนี้ต้องร้องไห้อีกเป็นครั้งที่สอง
นิ่งเงียบกันไปพักใหญ่ หลังจากที่เธอเห็นว่ามะขามดีขึ้นแล้วจึงเอื้อมมือไปเกลี่ยหยาดน้ำตาออกจากพวงแก้มกลมพลางเอ่ยถามเสียงนุ่ม
“ปวดหัวมั้ย? ”
“นิดหน่อย” มะขามตอบอู้อี้อยู่ในอ้อมกอดของเกิ้ล
“แล้วเมื่อคืนกินเหล้าทำไมหืม? ”
“เราอยากลืม”
มะขามอกหักงั้นเหรอ? ใครมันบังอาจทำร้ายจิตใจผู้หญิงตัวเล็กๆ ได้ลงคอกันนะ? ถ้าเจอจะซัดให้หน้าหงายเลยให้ตายเถอะ
“ใครทำอะไรขาม? เราจะไปจัดการให้”
“....”
“คนที่บริษัทเหรอ? หรือบีม? หรือไอ้เหนือ? ”
“....”
“ขาม บอกเรามา”
“เราจัดการเองได้”
ชักอยากจะเห็นหน้าไอ้สารเลวนั่นซะแล้วสิ มาทำให้เพื่อนเธอร้องไห้แบบนี้ ไม่ได้การล่ะ สงสัยต้องไปหลอกถามเรื่องนี้กับเจ๊ตองสักหน่อยแล้ว
“แน่ใจนะ? ”
“อือ” คนตัวเล็กตอบพลางพยักหน้าหงึกหงัก
“งั้นก็ลุกได้แล้ว อาบน้ำก่อนมั้ย? ”
ร่างสูงที่กำลังจะลุกขึ้นแต่ถูกมะขามดึงเสื้อไว้ เธอจึงหันกลับไปมองเพื่อนคนพิเศษที่หลุบตาลงต่ำ
“เกิ้ล”
“หืม? ”
มะขามเงยหน้าขึ้นสบตากับคนตรงหน้าที่ยังคงจ้องมองเธออยู่
“เกิ้ลมีคนที่ชอบบ้างรึเปล่า? ”
“ไม่มีนะ”
นั่นไง ถามแบบนี้คงอยากจะปรึกษาจริงๆ อย่าให้รู้นะว่าไอ้หอกหักนั่นเป็นใคร เพื่อนเธอออกจะสวยและแสนดีขนาดนี้ยังจะกล้าทิ้งได้ลงคอ
“แล้วเกิ้ลไม่อยากมีแฟนบ้างเหรอ? ”
“อือ เห็นไอ้เหนือมันมีแฟนแล้วโฟกัสทีมไม่ได้ เราไม่อยากเป็นแบบนั้น”
“.....”
“อีกอย่างเราก็มีขามแล้วนี่ ไม่เห็นต้องมีแฟนเลย”
เกิ้ลฉีกยิ้มกว้างจนตาปิด ประโยคที่เธอเอ่ยออกมาเมื่อสักครู่ส่งผลให้หัวใจดวงน้อยๆ ของมะขามพองฟูอย่างมีความสุข
สาวผมบลอนด์ยิ้มกว้างจนแก้มกลมดิก ตั้งแต่วันก่อนแล้วที่เกิ้ลพูดแบบนี้ มันคือประโยคบอกรักแบบอ้อมๆ สไตล์เกิ้ลรึเปล่านะ? ตัวเธอเองก็ไม่ได้คิดอยากรบเร้าเอาคำตอบจากอีกฝ่ายว่าใช่หรือไม่ ให้เวลาค่อยๆ เฉลยความสัมพันธ์ในครั้งนี้ก็แล้วกัน เธอจึงลุกขึ้นคว้าผ้าเช็ดตัวที่เกิ้ลหยิบมาวางไว้ให้ ถามไถ่ถึงชุดที่จะใส่เสร็จมะขามก็เดินเข้าห้องน้ำไป เกิ้ลจึงเปิดตู้เสื้อผ้ารื้อชุดที่คิดว่าพอดีกับเพื่อนคนพิเศษที่สุดออกมาวางไว้ปลายเตียง ไม่ลืมที่จะหยิบชุดชั้นในของมะขามที่ไม่ยอมเอากลับคืนไปสักทีหลังจากใส่กระเป๋าผิดตอนไปเที่ยวกันเมื่อคราวก่อน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เธอจึงหอบชุดไปอาบน้ำที่ห้องพี่ชายตัวแสบแทน
