เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
รีวิวชีวิตฉันนี่แหละhbrxnct
รีวิวไปคอนนักร้องเกาหลีที่ญี่ปุ่น - Day1
  • จริง ๆ จะเรียกว่ารีวิวก็คงไม่ถูกนัก เรียกว่าเป็นบันทึกความประทับใจของเราที่มีต่อทริปนี้น่าจะดีกว่า

    บอกตรง ๆ เราไม่เคยคิดเคยฝันมาก่อนว่าตัวเองจะไปสุดด้านการติ่งจนถึงขั้นมาตามถึงต่างประเทศแบบนี้ เราอยู่ในวงการติ่งมาประมาณ 6 ปีเห็นจะได้ ก็รู้แหละว่ามีแฟนคลับคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เคยมาตามศลป.ถึงต่างประเทศ แต่เราไม่เคยคิดว่าวันนึงตัวเองจะมาถึงจุดนี้และกลายเป็นหนึ่งในนั้น

    เรื่องของเรื่องคือเราเป็นเอนสิถีเซ่น แล้วเมื่อประมาณกลางปีที่แล้ววง NCT127 มาทัวร์คอนที่ไทย เราก็ได้ไปแหละ แต่ได้ไปแค่วันเดียว เอาจริง ๆ เราประทับใจคอนน้องมาก ๆ คอนสนุกสุด ๆ แล้วน้องโดยอง(เมนเรา)ก็น่ารักมากด้วย หลังจากจบคอนที่ไทยไปน้องก็มีทัวร์ประเทศอื่นต่อ

    จนช่วงปลายปีเดียวกัน อฟช.ก็มีประกาศทัวร์อารีน่าที่ญี่ปุ่น

    (ตารางอารีน่าทัวร์ของ NCT127)

    เอาจริง ๆ ตอนนั้นที่เรารู้ตารางทัวร์เราก็ทำการกดเครื่องคิดเลขคำนวณเงินในกระเป๋าตัวเองทันที และก็พบว่ามันพอจะถูไถอยู่นะ เลยเล็งว่าจะมารอบโตเกียวซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของทัวร์ เผื่อเวลาเก็บเงินเพิ่มด้วยไรงี้ แต่แบบ ตัวเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคอนญี่ปุ่นเลย ไม่รู้สักกะผีกเดียวจริง ๆ ก็ทั้งชีวิตติ่งอยู่แค่ที่ไทยอะ ประกอบกับชีวิตช่วงนั้นยุ่ง ๆ หน้าที่การงานหนักหน่วงและเรามีแพลนจะย้ายงาน สุดท้ายก็ล้มเลิกความคิดที่จะมา

    จนช่วงปลายเดือนตุลา(หรือต้นพฤศจิกา ไม่แน่ใจ แต่เอาเป็นว่าราว ๆ นั้นแหละ) เราเจอคนมาปล่อยบัตรคอนรอบฟุกุโอกะ แล้วคือบัตรอย่างถูก ใบละ 3000฿ อะ พอเห็นปุ้บเหมือนคนหน้ามืดตามัว เอาค่ะ! เอา! เอาทันที เอาเดี๋ยวนี้! คุยกับคนขายตกลงเสร็จสรรพโอนเงินค่าตั๋วในวันนั้นเลย แล้วก็กลับมาเครียดว่าจะโดนหลอกปะวะ บัตรถูกไปนะไรงี้ ก็เทียบกับที่ไทยคือหลุมวันเดียวเกือบ 6000฿ อะ ในราคาเดียวกันนี้คอนญี่ปุ่นไปได้ 2 วัน

    ด้วยความตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เลยทักไปคุยกับเพื่อนที่เขามีประสบการณ์ เพื่อนก็บอกว่าบัตรคอนญี่ปุ่นถูกเพราะมันราคาเดียวกันทั้งฮอลล์แล้วสุ่มที่นั่งเอา เราก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

    แล้วปัญหาที่สองก็ตามมา คือตอนที่เราจะจองตั๋วเครื่องบินกับที่พักอะมันดันเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างที่เราลาออกจากที่ทำงานเก่าและกำลังจะย้ายไปที่ทำงานใหม่ แล้วกำหนดการของคอนที่ฟุกุโอกะมันหลังจากที่เราเข้าทำงานที่ใหม่ได้แค่เดือนกว่า ๆ อะ

    ตอนนั้นเราเครียดละว่าจะเอายังไงดีวะ จะจองตั๋วเครื่องบินมันตอนนี้เลยหรือรอเข้าทำงานที่ใหม่แล้วคุยกับเมเนเจอร์คนใหม่ดูก่อน ตอนนั้นแพลนของเราลุ่ม ๆ ดอน ๆ มาก คือคอนมันวันเสาร์-อาทิตย์ นั่นแปลว่าเราต้องบินมาถึงญี่ปุ่นก่อนวันเสาร์ และกลับได้วันอาทิตย์ช่วงค่ำ ยังไงมันก็ต้องลา แต่เราจะลากี่วันล่ะ...ถ้าบินศุกร์ค่ำแล้วลาแค่วันจันทร์ที่เป็นกลับวันเดียวร่างกายเราจะไหวไหม เอาจริง ๆ สุขภาพเรามันก็ไม่ได้แข็งแรงขนาดจะทำอะไรสมบุกสมบันขนาดนั้นได้อะ เราเลยแอบลังเลว่าจะมัดมือชกเมเนเจอร์คนใหม่ด้วยการจองตั๋วไป-กลับ 4 วันซะตอนนี้เลยหรือจะรอคุยกับเขาก่อนดี

