- [ Fanfic BTS ]
- Gengre : OmegaverseAU!|Supernatural|Soft Drama |
- Pairing : Jijin l Park Jimin*KimSeokjin l
- Rate : PG
- Note: ฟิคเรื่องนี้เขียนโดยอ้างอิงโอเมก้าเวิร์สและsupernatural(สิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ) โดยในเรื่องกล่าวถึงสังคมของมนุษย์หมาป่าที่อยู่กันอย่างลึกลับและกลมกลืนไปกับสังคมมนุษย์ พวกเขาจะไม่เปิดเผยตัวต่อมนุษย์มากนักหากไม่จำเป็น พวกเขาปกครองกันด้วยระบบชนชั้นอัลฟ่า,เบต้า,และโอเมก้า การรวมกลุ่มกันหมาป่าจะแบ่งตามเขตที่อยู่ ซึ่งเรียกว่า 'ฝูง' และ ถูกนำโดย 'จ่าฝูง' โดยผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ส่วนมากมักจะเป็นอัลฟ่า (บางฝูงก็มีเบต้าเป็นจ่าฝูง) ตำแหน่งจ่าฝูงส่วนมากมักจะถูกเลือกจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่บางฝูงก็ใช้การสืบทอดทางสายเลือด
กลิ่นของน้ำแข็ง,ไอเย็นที่กัดกินเนื้อไม้สนของป่าดำ เคล้าผลไม้สุกงอมสีแดงสด บางครั้งกลิ่นนั้นก็ปะทุ ระเบิดออก เสียดสีกับอากาศเย็นๆจนเกิดเป็นกลิ่นเถ้ารุนแรง
กลิ่นที่ทำให้ฝูงของสัตว์ร้ายต้องยอมสยบแทบคมเขี้ยวนั้น
กลิ่นของอัลฟ่า,กลิ่นของ ' จ่าฝูง '
กลิ่นของพัคจีมิน
❅
นัยน์ตาตากลมสีฟ้า,สีที่คล้ายสีของน้ำแข็งในฤดูเหมันต์ สะท้อนภาพของจันทร์เสี้ยวและจักรวาลยามค่ำคืนผ่านบานหน้าต่าง แก้มยุ้ยของทารกนั้นแดงปลั่งเพราะอากาศหนาวเย็นติดลบข้างนอกนั่น คนอุ้มมองทารกน้อยในอ้อมแขนพลันนึกมันเขี้ยวแก้มนุ่มนิ่มนั่นจนต้องฝังกดปลายจมูกลงแรงๆสักครั้ง จนเด็กน้อยร้องออแอประท้วงด้วยภาษาเด็ก
“อะไรกัน นี่อัปป้าหอมเราไม่ได้เหรอหืม?”
‘ซอกจิน’เลิกคิ้วถาม มองลูกน้อยที่นอนมองตาแป๋วในอ้อมแขน เจ้าลูกหมาน้อยร้องออแอกลับมา มือป้อมๆโบกไปมาในอากาศ ซอกจินมองภาพนั้นด้วยสายตาที่อ่อนโยน และจรดริมฝีปากจุมพิตที่ขมับน้อยๆของลูกอย่างนิ่มนวล
“พูดเยอะจริงๆเลยนะ จองกุกกี้ของอัปป้าเนี่ย”
อัปป้าของจองกุกกี้หัวเราะเบาๆ กระชับอ้อมกอดก่อนพาลูกน้อยกลับไปที่เตียงกว้าง คืนนี้อากาศค่อนข้างหนาวเย็นเป็นพิเศษ ทุกอย่างข้างนอกบ้านดูราวกับถูกสีขาวของหิมะกลืนกินจนขาวโพลนไปหมด ซอกจินเลยพาจองกุกมานอนด้วยกันบนเตียง เสียงหวานๆของซอกจินกำลังกล่อมเด็กน้อยตัวป้อมให้ค่อยๆจมสู่ห้วงนิทรา นัยน์ตากลมแบบลูกกวางน้อยปรือปรอยจะหลับแหล่มิหลับแหล่แต่พยายามจะลืมตาให้ได้มากที่สุดเพราะยังไม่ยอมนอน ซอกจินถอนหายใจยิ้มๆ