สองสาวเดินลงมาชั้นล่างก็ได้กลิ่นหอมลอยอบอวลไปทั่วทั้งบ้าน เกิ้ลจึงเดินไปสวมกอดมารดาจากทางด้านหลังที่กำลังง่วนอยู่กับการปรุงอาหารบนเตา
“ตื่นกันแล้วเหรอ? ”
"ตื่นแล้วค่ะ"
“เดี๋ยวเกิ้ลกับขามจะไปเล่นปาร์กัวร์กันนะ”
“หนูมะขามดีขึ้นรึยังล่ะลูก? ”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ แหะๆ ”
มะขามยิ้มแหยๆ คงจะรู้สึกผิดที่รับปากไว้อย่างดิบดีว่าจะดูแลเธอ แต่กลับเป็นฝ่ายโดนหิ้วกลับมานอนที่บ้านเพราะเมาเละซะเอง
“กินข้าวกันก่อนมั้ย? แม่ทำปลาซาบะฟูผัดพริกแกงใกล้เสร็จแล้ว”
“กินๆ ขามกินข้าวกันก่อนนะ”
คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงักแทนคำตอบ
ช่วยกันจัดแจงโต๊ะกินข้าว หยิบจานมาตักข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่เพิ่งหุงเสร็จใหม่ๆ แล้วนั่งกินกับข้าวที่แม่เตรียมไว้ให้ เกิ้ลไม่พลาดกับข้าวที่บ้านหรอก เพราะแม่ของเธอเคยเป็นเชฟในโรงแรมสุดหรูย่านใจกลางเมืองมาก่อน แต่เพราะพ่อเห็นว่าแม่ต้องทำงานหนักเลยให้ลาออกมาเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกๆ ดีกว่า
นอกจากปลาซาบะฟูผัดพริกแกงแล้วยังมีไก่ผัดซอส และแกงจืดเต้าหู้ไข่ของโปรดมะขาม แม่น่าจะตั้งใจทำไว้ให้เพื่อนตัวเล็กของเธอเลยแหละ เนี่ย...ทีลูกแท้ๆ บอกอยากกินอะไรนะไม่เค๊ยไม่เคยตามใจแบบนี้บ้างหรอก ฮึ!
หลังจากที่สองสาวช่วยกันล้างจานจนเสร็จ เกิ้ลก็เดินไปกอดแม่อีกครั้ง หอมซ้ายหอมขวา เอาหัวไถแขนแม่เหมือนลูกแมวอย่างออดอ้อน
“แม่ เกิ้ลรักแม่นะ”
“รู้แล้วน่า อย่าซนให้มากล่ะ”
“ค่าาาา วางใจได้เลย”
“ไปเล่นกันดีๆ ล่ะ ระวังตัวด้วย”
“ได้ค่ะคุณน้า”
“งั้นเกิ้ลไปก่อนนะ”
ระหว่างทางที่นั่งแท็กซี่กลับไปเอารถที่ร้าน เกิ้ลก็ต่อสายหาเคพลางสอบถามจนรู้ว่าอยู่จุดที่มาเล่นปาร์กัวร์กันเป็นประจำ เมื่อมาถึงก็ทักทายกันพอหอมปากหอมคอก่อนจะแยกย้ายไปเล่นตามจุดที่ต้องการ
เกิ้ลวอร์มร่างกายยืดเส้นยืดสายอยู่กับเพื่อนตัวเล็ก เหมือนวันนี้อากาศจะเป็นใจให้เธอเล่นปาร์กัวร์จนหมดแรงเพราะแดดไม่จัดมาก
เธอเริ่มวิ่งตีลังกาจากพื้นที่ต่างระดับโดยมีมะขามถือมือถือถ่ายวีดิโอไว้อยู่ ก่อนที่เกิ้ลจะวิ่งกลับมาชิ่งกับกำแพงปูนเพื่อกระโดดเกาะระเบียงชั้น 2
“เกิ้ล! ระวังตัวด้วยน้า”
