BTS fan fiction
mini series
Gengre: soft and sweet
Pairing:Hopejin,2seok |Hoseok*Seokjin |
Rate:R-15
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โฮซอกเริ่มจะเสพติดรสชาติแสนขมเข้มของกาแฟดำ
อ่อ ตอนที่เขาเริ่มบ้างานนั่นล่ะ.
x
“จองโฮซอก นายยังไม่กลับอีกเหรอ?”
หน้าปัดดิจิทัลบอกเวลาสี่ทุ่ม กลิ่นกาแฟเข้มข้นลอยฟุ้งในห้องทำงาน โฮซอกหันไปสบตากับเจ้าของลักยิ้มทรงสเน่ห์นั่น มุมปากวาดลึกพอๆ กับริ้วความเหนื่อยล้าที่ใต้ตา แม้จะดูบางเบากว่าวันก่อนๆ แล้วก็ตาม
“ยัง อยากเคลียร์ท่อนแรปให้เสร็จก่อน”
“อย่าฝืนนักล่ะ สุขภาพร่างกายก็สำคัญ”
“อืม ขอบใจนะ”
โฮซอกมองไล่หลังเพื่อนสนิทที่ยกมือขึ้นเชิงว่าไม่เป็นไร ก่อนที่แรปเปอร์หนุ่มจะหันหน้าเข้าจอสี่เหลี่ยมอีกครั้ง ปลายนิ้วกดนวดไล่ความเครียดที่ข้างขมับ จัดสรรตัวโน้ตแต่ล่ะท่อนขึ้นมาร้อยเรียงใหม่อีกครั้ง แต่ก็พบว่ามันยังมีจุดที่บกพร่องอยู่ บางอย่างที่ขาดหายไป และโฮซอกไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด
‘บางอย่างที่ไม่สมบูรณ์ บางครั้งก็สมบูรณ์ด้วยเพราะความไม่สมบูรณ์ เพราะไม่สมบูรณ์จึงต้องเติมเต็มมัน’
‘ตอนนี้นายขาดไปเยอะเลยนะโฮซอกอ่า’
นัมจุนเคยกล่าวไว้แบบนั้น แต่มันก็เมื่อนานมากแล้ว บทสนทนาแสนเข้าใจยาก,เหมือนเคย เหมือนปริศนาที่ว่านัมจุนทำประตูเย็นหลุดได้อย่างไร โฮซอกเองก็สงสัย เขาถึงได้ครุ่นคิดถึงทั้งประโยคและเหตุผลที่คิมนัมจุนพูดแบบนั้น
สิ่งที่เขาขาดงั้นเหรอ? นั่นสินะ เพราะไม่รู้ถึงได้หาคำตอบอย่างไร
ในที่สุด แรปเปอร์หนุ่มก็ต้องยอมแพ้กับงานในส่วนของวันนี้ ขึ้นรถกลับบ้าน ไม่ลืมส่งข้อความถึงใครบางคนที่คงรออยู่ที่บ้านเหมือนทุกครั้ง มุมปากวาดรอยยิ้มบางเบาเมื่อเห็นข้อความปรากฏขึ้นที่หน้าจอ
สมาร์ตโฟน
[Seokjinnie-hyung: คิดถึงแล้ว]
x
คุณนิยามคำว่าบ้านไว้เช่นไร?
บ้านหลังใหญ่ รถฮุนไดคันใหญ่ มีสุนัขตัวโตๆ สักตัว มีเด็กๆ และภรรยารออยู่ที่บ้าน?