แหงล่ะ เจ้าลูกคนนี้ติดอัปป้าอีกคนอย่างเสียกระไรดี
อัปป้าอย่างซอกจินชักจะน้อยใจนิดๆแล้วสิ ซอกจินมองเด็กน้อยที่พยายามลืมตาต่อสู้กับความง่วงจนกระทั่งเปลือกตานั้นปิดพริ้มสนิท พุงน้อยกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ซอกจินคลี่ยิ้มบาง กดจูบที่แก้มนุ่มนิ่มพลางกระซิบแผ่วๆว่ารักเบาๆ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้อย่างระวังเพราะไม่อยากปลุกเจ้าตัวเล็ก
ซอกจินเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง เข็มยาวบนผนังบอกเวลาว่าเกือบจะสามทุ่มแล้ว แต่
สามีของเขาก็ยังไม่กลับมาเสียงที
จีมินไปประชุม
ฝูง
ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็คงดีซอกจินคิดแบบนั้นตอนที่กลุ่มก้อนสีขาวเริ่มร่วงหล่นจากท้องฟ้าสีเข้มอีกครั้ง ย้อมทุกอย่างให้กลายเป็นสีขาวโพลน สีขาวของความทรงจำของผลึกน้ำแข็ง
ความทรงจำของซอกจินและจีมิน
❅
เดือนธันวาคือเดือนที่หนาวที่สุดของปี แต่ก็เป็นเดือนที่ท้องฟ้านั้นสวยที่สุดเช่นกัน
บางครั้งเขาก็ชอบเงยหน้ามองท้องฟ้า ก้อนเมฆปุกปุยเหมือนสายไหมทำให้ท้องฟ้าดูนุ่มนวลมากขึ้นบางครั้งเขาก็เผลอเอื้อมมือขึ้นไปในอากาศ นัยน์ตากลมสีเข้มเป็นประกายราวกับจะไขว่คว้าพวกมัน ซอกจินในครั้งวัยเยาว์ช่างไร้เดียงสายิ่งนัก แต่พอได้ลองตรึกตรองความจริงแล้วมันช่างน่าหัวเราะ เพราะตอนนี้มือที่เอื้อมเหนือศีรษะไปสู่ฟ้ากว้างนั้นหมายจะไขว่คว้าอิสระมา แทนที่จะเป็นสายไหมปุกปุยนั่น ในตอนที่ซอกจินอายุสิบแปดปี ซอกจินคิดเช่นนั้น มือถูกยกค้างไว้ในอากาศ เมื่อความจริงตรงหน้ามันช่างหนักอึ้งยิ่งกว่าโลกทั้งใบเสียอีก เพราะซอกจินเป็นลูกชายของจ่าฝูง ภาระที่ต้องสืบทอดตำแหน่งจ่าฝูงนั้นสำคัญกว่า ซอกจินรู้ดีว่าเขาน่ะ ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำเลย
แต่ไม่เป็นไร เพื่อทุกคน ซอกจินก็คิดว่าเขาน่าจะทำได้
ความจริงมาปรากฏตรงหน้าซอกจินอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่ออายุครบ15ปี
อาการฮีทของเขาเริ่มต้นขึ้น มันทำให้ฝูงของเขากระสับกระส่าย มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในตระกูลของเขา ตระกูลคิมไม่เคยมีโอเมก้าเกิดขึ้นมาก่อน ตระกูลของซอกจจินนั้นเป็นจ่าฝูงมาหลายชั่วยุคสมัย ตระกูลคิมที่ปกครองเขตทะเลสาบจันทร์เสี้ยว ทุกคนในฝูงมองซอกจินเหมือนตัวประหลาด
คนเฒ่าคนแก่ต่างพร่ำว่ามันคือกาลกิณี
ทุกคนล้วนหันหลังให้ซอกจิน