“ได้เลย”
มะขามตะโกนบอกร่างสูงที่ชูนิ้วโป้งตอบกลับมาอย่างเป็นห่วง
เมื่อเล่นกันที่ชั้นล่างจนเบื่อแล้ว แก๊งปาร์กัวร์จึงตกลงย้ายจุดไปบนดาดฟ้าของตึกสูง 6 ชั้นแทน เพื่อเล่นกับสิ่งกีดขวางและความท้าทายที่มากขึ้น ทั้งตู้ ราวเหล็ก กำแพงต่างระดับ หรือแม้กระทั่งการวิ่งข้ามตึก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาขึ้นมาเล่นกันบนนี้ แต่นับครั้งไม่ถ้วนที่ขึ้นมาแล้วต่างหาก เรียกได้ว่ามาบ่อยจนหลับตาวิ่งยังได้
มะขามวิ่งตามเกิ้ลที่วิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางอย่างคล่องแคล่ว แก๊งปาร์กัวร์ยืนมองสองสาววิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางไปด้วยกันอย่างเพลิดเพลิน จนวิวที่ยืนกอดอกอยู่อดเอ่ยพูดขึ้นมาไม่ได้
“สองคนนั้นดูเหมาะสมกันดีนะ”
“เก่งกันทั้งคู่ แต่ดันซื่อบื้อเรื่องรักซะได้”
บอมเอ่ยเพื่อเสริมประโยคของแฟนสาว ทำเอาเคเลิกคิ้วขึ้นมองหน้าด้วยความสงสัย
“อ้าวสองคนนั้นคบกันอยู่ไม่ใช่เหรอ? ”
“คบบ้าไรล่ะพี่เค! เกิ้ลมันรู้ที่ไหนว่ามะขามชอบ”
“ถามจริง? ”
สาวผมแดงหันไปพูดกับเคที่ดูจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไป
“วิวเป็นเพื่อนไอ้สองคนนี้มาตั้งแต่เข้าชมรมปาร์กัวร์ตอนปี 2 จนป่านนี้ยังไม่เคยเห็นเกิ้ลมันไปชอบใครเลย”
“....”
“เกิ้ลมันเคยบอกนะว่าไม่อยากมีแฟน ทั้งๆ ที่มีคนมาจีบมันเยอะจะตาย ส่วนมะขามก็ปฏิเสธทุกคนที่เข้ามาเช่นกัน”
“หรือจริงๆ ชอบกันแต่ไม่รู้ตัวอะไรงี้ป่ะ? ”
เคขมวดคิ้วยุ่งอย่างคนใช้ความคิด
“วิวเดาเกิ้ลไม่ถูกเลยพี่เค”
“หรือเกิ้ลชอบพี่? ”
“อันนี้เพ้อเจ้อละ”
ทั้งสามหัวเราะลั่น ก่อนที่สองสาวจะวิ่งกลับมารวมกลุ่ม มะขามเปิดกระเป๋าเป้หยิบผ้าเช็ดหน้าที่เตรียมไว้ยื่นให้เกิ้ลที่รับมาเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของตัวเอง เคมองดูสองสาวที่ดูยังมีพลังเหลือเฟือจึงเอ่ยปากชวน
“พักให้หายเหนื่อยแล้ววิ่งทางยาวกัน”
ร่างสูงหยิบขวดน้ำแล้วยื่นให้มะขามที่รับมาดื่มก่อนจะยื่นคืนกลับไปให้เกิ้ลที่ดื่มต่อจากเธอ นั่งคุยเล่นกันสักพักเคก็ลุกขึ้นวอร์มร่างกาย
“ตามมาแล้วกันนะเด็กๆ ”
ชายหนุ่มเริ่มออกวิ่งแล้วกระโดดข้ามไปอีกตึกที่อยู่ห่างจากที่พวกเธอยืนอยู่เพียงแค่สองเมตร มะขามสะบัดขาเตรียมวิ่งแต่ถูกร่างสูงรั้งแขนไว้