    และสุดท้ายเราก็เลือกรอคุยกับเขา

    วันที่เราเดินเข้าไปคุยกับเมเนเจอร์คนใหม่เรื่องแพลนไปญี่ปุ่นคือวันที่เราเพิ่งเข้าทำงานได้ 3วัน

    แค่ 3 วันอะคิดดู เพิ่งนั่งทำงานได้แค่ 3 วันก็มั่นหน้าขอลายาวรวดเดียว 4 วันติดแล้ว แล้วดันเป็น 4 วันหลังช่วงปีใหม่ด้วย โคตรแย่ รู้นะว่ามันไม่เหมาะแต่คือเราอยากไปคอนไง เลยต้องฮึบใจไปขอคุย เมเนเจอร์ก็บอกว่าจริง ๆ มันไม่ได้นะเพราะเราถือเป็นพนักงานใหม่ แล้วการไปทริปแบบนี้มันก็ไม่เหมาะสม แต่เขาก็อนุมัติ เรากลับจากทำงานวันนั้นก็จองตั๋วเครื่องบินกับที่พักเลย ทริปเป็นรูปเป็นร่างในที่สุด

    คือจะบอกก่อนว่าทริปนี้น่ะเป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกในชีวิตของเรา ซึ่งเราก็เปิดด้วยการมาติ่ง...ที่ญี่ปุ่น...และมาคนเดียว 5555555555 บ้าปะ แต่ก็นั่นแหละ มีตั๋วคอนในมือแล้วจะไม่มามันก็ไม่ใช่อะ

    หลังจากที่จองตั๋วเครื่องบินและที่พักเสร็จ เราก็เฝ้ารอให้วันปีใหม่ผ่านพ้นไปไว ๆ อย่างใจจดใจจ่อ

    กำหนดการทริปนี้ของเราคือวันที่ 3-6 มกราคม บินมาวันที่ 3 ดูคอน 2 วันแล้วก็บินกลับเลยในวันที่ 6 ไม่มีการเที่ยวใด ๆ มาเพื่อดูคอนเสิร์ตอย่างเดียว

    (อันนี้ถ่ายตอนที่กำลังจะขึ้นเครื่องบิน)

    เราบินมาญี่ปุ่นด้วยใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ เพราะหน้าพาสปอร์ตของเราโล่งโจ้งโบ๋งโจ๋ง เอาจริง ๆ เรากลัวตม.ญี่ปุ่นไม่ให้ผ่านอะ เพราะเราไม่มีแพลนเที่ยวอะไรเลย มีแค่หลักฐานการจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับและที่พัก 3 คืนที่อยู่ญี่ปุ่นเท่านั้น กับตั๋วคอนเสิร์ตในแอป(ญี่ปุ่นใช้ตั๋วคอนเป็นแอปแล้วนาจาาา ไฮเทคสุดดด)

    (อันนี้เป็นหน้าตาตั๋วคอนในแอป)

    สุดท้ายตอนตม.ถามว่ามาญี่ปุ่นทำไมเราเลยเปิดแอปแล้วยื่นตั๋วคอนให้เขาดู เขาก็อ๋าาา...แล้วหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะปล่อยให้เราเข้าประเทศมาอย่างง่ายดาย ไม่มีการกักตัว ไม่มีการสอบสวนอื่น ๆ ใด ๆ อีก เราก็แบบ ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ...แต่ก็ดีแล้วล่ะ

    พอออกจากสนามบินมาเราก็ต่อบัสของสนามบินเพื่อไปยังสถานีรถไฟฟ้า ทีนี้แหละ ความบันเทิงบังเกิด ตู้ขายตั๋วมันเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน แล้วคือเรา อ่าน ไม่ ออก!

    เราอ่านไม่ออกสักตัว ยืนเอ๋อหน้าเครื่องอยู่เป็นนาทีจนมีคนญี่ปุ่นเดินมาถามว่าต้องการความช่วยเหลือไหมคะเป็นภาษาอังกฤษ โอโหหหห นาทีนั้นเหมือนมีแม่พระมาโปรด เราเลยได้ตั๋วมาด้วยความช่วยเหลือจากเขา แล้วความเด๋อด๋าดอกที่สองคือเราไม่รู้ว่าที่ญี่ปุ่นอะตั๋วรถไฟฟ้ามันให้สอด คือภาพจำเรามีแต่บีทีเอสและเอ็มอาร์ทีที่ใช้บัตรกับเหรียญแตะไง เราเลยเอาตั๋วรถไฟฟ้าแตะ ๆ ดู แต่แตะเท่าไหร่ประตูก็ไม่เปิด แม่พระ(คนดีคนเดิม)เลยเข้าบอกว่าต้องสอดตรงนี้นะ แล้วเขาก็ถามว่าเราจะไปไหน เราเลยเปิดแมปแล้วจิ้มสถานีให้เขาดู เขาเลยบอกว่าไปทางเดียวกัน เท่านั้นแหละจ้าาา เราเกาะติดเขาเป็นลูกลิงเลย ยูไปไหนไอไปด้วย ด้อนท์ลีฟมี พลีสเทคมีวิทยูววว

