หลายคนคงเคยอ่านและหรือเคยดูละครเรื่อง "แอบรักออนไลน์" ที่คนสองคนคุยกันผ่านสื่อโซเชียล และที่สุดแล้ว ก็กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน
โอเค นั้นคือด้านสวยงามของความรักที่เกิดขึ้นได้ผ่านสื่อออนไลน์ คราวนี้ ขออนุญาตนำเสนอด้านมืดของความรักที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์บ้าง
สถานการณ์ที่ ๑
ลองจินตนาการว่าคุณกำลังเล่นเฟสบุ๊คอยู่ แล้วจู่ๆก็มีคนๆหนึ่งส่งคำขอเป็นเพื่อนมาให้คุณ เมื่อกดเข้าไปดูรูปคุณก็พบว่าเขาเป็นคนต่างชาติ อยากเป็นเพื่อนกับคุณ จากนั้นพวกคุณสองคนก็คุยกันทุกวันๆเรื่อยมา จนเกิดเป็นความรัก เขาขอคุณเป็นแฟน แล้วคุณกับเขาก็เริ่มต้นความสัมพันธ์กัน(ยังไม่เคยเจอหน้า) เขาเล่าให้คุณฟัง(อ่าน)ว่า เขาเป็นคนสัญชาติอเมริกัน เบื่อแล้วกับโลกตะวันตก ตอนนี้เขาอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคุณในประเทศไทย แต่ตอนนี้ติดงานอยู่ ยังมาไม่ได้ เขาอยากทำให้คุณแน่ใจในตัวเขา เขาจะส่งทรัพย์สินมีค่ามาให้คุณเป็นสินสอดของหมั้นก่อน แต่เขาตรวจสอบแล้ว มันส่งไม่ได้หากผู้รับปลายทางไม่จ่ายเงินค่าภาษีให้เสียก่อน คุณรีบเสนอตัวออกค่าใช้จ่ายให้เขาก่อนแล้วค่อยตกลงคืนเงินกันอีกที (ยังอีก ยังไม่เอ๊ะอีก) เมื่อคุณส่งเงินให้เขาจำนวนหนึ่ง คุณก็พบว่า
เขาลบเฟสบุ๊คและ/หรือ บล็อกคุณไปแล้ว!
และความจริงก็มีอยู่ว่า...
หลังจากที่คุณไปแจ้งความ ตำรวจทำการสอบสวนแล้วแจ้งคุณว่า
ไอ้ที่คุณคุยด้วยมาตั้งนานนั้นน่ะ ความจริงคือคนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่เอารูปใครก็ไม่รู้มาสร้างเฟสบุ๊ค(อ้าว) ตอนนี้ตำรวจกำลังทำการสืบสวนอยู่ จับผู้ร้ายได้แล้วจำนวนหนึ่ง เดี๋ยวจะสรุปสำนวนส่งพนักอัยการ เพื่อให้พนักงานอัยการส่งฟ้องต่อศาลต่อไป ศาลคงจะสั่งให้คนร้ายพวกนี้คืนเงินให้คุณน่ะแหละ
แต่จะได้เงินคืนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ที่แน่ๆคือ ถ้าอยากได้ที่ปรึกษาไปช่วยหือช่วยอือในศาล ก็ต้องเสียเงินจากทนาย(ซึ่งไม่ใช่ถูกๆ) เว้นแต่จะไปแถลงศาลว่า หนูไม่มีตังค์แล้ว ช่วยตั้งทนาย(อาสา)ให้หนูฟรีๆหน่อยค่ะ
ขึ้นโรงขึ้นศาลยาวๆไป
สถานการณ์ที่ ๒
ลองจินตนาการ(อีกละ เอาน่า ชีวิตมันต้องมีไอเดียบรรเจิดกันบ้าง) ว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่น อยู่ในช่วงเสาะแสวงหาความหมายของชีวิต และอยากรู้อยากเห็นเรื่องความรัก คุณมีเฟสบุ๊คอยู่บัญชีหนึ่ง(เฟสบุ๊คอีกและ เฮ้อ) วันหนึ่งก็มีคนๆหนึ่งส่งคำขอเป็นเพื่อนเข้ามาหาคุณ คุณคลิกไปดูรูปก็พบว่าเขาใช้การ์ตูนเป็นรูปโปรไฟล์ (ไม่เป็นไร คุณก็ไม่ได้ใช้รูปตัวเองเหมือนกัน ดีซะอีก ไม่ต้องสนใจหน้าตาในการคุยกัน) เมื่อลองคุยกันแล้วก็พบว่า เราสองคนอายุไล่เลี่ยกันเลย คุยถูกคอกันไปซะทุกเรื่อง วันหนึ่งในทางแชท เขาก็หลุดปากออกมาว่า "เราเป็นแฟนกันแล้วนะ" หัวใจคุณพองโต โอ้ นี่สินะความรัก และในที่สุด คุณกับเขาก็นัดเจอกันในโลกแห่งความจริง คราวนี้ล่ะ เราจะได้ไปอวดเพื่อนๆเสียทีว่า เรามีแฟนแล้วนะ
และความจริงก็มีอยู่ว่า...
