เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
numerous | October Prompts 2024wallflowerblu
XXX. Birth
  •  

    XXX. Birth

     

     

    แอบบีย์ บ.

    เวสต์ดอร์เซท

    แอบบอตส์เบอรี


    วันศุกร์ที่ ๖ พฤษภาคม


    ถึง เบนจามิน ไรท์

    ตอนที่คุณบอกว่าบ้านของผมมันดูเป็นบ้าน คงเพราะวิถีชีวิตของผู้คนในปัจจุบันเปลี่ยนไปอาศัยอยู่ในกล่องสามเหลี่ยมมุมฉากสองคู่ประกบร่างกันกับจัตุรัสกลางตึก และยิ่งเร้นหลีกประกายแดดอย่างไม่อาจห้าม เมื่อก้มมองลงมาจากหลังบานหน้าต่างทรงผืนผ้ามุมตั้งแคบ ๆ มันทำให้ผมนึกถึงโพรงลึกขนานเปลือกไม้ในสวนที่ชิกเคอเรลล์เลยครับ (ธรรมเนียมพักร้อนพ่อจะพาเราไปในที่ที่แอบบีย์อยากไป) เพราะหากมองจากสายตาของผมในแกนเสื่อมถอยโมงนี้ ช่องหลวมเล็กขณะนั้น ก็เปรียบเสมือนสวนชนบทเล็ก ๆ ที่ถูกกั้นด้วยรั้วไม้ขนาดจำลองที่ตอนนี้คงมีอยู่เพื่อปกปิดใครไม่ได้ มันสะดวกพอแค่ไม่ให้เด็กซนอย่างเรากระโดดข้ามพ้นรั้วเพื่อนบ้าน ลำไม้พลาทานัสท่ามกลางดอกป๊อปปี้ในฤดูใบไม้ผลิเผยวงรอบผ่าศูนย์กลางเพียงสามคนโอบก็สามารถเป็นบ้านทั้งหลังให้กับเด็กหญิงและเด็กชายตัวเล็ก ๆ สองคนในที่สาธารณะได้อย่างน่าเหลือเชื่อ รวงผ้าที่หนีบผึ่งทิ้งไว้แต่เช้าตรู่ในสวนของเรือนใดสักแห่ง เมื่อคล้อยเที่ยง แดดแห้งจึงพลันจรดร่าง ทอดสายบันทึกเป็นแสงอร่ามทองจรัสเกยครั้นตกกระทบ กลิ่นชื้นแฉะจะสลายเลือน แผ่ทิ้งเพียงความชื่นมื่นดั่งสวนเบิร์กลีย์สแควร์ในเขตเวสต์เอนด์ของลอนดอน แม้วิถีชนอย่างเรา ๆ จะไม่เคยทอดตามอง แต่พวกเราต่างก็จินตนาการถึงอะไรที่ดีกว่าชีวิตในรูสันทัดอันประจวบร่างพอดีกับทรวดทรงของเด็กวัยเก้าและแปดจะเบ่งบานอยู่ในนั้นได้อย่างดี เหมือนกระรอกที่ไม่มีวันรู้ว่านอกจากผลไม้รสขื่น ยังมีน้ำตาของมนุษย์ที่เป็นรสเค็มประหนึ่งเมล็ดถั่วซ่อนใต้โคนลิ้น การมีหนังแห้งและขนสั้นกุดเฉกฉันท์มิตรคงเพราะรอวันเปรอะแทรกท่ามกลางดงไพรที่พวกมันได้รับจากความเมตตาของผู้คน ซึ่งหวังว่ามันจะไม่แว้งกัดพวกเขาเช่นเดียวกัน ลานกิจกรรมที่พวกเราคุ้นเคยส่วนใหญ่ มักเกิดจากบรรทัดฐานของการเอาตัวเข้าไปอยู่ในช่องว่างหรือซอกหลืบของอะไรก็ตามแต่ เท่าที่อุณหภูมิของเรือนมุงหลังกระเบื้อง -ไม่ก็บานแข็ง -ไม่ก็แผ่นพับ -หรือเปลือกไม้และแผ่นหญ้าหย่อมใดจะศิโรราบกับความต้องการส่วนตัวของตน ซึ่งปรารถนาจะให้เนื้อในเฟะเฟื่อนเหล่านั้นมีแต่ความอุ่นอวลสอดรัด ตามอย่างเส้นผมสีแดงเพลิงของบรรดาหญิงกลางคนผู้อารีมือกร้านกรำจากงานเรือน พ้องใฝ่ถึงบรรดาตาข่ายเหนือศีรษะขณะเชิดศอกเงยคอเกี่ยวหนังรั้ง พลันแล่น -- รากไม้โหวงคลาวสยายร่างแปลงนิ้วสางผมเป็นคุณป้าอุปถัมภ์ที่มักเผื่อเหลือเมตตาแก่เหล่าเป็ดน้อยใต้ร่มไม้ มากกว่าจะเผยร่างเป็นเงาสนชะลูดลมที่มีหน้าที่ข้างใต้ส้นแคบเพียงทิ้งความฮึกเหิมชั่วชีวิตของคุณลุงหนวดเฟิ้มพร่องกลิ่นขมคาวของเถ้าฉุนกัดจมูกเรา