เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
numerous | October Prompts 2024wallflowerblu
VIII. BURST
  •  

     

     

    มันเป็นสีดำเหมือนอย่างเคย สีดำแบบที่ผมชอบ สีดำที่กลืนกินทุกอย่างเข้าไปในรูกว้างลึกกลวง สีดำที่เคลือบเม็ดสีอย่างอื่นจมลงไปในเนื้อผ้า มืดมิดและเคว้งคว้างเหมือนป่ารกท้ายหมู่บ้านที่ผมและเพื่อนกลับเข้าไปขุดคุ้ยถึงเรื่องในอดีตของตัวเองอย่างเอาแต่ใจจนหลงลืมอาหารมื้อค่ำและเวลากลับบ้าน

    “ไปอีกไหม” เพื่อนสนิทของผมชิงถามก่อน เมื่อเห็นว่าจักรยานที่เราขับออกมาจากบ้านหลายไมล์เริ่มฝืดเคือง เพราะเรี่ยวแรงกึ่งฝืนถีบกึ่งเร่งเร้าจากมื้อกลางวันถูกนำออกมาจ่ายพลังงานจนหมดสิ้น

    ผมปาดเหงื่อเม็ดโตผุดเหนือไรผมทิ้ง ด้วยหลังแขนที่มีสเวตเตอร์ตัวโคร่งสวมทับ “แต่... ชิคารุ ที่นั่นมัน...” 

     

    ผมสงบสติและรวบรวมลมหายใจทีละน้อย ขณะจับจ้องสายตาอยู่กับยำสาหร่ายวากาเมะในถ้วยใบเล็กตรงหน้าตัวเอง ก่อนน้ำเสียงโอนอ่อนของไอโกะจะจับได้ว่าผมกำลังเหม่อลอยถึงอย่างอื่นนอกเหนือจากอาหารมื้อค่ำในบ้าน, บ้านที่เป็นของเราสองคนเท่านั้น

    “คุณคะ เป็นอะไรหรือเปล่า” เธอชักสีหน้าเป็นกังวล ท่วงทำนองเชื่องช้า “ไม่ถูกปากเหรอ”

    “อ้อ ไม่หรอก ผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย คุณไปแช่น้ำก่อนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันนี่นะ” เขาตอบพลางลอบยิ้มให้แก่ภรรยาที่กลายมาเป็นแม่บ้านไปโดยปริยาย เพราะอายุครรภ์หนึ่งสัปดาห์ที่เพิ่งจะพาไปลงบันทึกฝากครรภ์เมื่อปลายเดือนที่แล้วจึงทำให้เธอต้องลาออกจากงานเก่าและหันมาพึ่งเงินเดือนของผมเป็นหลักแทน

    ผมเลื่อนถ้วยที่มีเส้นสีดำยึกยือขดซ้อนกันนับไม่ถ้วนออกห่างสายตา รู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก พอเหมาะกับไอโกะที่ตกปากรับอย่างว่าง่ายก่อนกลับหลังหันเดินออกไป แผ่นหลังบอบบางนั้นเลือนออกนอกสายตา ห่างจากห้องครัว หายลับเข้าไปยังห้องอาบน้ำ ผมจึงเทถ้วยใบเล็กนั่นใส่ทิชชู ห่อทับมันด้วยแผ่นกระดาษหลายชั้นจนหนาเตอะ แล้วโยนมันทิ้งลงไปในก้นถังของถุงสีดำมืดสนิท ก้นถุงโสโครกที่มีไว้รับเพียงแค่เศษซากของความสกปรก ผมทิ้งมันทั้งที่ยังมีส่วนหนึ่งของพวกพ้องของมันเหลืออยู่ในกล่องอาหารแช่เย็นข้างซิงค์ แต่ผมก็เลือกจะทิ้งมันอยู่ดี

     

     