นั่นคงเป็นนิยามแสนเรียบง่ายและธรรมดาตามความใฝ่ฝันของคนปกติ สำหรับจองโฮซอก บ้านอาจจะหมายถึงเจ้าของอ้อมกอดแสนอบอุ่นกลิ่นลาเวนเดอร์แสนสดชื่น เจ้าของนัยน์ตากลมที่มีประกายวิบวับไม่ต่างจากโฮซอก เจ้าของรอยยิ้มสดใสที่เป็นเสมือนโลกทั้งใบของเขา
คิมซอกจิน,
“อือ อาบน้ำแล้วเช็ดผมก่อนสิ”
ซอกจินว่าแบบนั้น พลางดันคนที่โถมตัวลงนอนทับอยู่ด้านบนออกเล็กน้อย นิ้วไล่สางผมเปียกชื้นที่ปรกใบหน้าของคนอ่อนกว่าขึ้นเผยใบหน้าเนียนใสที่เห็นอยู่ทุกวันจนเป็นภาพความเคยชิน นัยน์ตาไล่มองสบองค์ประกอบใบหน้าหล่อเหลาด้วยความรักใคร่ ปลายนิ้วเกลี่ยริ้วความเครียดใต้ตาแผ่วเบา ก่อนที่ริมฝีปากอิ่มเลื่อนกดจูบที่ปลายคาง
“ลุกขึ้นนั่งสิ พี่จะเช็ดผมให้”
คนเด็กกว่าฉวยหอมแก้มนุ่มครั้งหนึ่งถึงค่อยลงมานั่งกับพื้นพรมด้านล่างให้ ซอกจินจึงลุกขึ้นบ้าง นึกซนนิดหน่อยตอนที่ยกขาเรียวพาดไหล่ของโฮซอกหยอกเย้าเล็กๆ
“ถ้าเจ็บก็บอกนะ”
“นิ้วน้ำอย่างพี่ จะทำให้ผมเจ็บได้ยังไงล่ะ”
แรปเปอร์หนุ่มว่าเสียงแผ่ว เปลือกตาปิดสนิท แรงและน้ำหนักสม่ำเสมอแสนนุ่มนวลทำให้เขาสบายแทบจะเคลิ้มหลับ ซอกจินค่อยๆ เช็ดอย่างเบามือที่สุด จนกระทั่งคิดว่ามันพอแล้วจึงก้มลงไปฝังปลายจมูกลงกลับกลุ่มผมนุ่ม สูดกลิ่นแชมพูกลิ่นเดียวกันบนเรือนผมอีกฝ่าย แต่พออีกฝ่ายใช้กลับหอมกว่า
“เสร็จแล้ว ขึ้นมานอนได้แล้ว”
คนขี้แกล้งถือโอกาสใช้ต้นขาล็อกหัวทุยๆ ก่อนขยับโยกไปมา จองโฮซอกเลยแก้เผ็ดด้วยการหันไปงับต้นขานั่นเบาๆ ครั้งสองครั้งจนซอกจินสะดุ้งตัวโยน
“ย่าห์! อย่ากัดสิ!”
“ก็นุ่มดีนี่ครับ”
แรปเปอร์หนุ่มว่าแบบนั้นก่อนขยับลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองคนที่กำลังกอดอกหน้ามุ่ยด้วยรอยยิ้มเอ็นดู สุดท้ายก็เป็นโฮซอกนั่นล่ะที่หลุดขำ วงแขนวาดกอดรวบรั้งร่างกายอีกฝ่ายมาใกล้ จุมพิตเบาที่ริมฝีปากแผ่ว
“ผมหยอกเล่นน่า ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็นไร”
“ขอบตาดำเป็นแพนด้าอยู่แล้ว ยังมาอยากอะไรอีกเหรอ?”