ละอองแสบทรวงจะร่วงกราวออกจากปลายนิ้วเสียเผละเละ แต่พวกเขาก็แยแสเพียงต้องการอัดลิ้มรสสัมผัสของควันอุ่นระเหยฝัน เมื่อมันไม่เคยแทรกซึมตัวตนพอให้พวกเขาอุ่นแน่นเหมือนต้นคอยามเถาวัลย์เส้นหนาอ้อยอิ่งขึ้นไกลลับ ราวไทด์เฉดสีลำไม้เปลือกยาวกำลังผูกรั้งซอกคอพวกเขาไปด้วย พวกเขาจึงไม่มีแรงพอจะยกเท้าลอยข้ามหัวพวกเรา แม้แต่เส้นผมต่างความยาวก็แบ่งคนเราออกเป็นคนละขั้ว ต่างแท้ -- กับเสรีสตรีชนแม้ห่างเยาว์เมื่อคะเนระยะจากเยาว์ของเด็กต่างวัย ผิวรอบนอกเปลือกขณะนั้นจะแข็งกลบพอดี ทว่าคงถูกมือหนาใหญ่ของลมร้อนพลิ้วแหวกใบสดขจี สวมคลุมบรรยากาศด้วยมวลเมฆสีเทาโขลงใหญ่ ซึ่งถนัดกลั่นความหนาวเย็นโอบกอดพวกเราโดยเฉพาะ ขอแค่มีอะไรสักอย่าง สักชิ้น บางอย่าง บางอัน ลำพัง เดียวดาย กำบังวัตถุใต้พื้นสากซึ่งปูทาบด้วยพรมถักทรงกลม เราก็จะพึงใจ- เราสอง พี่น้อง ผมเข้าใจดี เพราะน้องสาวของผมเองก็ชอบลากผ้าห่มและกล่องกระดาษ (พกพารุงรัง) ออกมารังสรรค์ธรรมชาติให้เป็นบ้านหลังใหม่อยู่เสมอ เมื่อเธอมีโอกาสโลดแล่นครั้นเผชิญกอหญ้า แอบบีย์มักโยนความอบอุ่นที่คิดว่ามันมีอยู่จริงในบ้าน ออกไปกอบสร้างความเป็นบ้านให้แก่ต้นไม้ด้านนอกเช่นเดียวกัน ความประสงค์ของเธอช่างบริสุทธิ์และหอมหวาน เหมือนกระดุมเชิ้ตอันน้อยนิด ซึ่งซ่อนพอดีไทด์ลายขวางปรกถ้วยซุปบนโต๊ะอาหารของลุง เหมือนนมรสเย็นจัดในชามซีเรียล ที่แม่วางมันหมิ่นเหม่พอดีกับช่วงเวลาที่ลูกสุนัขพันธุ์บีเกิ้ลตัวปล้องกลมเหมือน Fog Cake [1] ของมิสซิสเอมี่จะออกมาเดินเล่นผ่านรั้วบ้านของเราในเวลาอาหารเช้า เหมือนลูกโฮมรันของนักเบสบอล ที่ผู้ตีกลับเข้าโฮมเพลตได้อย่างปลอดภัยในเพลย์เดียว เหมือนบานหน้าต่างหลวมโพรกในห้องนอน ที่หันทิศตรงกันข้ามกับสุสานเก่าราวนิทานกล่อมนอนที่หอคอยของเจ้าหญิงมักจงใจตั้งรกรากอยู่ในทิศตรงกันข้ามกับปราสาทของเจ้าชาย แต่ชะตาของทั้งคู่ก็ยังพานพบกันโดยบังเอิญ ทั้งความพอดีและความถ่อมตนเหมาะสมล้วนอยู่เหนือความคาดหมายของเราเสมอ และคงเป็นเพราะความคิดถึงจากการมีอยู่ของผม ที่บันดาลให้ทุกคนแปลงสภาพออกจากม่านจินตของหมู่เทวรูปอันหักเปราะและบางเบายามวิกาล ขณะห้วงหลับฝันค่อย ๆ พรากความเป็นใครต่อใคร หรือเราต่อเรา ให้เหือดหายไปอย่างช้า ๆ ในทรงจำ องค์ประกอบเหล่านี้กลับช่วยให้ผมใช้พรข้อวิเศษนั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ผมกลายเป็นคนไม่ขลาดกลัวที่จะแต่งเติมก้อนทรงสี่เหลี่ยมของลานกว้างตรงหน้าให้ออกมาเคืองคับได้ดีเพียงใด ตราบเท่ามุมขอบจัตุรัสของมันจะโอบรับเรือนกายแสนชืดหม่นของผู้คนเดินดิน ยามพลัดถิ่นพเนจรออกเนินร้าง มันเริ่มต้นจากตรงนั้นละครับ ตรงที่ความตายของแม่และน้องสาวมาเยือนหัวใจแหลกสลายที่เดิมทีมันน้อยชิ้นอยู่แล้ว (เฉพาะยิ่งของผมกับพ่อ) เพราะความรักของพวกเธอยังหาได้กะเทาะแกนเหลาดวงวิญญูออกมาเป็นทรงให้สมกับความริษยาของผู้คนเบื้องนอกอีกไกล