    เสียงสะท้อนของผมตอนขานรับเสียงของเพื่อนพ้องมันสั่นสะเทือนไปรอบ ๆ เสียงร้องจากจิ้งหรีดเรไร แมลงน้อยใหญ่หรือสัตว์ปีกบางจำพวกเริ่มแทรกตัวหาหลุมหลบภัย ทว่าผมกลับไม่มีโอกาสจะทำเช่นนั้น เพราะการติดหล่มอยู่กับภาพรกร้างของแมกไม้เขียวขจีที่เมื่อความมืดครอบคลุมในยามแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้ามันก็กลายร่างเป็นปีศาจตัวใหญ่ ผลุบโผล่บนไหล่ทางลาดชันทีละต้นสองต้น และรวมกลุ่มกันเป็นก้อนอนันต์กระจุกหนึ่ง ท่ามกลางเงาสลัวใต้ดวงจันทร์พร่าเลือนที่เพิ่งจะเริ่มตั้งโครงสร้างเหนือฟ้าครามครึ้ม

    “ชิคารุ! ดันโตะ! เคนเซ!ฉันอยู่นี่!!” ผมเริ่มออกเสียงให้ชัดขึ้น ดังขึ้น ก่อนแผดร้อง ทว่าเสียงลึกก้องที่สะท้อนน้ำเสียงเช่นเดิมโต้กลับมาทำให้ผมเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก ท้องไส้ภายในก็เริ่มปั่นป่วนเพราะเลยมื้อค่ำมาหลายชั่วโมง ขาที่เคยเดินย่ำและถีบปั่นยานพาหนะสองล้อก็สั่นไหวเมื่อทอดน่องไปตามทางลาดชันที่อาศัยปลายนิ้วคลำไปบนลำต้นสูงใหญ่น่ากลัวข้างทางแทนที่แสงไฟจากรอบข้างที่ค่อย ๆ สลัวเลือนรางลง

    ชั่วอึดใจ เสียงตะโกนเพรียกก็แห้งผาก กลายเป็นน้ำตาเข้ามาแทนที่ และหยาดใสนั้นก็ผสมลงกับกลุ่มเหงื่อเปียกชื้นเคียงกรอบหน้าจนพาลรู้สึกแสบคันไปทั่วทั้งดวง

    ไม่นานเกินรอ การผลัดหลงและแตกสลายของหยาดน้ำตาก็ถูกหยุดชะงัก เมื่อเด็กทั้งสามปรากฏตัวออกมาจากทางด้านหลังของต้นไม้ลายรอบที่ไม่ทันได้สังเกตให้ดี

    หนึ่งในนั้นหัวเราะ ไม่นานก็ท่วมท้นไปพร้อมเสียงกลั้วความสะใจจากเด็กทั้งสาม รวมสารพัดถ้อยคำก่นดูแคลนและนึกคะนองกราดด่า อย่างที่การรวมตัวของฝ่ายที่เข้าใจมาตลอดว่าตนมีสิทธิ์เหนือกว่าจะสามารถแสดงออกมาให้เห็น

    ผมรู้ตัวว่ากำลังโกรธจนทั้งตัวสั่นสะท้าน และเสียแรงควบคุม เสียงหวีดร้องของนกสักชนิดคลออยู่เหนือหัวพวกเรา แต่ผมไม่สนใจ ผมสุ่มรอจังหวะที่พวกนั้นกรูเข้ามาชี้นิ้วแตะเบา ๆ ข้างขมับ เมื่อผมไม่โต้ตอบ จากนิ้วก็กลายเป็นฝ่ามือ ฝ่าเท้า รอยหมัด น้ำหนักร่างทั้งร่างถาโถม ผมอาศัยจังหวะชุลมุนให้หนึ่งในนั้นตายใจ ก่อนใช้แรงเฮือกสุดท้ายทั้งหมดที่เหลืออยู่พุ่งกระโจนโอบคนเหนือร่างใครคนหนึ่งเอาไว้สุดกำลัง

    “เฮ้ยๆ ไอ้นี่มันบ้าไปแล้ว” หนึ่งในนั้นถอยล้ม

    “ช่วยด้วย!” คนด้านบนเริ่มแผดเสียง กำปั้นหนักทุบลงบนศีรษะของผมนับครั้งไม่ถ้วน เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ผล คนที่ยังเหลืออยู่จึงเข้ามางัดแงะมือที่ผมใช้โอบรอบลำตัวของเขาคนนั้นไว้แน่นให้ปล่อยออก แต่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะขาที่ค่อนข้างยาวของผมเตะเข้ากลางแผ่นอกนั้นไปเต็มแรง จนอีกฝ่ายลงไปนอนกุมท้องร้องโอดโอย