ซอกจินว่าหน้ายู่ ดีดหน้าผากเบาๆ แรปเปอร์หนุ่มแสร้งร้องโอดครวญว่ามันเจ็บมาก แกล้งงอแงออดอ้อนออเซาะจนคนแก่กว่าอดหลุดยิ้มขำไม่ได้ ภาพซอกจินที่หัวเราะจนตาหยีทำให้โฮซอกอดยิ้มตาม รอยยิ้มที่จองโฮซอกหลงรักตั้งแต่แรกเห็น เสียงหัวเราะค่อยๆ เบาลงไปจนเหลือเพียงเสียงของเครื่องปรับอากาศ นัยน์ตาสบประสานกัน, ไม่ช้าแรงดึงดูดก็ทำหน้าที่ของมัน เมื่อกลีบเนื้อเริ่มคลอเคลีย ลมหายใจร้อนปะปนกัน, ร่างกายขยับแนบชิดกันจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงผิวและเนื้อผ้าเสียดสี ริมฝีปากแนบชิด ดูดดึง กวาดกระหวัดหารสชาติแสนคุ้นเคยจากปลายลิ้นพวกเขา เกินพรรณา,หาสิ่งใดเปรียบยามเราเคียงสอง กลีบเนื้อแดงฉ่ำผละจากกันเมื่อขาดอากาศ โฮซอกฟังเสียงพร่าของลมหายใจที่ขาดห้วง ไล้กลีบเนื้อร้อนคลอเคลียไปตามแก้มแดงปลั่ง
“ไหวเหรอ?”
ซอกจินกระซิบแผ่วยามร่างกายเราแนบชิดทุกส่วน น้ำเสียงของคนแก่กว่าฟังดูสดชื่นกว่าปกติ คำถามถูกตอบด้วยการกระตุ้นเล็กๆ ที่ทำให้ร่างกายของซอกจินกระตุกจนหลังแอ่นโค้งลอยขึ้น คนแก่กว่าหัวเราะเบาๆ ด้วยใบหน้าแดงปลั่ง
“อืม,งั้น——
พี่ร่ายมนตร์วิเศษให้นะ”
คนแก่กว่าพูดแบบนั้น ก่อนขยับตัวขึ้นคร่อม,นัยน์ตากลมเป็นประกายวิบวับ ,รอยยิ้ม,กริยา, ทุกอย่างดูซุกซน โฮซอกเลยปล่อยให้ซอกจินร่ายมนตร์วิเศษตามใจ ปล่อยใจไปกับสัมผัสจาฝ่ามือเนียน ปล่อยทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณ ซอกจินดูสวยงามอย่างน่าประหลาดยามผิวเนียนชื้นเหงื่อนั้นแดงปลั่ง ไม่ว่าจะเพราะโฮซอกเร่งเร้าหรือว่าเพราะความโลภของซอกจินเอง ผิวเสียดสี หากมีสะเก็ดเพลิงได้ก็อาจจะมี ทุกอย่างเหมือนไต่ระดับของอารมณ์ขึ้น ถึงจุดเดือดด้วยอุณหภูมิของพวกเขาเอง เติมเต็มความปรารถนาแก่กัน สุขจนแทบล้นปรี่ เหลือเพียงกลิ่นความปรารถนาที่อวลอายในอากาศและสัมผัสของผิวชื้นเหงื่อที่แนบชิดกัน
“โฮซอกอ่า”
“หืม?”
“หายเครียดรึยัง?”
อ่อ มิน่าล่ะ
แรปเปอร์หลุดขำตาหยี กดจูบลงหน้าผาก,เปลือกตา,ปลายจมูก,แก้มใส, และริมฝีปากทว่าเนิ่นนานกว่าที่อื่นเป็นไหนๆ
โฮซอกกระซิบแผ่ว,คิมซอกจินยิ้มแป้นด้วยสีหน้าเคอะเขิน
“อือ มนตร์วิเศษของพี่ได้ผลจริงๆ ด้วย”
เพราะความเครียดของจองโฮซอกหายไปจริงๆ เสียด้วยสิ
x
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยามเช้าของโฮซอกไม่ได้มีแค่กลิ่นเข้มของเมล็ดกาแฟ,แต่มีกลิ่นหวานของชาดอกไม้หอมด้วย
กลิ่นแสนละมุนละไมของดอกไม้สีขาว กลิ่นของชาคาโมไมล์ของซอกจิน.