แท้จริง มันเกิดขึ้นคนละเดือน และคนละปีโดยสิ้นเชิง แต่เพราะความตาย— ไม่เคยหยิบยื่นเวลาพอให้เฉลียว ในที มันคล้ายกับว่าย่ำรุ่งทำทีคืบคลานมา เหมือนคนไร้บ้านที่กำลังออกตามหาบ้านสักหลัง และเมื่อตะวันลาเคลื่อนจากเรือนเรื้อน ทุกสัมผัสในสุญก็คอยชะเง้อเสียดคมเฉือนประหนึ่งไม่เคยรีบร้อน ทว่าพริบตา- พริบสั้น- เดี๋ยวเดียว มันก็ไม่หลงเหลือสิ่งใด เพราะชะตาของโมงยามคราวโลกเคลื่อนเอื่อยไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โลกก่อนความเป็นและหลังความตายของผมจะเอนเอียง ไม่ต่างกับเนื้อตัวที่ไม่ทราบดีว่ามันสว่างหวิวหรือมัวม้วน ขณะเดียวกัน ราตรีกาลซ้ำเล่าก็ไม่มีวันปล่อยมือออกจากปลายมีดเหล่านั้น มันเหมือนกับว่า อยากทอดทิ้งให้เราถวิลจำถึงสิ่งแคลงใจต่อผู้คนที่เราเคยเคารพและไม่แม้แต่จะนบน้อมให้อยู่เป็นที่เป็นทาง เหมือนเช่นความตายครั้งแล้วครั้งเล่าจะอุบัติขึ้นในวิถีของสิ่งกระทำผ่านงานประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเสี้ยวปะไม่เป็นร่างเป็นรวงใต้รังดุมของเนื้อเชิ้ต หรือกลิ่นเหม็นไหม้ของนมบูดใต้ก้นถังโสโครกที่มักลอยอวลออกมาจากกล่องนมรสจืดอันเดิมของแม่ ถึงเป็นยี่ห้อใหม่ แต่ในสายตาของผม ฝ่ามืออ่อนนุ่มของหญิงผู้หยิบมันไปจากชั้นวางก็จะยังเป็นมารดาของผมตามเดิม ปลอมแท้อย่างสัตย์จริง ผมคงไม่มีทางเลือกให้ทิ้งมันอย่างไม่ใยดี เพราะความขมแปร่งไม่ชวนกระดกกลืน ครั้งผนวกเวลาแต่งตัวคอยเร้าให้แม่ต้องเลี่ยงความกระเปร่าเกินตัวเนื่องกิจล้าจากการดูแลวัยเยาว์ของเรา ก่ำกึ่งผ่านดวงตาของผม ไม่ว่าจะทั้งตอนนั้นหรือเสี้ยวนี้ มักถมให้ผมกระตือรือร้นที่จะไม่สนรอยยับบนเนื้อผ้าเมื่อต้องออกไปต้อนรับแขกฐาพเนจรจนเคยตัว ไม่เว้นกระทั่งเดลานีย์— กิจวัตรของเธอมักพลั้งให้ผมนึกถึงพวกเขาบ่อยครั้ง ในความไม่ประสาเหล่านั้น ทุกความเป็นอยู่หรือจากไปถาวรของชีวิต จะกลับมาเวียนวนผ่านสมรภูมิบนใบหน้าเรียบเฉยท่ามกลางสรรพชีวิตของเราอยู่ไม่เว้นวัน ใครก็ตามแต่ พ่อหรือผม แขกผลัดธุระเช่นคุณ — ธุระของนายธนาคาร ครอบครัวผ่อนกายต่างเมือง ทั้งตั้งใจหาหรือหลงทางมา คนใดคนหนึ่งหรือคนนอกทุกคน ไม่ว่าใครหรือใคร ต่อจากผมและคุณ กระทั่งผมและใคร มันเป็นสิ่งยากจะเลี่ยงและยากจะไม่ใฝ่หา มันคือความรักละมังครับ เพราะความรักจะไม่มีวันตายไปจากหัวใจเรา ตราบเท่าที่ทรงจำเรายังเลือกจะรับมันเป็นของรักส่วนตัว จากตัวตนจึงเปลี่ยนทิศเป็นสัมผัส จากการสัมผัสจึงแฝงฝากเพียงกลิ่นกาย จากกลิ่นกายพาลไขว่ฝันจึงทิ้งผ่านเป็นน้ำเสียง จากซุ้มเสียงจึงละลายหายกลายเป็นสีสันที่ทำให้นึกถึง จากสีสันจึงบิดเบือนเป็นสิ่งของที่พวกเขาเคยรัก ผมควรจะรักษาและ...ถนอมมันต่อไป กระทั่งตะกลามในวรถวิลอย่างไม่สิ้นสุดผ่านความละโมบที่ไม่เคยอ่อนข้อให้สิ่งอื่นใดยอมผลักไสความรักออกจากชีวิต