    “ไอ้บ้านี่! ปล่อยกู! ปล่อยกูสิวะ ไอ้ลูกกำพร้า! ไอ้โรคจิต! ไอ้เอ๋อนี่! คิดว่าพวกกูชวนมึงออกมาเล่นเพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนรึไง”

    “แม่มึงมายืมเงินบ้านกูหลายเดือนแล้วยังไม่มีปัญญาคืนเลย ทำไมกูต้องมาเล่นกับไอ้ลูกขี้คอกอย่างมึงด้วย ไม่มีก็อยู่ส่วนไม่มีสิวะ จะสาระแนมารังควานกูทำไม ทั้งมึงทั้งแม่เลย”

    ผมมองไม่เห็นแสงสว่างอื่นจะแทรกผ่านเข้ามาอีก เมื่อเปลือกตาที่กำลังใช้เพ่งมองปลายทางข้างหน้าไม่เห็นแม้แต่คนที่กำลังก่นด่าเหนือหัว ผมรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายทุ่มกระโจนขยะโสโครกชิ้นนี้ลงสู่ก้นถัง ก้นถังที่อ้างว้างและร้างไร้สิ่งมีชีวิต เสียงของเขาคนนั้นจึงร้องหวาดกลัวอย่างสุดขีดเมื่อดำดิ่งถึงจุดสิ้นสุดที่ผมก้มลงไปมองไม่เห็น เสียงของเขาเงียบหาย ตัวตน เงาสลัว เหลือเพียงความมืดมิดกลืนกินผิวของผมอย่างละโมบ

    “ชิคารุตกหน้าผาตายไปแล้ว!” ประโยคต้นทางแทรกมาจากทางด้านหลัง เมื่อหันกลับไป ก็เห็นแค่เงาสลัวของแผ่นหลังจากคนทั้งสองวิ่งหนีเอาชีวิตออกห่างผืนป่าทึบทมิฬอย่างมักง่ายราวไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

     

     

    ดวงไฟเหนือศีรษะดับลง ไอโกะนอนตะแคงอยู่ข้าง ๆ แต่ผมไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของเธอ นอกเหนือไปจากสิ่งปะทุอย่างหนึ่งที่ค่อย ๆ หลั่งไหลออกมาจากหัว มันค่อย ๆ ปรากฏเงาดำสนิท แต่งแต้มด้วยสิ่งพิกลพิการเกินกว่ารูปร่างของสิ่งมีชีวิตปรกติจะหยั่งถึง ลำตัวโค้งงอ แขนและขาหักเปราะ คอบิดเบี้ยว ดวงตาบวมช้ำ ใบหน้าที่เคยจัดวางองค์ประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้อยู่เป็นที่เป็นทางเริ่มกระจัดกระจายและใหญ่โตบนน้ำหนองน้ำเลือดพุพองไม่ต่างอะไรกับการรอวันแตกระอุ

    “ไปอีกไหม” เพื่อนสนิทของผมชิงถามก่อน

    มันเป็นสีดำเหมือนอย่างเคย สีดำแบบที่ผมชอบ สีดำที่กลืนกินทุกอย่างเข้าไปในรูกว้างลึกกลวง สีดำที่เคลือบเม็ดสีอย่างอื่นจมลงไปในเนื้อผ้า มืดมิดและเคว้งคว้างเหมือนป่ารกท้ายหมู่บ้านที่ผมและเพื่อนกลับเข้าไปขุดคุ้ยถึงเรื่องในอดีตของตัวเองอย่างเอาแต่ใจจนหลงลืมอาหารมื้อค่ำและเวลากลับบ้าน

    ผมปาดเหงื่อเม็ดโตผุดเหนือไรผมทิ้ง ด้วยหลังแขนที่มีสเวตเตอร์ตัวโคร่งสวมทับ “แต่... ชิคารุ ที่นั่นมัน...” 

    “ยังไม่มีใครเห็นศพฉันเลย”

     

     

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in