“ระวังด้วยนะ”
“อื้อ”
เพื่อนตัวเล็กพยักหน้าเบาๆ ตอบรับความเป็นห่วงของเธอแล้ววิ่งกระโดดข้ามตึกอย่างสวยงาม ก่อนจะเอามือป้องปากตะโกนกลับมา
“ระวังด้วยน้า”
ร่างสูงทำวันทยาหัตถ์จรดที่ปลายคิ้วด้านขวาก่อนจะสะบัดออกอย่างขี้เล่น ยืดเส้นด้วยการสับขาวิ่งกับที่สักพักแล้วเริ่มออกวิ่ง แต่จังหวะที่กำลังจะกระโดดเธอเกิดเป็นตะคริวที่ขาขวาอย่างกะทันหัน ส่งผลให้ขาออกแรงกระโดดได้ไม่เต็มที่
เกิ้ลพยายามคว้าขอบตึกอีกฝั่งไว้ แต่ด้วยแรงปะทะของร่างเข้ากับกำแพงตึกจึงทำให้มือที่จับไว้ยึดไม่อยู่ เธอจึงพลัดตกจากชั้น 6 ลงไปนอนนิ่งอยู่ที่ระเบียงปูนที่ชั้น 4 วิวกรีดร้องกับภาพตรงหน้าขึ้นมาทันที มะขามทึ้งเสื้อยืดของเคพลางพูดอย่างร้อนรน
“พี่เคมือถือ! ”
ไม่รอให้เคที่มัวแต่ยืนช็อกหน้าถอดสีอยู่หยิบให้ เธอรูดซิปกระเป๋าคาดอกแล้วหยิบมือถือออกมากดโทรออกทันที
“ฮัลโหล มาตึก xx ด่วนค่ะ มีคนตกตึก! ”
มะขามพูดพลางกระชากประตูดาดฟ้าเปิดอย่างแรง วิ่งลงไปชั้นล่างแล้วเลื่อนหน้าต่างกระจกที่มีฝุ่นเกาะหนาเตอะเพื่อปีนออกไปหาเกิ้ลที่นอนตะแคงอยู่ เธอลูบกลุ่มผมนุ่มของคนตรงหน้าอย่างเบามือที่สุด สายตาเหม่อมองริมฝีปากบางของเกิ้ลที่มีเลือดซึมออกมา น้ำตาค่อยๆ รื้นขึ้นที่ขอบตาของเธอ อย่าร้องนะมะขาม ร้องตอนนี้ไม่ได้
“เกิ้ล”
“ขาม เรา...ยังไม่อยากตาย”
คนตรงหน้าพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา มะขามกลั้นน้ำตาที่ตอนนี้เอ่อล้นจนสายตาพร่ามัวแล้วพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่สุด เพิ่งรู้ว่าการข่มน้ำเสียงไว้ไม่ให้สั่นนี่มันยากเย็นเหลือเกิน
“เกิ้ลจะไม่เป็นอะไรนะ เราเรียกกู้ภัยให้แล้ว”
มะขามไม่กล้าที่จะแตะต้องตัวของเกิ้ลเลยแม้แต่นิดเดียวแม้ใจจริงจะอยากกอดมากแค่ไหนก็ตาม เพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าบาดเจ็บที่ส่วนไหนบ้าง เธอจึงได้แต่เคลื่อนมือที่สั่นเทาไปมาในอากาศ แล้วหันไปพูดกับเคที่วิ่งกระหืดกระหอบตามเธอมาว่า
“พี่เค บอกให้พี่บอมกับวิวไปรอรถกู้ภัยที”
“ได้ๆ ”
เครีบกุลีกุจอหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาบอมที่อยู่ทางอีกตึกอีกฝั่งทันที
“ไอ้บอม ให้วิวไปรอรถกู้ภัยหน้าตึกที ส่วนแกเคลียร์ทางลงบันไดไว้ให้หน่อย”
“ขาม...เราเจ็บ”
“อดทนอีกนิดนะ”