    มันคงดูเป็นข้ออุปมาของการเอาตัวรอดใต้จิตสำนึกคนเราเสียหรือเปล่าครับ เรื่องนี้ ผมว่าคงต้องสำรวจหลายอย่างจนกว่าจะทราบแน่แท้ ต่อให้วันนี้ยังไม่มีรัก คงไม่มีใครเป็นดังนั้นเหมือนผม วันข้างหน้าคนเราก็หาเรื่องมาให้รักได้อยู่ดี บิดาผมเป็นพวกหัวเด็ดตีนขาดข้างใต้กายไร้ระเบียบไปแท้แล้ว เขาไม่เคยมีรักแก่ใครได้อีกนับแต่ความรักสูญจากชายคา เขาให้ความรู้สึกว่าวิธีซังกะตายสามารถพ่ายภัยขณะผ่อนปรนได้ แม้ในคราวต้องเริ่มกลืนชาเป็นอย่างแรกผ่านกิจวัตรสามัญที่ผมสนทนาเพียงคำตัดทอนสั้น ๆ ว่า ไม่ต้องรอ... และไม่แม้แต่จะแลใคร่สายตาดอมดมรสชาติของถ้วยใบหนาตรงหน้า แม้จะเป็นข้อมือของเดลานีย์ที่ควบคุมมวลเหลวเหล่านั้น ผมก็ยังรับรู้ยิ่งว่าความเป็นภรรยาของแม่...ไม่เคยจากไปไหน...

