“มาลองซ้อมเป็นแฟนกันดูมั้ย?”
ห้ะ?
ไอ้บ้านี่มันพูดอะไรของมัน?
ตกใจใช่มั้ย?
เขาก็ตกใจเหมือนกัน
อิมชางกยุนมองหน้าคนตรงหน้าด้วยความสงสัย อีจูฮอนตามวอแวเขามานานแล้ว ถ้าภาษาที่คนทั่วไปใช้กันคงเป็น “ตามจีบ” เขามาสักพักแต่การ “ตามจีบ” ของจูฮอนน่ารำคาญเกินไปในความคิดของชางกยุน สามเดือนที่แล้วอยู่ๆก็มีเสียงตามสายของคณะประกาศขึ้นมาว่า ชางกยุนเป็นสมบัติของอีจูฮอนแต่เพียงผู้เดียว เล่นเอาเจ้าของชื่อถึงกับเลือดขึ้นหน้าชางกยุนทั้งโกรธทั้งอายเขาไม่ใช่วัตถุหรือของเล่นที่ใครจะจับจองเป็นเจ้าของได้ตามใจชอบ
หลังจากนั้นสิ่งที่ชายตาเล็กทำก็เป็นรูปแบบการจีบทั่วไป แบบที่คนสมัยใหม่เขาทำกันส่งข้อความมาหาเขาทุกวันตอนเช้าและเย็น ฝากน้ำและขนมมาให้ อยู่รอเขาถึงเย็นซ้ำๆกันทุกวันมาเป็นเวลาสามเดือน ชางกยุนไม่ทำอะไรเขาเพียงแต่เมินเฉยพฤติกรรมเหล่านั้น เห็นข้อความก็เพียงแค่กดอ่านน้ำขนมก็เอาไปทิ้ง อยู่รอถึงเย็นเขาก็ทำเป็นเพียงแค่เดินผ่าน
อีจูฮอนน่ารำคาญเกินไป
“ไม่”ชางกยุนปฏิเสธคำของจูฮอน น่ารำคาญขนาดนี้ พ่อไม่สั่งมือปืนไปยิงทิ้งก็บุญหัวแล้ว
“ไม่ต้องเป็นแฟนกันจริงๆแค่ซ้อมเป็นแฟนกันเฉยๆ”
เอาจริงดิ? นี่ยังไม่รู้ตัวอีกหรอว่าเขาทนมาแค่ไหน ถึงแม้เพื่อนๆเขาจะคอยเชียร์ว่าจูฮอนดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ น่ารักประมาณนั้น น่ารักประมาณนี้ชางกยุนไม่เคยเห็นมุมพวกนั้น สำหรับเขาให้ผู้ชายตรงหน้านี้ มีเพียงคำเดียวเลยคือ
“รำคาญ”
แต่สีหน้าของจูฮอนไม่ได้เปลี่ยนไป เหมือนเขาชินชากับพฤติกรรมและคำพูดแทงใจดำของชางกยุนเสียแล้ว นั่น…ยิ่งทำให้ชางกยุนหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
“แค่สัปดาห์เดียว”
“…..”
“ถ้าสัปดาห์หนึ่งผ่านไปชยุนยังคิดว่าพี่น่ารำคาญ พี่จะไม่ยุ่งกับชยุนอีกเลย”
“ไม่ยุ่งอีกเลย จริงหรอ?”
ข้อเสนอน่าสนใจน่าสนใจตรงที่ว่า ผู้ชายตรงหน้าจะหายไปจากเขาตลอดกาลแค่สัปดาห์เดียวที่ต้องทนเป็นแฟนปลอมๆ ให้อีจูฮอนมันไม่เหนือบ่ากว่าแรงเขาอยู่แล้วเขาก็แค่ทำเหมือนที่ผ่านมา ไม่ต้องสนใจ ไม่ต้องแคร์ผู้ชายที่แสนน่าเบื่อคนนี้คงไม่มีมุกอะไรใหม่ๆมาทำให้เขาประทับใจหรอก
“Deal”
ชางกยุนมั่นใจในความใจแข็งของตน เขาเชื่อเสมอว่าคนจะใช่ มันต้องใช่ตั้งแต่แรกเขาคงไม่มีวันตกหลุมรักอีจูฮอนภายในเจ็ดวันแน่ๆ
Monday
ชางกยุน Feeling: นี่คิดผิดรึเปล่าวะ ?
