1
เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัด มันดังสนั่น จนปลุกให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมา
หญิงสาวเบิกตาโพลง จ้องมองฝ่าความมืดสลัวไปยังเพดานไม้เหนือศีรษะ นิ่งมองอย่างนั้นอยู่นาน ก่อนจะรับรู้ได้ในนาทีถัดมาว่านี่คือห้องนอนของเธอเอง
หญิงสาวเงี่ยหูฟัง -- ทว่าเสียงลึกลับที่ดังก้องกังวานคล้ายเสียงโลหะเสียดสีกันก่อนหน้าพลันเงียบหายไป ไม่มีเสียงอื่นใดอีก นอกจากเสียงสายลมที่พัดดังหวีดหวิว และเสียงสายฝนที่ตกหนัก โหมพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง จนบานหน้าต่างสั่นไหว เสียงเอียดอาดดังลั่นไปทั่วบ้านที่สร้างจากไม้ ท่ามกลางความเงียบภายในห้อง --
มันเป็นเพียงเสียงจากความฝันเท่านั้น -- เสียงที่เธอละเมอ แว่วได้ยินไปเอง -- หญิงสาวปลอบตนเอง แต่กระนั้นแล้ว เธอก็ยังคงหอบหายใจอย่างรุนแรง ราวกับเพิ่งเผชิญเหตุการณ์ระทึกขวัญมา --
เหตุการณ์ระทึกขวัญหรือ -- ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวตัวสั่นเล็กน้อย
เธอค่อยๆละสายตาจากบานหน้าต่างที่สั่นไหวมายังที่นอนข้างตนเอง แวบหนึ่งเธอคาดว่าจะเห็นร่างสูงนอนอยู่ตรงนั้น หากแต่มันกลับว่างเปล่า มีเพียงรอยยับของผ้าปูที่นอนผืนเก่า และหมอนหนุนใบเล็กเท่านั้น
“โจนาห์” หญิงสาวกระซิบเรียกชื่อนั้นออกมา หากแต่ไม่มีเสียงใดขานตอบ
หญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจากเตียงนอน “โจนาห์” เธอเรียกอีกครั้ง กวาดตามองไปรอบๆห้องนอนอันมืดสลัว และเงียบงัน -- ไม่มีร่างสูงปรากฏอยู่ในห้อง ทั้งที่ข้างเตียง มุมห้อง หรือขอบหน้าต่าง -- เขาไม่อยู่ในห้องแห่งนี้
หญิงสาวค่อยๆขยับตัวลงมาจากเตียง พลันความรู้สึกเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วบริเวณท้องน้อยอย่างรวดเร็ว -- หญิงสาวนิ่วหน้ากับความเจ็บปวดที่ได้รับ เธอยกมือวางบนหน้าท้องตนเองอย่างแผ่วเบา แต่แล้วความรู้สึกปวดอันหนักหน่วงนั้นกลับหายไปอย่างน่าประหลาด
หญิงสาวขมวดคิ้ว หากแต่ไม่ได้ร้องอะไรออกมา
เธอลุกขึ้นยืน ไอออกมาเล็กน้อยจากความเย็นชื้นภายในห้อง จากนั้นจึงคว้าผ้าคลุมมาห่มกาย แล้วค่อยๆก้าวเดินไปยังโต๊ะทำงานที่อยู่ข้างหน้าต่าง
หญิงสาวลอบมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง สายฝนยังคงตกลงมาอย่างหนักราวกับฟ้ารั่ว สายลมพัดดังหวีดหวิวราวกับมีพายุพัดเข้ามาจากทางชายฝั่ง และแสงจันทร์สีเงินก็ถูกบดบังด้วยเมฆอันหนาทึบ จนทำให้ค่ำคืนนี้แทบจะมองอะไรไม่เห็น แม้แต่ต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางหน้าบ้าน
เธอกำลังจะมองหาตะเกียงอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีแสงสว่างจากฟ้าแลบส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา ทำให้เธอทันสังเกตเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะไม้ตรงหน้า เธอหยิบมันขึ้นมา เพ่งมองไปตามหมึกข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือตัวบรรจงอันคุ้นตาของโจนาห์
ผมเข้าเมืองไปหาหมอบอริส และสมุนไพร แล้วผมจะกลับมา --
ในตอนที่เธอกำลังค่อยๆอ่านจดหมายอยู่นั่นเอง เสียงฟ้าผ่าก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากโถงทางเดินด้านนอก!