    “ฉันจะปลอดภัยแน่หากพักอยู่ที่นี่” ครอบครัวก่อนหน้ากล่าวเช่นนั้นเมื่อพวกเขาขอตรวจสอบห้องพัก เตียงใหญ่สีขาวซีดปูทับด้วยผ้านวมขนห่านขนาดใหญ่โทนเดียวกัน ผมแสร้งตบตาให้มันดูนุ่มเป็นพิเศษด้วยการประนอมวาจากับร้านประจำครั้งเก็บซัก และพิถีพิถันเป็นพิเศษเมื่อต้องผึ่งแดดอ่อนยามเช้าซ้ำสอง ตู้เสื้อผ้าเล็ก ๆ ตรงมุมซ้ายของห้องนั้นถูกตั้งใจให้ดึงดูดสายตาออกจากผิวไม้อัดขัดเงาผ่องสะอ้าน ด้วยลายประตูอันเป็นสัญลักษณ์วอลเปเปอร์เถาไม้เลื้อยขจี พ่วงลายช่อดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าอ่อนสลับพุ่มเหลืองหม่น หากก้าวเยื้องถัดไป คุณจึงปะกับเฉดอ่อนหวานของกระเบื้องล้อมปูนขาวจากบรรดาเครื่องสุขภัณฑ์ เช่น อ่างล้างหน้าและกระจกบานเล็กสะท้อนผิววาวกะทัดรัด เห็นชัดว่าสามสิ่งนี้ร่วมขจัดความเป็นไม้รกทึบของผนังห้องทีละน้อย จากบานหน้าต่างขนาดพอดีฝ่ามือสองข้าง พาลให้ชะเง้อคอเกี่ยวมือข้างถนัด โถมกายพักข้อหนักของฝีเท้าคราวปลอดสัมภาระ ขณะตรึงม่านนัยน์ชมชิดวิวทุ่งกว้างและหลังคาสีวอลนัทของเพื่อนบ้านฝั่งทิศตะวันออกได้ ๑๘๐ องศา บดเคล้าเป็นเนินหญ้าไกลสุดลูกหูลูกตา ดังเช่นที่ความเย็นวาบยามค่ำสงัดจะถูกเลือนร่วงด้วยรอยอุ่นอวลของไอน้ำ ซึ่งสามารถชะล้างอุ้งเท้าสกปรกรวมทั้งร่างท่วมเหงื่อไคล ราวกับเวลาใต้กระแสวนเรื้อนฝุ่นคงขยายชั่วกัลปวสานเพรียงภาพปักแขวนของสวนเวอจิเนียร์ โรบินสัน ที่เมื่อผู้ใดได้ไล้สัมผัสฝ่ามือลงบนลานกระเบื้องใต้สายฟักบัวซึ่งขูดรอยขดงวงอย่างธรรมชาติและตวัดลายออกเป็นแฉกผ่านชั้นเคลือบบนพื้นผิวแข็งก็คงหายล้าได้ปลิดทิ้ง ซึ่งภาพสลักนี้ได้รับอิทธิพลละมุนละม่อมมาจากการฉาบปูนปลาสเตอร์ย้อมสีตัดกันบนบนพื้นผิวทีละชิ้น คล้ายลายวาดของเครื่องปั้นดินเผาในชามเซรามิก เรียกว่า “สกราฟฟิโต” เป็นกิจเฉพาะในงานที่จะผ่านการขูดและเขียนผนัง เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ใต้ร่มสรรพางค์กาย เพื่อให้เราทอดมองเพื่อเห็นความเป็น ‘บ้าน’ ได้ง่ายขึ้น ถัดออกมา ส่วนโค้งเว้าของฝ้าเพดานประดาโคมระย้าที่ผมลงแรงไปหลายเพนนี จะยิ่งเพิ่มรอยหยักตื้นพาลทะลวงเส้นเหยียดแบน คล้ายปลายรุ้งไร้สีซึมลึกเข้าไปในวัสดุคงทนอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน และเมื่อจำแนกอย่างเพลินตา แสงนวลแยงกระเบื้องคงช่วยทุเลาอกอ้างว้างอยู่บ้าง เพราะโคมคว่ำสีหม่นที่เดิมทีอาจดูเปลี่ยวดายท่ามกลางวงรอบเปล่งแสงลำพัง เหนือหัวฟูกริมฝั่งผนังจึงบรรจงวางลำโคมผ่อนสายหย่อน คลอเงาล่างแสงอุ่นอีกกระบวน เผื่อเหลือเป็นสัญญาณเรื่ออ่อน คอยตัดผิวกายใต้ดวงโคมเคียงฝั่งเตียงไว้สองทิศซ้ายขวา เมื่อทรุดร่างเช็ดเรือนผมเหนือปลายเตียง สายตาจะจรดองศาพอดีบานหน้าต่างห้อง ซึ่งสลักเงาฝ้าลายเวียนว่าย ราวอยากสะกดจิตผู้คนไว้ด้วยแรงดึงดูด ผมจึงแผ่ตรึงความสับสนไว้เบื้องศีรษะ แยกเป็นทรงหยดน้ำร่วมบานกระจกผืนผ้าขนานใหญ่ใจกลางดวงไฟแขวน ที่ถูกม้วนขดให้เป็นทรงกลมใต้แผ่นฝ้า หากเพ่งมองให้ลึกลงไป คุณจะเห็นว่าผมขัดเกลารอยบุ๋มให้จมเหมือนทิศตามเข็มนาฬิกา ภายใต้เกลียวโค้งมนเล็ก ๆ เหล่านั้นบานสยายเป็นกลีบพันธุ์ไม้ไม่รู้กลิ่น ความโค้งมนของบานหน้าต่างและลวดลายของเงาไม้จะทำให้บ้านดูเป็นบ้าน กระนั้น มันยังทำให้ผู้คนดูเป็นผู้- คนที่มีชีวิตชีวา