อีจูฮอนโผล่มาตั้งแต่แปดโมงเช้า ชายหนุ่มตาเล็กมาเคาะประตูห้องเขาแต่หัววัน พร้อมกับกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ เขาให้เหตุผลกับชางกยุนว่าคนเป็นแฟนกันมันก็ต้องอยู่ด้วยกันสิถึงจะครบสูตร เขาทำได้แค่เปิดประตูห้องค้างไว้แล้วกลับไปนอนต่อ ทิ้งให้ผู้มาเยือนจัดข้าวของของตนในห้องตัวเองอย่างถือวิสาสะ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมของมหาลัยชางกยุนจึงอยู่เล่นเกมจนลืมวันลืมคืน เขาสลบไปนานแค่ไหนไม่รู้ รู้ตัวอีกทีกลิ่นอาหารบางอย่างที่ลอยเข้ามาแตะจมูกคนตัวเล็กเสียแล้ว
“อื้อออ”
เขาบิดตัวไปมาทั้งที่รู้สึกว่านอนมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ชางกยุนพยายามม้วนตัวหนีกลิ่นอาหารที่ลอยมาในอากาศ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหิว เออ…ลุกก็ได้วะ
“อ้าว ตื่นแล้วหรอ ?”
ภาพที่คนตัวเล็กเห็นคือชายหนุ่มรุ่นพี่กำลังตักเส้นพาสต้าใส่จาน เขาดูสาละวนอยู่กับอาหารตรงหน้าดูเงอะงะแต่แอบเชี่ยวชาญพิลึก จูฮอนเพียงแต่เงยหน้ามายิ้มให้เขาแล้วหันกลับไปจัดการในครัวต่อ คนตัวเล็กได้แต่เกาหัวแบบงงๆ กับสถาการณ์ตรงหน้า
จูฮออนจะรู้ไหมว่า ครัวของเขาแทบไม่เคยได้ใช้งานเลย
ชางกยุนไม่พูดอะไรไม่แม้แต่จะส่องกระจกดูสภาพตัวเอง หัวเขาฟูกระเจิง กับจูฮอนเขารู้สึกว่าไม่ต้องสร้างภาพอะไรให้ประทับใจอยากแต่จะเอาด้านแย่ๆออกมาให้เห็นด้วยซ้ำ เขาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ตรงหน้าเคาเตอร์ในห้องครัวกำลังจะหยิบซอสมะเขือเทศสีสดมาราดจานพาสต้าตรงหน้า แต่กลับถูกมือหนาจับหมับเข้าให้
“ชิมก่อนปรุงสิครับ”
มีสิทธิ์อะไรมาสั่งเขาวะ
“แต่….”
“ชิมก่อนสิครับ ไม่อร่อยค่อยปรุงพี่จะได้รู้ว่าชยุนชอบกินรสชาติแบบไหน”
โอเค เขายอมแพ้ ชางกยุนจงใจชักสีหน้าใส่เพื่อให้รู้ว่าเขาไม่พอใจแต่ถึงอย่างนั้นมือซ้ายค่อยๆวางซอสมะเขือเทศลง ส่วนมือขวาก็ม้วนเส้นพาสต้าเข้าปาก
“อร่อยไหม?”
จูฮอนยิ้มรอคำตอบเวลายิ้มแบบนี้ยิ่งทำให้ตาที่เล็กอยู่แล้วเล็กลงไปอีก
หน้ายิ้มตาไม่เห็นจำเป็นต้องยิ้มตามเลย…
ชางกยุนเคี้ยวตุ้ยพลางตักคำที่สองเข้าปาก
“กินคำที่สองแสดงว่าอร่อย”
“หิวต่างหาก”
อร่อยๆจริงแหละ….. แต่จะให้พูดน่ะหรอ ฝันไปเถอะอีจูฮอน เขาไม่ยอมพูดว่ารสชาติมันดีแน่ๆถึงแม้ฝีมือทำพาสต้ามีทบอลของจูฮอนจะทำให้เขาถึงตะลึงในคำแรกที่รับรส ทำไมเขาถึงไม่เคยรู้ว่ารุ่นพี่ที่ภายนอกดูไม่ได้เรื่อง จะทำอาหารอร่อยขนาดนี้ รสชาติมันกลมกล่อมไปหมด แถมยังทำติดรสหวานอย่างที่ตัวเขาชอบ หรือบางทีเขาอาจจะกินอาหารแช่แข็งมากเกินไป จนไม่เคยชินกับอาหารที่สดใหม่แบบนี้
“วันนี้อยากไปไหนไหม?”