    (ตั๋วรถไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นแหละ)

    สุดท้ายเขาลงสถานีก่อนเราสถานีนึง เขาลงฮากาตะ เราลงกิออน เนี่ยยย มาอยู่สามวันรู้ชื่อสถานีรถไฟฟ้าบ้านเขาละ 55555555 จริง ๆ โรงแรมที่เราพักอะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 สถานีนี้แหละ แต่ที่เราเลือกลงกิออนเพราะราคาของ 2สถานีนี้มันเท่ากัน 260¥ อะ เพราะงั้นการที่ระยะทางของกิออนไกลกว่า = คุ้มกว่า

    เราก็ลากกระเป๋าเดินโต๋เต๋มาจนถึงโรงแรม เช็คอินได้กุญแจห้องอะไรเรียบร้อยก็เอาของขึ้นมาเก็บ แล้วก็ออกไปหาอะไรกินเพราะหิวมากกก ก็เดินไปเรื่อย ๆ กะจะหาร้านอาหารแต่ก็หาไม่เจอ จนข้ามแม่น้ำไปเจอดงร้านราเมงร้านนั่งดื่มที่เป็นเหมือนสตรีทฟู้ดของญี่ปุ่นอะ แต่เขาตั้งร้านเป็นกิจลักษณะ แล้วก็เรียงยาวเป็นสิบ ๆ ร้านเลย(ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะหิว) เราเดินวนอยู่สองรอบเพราะหาร้านที่ถูกใจไม่ได้ คือป้ายอาหารมีแต่ภาษาญี่ปุ่นซึ่งเราอ่านไม่ออกอะ สุดท้ายเลือกเดินเข้าร้านราเมงร้านหนึ่งที่มีรูปเมนูแปะหน้าร้าน

    แต่พอเข้ามานั่งปุ้บ ในใบเมนูไม่มีรูป...

    (อ่านไม่ออกกกก QAQ)

    เดชะบุญคนขายพอพูดอังกฤษได้ แล้วเขาก็มีใบเมนูภาษาอังกฤษให้ด้วย สุดท้ายก็เลยได้กินราเมงของร้านนี้เป็นมื้อแรกที่ญี่ปุ่น

    (ราเมงมื้อแรกที่เค็มจัด ๆ เค็มจนช็อค อยากจะรักษาน้ำใจพ่อค้าด้วยการพยายามซดน้ำซุปจนหมดแต่ก็ไม่ไหวอะ ได้แค่ 1 ใน 3 ของชาม)

    หลังจากอิ่มหนำแล้วเราก็เดินเล่นสำรวจรอบที่พักนิด ๆ หน่อย ๆ มีแอบแวะคอมมูนิตี้มอลหาร้านของฝากไว้ซื้อขากลับ แต่ก็ไม่เจออะไรที่น่าสนใจเท่าไหร่ แล้วก็แวบเข้ามัตสึโมโต้คิโยชิไปแปปนึง เข้าไปหาสกินแคร์กู้หน้าลอกกับโลชันทาตัว เพราะเราไม่ได้พกโลชันมาจากไทย และก็พบว่าโลชันรุ่นนี้ของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันใช้ดีมากกก ตอนแรกเลือกมาเพราะกลิ่นมันเพลนสุด คือเราใช้น้ำหอมไง เวลาเลือกโลชันเลยต้องเลือกจากกลิ่นที่มันเบาสุด เพลนสุด ไม่หอมไม่ฉุนฉูดฉาด จะได้ไม่ตีกับกลิ่นน้ำหอมให้ปวดหัว แต่พอได้ลองใช้แล้วพบว่ามันดีมากกกก ปกติผิวเราแห้งมากจนแตะอะไรนิดหน่อยก็เปรี้ยะ ๆ ๆ เพราะผิวแห้งจนมีไฟฟ้าสถิตย์ แต่พอเราใช้อันนี้แล้วไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นเลยตลอดเวลาที่อยู่ที่ญี่ปุ่น ทั้งที่อากาศที่นี่เย็นกว่าหน้าหนาวของไทยมาก

    (รุ่นนี้ ๆ กลิ่นหอมนิด ๆ และไม่ตีกับกลิ่นน้ำหอมที่ฉีด)

    จากนั้นก็แวะเซเว่นข้างโรมแรม ซื้อขนมมาตุนนิดหน่อย แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้กินเพราะยังอิ่มจากราเมงอยู่และเหนื่อยจากการเดินทาง สุดท้ายกลับมานั่งรอย่อยได้สักชั่วโมงสองชั่วโมงก็อาบน้ำปีนขึ้นเตียง แล้วก็สลบ

    บายเวิร์ล...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in