    แท้จริง บ้านของผมมันไม่มีชีวิตในจิตวิญญาณหรอกครับ แต่เพราะสัญชาตญาณของความคดงอขณะเลื้อยรกไปตามความทะเยอทะยานเหล่านั้นต่างหาก ที่สามารถดึงดูดให้เรารู้สึกได้ว่ามันใกล้เคียงกับชีวิต ความมีชีวิตคงเปรียบดังทรวดทรงที่บิดโค้งไปตามรอยบีบเค้นของฝ่ามือและการสยบยอมอย่างจนใจใต้แรงเสียดสี แผ่สะท้านตามร่องหลืบแตกระแหงออกมาเป็นแสงเงาเบื้องล่างลวดลาย แม้จะอยู่เหนือผืนกระจกอันสะท้อนไอผ่าวปรกเคลียความเหลืองอร่ามและเขียวชะครามให้พิศวงลึก ๆ เช่นนี้ บ้านหลังใหม่ของผมจึงพรูทับด้วยการตบตาอย่างจริงใจ ทำนองเดียวกัน ก็พิสมัยการแปรงโฉมห้องรับแขกเพียงห้องเดียวอย่างชอบกล ราวห้องร้างปิดทึบนี้คือกรงขังสัตว์โชว์เหมาะแก่บำเรอ เพื่อแสร้งลักษณ์เรียบทื่อของโถงกลางบ้านออกเป็นเส้นโค้งสไตล์นูโวขณะหลับใหลให้ได้มากที่สุด -- มากเท่าที่จะทำได้