จูฮอนเอ่ยถามในขณะที่อีกคนกำลังจัดการพาสต้าในจาน ชางกยุนลืมไปว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ระหว่างเล่น “เกม7วันฉันกับเธอ” เขาไม่ได้มีแผนอะไรเป็นพิเศษ ปกติปิดเทอมเขาก็เอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในห้อง เล่นเกมทั้งวันทั้งคืนออกไปสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง เดินห้างคนเดียว แต่เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการกลิ้งไปกลิ้งมาในห้องกว้างๆนี่ เขาไม่เคยมีแพลน แค่อยากทำอะไรก็ทำ ตามสไตล์หนุ่มโสด
“ไม่”
“ตื่นมาก็เย็น เสียเวลาไปแล้วตั้งวันหนึ่ง”
จูฮอนบ่นอุบแต่มือกลับกลับคว้าจานของชางกยุนไปล้างทำความสะอาด จูฮอนจัดการใส่ถุงมือและผูกผ้ากันเปื้อนอย่างมือโปร
“พี่ไปเอาถุงมือกับผ้ากันเปื้อนมาจากไหน?”
“ในลิ้นชักข้างตู้เย็น”
ทำไมเขาเป็นเจ้าของห้องแท้ๆแต่กลับไม่เคยรู้เลยว่ามีของแบบนี้อยู่ในห้องเขาด้วย แล้วทำไมเขาต้องรู้สึกหัวเสียที่เหมือนคนแพ้แบบนี้ล่ะ แค่เขาไม่รู้ว่าถุงมือยางกับผ้ากันเปื้อนอยู่ตรงไหนแค่นั้นเอง
“ชยุนไม่เคยทำกับข้าวเลยล่ะสิ กระทะมีดอะไรพวกนี้ฝุ่นจับไปหมดแล้ว ในตู้เย็นก็มีแต่อาหารแช่แข็ง กินมากๆมันไม่ดีนะครับ”
“รู้แล้วบ่นเป็นพ่อเลย”
“เจ็ดวันนี้ชยุนห้ามกินอาหารแช่แข็งเลยนะ อยากกินอะไรเดี๋ยวพี่ทำให้กิน โอเคไหมครับ?”
“เหอะ”
คนโดนเทศน์มองบน อาจเพราะเขาอยู่คนเดียวมากเกินไป จนไม่ได้ใส่ใจอาหารการกินหรือสุขภาพของตัวเองมากนัก เขาไม่อยากจะนั่งเสวนากับคนตรงหน้าอีกแล้วเดี๋ยวจะโดนบ่นไปมากกว่านี้ ชางกยุนเลยเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเพื่ออาบน้ำชำร่างกาย
“เฮ้อ”
สายน้ำไหลผ่านร่างของคนตัวเล็กเขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ การกินข้าวมื้อนี้ไม่เหมือนมื้ออื่นๆถ้าไม่นับกินข้าวกับเพื่อน ก็ไม่มีใครมานั่งกินข้าวกับเขานานแล้วไม่ต้องนับทำอาหารเลย ครัวนี้ถูกใช้เฉพาะตอนที่พ่อกับแม่มาเยี่ยมเท่านั้น รสชาติพาสต้ามีทบอลเมื่อกี้ยังหลงเหลือยู่ในปากมันอร่อยจริงๆนะ…
หรือการมีจูฮอนเจ็ดวันมันจะไม่น่ารำคาญขนาดนั้นกันนะ ?
ค่ำคืนวันจันทร์หมดไปกับการเล่นเกม
ชางกยุนนั่งแหมะลงบนพื้นห้องนั่งเล่นและเริ่มเล่นเกมอย่างเอาเป็นเอาตาย หารู้ไม่ว่ามีอีกสายตากำลังมองเขาอยู่ นัยน์ตาเรียวเล็กจับจ้องพฤติกรรมคนเด็กกว่าอย่างเอ็นดูภาพลักษณ์ที่มหาวิทยาลัย ชางกยุนดูเย่อหยิ่ง ไม่พูดไม่จา ดูไปดูมาอาจไม่น่าคบแต่ชางกยุนตรงหน้าเขานี้กลับกลายเป็นเด็กประถมในสายตาของจูฮอน เสื้อสีขาวตัวเก่ากับกางเกงนอนขายาวมันเหมาะกับชางกยุนมากกว่าเสื้อเชิ้ตสีสดกางเกงยีนส์รัดรูปเสียอีก ชายหนุ่มรุ่นพี่หลุดขำในขณะที่มือยังคงเช็ดผมที่เปียกหมาดจากการอาบน้ำ
เสียงนั่นทำให้ชางกยุนหันมาพบกับภาพอีจูฮอนในเสื้อกล้ามสีดำตัวโคร่งกับบ็อกเซอร์ขาสั้นลายสก๊อตมือขวากำลังใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กขยี้หัวอย่างชินมือ หยดน้ำใสยังคงเกาะตามเส้นผมและร่างขาวนั่นแต่ดวงตาเรียวยาวกับจับจ้องมาที่ตัวเขา ทุกอากัปกริยานั้นทำให้ชางกยุนนิ่งอึ้งไปพักใหญ่
“…..”