ซอกจินที่เคยเป็นที่รักใคร่ เอ็นดู ถูกเลี้ยงดูฟูมฟักอย่างดีเพราะเป็นนายน้อยของฝูงตอนนี้กลายเป็นแค่ภาระที่แสนอ่อนแอ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ซอกจินที่ไม่เคยเตรียมใจรับเรื่องนั้นมันทำให้เขารู้สึกหายใจติดขัด อยากอาเจียน,ตัวตนของเขาถูกปัดทิ้ง มันกระเด็นลงบนพื้นเย็บเหยียบ ปริร้าว ถูกเหยียบซ้ำ แหลกสลายไม่มีชิ้นดี ซอกจินหวาดกลัวสายตาของผู้คนตั้งแต่นั้น ทุกครั้งที่ถูกจ้องมองซอกจินจะก้มหน้า หอบหายใจแรง ก้อนเนื้อในอกสูบฉีดเลือดมากขึ้นจนชีพจรเต้นเร็วจนเจ็บร้าวไปทั้งอก ร่างกายจะเริ่มสั่นระริกอย่างควบคุมไม่ได้
เด็กหนุ่มปฏิเสธทุกอย่างรวมทั้งตัวเอง และปล่อยให้ตัวเองแหลกสลายไปทั้งแบบนั้น
'ไม่เป็นไร ซอกจิน
พ่อจะปกป้องลูกเอง '
แต่อ้อมแขนแข็งแกร่งของพ่อ น้ำหนักและน้ำเสียงอบอุ่นยิ่งกว่าฤดูใบไม้ผลิ ขอบตาของซอกจินร้อนผ่าว ซอกจินร้องไห้ออกมาพลางกอดบิดาแน่น ราวกับชิ้นส่วนที่เคยปริร้าวนั้นถูกประกอบขึ้นใหม่อีกครั้ง แม้มันจะยังคงไม่หายและเหลือร่องรอยไว้ก็ตาม
ซอกจินสัญญาว่าจะเข้มแข็งขึ้น 'ปลอกคอ' ถูกสวมตั้งแต่วันนั้น มันก็เหมือนโซ่ที่ล่ามซอกจินไว้กับความอ่อนแอของตัวเอง
ความอ่อนแอที่ฉุดเขาลงยังก้นทะเลสาบจันทร์เสี้ยว แช่แข็งซอกจินไว้ไปพร้อมๆกับความเจ็บปวด ห้าปีที่ก้นทะเลสาบน้ำแข็งแสนหนาวเหน็บ,ไร้ซึ่งสิ่งใดนอกจากเขา ซอกจินเคยคิดว่าหัวใจของเขาอาจจะด้านชาแลอาจจะเข้มแข็งมากพอที่จะสู้กับสายตาของคนในฝูงได้แล้ว แต่เวลาห้าปีนั้นกลับไม่ช่วยอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย สายตาที่มองเขาราวกับเป็นสิ่งแปลกประหลาดยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดบนโลกยังคงเหมือนเดิม สายตาที่มองว่าซอกจินเป็นคนนอก สายตาที่มองว่าเขาน่ารังเกียจขนาดไหน มันทำให้ซอกจินรู้สึกอยากอาเจียนออกมาอีกครั้ง
แต่แล้วความอ่อนแอก็ผลักดันให้ซอกจินมีความกล้าที่แปลกประหลาด ความรู้สึกแรงกล้าที่ชักนำคิมซอกจินที่ไม่เคยย่างกายออกจากเขตทะเลสาบจันทร์เสี้ยวไปที่อีกฝั่งของทะเลสาบนั้น ไปยังส่วนที่โค้งที่สุดของมัน
มันฉุดกระชากหัวใจของซอกจินให้หนีไปจาก
ความจริง ของตัวเองไกลแสนไกล
จังหวะเปลี่ยนจากย่างก้าวเป็นเดิน,จากเดินเป็นวิ่ง จนกระทั่งซอกจินแปลงเป็นร่างของสัตว์เดรัจฉาน,ร่างของหมาป่าสีขาวสะอาด มันเหลียวกลับมามองทะเลสาบจันทร์เสี้ยวของมันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่หันกลับมามองอีกเลย.