กลิ่นหอมละมุนยามเช้าตรู่ โฮซอกพาร่างกายของเขาที่ยังตื่นไม่เต็มสติดีนักเข้าสวมกอดคนที่สูงกว่าไว้พลางซุกใบหน้าลงกว่าลาดไหล่กว้าง เสียงหัวเราะแผ่วๆ ของซอกจินดังขึ้น สัมผัสจากปลายนิ้วอุ่นแตะลงบนผิวแก้มทำให้แรปเปอร์ขยับยิ้มบางทั้งหลับตา “ไปล้างหน้าซะสิ แล้วมากินข้าวเช้าได้แล้ว” คนแก่กว่าว่าพลางยู่หน้าลงนิดๆ ในตอนที่ร่างกายถูกพลิกให้หันมามองสบกัน นัยน์ตาสบมองยามหน้าผากพิงซบ ปลายจมูกไล้คลอเคลียกัน ตามด้วยริมฝีปากที่แนบชิดลิ้มความหวานที่เจอรสชาดอกไม้หอมกรุ่น คนแก่กว่าถึงได้เข้าใจว่าแรปเปอร์หนุ่มแค่จะอ้อนเอาจูบรับอรุณก็เท่านั้น จึงได้กระซิบยามริมฝีปากคลอเคลียกันไม่ห่างว่า “อรุณสวัสดิ์นะ โฮซอกอ่า” แรปเปอร์หนุ่มถึงได้ยิ้มอย่างพึงพอใจ
‘บางอย่างที่ไม่สมบูรณ์ บางครั้งก็สมบูรณ์ด้วยเพราะความไม่สมบูรณ์ เพราะไม่สมบูรณ์จึงต้องเติมเต็มมัน’
‘ตอนนี้นายขาดไปเยอะเลยนะโฮซอกอ่า’
สิ่งที่นัมจุนพูดในตอนนั้น เหมือนโฮซอกจะเริ่มเข้าใจมันขึ้นมาบ้างแล้ว
ก่อนหน้านี้ชีวิตของโฮซอกมีแต่รสชาติแสนขมกับกาแฟดำที่เขาเสพติดมันนักหนา จนแทบจะลืมไปแล้วว่า ความหวานละมุนนุ่มบางเบาที่ทำให้จิตใจผ่อนคลายนั้นเป็นเช่นไร จนกระทั่งเขาได้สัมผัสกับรสชาตินี้อีกครั้งตอนที่ได้พบซอกจินที่หยิบยื่นมันมาให้เป็นของขวัญยามเช้าของทุกวัน
สงสัยคราวนี้โฮซอกคงต้องงดกาแฟดำอย่างจริงๆ จังๆ เสียแล้ว.
x
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โฮซอกเริ่มจะเสพติดรสชาติแสนขมเข้มของกาแฟดำ
แต่ตอนที่มีความหวานละมุนนุ่มของชาดอกไม้หอมเข้ามากล่อมเกลาอวลอายเคียงคู่
ก็คงเป็นตอนที่จองโฮซอกมีคิมซอกจินเคียงค้างนั่นล่ะ
แด่กาแฟดำและคาโมไมล์ที่ไม่น่าจะเข้ากันได้เลยแต่อวลอายเคียงคู่กันทุกอรุณรุ่งของทุกวัน.
-to be continued-
Story by Macbeth1995
Twitter; @astronaut1995
#สถานีอวกาศno95
Talk;
คิดถึงคู่นี้ คิดถึงคุณชาคาโมไมล์
ตอนนี้กำลังคิดอยู่ว่าเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Coffee or Tea?จะดีกว่าไหมนะ
เพราะเดิมทีก็เป็นคนตั้งชื่อเรื่องไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวอยู่แล้วค่ะ
เซ้นส์การตั้งชื่อแย่พอๆกับที่ชอบพิมพ์ตกหล่นกับพิมพ์ผิดเลยล่ะค่ะ เฮ้อ.
ตอนถัดไปจะมาแบบที่คุณไม่ต้องรอ เพราะคุณจะลืมไปเอง (ขำ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in