เสียงเหมือนโดยดูดกลืนหายไป ไม่มีใครเคยทำแบบนี้ในห้องของเขามาก่อน ใช่ ! เขาอาจไม่เคยชินกับการอาศัยอยู่กับคนอื่นโดยเฉพาะคนที่ “ไม่สนิท” และเป็นคนไม่สนิทที่ใส่ชุดนอนที่ “เปิดเผย” เกินไป อีจูฮอนไม่ได้รูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทน หรือร่างกายเป็นมัดกล้ามอย่างนักกีฬา แต่ผิวที่ขาวสว่างราวกับน้ำนมมันไม่เหมาะกับคนตรงหน้านี้สักนิด ประกอบร่างกายที่ดูทะมัดทะแมงตามแบบฉบับผู้ชาย ยิ่งทำให้ชางกยุนไปราวกับถูกสะกด
“ชยุนมองคนอื่นแบบนี้ประจำหรอครับ ?”
คำถามเชิงหยอกเหย้าทำให้เจ้าก้มหน้างุดแล้วหันกลับไปเล่นเกมต่อ เขาไม่ตอบ แต่กลับรัวกดคอนโซลในมือด้วยความเร็ว เสียงขำร่วนลอยหลังมาจากอีจูฮอน
นี่เป็นครั้งที่สองของวันที่ชางกยุนรู้สึกแพ้ทั้งๆที่นี่ไม่ใช่การแข่งขัน
หลังจากจัดการตัวเองเสร็จจูฮอนก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาข้างๆเขา นั่นทำให้ชางกยุนต้องขยับหนีอีกสามเสต็ปไม่รู้ว่าทำไม แต่ร่างกายกลับปฏิบัติไปแบบนั้นโดยที่สมองไม่ได้สั่งการเขาเริ่มกำคอนโซลในมือแน่นขึ้น ภาพคนข้างๆที่มีน้ำเกาะพราวยังคงสลัดไม่หลุดจากหัว
“หูแดง”
ไม่ว่าพลาง อีจูฮอนเอื้อมมือมาจับหูชางกยุนอย่างถือวิสาสะนั่นทำให้คนตัวเล็กถึงกับร้องเสียงหลง เขารีบเอามือมาแนบกับหูตัวเองทันทีหัวใจที่บังคับไม่ได้เต้นรัวราวกับจังหวะกลอง
ชางกยุนเคยมั่นใจในความใจแข็งของตัวเองมาโดยตลอด
เขาเคยมั่นใจ จนได้กินพาสต้ามีทบอลนั่น
เขาเคยมั่นใจจนเห็นภาพอีจูฮอนออกมาจากห้องน้ำ
เขาเคยมั่นใจจนหูเล็กของเขาไปอยู่ในมือหนาของคนตรงหน้า
ตอนนี้เขาเริ่มไม่มั่นใจอะไรสักอย่างแล้ว!
เขาลุกหนีผู้บุรุกแล้วอ้อมไปนั่งอีกฝั่งของโซฟา เขาไม่เคยรู้เลยว่าโซฟาตัวนี้มันแคบขนาดนี้รู้แบบนี้ จะซื้อโซฟาให้ใหญ่คับห้องไปเลยจูฮอนกระแอมเบาๆเพื่อให้ชางกยุนหลุดออกจากบรรยากาศกระอักระอ่วน
“Winning เปล่า?”
“พี่ไม่มีทางชนะผม”
“แล้วถ้าพี่ชนะล่ะ ?”