❅
ซอกจินจำไม่ได้ว่าตัวเองวิ่งมานานขนาดไหน หรือไกลแค่ไหน
แต่มันคงมากพอที่จะทำให้ขาล้า ซอกจินหอบหายใจกอบโกยเข้าสู่ปอด ลึกมากพอที่จะทำให้ไอเย็นเสียดแทงในปอดจนเจ็บไปหมด เขากวาดสาดตามองรอบๆ สีของไม้สนดำตัดพาดผ่านหิมะสีขาวรอบๆ ทุกอย่างรอบตัวล้วนเป็นสีขาวและดำ ไร้ซึ่งเสียงใดนอกจากเสียงลมหายใจและเสียงย่ำหิมะของซอกจิน
เขาอยู่ที่ไหน?ซอกจินเม้มปาก เขาไม่รู้จักที่อื่นนอกจากทะเลสาบจันทร์เสี้ยวของเขา ซอกจินจำได้ว่าเขามุ่งหน้าขึ้นทางเหนือ พยายามหลีกเลี่ยงเขตของฝูงอื่น ถ้าหากซอกจินหลงเข้าเขตของ
ฝูงอื่น มิแคล้วถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน ยกเว้นเสียแต่ซอกจินจะโชคดีพบกับฝูงที่ใจดีพอที่จะรับโอเมก้าเช่นเขาเข้าไปอยู่ แม้โอกาสมันจะน้อยนิดก็ตามที แต่เมื่อพิจารณาจากต้นสนสีดำโดยรอบแล้ว ซอกจินน่าจะกำลังหลงอยู่ในเขต
ป่าสนดำ
'เขตป่าสนดำ' ซอกจินเคยได้ยินมาว่าฝูงที่นี่ไม่มีระบบสืบต่อตำแหน่งจ่าฝูงโดยสายเลือด แต่คัดเลือกจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น ป่าเถื่อน มันคือคำนิยามของที่นี่
ความวิตกกังวล ความกลัวและความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดระยะทางที่เดินมาผสมปนเปกันไหมด, มันทำให้ซอกจินไม่ทันระวังตัว ซอกจินก้าวพลาด ตรงนั้นคือพื้นที่ว่างเปล่า หัวใจของซอกจินวูบหล่น ก่อนที่ร่างกายจะถูกแรงดึงดูดของโลกฉุดให้ร่วงหล่นสูงเบื้องล่างในเสี้ยววินาที
วินาทีแรกซอกจินรู้สึกว่าแผ่นหลังเขาอยู่บนพื้นแข็งๆ วินาทีถัดมาความเจ็บนั้นแล่นปลาบไปทั่วร่างจนต้องร้องครวญออกมา ซอกจินไม่แน่ใจนักว่าเขาชาเพราะความเย็นของหิมะหรือว่าเพราะความเจ็บกันแน่ ไม่นานนักจมูกก็รับรู้ถึงกลิ่นสนิมจางๆที่ปะปนกับไอเย็นบาดผิว ซอกจินลืมตาขึ้นก้อนค่อยๆกวาดสายลงไปยังตำแหน่งที่รู้สึกเจ็บมากที่สุด ธารสีแดงข้นกำลังย้อมหิมะให้ละลาย ฟันคมขบริมฝีปากอิ่มกลั้นก้อนสะอื้นลงลำคอ เพราะความประมาทเลินล่อของตัวเองถึงได้พลัดตกลงมาจากเนินสูง เด็กหนุ่มไม่แน่ใจนักว่าถูกอะไรบาดเข้าที่ต้นขา แต่มันก็ลึกพอตัวจนเลือดนั้นไหลซึมออกมาไม่หยุด ซอกจินสูดลมหายใจเข้าลึกๆรวบรวมสติที่กระจัดกระจายเพราะความตกใจให้กลับมา พยายามยันตัวลุกขึ้นแต่ไร้ผลเมื่อเขาไม่สามารถวางข้อเท้าได้เลย จึงพอจะอนุมานได้ว่าตอนนี้ข้อเท้าของเขาคงจะแพลงไปแล้วเช่นกัน
ซอกจินกัดฟัน หยัดตัวลุกขึ้นอีกครั้ง ความเจ็บปวดนั่นแล่นปลาบจากบาดแผลเข้าสู่สมอง ซอกจินร้องครวญอย่างเจ็บปวดออกมาสุดเสียง เจ็บจนซอกจินน้ำตาไหล เด็กหนุ่มทำได้แค่นอนลงกับกองหิมะ ภาวนาให้ใครสักคนมาพบเข้าก่อนที่จะค่ำ
แต่ใครจะมาพบเขากันล่ะ? ถึงพบเข้าแล้วยังไงต่อ? เขาจะยอมช่วยซอกจินรึเปล่า?
