เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
OS / SF MONSTA XEDEE
VALENTINE'S, IN MY OPINION {HYUNGWON X MINHYUK}




  • มินฮยอกกำลังเจอปัญหาหนักใจ


    วันนี้เป็นวาเลนไทน์ วันที่คู่รักจะแสดงความรักต่อกันอย่างเปิดเผย ให้ของขวัญแก่กันและกันและใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข หรือมากกว่านั้นอาจจะผูกสัมพันธ์ทางกาย และเป็นของคนรักทั้งตัวและหัวใจ


    แต่มินฮยอกไม่ได้คิดถึงขั้นนั้นหรอก


    เพราะแค่ของขวัญเล็กๆน้อยๆหรือคำบอกรักสักคำยัง ไม่ มี เลย!


    ฮยองวอนตื่นสายโด่ง โชคดีพวกเขาไม่มีตารางงานในช่วงนี้เพราะรอคัมแบ็ค ทำให้แต่ละคนสามารถไปทำกิจกรรมอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ


    และใจของฮยองวอนก็คงมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับการนอนดูทีวี เล่นเกม เลื้อยไหลไปตามโซฟาหรือที่นอน โดยไม่ได้สนใจมินฮยอกแม้แต่น้อย!


    โอเคพวกเขาไม่ใช่คู่รักที่หวานหอมปานน้ำผึ้งอะไรเทือกนั้น จริงๆแล้วพวกเขาเพิ่งจะเริ่มเปลี่ยนสถานะกันเมื่อไม่มานานมานี้


    มินฮยอกเคยคิดว่าตนเป็นคนที่โชคดีมากๆที่เพื่อนสนิทกลายมาเป็นคนรู้ใจ


    แต่ทานโทษ มินฮยอกไม่รู้สึกเลยด้วยซ้ำว่าตัวเองได้มีการเลื่อนขั้นใดใด ฮยองวอนยังทำตัวเหมือนเดิม กอดคอโอบไหล่ทั่วไป พูดจาด้วยสรรพนามคุ้นหู และไม่มีคำว่ารักว่าชอบออกจากปากเลยแม้แต่คำเดียว


    ถ้ามินฮยอกไม่บังคับไอ้คนไม่รู้ร้อนรู้หนาวนี่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย


    ไม่ไหวแล้วโว้ย! ทำตัวให้สมกับเป็นแฟนกันหน่อย!


    “ฮยองวอน”


    ร่างสูงยาวนอนก่ายไปตามพื้นห้องนั่งเล่น เจ้าของชื่อเลิกศีรษะขึ้นเล็กน้อยเป็นการขานรับ พอเห็นตัวเขาเดินอาดๆเข้ามาในห้อง จึงเปลี่ยนเป็นท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนพลางขยี้ตาป้อยๆ


    “ว่า”


    “ไม่หิวข้าวหรอมึงนอนมาทั้งวันแล้ว”


    “หิว”


    “ออกไปกินข้าวข้างนอกกันไหม?”


    “ได้หมด”


    “อยากกินไร”


    “แล้วแต่”


    แหม พ่อประหยัดคำพูดดีจริงๆ กลัวดอกพิกุลจะร่วงจาปากรึไง ท่อนร้องน้อยแล้วยังพูดน้อยอีก!


    ฮยองวอนพอจบบทสนทนา เขาก็ลุกไปอาบน้ำชำระร่างกายไม่ถึงสิบนาที ก็ออกจากห้องน้ำมาด้วยสภาพเสื้อคอกลมสีดำกางเกงขายาว ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กวางอยู่บนหัวพลางเช็ดผมที่เปียกหมาด กลิ่นหอมแชมพูอ่อนๆลอยมาจนถึงที่เขายืนอยู่


    มินฮยอกยอมรับว่าเห็นภาพนี้ทีไรก็ใจเต้นส่ำไม่เป็นจังหวะทุกที


    ไม่ว่าจะเห็นมากี่ปีเขาก็ยังรู้สึกหน้าร้อนผ่าวทุกครั้งเมื่อเห็นผมเปียกกับผ้าขนหนู


    แต่นี่ไม่ใช่เวลาเดี๋ยว วางท่าก่อน สามสี่เริ่ม…


    “เอารถพี่เมเนไปก็ได้เร็วหิวแล้ว”


    “เค”

     






     

     

    ฮยองวอนไม่พูดอะไร


    เช่นเดียวกับมินฮยอก


    พวกเขาปล่อยให้เพลงในรถเป็นคนกำกับอารมณ์ ฮยองวอนขับรถอย่างอารมณ์ดีพลางสอดส่องสายตาหาร้านอร่อยที่กระเพาะเรียกร้อง


    ส่วนมินฮยอกนะหรอ คิดมากหัวแทบระเบิด


    สามสัปดาห์ที่เปลี่ยนสถานะจากเพื่อนสนิทมาเป็นคนรัก มินฮยอกก็เป็นคนสารภาพความรู้สึกก่อน ส่วนอีกคนก็ทำหน้างงเป็นกบตาแตก ตอนแรกฮยองวอนคิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องตลกแกล้งเล่นเอาเท่านั้น แต่พอได้เห็นความจริงจังในท่าทางและน้ำเสียงของมินฮยอก ฮยองวอนจึงมีท่าทีเปลี่ยนไป


    ‘มึงพูดจริงดิ?’