มือของจูฮอนไวเกินไปแล้ว เขาจัดการสับเปลี่ยนเกมในขณะที่ปากยังพูดเจื้อยแจ้ว เขาจัดการเซ็ทอัพทุกอย่างพร้อมเล่นโดยที่เจ้าของห้องไม่แม้แต่จะมีโอกาสเอ่ยปาก
“พี่ขอนอนเตียงชยุน”
มากเกินไปแล้วนะ อีจูฮอน…
“ไม่ให้”
“กติกา ต้องเป็นกติกา”
เจ้าของตาเรียวเล็กเลิกคิ้วสูงรอคำตอบจากเขา แค่นี้เขายังแทบประสาทเสีย นี่ถึงกับจะคลานขึ้นมานอนเตียงเดียวกันแล้วงั้นหรอมากเกินไปแล้วอีจูฮอน มากเกินไปแล้ว!
“ชนะก่อนค่อยว่ากัน”
“จัดไปครับ”
ชางกยุนไม่เคยเล่นเกมแล้วเครียดขนาดนี้มาก่อน ให้ตายสิ เขาเคยมั่นใจมาตลอดว่าฝีไม้ลายมือเขาไม่เคยแพ้ใครแต่ทำไมตอนนี้ไอ้หมอนี่ไปแล้วถึง 2-0
“โถ นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็ไก่อ่อน” จูฮอนเปรยหลังจากทำคะแนนได้ในลูกที่สาม
“โถ่เว้ย”
คนตัวเล็กสบถอย่างหัวเสีย เกมแล้วเกมเล่าผ่านไป ชางกยุนไม่ชนะจูฮอนเลยสักนัดเดียว เขาแพ้ แพ้ และแพ้แบบย่อยยับแต่ถึงอย่างนั้น คนน่ารำคาญของเขาก็ยังให้เล่นใหม่เรื่อยๆจนกว่าจะพอใจ
เวลาหมุนไปเรื่อยๆ ห้องที่เคยเงียบเหงาบัดนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะเย้ย และแกล้งกันไปแกล้งกันมาของชายหนุ่มสองคน สุดท้ายจูฮอนก็สลบไประหว่างที่รอชางกยุนเข้าห้องน้ำมือของจูฮอนยังคือคอนโซลอยู่ในมือไม่ปล่อย แต่หัวกลับมุดโซฟาไปแล้วชางกยุนจึงจัดการปิดเกมให้เรียบร้อยก่อนจะตัดสินใจเข้านอน
02:45
ชางกยุนนอนไม่หลับ เขาพลิกตัวไปมาคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงแค่ครึ่งค่อนวันนี้
อีจูฮอนที่เคยดูเป็นคนทั่วไปที่ไกลตัวตอนนี้นอนสลบอยู่ในห้องนั่งเล่นของเขา
เป็นครึ่งวันที่ยอมให้ชายคนนี้เข้ามาในชีวิตง่ายเกินไป….
จริงๆตัวเขาไม่เคยปฏิเสธไปตรงๆแค่ไม่ตอบรับ แต่เพียงแค่ไม่ถึง24ชั่วโมงที่อยู่ด้วยกันบางทีชายหนุ่มที่นอนมุดโซฟาอยู่นั่น อาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาคิด อย่างน้อยอีกหกวันที่เหลือ ก็มีคนทำกับข้าวให้ เล่นเกมเป็นเพื่อนแค่นั้นมันคงพอสำหรับ การ “เล่นเป็นแฟน” ของชางกยุนแล้ว
เกือบจะตีสามเขาตัดสินใจสะบัดผ้าห่มออกจากตัวและลุกขึ้นไปหาผ้าห่มอีกผืนที่พอจะจำได้ว่าอยู่ในตู้เก็บของ คนตัวเล็กหอบผ้าห่มผืนใหญ่ออกจากตู้ก่อนจะโยนลงบนตัวของอีจูฮอน
ตื่นกับหลับไม่ต่างกันเลยตาหายเหมือนกัน
ชางกยุนนึกขำขำทั้งคนตรงหน้า และขำตัวเอง เขาตัดสินใจอยู่นานว่าจะปล่อยให้จูฮอนนอนหนาวอยู่ข้างนอกดีหรือไม่และเหมือนด้านดีของเขาจะชนะ อย่างน้อยก็ถือเป็นรางวัลสำหรับดาวซัลโวในคืนนี้
“โถนึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็ไก่อ่อน”
วันนี้ชางกยุนได้เลื่อนสถานะของอีจูฮอนจากคนน่ารำคาญทั่วไป กลายเป็นคนรู้จักที่น่ารำคาญ เสียแล้ว
เจอกันที่เดิม กรี๊ด หวีด อะไร เจอกันได้ที่ #ฟิคดี๋พรีรองเท้า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in