คุณค้นพบว่าคนที่คุณคุยด้วยไม่ใช่วัยรุ่นอายุเท่าคุณ แต่แก่กว่าคุณเป็นสิบปี ที่แย่กว่านั้นคือ เขาบังคับให้คุณไปกับเขา...
....แล้วก็ข่มเหงคุณ.....
อวสานนิยายรัก
นี่คือเรื่องจริงค่ะ เรื่องจริงๆที่เกิดขึ้นในสังคม ออกข่าวมาแล้วก็หลายรอบ แต่แปลก ยังคงมีนักเล่นเนตคนซื่อ หลงเชื่อคนบาปในคราบนักแชทอยู่ร่ำไป
ทุกครั้งที่พบเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่าจะอ่านเอาจากข่าวสารในสังคม หรือทราบจากการทำงานของตัวเองและเพื่อนร่วมงาน(อย่างที่เล่า เราเป็นนักกฎหมาย) มันชวนให้รู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก
อย่างในกรณีแรก เรารู้สึกเห็นใจเหยื่อที่ถูกหลอกให้รัก ก่อนจะพบว่าคนที่ตนเฝ้าฝันนั้นไม่เคยมีอยู่จริง หายวับไปราวกับปราสาททรายที่ถูกคลื่นซัด โอเค เมื่อถูกหลอกเงิน เงินน่ะอาจไปเค้นคอคนร้ายเอาคืนมาได้ แต่ความรู้สึกที่เสียไป
ใครเล่าจะชดใช้?
คนเราต้องใจดำขนาดไหนที่หลอกให้คนอื่นมารักเพื่อเชิดเงินได้อ่ะ???
ตัวอย่างที่สองยิ่งน่าหดหู่ นี่คือตัวอย่างของ "ผู้ชายเฮงซวย" ที่แท้จริง คือแบบ เอ็ง พยายามทุกวิถีทางเพื่อหลอกเด็กมาเชือดเนี่ยนะ ไม่น่าโตมาเลยว่ะให้ตาย
และต้องยอมรับว่าการให้เด็กใช้อินเตอร์เนตโดยไม่คอยระวังนั้น อันตรายจริงๆ เพราะเยาวชนทั่วๆไปนั้นอ่อนต่อโลก บางครั้งก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของโจรเฒ่าเจ้าเล่ห์เท่าใดนัก
ไม่ว่าจะมีลูกชายหรือลูกสาว พ่อแม่ผู้ปกครองควรรสอดส่องดูแลการใช้อินเตอร์เนตของลูกหลานท่านด้วยนะคะ
คำถามต่อไปที่เรามีคือ "คนเราตกหลุมรักคนที่แม้แต่หน้าตาจริงๆก็ไม่เคยเห็น ได้ยังไง?"
