10.15 ของวันที่6พฤษภา ณกว๊านพะเยา หญิงสาวกับป้าแก่ๆเอ๊ยฉันกับคุณแม่ ก็ไปโผล่หน้าตึกเหลืองจนได้ 55 เราต่างมองหานิทรรศการของมิวเซียมสยาม จนฉันได้สะดุดตากับธงสีส้มที่โบกสะบัดตามลมริมกว๊านพะเยา ซึ่งมีข้อความว่า Mobile มิวเซียมติดล้อ เรียงความประเทศไทย และตู้คอนเทนเนอร์ทั้ง6
“ เย้ !!! ได้ดูเสียที หลังจากรอมา2-3 เดือน”
นิทรรศการนี้เป็นการจำลองมิวเซียมสยามที่กรุงเทพฯ มาย่อส่วนให้เราได้เรียนรู้ เพราะว่าสถานที่จริงนั้น มี3 ชั้น17ห้อง ในการเข้าชม ทางพิพิธภัณฑ์จะให้เริ่มชมจากชั้น 1 ต่อไปยังชั้น 3และลงมาสิ้นสุดที่ชั้น 2 ซึ่งมีห้องต่างๆดังนี้ เบิกโรงไทยแท้ เปิดตำนานสุวรรณภูมิ สุวรรณภูมิ พุทธิปัญญา กำเนิดสยามประเทศ สยามประเทศสยามยุทธ์ แผนที่ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษกรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา ชีวิตนอกกรุงเทพฯ แปลงโฉมสยามประเทศ กำเนิดประเทไทยสีสันตะวันตก เมืองไทยวันนี้ และมองไปข้างหน้า
“ แต่วันนี้ ทั้ง 17 ห้อง มาอยู่ข้างหน้าเราแล้ว รออะไร เข้าไปสิคะ”
สิ่งแรกก่อนเข้าชม เราก็ต้องไปลงทะเบียนที่ประชาสำพันธ์ก่อนเข้าไปหาความรู้ ในตู้ทั้ง 6 เมื่อเข้าไปจะพบกับห้องแรก ก็คือ ไทยแท้ เมื่อก้าวเท้าไปยังห้องนี้ซึ่งเป็นห้องแรกฉันสะดุดตากับรถตุ๊กๆ แม่ค้าหาบเร่ และแผงขายส้มตำ ตามด้วย เปิดตำนานสุวรรณภูมิ สยามประเทศ สยามยุทธ์แผนที่ ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษกรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา กำเนิดประเทศไทย เปลี่ยนจากสยามเป็นประเทศไทย สีสันตะวันตก และเมืองไทยวันนี้ อยากจะบอกว่า เมื่อพวกเราก้าวเท้าเข้าไปในห้องที่สอง ได้ไม่นาน ก็ต้องตกใจกับเสียงพูดที่ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ฉันจึงหันไปรอบๆก็พบกับจอภาพจอหนึ่งซึ่งอยู่ข้างหน้าพวกเรา ซึ่งบรรยายเกี่ยวกับการตรวจสอบร่างผู้เสียชีวิตฉันจึงหันไปด้านขวา เพื่ออ่านข้อมูลในหัวข้อเรื่องเล่าจากหลุมศพ ประกอบ เมื่อเข้าไปอีกห้องๆหนึ่งก็พบกับกลองใบหนึ่งฉันจึงลองตี ปรากฏว่ามีนิทานปรากฏขึ้นบนจอ และพบกลองใบหนึ่งตั้งอยู่ตรงหน้า จึงลองตีดู ปรากฏว่าเมื่อตีแล้วเนื้อหาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆฉันหนึกสนุกจึงตีกลองต่อไปเรื่อยๆอีกสองถึงสามครั้ง เนื้อหาในนิทานก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆฉันตัดสินใจเลิกตีกลอง แล้วเดินไปดูนิทรรศการต่อ เราเดินไปอีกห้องถึงก็พบกับเรือพระราชพิธีจำลองและกรอบรูปเล็กๆที่มีเสียงคนพูด เมื่อดูนิทรรศการในส่วนนี้เสร็จแล้วฉันก็เปิดประตูตรงหน้า ซึ่งเป็นห้องสยามยุทธ์ เราเปิดประตูข้างห้องสยามยุทธ์เพื่อเข้าสู่โซน ต่อๆไปก่อนไปแวะแชะรูปที่ห้องรองสุดท้าย ในห้องนี้เราเห็นวิทยุในที่คนสมัยก่อนใช้ เราใช้เวลาในโซนนั้นเพื่อถ่ายรูป ไม่นานเราก็เดินผ่านทีวีจอเล็กสีขาวที่แสดงถึงประเทศไทยในปัจจุบันเราออกมาจากนิทรรศการอย่างมีความสุข และความรู้มากมาย เราได้รู้ว่าผังของกรุงเทพฯกับกรุงศรีอยุธยามีความเหมือนกัน เราได้รู้ว่าวัฒนธรรมตะวันตกเริ่มเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สิ่งที่ยังเป็นคำถามที่ยังคาใจฉันอยู่ก็คือ
“ไทยแท้ คืออะไร”
“ ไทยแท้มีจริงหรือไม่”
“ ไทยแท้เป็นอย่างไร”
จากการที่ได้ชมนิทรรศการในครั้งนี้ทำให้ฉันคิดว่า อยากให้มีนิทรรศการเคลื่อนที่มาจัดให้ชมบ่อยๆเพราะว่า ตามจังหวัดเล็กๆมักจะไม่มีอะไรแปลกใหม่ การที่มีนิทรรศการดีๆมาให้เราชมฉันคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีทีเด็กต่างจังหวัดจะได้ชมนิทรรศการดีๆแบบนี้เพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับคนที่เข้าชม และฉันก็ได้สัญญากับตัวเองไว้ว่าถ้ามีโอกาสไปกรุงเทพฯอีกครั้ง จะจัดทริปตะลุยตึกเหลือง ให้ได้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in