เคหันไปมองมะขามที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ร่างที่ไม่ไหวติงของเกิ้ล เขานับถือความมีสติและไหวพริบของผู้หญิงตรงหน้า ในขณะที่ทุกคนรวมทั้งตัวเขาเองกำลังอยู่ในอาการตกใจ แต่มะขามกลับควบคุมสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ถึงแม้ว่าตัวเธอจะดูตื่นกลัวมากแค่ไหนก็ยังสามารถโทรเรียกรถกู้ภัยได้ หากแต่ผู้หญิงที่เขาแอบชอบจะลงเอยกับผู้หญิงคนนี้แล้วล่ะก็ เขายินดีที่จะเดินถอยออกมา
อึดใจเดียวเสียงไซเรนของรถกู้ภัยก็มาถึง เสียงฝีเท้าเร่งรีบของเจ้าหน้าที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พวกเขามาพร้อมกับเปลสนาม เมื่อประชิดตัวผู้บาดเจ็บได้แล้วก็จัดการเช็คอาการเบื้องต้นพร้อมจัดแจงใส่หน้ากากออกซิเจนและเข้าเฝือกตามจุดที่คิดว่าบาดเจ็บรุนแรง ก่อนจะนำร่างคนเจ็บไปนอนที่เปลแล้วเคลื่อนย้ายลงไปขึ้นหลังรถอย่างรวดเร็ว มะขามวิ่งตามเจ้าหน้าที่แล้วขึ้นนั่งที่ด้านขวาอย่างระมัดระวังที่สุดเพื่อไม่ให้ขัดขวางการปฏิบัติงาน
“พี่เค เจอกันที่โรงพยาบาล”
รถกู้ภัยเคลื่อนตัวออกจากจุดเกิดเหตุ คนตัวเล็กมองเกิ้ลที่ถูกเข้าเฝือกสนามที่ขาขวา แขนขวาและคอไว้ด้วยความกังวล เธอสอดมือไปจับมือซ้ายของเกิ้ลไว้
“เกิ้ลจะไม่เป็นอะไรนะ”
“....”
“เกิ้ล”
“....”
“พี่คะ เพื่อนหนู…”
มะขามหันไปถามเจ้าหน้าที่ที่กำลังใช้วิทยุสื่อสารเคลียร์เส้นทางจราจรอย่างเร่งรีบ
“พยายามชวนคุยไปก่อนน้อง ใกล้ถึงแล้ว”
เธอจึงหันกลับมา สัมผัสที่มือบ่งบอกได้ถึงมือของเกิ้ลที่พยายามบีบมือของเธอเบาๆ เหมือนทุกครั้งที่คอยปลอบเธอในยามที่เธอรู้สึกกลัว
“เกิ้ล”
“อือ”
“เกิ้ลต้องอยู่กับเรานะ”
“....”
“เราจะพาเกิ้ลไปเล่นสกายไดฟ์ เล่นเซิร์ฟบอร์ด ไปดำน้ำ แล้วก็กินอาหารอร่อยๆ ด้วยกัน”
“....”
“เราจะชนะเวิลด์ลีคด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ”
“อือ”
“เราจะพาเกิ้ลไปทุกที่ที่อยากไปเลยนะ”
“ขาม เรา….”
เสียงของเกิ้ลขาดห้วงไป มะขามกังวลจนกัดริมฝีปากบางของตัวเองจนเลือดออกเพื่อบังคับน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา
"เกิ้ล หลับไม่ได้นะ! ตื่นสิ!!"
ติดตามอ่านตอนล่าสุดได้ใน ReadAWrite น้าาาาาา จิ้มตรงนี้ได้เลยยย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in