    ‘กูเล่นทุกเรื่องแต่เรื่องนี้กูไม่เล่น’


    มินฮยอกใช้ความพยายามและวัดใจ กล้าได้กล้าเสียกับการสารภาพครั้งนี้ มันเหมือนเกมเดิมพัน เขาอาจจะเสียเพื่อนสนิทที่รักที่สุดไป อาจหนักถึงขั้นมองหน้ากันไม่ติด แต่ความรู้สึกมันมากล้นเกินกว่าจะเก็บไว้ ถ้าฮยองวอนปฏิเสธ เขาก็ไม่รู้จริงๆว่าต้องทำยังไง เพราะเขาเทไปหมดหน้าตักแล้ว


    ‘ลองดูก็ได้’


    คำตอบสั้นๆทำให้มินฮยอกคิดไปแล้วว่านั่นคือการตกลง ไม่ปฏิเสธเท่ากับยอมรับ เขาจะถือว่านั่นคือการมัดมือชกไปแล้วกัน


    “เฮ้อ”


    เขาคงเผลอคิดดังไปหน่อย มินฮยอกหายใจออกดังเฮือก พลางเสตามองไปยังร้านรวงข้างทางแต่ก็ไร้คำตอบใดใดจากที่นั่งคนขับ เขายังคงไม่ยินดียินร้ายกับอะไรยกเว้นว่าเมื่อไหร่จะถึงร้านอาหารเสียที


    ไอ้การไม่ปฏิเสธมันก็ดีอยู่หรอก แต่นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากเป็นเพื่อนเลยปะวะ!


    วาเลนไทน์ที่ไม่มีของขวัญไม่มีคำหวาน ไม่มีช็อกโกแล็ต ทั้งๆที่มีแฟน มันจะเรียกว่าวานเลนไทน์หรอ


    “มึง”


    และเป็นตัวเขาเองที่โพล่งขึ้นมาทำลายความเงียบ มือขาวกดปิดเพลงที่เล่นอยู่ในรถเพื่อตัดเข้าโหมดจริงจัง


    “ว่า”


    ขานรับเหมือนเดิม


    “วันนี้วาเลนไทน์”


    “แล้ว?”


    “แล้ว? มึงถามว่าแล้ว?”


    “เออ แล้วไง?”


    “เฮ้ย นี่มึงจะไม่ให้อะไรกูหน่อยหรอวะ?”


    เสียงมินฮยอกเริ่มขึ้นสูง ฮยองวอนหันหน้ามามองเขาแวบนึงก่อนจะหันกลับไปสนใจทางข้างหน้าอีกครั้ง


    “จำเป็นหรอ?”


    “มึงถามมาได้ไงเนี่ยยยย!!”


    โอ้ยยยย ความอดทนของมินฮยอกแทบจะทะลุปรอท ถ้ามีขีดจำกัดร้อยตอนนี้จุดเดือดของเขาคือเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้า ใจเย็นไว้ใจเย็นไว้


    “นี่กูแฟนมึงนะ”


    “รู้”


    “แล้วมึงไม่คิดจะให้อะไรกูหน่อยหรอไง?!”


    “อยากได้อะไรล่ะ”


    ยังคงนิ่งสงบสยบทุกการเคลื่อนไหว เหมือนมินฮยอกยืนอยู่กลางซาฮาร่าแต่ฮยองวอนกลับเดินเล่นอย่างสบายใจที่ขั้วโลก


    นี่ซื่อหรือโง่? หรือไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น?


    “เอองั้นแบบนี้ก็ไม่ต้องมีป่ะแฟนอ่ะ แล้วยังมาถามอีกว่าจำเป็นหรอ มึงบ้าปะ เออมันก็ไม่ได้จำเป็นเว้ย แต่แบบก็กูไม่รู้เลยอ่ะว่ามึงรักกูจริงๆแบบที่กูรักมึงมั้ย มึงไม่แสดงออกอะไรเลยอะ มึงไม่เคยพูดว่ารักสักคำอะ กูพูดแทนมึงหมดเลย เนี่ย กูคิดนะเว้ยหรือจริงๆแล้วจะมีแต่กูที่รักมึงไปคนเดียวอ่ะ”


    คำพูดทุกอย่างล้นปรี่ออกจากปากมินฮยอกอย่างไม่จบไม่สิ้น เหมือนเขาจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจริงๆแล้วตัวเองรู้สึกอะไรอยู่กันแน่ น้อยใจหรอ? เศร้าหรอ?หรือเรียกร้องความสนใจ  ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันตีกันมั่วไปหมด ปากก็ยังพรั่งพรูคำพูดออกมาเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ขอบตาเขาเริ่มจะร้อนผ่าวแล้ว