หญิงสาวหยุดชะงัก หมุนตัวไปทางประตูห้องนอนด้านหลังตนเอง -- หากแต่ประตูไม้นั่นก็ยังคงปิดสนิทดีดั่งเดิม
เธอวางจดหมายลงบนโต๊ะ ค่อยๆก้าวเดินไปยังบานประตู แล้วเปิดมันออก -- เพ่งมองไปตามความมืดของโถงทางเดินอย่างระมัดระวัง -- เมื่อไม่เห็นว่ามีใครปรากฏตัวขึ้น เธอจึงค่อยๆเดินออกมาจากห้องนอน ก้าวเดินไปตามทางเดินขนาดเล็ก จนมาถึงขอบบันไดที่ทอดตัวไปยังชั้นล่างของตัวบ้าน
ตอนนั้นเองที่เธอเห็นเงาของร่างๆหนึ่งเดินผ่านปลายบันได หายเข้าไปในห้องชั้นล่าง
“โจนาห์” เธอเปล่งเสียงเรียกออกไปอย่างไม่แน่ใจ หากแต่ร่างนั้นก็ไม่ได้ขานอะไรกลับมา
หญิงสาวรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเย็นชื้นของอากาศที่แปรปรวนภายนอก หรือเป็นเพราะความเย็นชาของโจนาห์ จึงทำให้เธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีขึ้นมา และมันก็ทำให้เธอไอออกมาอีกครั้ง ในขณะที่กำลังก้าวลงบันไดมายังชั้นล่าง
เธอหมุนตัวเดินตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น พยายามเพ่งมองผ่านความมืดสลัวภายในห้อง
เงาอันเลือนลางของร่างสูงกำลังเดินเคลื่อนไหวอยู่อีกทางด้านหนึ่งของตัวห้อง เธอเดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ปลายเท้าอันเปลือยเปล่าเหยียบสัมผัสอะไรบางอย่างที่เย็นเชียบ หญิงสาวก้มชำเลืองมองปลายเท้าตนเอง ก่อนจะพบว่ามันคือแอ่งน้ำบนผืนไม้กระดานที่อีกฝ่ายเหยียบเดินไปเป็นทาง ความเย็นชื้นที่ได้รับนั่นทำให้เธอเผลอสะดุ้งเล็กน้อย หากแต่โจนาห์ไม่ได้แม้แต่หยุดหันมองมาทางเธอ นอกจากเดินหายเข้าไปในห้องครัวอย่างเงียบเชียบ
เขาตากฝนตลอดทางที่กลับมานี่เลยหรือ --
“โจนาห์” เธอเรียกเขาอีกครั้ง ขณะเดินตามเขาไป หูแว่วได้ยินเสียงเขาเปิดลิ้นชัก และควานหาอะไรบางอย่าง
แสงสว่างจากฟ้าแลบภายนอกส่องผ่านหน้าต่างบานเก่าเข้ามาภายในห้องครัว ในจังหวะเดียวกันกับที่เธอมองเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอถึงกับเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง
เธอเห็นมีดคมด้ามหนึ่งส่องแสงสะท้อนกับแสงฟ้าแลบแวววับอย่างน่ากลัว และมีดด้ามนั้นกำลังอยู่ในมือของโจนาห์
หญิงสาวเบิกตาโพลง ค่อยๆเลื่อนสายตาจากปลายมีด ไปตามฝ่ามือหนาที่สวมถุงมือดำนั่น -- เธอกลั้นหายใจอย่างลืมตัว ในขณะที่ค่อยๆไล้สายตาขึ้นไปตามเสื้อคลุมสีดำตัวยาว ไปจนถึงใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้เงาของหมวกทรงสูงแปลกตา
แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา หากแต่เธอกลับสัมผัสได้ถึงดวงตาที่กำลังจ้องมองมานิ่ง -- และนั่นทำให้เธอตัวแข็งไปชั่วขณะ --
ร่างในชุดคลุมสีดำตัวยาวคนนั้นไม่ใช่โจนาห์ -- เธอบอกตนเอง -- ชายร่างสูงที่ยืนตระหง่านตรงหน้าเธออย่างคุกคามคนนี้ไม่ใช่โจนาห์ --
เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมาจากทางด้านนอก
พริบตานั้นเองชายร่างสูงคนนั้นก็ตรงเข้าหาเธอพร้อมกับมีดในมือ!
หญิงสาวผงะถอยหนี หมุนตัวออกจากห้องครัวได้ทันในตอนที่คมมีดฟาดฟันใส่ได้อย่างเฉียดฉิว!
หญิงสาววิ่งหนีกลับเข้าไปในความมืดของห้องนั่งเล่น ความหวาดกลัวครอบงำไปทุกสตินึกคิดก่อนที่มือหนานั้นจะคว้ากระชากเสื้อคลุมของเธออย่างรุนแรง จนร่างเธอเซล้มไปทางด้านหลัง ชนกระแทกเข้ากับแผงอกของเขาอย่างเต็มแรง
รู้ตัวอีกทีท่อนแขนอันแข็งแรงนั่นก็รัดร่างเธอไว้แน่นราวกับงูเหลือมที่รัดเหยื่อ ความรู้สึกเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วทั้งร่างของหญิงสาว จนภาพที่มองเห็นตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน เธอพยายามเพ่งมองใบหน้าของชายร่างสูงที่ยืนค้ำเธอจากทางด้านหลังอย่างสุดความสามารถ เธอพยายามเปล่งเสียงร้องออกมา เมื่อเห็นคมมีดในมือของชายคนนี้เงื้อมขึ้นสูง
ช่วยด้วย! เธอกรีดร้องทั้งน้ำตา
หากแต่ไม่มีเสียงใดๆดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอ --
มีดด้ามนั่นพุ่งลงมา แทงทะลุร่างเธออย่างรวดเร็วและรุนแรง เธอสะดุ้งเฮือกไปทั้งร่างเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงกระแทกที่โถมเข้าใส่ท้องน้อยของเธอ -- เสียงคมมีดเสียดแทงทะลุเนื้อหนังของเธอดังขึ้นท่ามกลางความมืด --
แล้วเมื่อสิ้นเสียงนั้นแล้ว ทุกอย่างก็กลับมาเงียบสงัดดั่งเดิม
ใบหน้าในเงามืดของชายคนนั้นก้มมองเธอนิ่ง -- และเงามืดที่เธอมองเห็นนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วทั้งร่าง --
“ลาก่อน” เสียงกระซิบดังขึ้นจากชายคนนั้น “ลาก่อน”
แล้วทุกอย่างก็ดับมืดไปอย่างรวดเร็ว
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in