แค่คุยกัน ก็รักแล้ว มันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ
เช่นที่นางเอกในเรื่องกวนมึนโฮถามนั่นแหละ "คุณจะรักฉันได้ยังไง เราไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ ชื่อฉันคุณยังไม่รู้เลย"
เราไม่เถียงนะว่า ความรักในโลกออนไลน์เกิดขึ้นได้จริง และคู่รักที่มีจุดเริ่มต้นจากโลกออนไลน์ ก็มีอยู่จริง
แต่มันไม่ใช่ทุกคนที่พบความรักจากโลกออนไลน์
เราว่า คุณมีโอกาสถูกหลอก มากกว่าด้วยซ้ำ
ใช่ เรามองโลกในแง่ร้าย เพราะข่าวสารรอบตัวและสิ่งที่เจอในการทำงานบอกเราว่า บางที เรื่องมันเกิดเพราะฝ่ายหนึ่งร้าย และอีกฝ่ายมองโลกในแง่ดี เนี่ยแหละ
ไหนๆก็เขียนมาถึงตรงนี้ ขอตั้งข้อเตือนภัยไว้ก็แล้วกันว่า หากคุณและคุณสนทนาบริสุทธิ์ใจจริงๆ การสนทนาของคุณไม่ควรมี
1. การขอเงิน
2. เรื่องใต้สะดือ
เมื่อไหร่ก็ตามที่การสนทนาหมกมุ่นกับเรื่องสองเรื่องนี้มากเกินไป ให้พึงระวังว่า อีกฝ่ายอาจไม่ได้มีใจจริงเท่าที่คุณจริงใจกับเขาก็ได้
แล้วก็นะ เมื่อคุยกันแล้วได้รับข้อมูลอะไรสักอย่างอันเกี่ยวด้วยการขอให้คุณจ่ายเงินเพื่ออะไรสักอย่าง ติดดิสเบรกตัวเองแล้วมากูเกิ้ลหาข้อมูล ปรึกษาคนรอบข้าง และหากมีคนรอบตัวเป็นนักกฎหมาย ก็ถามนักกฎหมายก่อน อย่าสุ่มสี่สุ่มห้าควักกระเป๋าจ่ายไป เงินสูญไปจะร้องไห้แงๆเอา
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด อย่ารับใครเป็นเพื่อนสุ่มสี่สุ่มห้านะ โลกออนไลน์ไม่ได้ใสซื่อบริสุทธิ์เสมอไป
และสำหรับคนที่คิดจะหลอกใคร ขอเตือนไว้ก่อน ไม่ช้าก็เร็วคุณจะถูกจับได้ ได้ไปเที่ยว "ห้องกรง"(ในโรงพัก)ฟรีๆ ตกเป็นจำเลยขึ้นโรงขึ้นศาลในความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ (ลักทรัพย์, ฉ้อโกง, ยักยอก ฯลฯ) หรือความผิดเกี่ยวกับเพศ (อนาจาร, ข่มขืนกระทำชำเรา, รุมโทรม ฯลฯ) อาจได้ออกข่าวหน้าหนึ่ง ถูกประจาน ตกงาน เข้าคุก ฯลฯ
อ่อ ตายแล้วยังตกนรกด้วย
เอาความฉลาด(สร้างเรื่อง)ไปใช้ในทางอื่นดีกว่ามั้ย?
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่คนเราเนี่ยแหละที่ชอบทำให้มันหมองมัว โศกตรม ชีช้ำ
ก่อนให้ใจใครไป ไม่ว่าในโลกออนไลน์หรือโลกความจริง จงระวังไว้หน่อย อย่าเพ้อว่าตัวเองเป็นนางเอกนิยายโรแมนติกบ่อยนัก ก้าวขาผิดไปจะกลายเป็นตัวประกอบในนิยายสืบสวนคดีไปเสียก่อน
และถ้าไม่อยากเดินในทุ่งลาเวนเดอร์หนักเกินไป ตามข่าวเสียบ้าง ลองเปิดกฎหมายอาญาภาคความผิดอ่านดู หรือหาเพื่อนเป็นนักกฎหมายไว้บ้างก็ดี
สายงานกฎหมายมีเรื่องเล่าดาร์คๆของคนมาแบ่งปันได้อีกเยอะ
สวัสดี
ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่
https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
จนกว่าจะพบกันใหม่
สวัสดีค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in