    “กูว่ามึงหลงประเด็นแล้ว”


    “เออใช่! ทำไม! ก็กูจะพูด มึงอ่ะไม่เคยพูดอะไรเลย ใครจะไปตรัสรู้ความรู้สึกมึงได้วะ ยกเว้นเวลามึงง่วงกับหิวข้าวอะ ขนาดกูเป็นเพื่อนมึงมาตั้งหลายปีบางทีกูยังไม่รู้เลยว่ามึงคิดอะไรอยู่”


    ดูเหมือนมินฮยอกจะยังไม่หยุดพูดง่ายๆ ฮยองวอนจึงตัดสินใจเลี้ยวรถเข้าข้างทางแล้วหันมาประจันหน้ากับ ‘คนรัก’ ตัวเองตรงๆ ในความคิดเขา มินฮยอกตอนนี้ไม่ต่างอะไรเด็กอายุสามสี่ขวบที่งอแงอยากได้ของเล่นแล้วก็พาลตีอกชกหัวตัวเองว่าแม่ไม่รัก


    “มินฮยอก”


    ไม่กี่ครั้งที่ฮยองวอนจะเรียกอย่างจริงจัง ทำให้เจ้าของชื่อหันมาพบกับใบหน้าฮยองวอนที่ใกล้จนแทบชิด เขาหลับตาปี๋แล้วจึงสัมผัสได้ถึงริมฝีปากอุ่นที่จุมพิตที่หน้าผากอย่างแผ่ว เบามือใหญ่ลูบไปตามผมอ่อนนุ่ม ก่อนจะสั่งให้มินฮยอกลืมตาเพื่อให้รับรู้ถึงสารที่เขาจะส่งให้


    และแน่นอนรถเงียบพอที่จะทำให้ฮยองวอนได้ยินถึงเสียงหัวใจที่เต้นโครมครามของอีกคน ฮยองวอนไม่เคยทำแบบนี้กับเขาเลย ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนชอบสกินชิพขนาดไหนแต่มากสุดกับคนรักตรงหน้าก็แค่จับมือ


    ความรู้สึกอ่อนโยนแบบนี้เขาไม่เคยได้สัมผัสเลย


    และมันก็หวานจนอยากจะหยุดเวลาไว้นานๆ…


    “ที่ถามว่าจำเป็นหรอคือของขวัญน่ะ จำเป็นหรอ? จำเป็นมั้ยที่ต้องซื้อของราคาแพงให้ซื้อดอกไม้ราคาเป็นพันหรือดินเนอร์ราคาหลายหมื่น”


    “ก็….”


    “ถ้ามึงต้องการ กูก็ไม่ขัด”


    “…..”


    “แต่กูว่าคำว่ารักมันตีค่าเป็นราคาไม่ได้หรอก ถ้าเอาความรักไปเทียบกับของพวกนั้น กูว่ามันถูกไป”


    “…..”


    “ความสุขที่กูได้อยู่กับมึงทุกวันต่างหากคือของขวัญที่ดีที่สุด เข้าใจมั้ย?”


    ไม่ต้องถามหรอกว่าเข้าใจรึป่าว ตอนนี้มินฮยอกหน้าแดงไปถึงหู เขาไม่คิดว่าจะได้ยินอะไรแบบนี้จากคนตรงหน้า เหมือนความรู้สึกเมื่อกี้ถูกทำลายสิ้นด้วยคำไม่กี่คำ


    คำไม่กี่คำสั้นๆของฮยองวอนเพราะกว่าเพลงรักหรือบทกลอนมากมายบนโลกใบนี้อีก


    “ฮยองวอนรักมินฮยอกนะครับ”


    “อื้อ”


    ไม่คิดเลยว่าคำว่ารักคำแรกจะเพราะขนาดนี้


    มินฮยอกคิดว่าเขาเป็นคนที่โชคดีมากๆที่เพื่อนสนิทกลายมาเป็นคนรัก


    อืม…ไม่ใช่หรอก เขาโชคดีที่สุดที่เขามีฮยองวอนเป็นคนรักต่างหาก

     

     

     

     

     

     

     

     

     




     

    PS.


    “กูว่ามันหาข้ออ้างไม่ซื้อของให้มึงมากกว่า”


    กีฮยอนออกความเห็นหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด เจ้าของผมสีชมพูเงยหน้าขึ้นมาจากเขียงผักตรงหน้าก่อนจะชี้มีดไปที่ใบหน้าของเพื่อนสนิท


    “มึงรู้ไม่ทันมันซะแล้ว”


    “เออว่ะหรือจริงๆมันทำมาพูดดีเพราะไม่อยากซื้อของให้กูแน่ๆ”


    “ตามนั้นแหละเพื่อน”

     

    ฮยองวอน….เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยเสียแล้ว!









    ฟิควูบที่แท้จริง วูบมาก งงงวยมากมาได้ไง

    เจอกันที่ #ฟิคดี๋พรีรองเท้า นะจ๊ะ

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in