ซอกจินก็แค่ 'โอเมก้า'
เขาแค่นหัวเราะ หลับตาลงนอนรอความตายที่พร้อมจะเข้ามากลืนกินร่างกายของเขา ความตายมันเงียบสงบแบบนี้เองสินะ? มันว่างเปล่า ไม่มีอะไรต้องกังวลและคิดถึง ไม่ช้าความรู้สึกทุกอย่างจะหยุดลง และซอกจินก็จะหายไป
"คุณ"
"ไหวรึเปล่า?"
ซอกจินลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนที่จะสบเข้าพอดีกับเจ้าของนัยน์ตาสีเข้ม สีที่เหมือนเปลือกไม้สนดำของป่านี้
❅
ซอกจินไม่รู้ว่าตัวเองนั้นหลับไปนานแค่ไหน,รึถูกพามาที่นี่ได้อย่างไร สิ่งที่รู้เพียงแค่ว่าเขาตื่นมาเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของใครสักคน ข้าวของในห้องทุกอย่างถูกจัดวางและดูแลอย่างดี เหมือนใหม่ แต่มันก็ยังทิ้งร่องรอยของกลิ่น ไว้จางๆยามซอกจินหันหน้าเข้าซุกหมอน กลิ่นของเปลือกไม้สนดำ มันกลั้วกลิ่นไอเย็นและผลไม้บางอย่าง มันหอมหวาน แม้จะมีกลิ่นเถ้าตีขึ้นมาให้เสียดจมูกเคล้าจางๆในตอนท้ายก็ตาม
ซอกจินคิดว่า ซอกจินชอบกลิ่นนี้ มันทำให้ซอกจินรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจ แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมก็ตาม
ซอกจินติดในใจกลิ่นนั้นเล็กๆในขณะที่ครุ่นคิดถึงมัน เฝ้าค้นหาอะไรบางอย่างจากเพดานไม้เหนือศีรษะ ใคร่ครวญ เฝ้าคะนึงหาถึงมัน แต่เพราะพิษบาดแผลมันทำให้ซอกจินต้องพักผ่อน ซอกจินจมสู่ห้วงนิทราไปพร้อมปริศนาของกลิ่น ปริศนาที่ทำสลักลงในห้วงคำนึงโดยไม่รู้ตัว
".....ยังไม่ตื่นอีกเหรอ?"
เสียงพึมพำแผ่วๆและฝ่ามือร้อนจัดของใครสักคนแตะสัมผัสเข้าที่แก้มเย็นของซอกจิน สัมผัสนุ่มนวลเนิบนาบที่ไล้กรอบใบหน้าทำให้คนที่กำลังจมในห้องนิทรามืดนิรันด์รู้สึกตัวตื่น เปลือกตาสั่นไหวก่อนปรือขึ้นช้าๆ ปรากฏเค้าร่างแสนคุ้นตา ซอกจินกะพริบตาซ้ำๆปรับภาพตรงหน้าให้ชัดเจนมากขึ้น
อีกฝ่ายดูตัวเล็กกว่าซอกจินสักราวๆห้าเซนติเมตรได้ ร่างกายไม่ได้ดูใหญ่โตมากนัก แต่กำยำแม้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายจะถูกคลุมทับด้วยเสื้อคลุมไหมพรมสีขาวแดง เรือนผมสีดำถูกเสยขึ้นเปิดใบหน้าเรียวให้สบกับนัยน์ตาเรียวคม
นัยน์ตากลมของเขาสบกับนัยน์ตาเรียวสีเข้ม สีของเปลือกสนดำที่มองสบมาก่อนหน้า อีกฝ่ายดูงดงามเหมือนไม่มีอยู่จริงเมื่อถูกแสงจันทร์ฉาบร่างเพียงด้านเดียว บรรยากาศของที่ห้อมล้อมรอบตัวอีกฝ่ายดูสงบ เยือกเย็น สงัดเหมือนป่าสนดำนั่นล่ะ บรรยากาศเงียบจนน่าอึดอัดเมื่อพวกเขาเอาแต่สบตา ไม่มีการเคลื่อนไหว ไร้ซึ่งคำพูด มีเพียงเสียงลมหายใจกับสัมผัสจากปลายนิ้วกร้านที่เกลี่ยแก้มเย็นของซอกจินเป็นบทสนทนา มุมปากของบุคคลปริศนายกยิ้มขึ้นเล็กๆ เป็นรอยยิ้มเล็กๆที่ซอกจินได้รับจากคนตรงหน้า สัมผัสเล็กๆน้อยๆนั่นทำให้หัวใจอุ่นวาบอย่างน่าประหลาด เป็นสัมผัสที่แสนคุ้นเคยที่หายไปนานมากแล้ว
นานจนซอกจินแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ได้จากคนอื่นนอกจากครอบครัวเป็นเช่นไร
พัคจีมิน นั่นคือชื่อของบุคคลปริศนาที่ช่วยเขาไว้
ซอกจินค้นพบว่าอีกฝ่ายอ่อนกว่าเขาประมาณสองปีได้ เจ้าตัวอายุเพียงสิบแปดปี เป็นมิตรและอ่อนโยน ขัดกับภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขาม สงบนิ่ง และดุดัน แต่เจ้าตัวก็มักจะส่งรอยยิ้มเล็กๆที่ทำให้ซอกจินเผลอโอนอ่อนไปกับความอ่อนโยนที่จีมินมอบให้เมื่อปลายนิ้วกร้านเกลี่ยมุมปากที่เลอะให้ซอกจินอย่างนุ่มนวล 'ปากเลอะแล้วครับฮยอง ' จีมินว่าแบบนั้นพลางกลั้วหัวเราะ มันทำให้ซอกจินเขินอายจนต้องก้มหน้าคางเกือบชิดอกเมื่อถูกปฏิบัติราวกับเด็กกว่าเสียเอง ทุกอย่างที่คนเด็กกว่าทำให้มันทำให้เขาหมดซึ่งความหวาดระแวงและความกลัวจนหมดสิ้น จีมินอาศัยอยู่ในฝูงหมาป่าที่ในเขตป่าสนดำตามที่เขาคาดไว้ จีมินเป็นมิตรแต่ก็รักสันโดษกว่าที่คิด ถึงได้มาอาศัยอยู่ที่นี่คนเดียว
"เมื่อก่อนผมก็เคยมีครอบครัว"
"แล้วตอนนี้?"
"ตายหมดแล้วครับ"
จีมินเล่าในขณะที่เติมฟืนเข้าเตาผิง ซอกจินเงียบไป พวกเขานั่งมองเปลวไฟที่กำลังลุกโชจน์ช่วงราวกับเป็นสิ่งบันเทิงเดียวในบ้านหลังใหญ่ของจีมิน เสียงปริแตกของเปลือกไม้เมื่อกองไฟถอนหายใจเอาเถ้าถ่านและสะเก็ดของมันปลิวขึ้นไปตามปล่องอิฐแดง ความร้อนแผ่ออกมาให้ความอบอุ่นแก่พวกเขาที่นั่งขลุกกันอยู่กับพื้นในคืนที่อากาศหนาวเย็นที่สุด ซอกจินลอบมองเสี้ยวหน้าของจีมิน สีหน้าที่ราบเรียบ ไร้ซึ่งอารมณ์ ไม่มีแม้กระทั่งความเศร้าโศกออกมา มันทำให้ขอบตาของซอกจินร้อนผ่าว ซอกจินเอนศีรษะลงสบลาดไหล่ที่เล็กกว่า หวังแค่ว่ามันอาจจะเพิ่มความอบอุ่นหรือซึมซับบาดแผล บรรเทาบาดแผลความโดดเดี่ยวของจีมินลงบ้าง แม้กลายเป็นว่าแรงบีบของมือที่เล็กกว่าของจีมินนั้นกำลังปลอบประโลมซอก จินเสียเอง ปลายนิ้วที่กำลังเกลี่ยหลังมือเนียนด้วยน้ำหนักและจังหวะที่สม่ำเสมอคล้ายกับจะบอกว่า
ไม่เป็นไร ซอกจินหลับตาลง ภาวนาให้ฤดูหนาวในหัวใจของพวกเขาหายไปโดยไว
อาจเป็นเพราะพวกเขามีบาดแผลแบบเดียวกัน พวกเขาสูญเสียสถานที่ที่มีตัวตนของตัวเองไป
หมาป่าสีขาวและสีดำจึงต้องคอยเลียบาดแผลให้กันและกัน
❅
'จินฮยองอยู่ที่นี่ได้ตราบเท่าที่ต้องการนะครับ'
จีมินเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบเมื่อไฟได้มอดดับลงไป และซอกจินก็แค่พยักหน้ารับ
คืนนั้นพวกเขานอนเบียดกันบนเตียง ทั้งๆที่ปกติจีมินมักจะไปนอนอีกห้องหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะประโยคคำถามก่อนหน้าที่ซอกจินพอจะรู้ถึงนัยยะบางอย่างที่ซ่อนอยู่ ดังนั้นพวกเขาถึงเริ่มปฏิสัมพันธ์กันอย่างง่ายๆเพื่อความคุ้นเคย เมื่อแผ่นหลังชนกัน แนบชิดสนิท แบ่งปันไออุ่นเพื่อให้ร่างกายจดจำทั้งอุณหภูมิและจังหวะชีพจรที่เริ่มแปลกไป พวกเขาเงียบ ไร้ซึ่งบทสนทานา
จนกระทั่งเอวเพรียวของซอกจินถูกวงแขนอบอุ่นกอดรัดเข้า ซอกจินปิดเปลือกตาแน่นเมื่อลมหายใจร้อนเป่ารดกกหู เสียงกระซิบแผ่วๆดังขึ้นริมหู ซอกจินรู้สึกปั่นป่วนไปหมดเมื่อทุกอย่างตีรวน
'เสียงหัวใจเต้นแปลกดีนะครับ....จินฮยอง'
❅
มันค่อนข้างนานนิดหน่อยกว่าที่ซอกจินจะหายดี คงเพราะซอกจินเป็นโอเมก้าด้วยล่ะนะ ถึงได้หายช้านัก แต่กว่าซอกจินจะหายสิ่งที่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณนั่นคือ การสร้างรัง มันลำบากจีมินนิดหน่อยที่ต้องมาจัดการเคลียร์ห้องเล็กๆสุดทางเดินที่จีมินไม่ได้ใช้ให้ซอกจิน
มันทำให้ซอกจินอึ้งนิดหน่อยตอนที่เห็นจีมินยกของหนักๆพวกนั้นคนเดียวโดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่นิดเดียว
'ก็ผมเป็นอัลฟ่านี่ครับ'
ความจริงที่ซอกจินรู้ตัวช้ามากเกินไปทำให้ซอกจินอ้าปากค้างเมื่อจีมินกล่าวมันออกมาสบายๆ คงเพราะก่อนหน้านี้เขายังบาดเจ็บอยู่และยังถูกพิษไข้เล่นงาน ถึงประสาทรับกลิ่นพังไปหมดแล้ว แม้ตอนนี้จะยังไม่หายดี แต่ซอกจินก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรกับตัวเขา
ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกตัวว่าจีมินเป็นอัลฟ่ากันล่ะ?
ท่ามกลางความสับสนงุนงงที่ทำให้ซอกจินหัวหมุน พัคจีมินยกยิ้มมุมปาก นั่นพาให้สีหน้าดูเจ้าเล่ห์อย่างร้ายกาจเมื่อประกอบกับคำพูดที่ทำให้ซอกจินแทบอยากจะชกคนตรงหน้า
'ซอกจินฮยองรู้ไหมครับว่ากลิ่นฮยองหอมและหวานมากแค่ไหน'
ซอกจินเดินหนีเสียงหัวเราะอารมณ์ดีของจีมินที่ดังไล่ตามหลังมา แก้มของเขาร้อนมาก ซอกจินเดาว่าใบหน้าของเขาคงแดงจัดมากแน่ๆ ในตอนนั้นเองที่ซอกจินเพิ่งตระหนักถึงอันตรายเมื่ออยู่กับอัลฟ่าแสนเจ้าเล่ห์อย่างพัคจีมิน เจ้าหมาป่าเจ้าเล่ห์ที่ทำตัวเป็นลูกเจี๊ยบนุ่มนิ่มหลอกให้ซอกจินตายใจมาตลอด
มันน่าฟาดนักเชียว!
❅-To be continued-❅
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in