    เน้นคลึงทั้งความยาวสุดสายตาตามขั้นบันไดเหล็กดำเข้ม และกะเผลกความสับสนทั้งมวลปลิดถอนไปจากทรงกายเหนื่อยล้า ด้วยการเพ่งสมาธิอยู่กับองศาพลิ้วไหวของราวขั้นแต่ละขั้นซึ่งขดตามวงกบเป็นร่างดอกลิลลีใต้ปลายเท้า จนกว่าจะพักสายตางันงกกับรูปแต่งงานของโอลิเวอร์ กรีน (พี่ชายคนโตของเรา) ที่ชานพัก เพื่อสร้างประโยคปลายเปิดร่วมกัน หากคุณไม่ถามหนนั้น ผมก็เต็มใจจะโพล่งอยู่ดี เพราะผมพิจารณ์ต่อพวกเขาแล้วว่ามันถูกเลือกให้วางในตำแหน่งของจังหวะพักข้อเท้าและละสายตาอย่างพอเหมาะยิ่ง

    ทำนองอื่นจากนี้หรือครับ ถ้าคุณอยากให้ผมอธิบายจนถ้วน ผมคงตอบตรง ๆ ว่าตัวเองอยากเลือกกลบ และเกลื่อนบังความไม่สมมาตรของแต่ละตารางนิ้วท่ามกลางพื้นที่เต็มขีดจำกัดในบ้านให้เกลียวกลืนกันยิ่งกว่านี้ให้ได้อีกมาก เพราะเมื่อเดลานีย์อาสาชักม่านทึบสนิทยามค่ำคืน เครื่องเรือนทุกชิ้นก็ไม่ต่างอะไรกับเตาผิง คราวมอดขอนแกลบฉับพลันหลังเข้านอน สืบเนื่องคุณลักษณะไร้จุดสิ้นสุดนั้นด้วยเช่นกัน บางที เราต่างก็หมกหมุ่นอยู่กับอะไรบางจุด คล้ายจุดบอด บอดมัว มัวสลัว สลัวเลือน และเลือนหาย อะไรบางอย่างที่หายไป คงจะเป็นส่วนสำคัญบางประการที่มันแตะต้องไม่ได้จนเกินตัวอยู่นะครับ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ คุณแน่ใจหรือครับว่าตัวเองจะได้กลับมาที่นี่อีก เหตุที่ไม่อยากส่งที่อยู่มารบกวนผม เรื่องนี้คือของขวัญสำหรับฤดูใบไม้ผลิอย่างนั้นได้ไหม หากชายตาจากถนนหลักไล่ตามเพนส์ฟอร์ดทีละน้อย มันอาจเป็นหมอกสีน้ำเงินกลางสมุทรเนินดินเหลืองทอง สายตาจึงล่วงลวงว่าเขียวนัก หรือแยกหญ้าแพรกฉาบกลางดินเป็นลำธารสีใสแบบเดียวกัน หากแต่ใบหยักของต้นเมเปิลสลับผลเชอรีสุกปลั่งยามอวดผลกลมกลึงเผยประกายระยิบระยับอย่างจงใจคงต่างกัน แม้สิ่งเหล่านี้จะคอยต้อนรับเราคล้ายต้นเฟอร์ผุดโผล่ริมสุสาน เหมือนแดดบ่ายคอยแยงตาเราอยู่บ่อยครั้งเมื่อคุณใคร่จะเปิดประตูยามแช่น้ำทิ้งไว้ และปล่อยให้ผิวอรุณลอดผ่านบานหน้าต่างฟูกนอนเข้าไปตกเกลี่ยพวงแก้มอ่อนล้าโผล่เหนือผิวอ่าง ที่ระยะห่างของมันดูจะไม่สบพอดีกับสัดส่วนเรือนโทรมของคุณเอาเสียเลย คุณอาจจะหมกหมุ่นอยู่กับมันจนไม่รู้ตัวว่าไอแดดฤดูร้อนเองก็เหน็บหนาวพอ ๆ กับหิมะสีคล้ำปนเคลือบเปลวชอุ่มสีแดงสด... คงเพราะปลายส้นขยี้รอยควันหรี่มอดไว้ไม่สนิทดีใต้ผิวเกล็ดขาว แม้ไอระเหยของพวกมันจะไม่ปรากฏอยู่ในความโดดเดี่ยวใต้โหลแจกันอีกต่อไป แต่พวกมันก็คงต้องจมปรักอยู่ในความมืดมิดเช่นเดียวกัน แผกเพี้ยน...เพียงตกอยู่ภายใต้อำนาจของพื้นที่ต่างผิวสัมผัส เช่นเดียวกับตุ๊กตากระเบื้องของแอบบีย์ ผมเรือนทองเปื้อนเถ้าเขม่าของหล่อนจะหยักศกเป็นปรกติ ผิวขาวเผือดเคลือบรอยไหม้ขื่นหมองจะวางซ้อนอยู่ข้างใต้กรอบรูปลายวาดพระแม่อุ้มเด็กสาวเหนือหัวเตียงของคุณ

    ผมทราบดีหรอก- หากความแกร่งเลวของมันล้มลงเสียเมื่อไหร่ ผมก็จะเป็นคนหยิบมันขึ้นมาวางใหม่ได้เสมอเมื่อคุณออกจากห้อง ไม่ใช่เดลานีย์หรอกครับ

     

    ปล. ๑ ขอบคุณที่คุณไม่เป็นคนใจหนาและหูเบาเสียอยากริบคืนของที่ลืมไว้โดยบังเอิญ

    ปล. ๒ ผมจะไม่พูดอีกแล้วว่าผมคิดถึงความเรียงหน้ากระดาษ “ความรักที่บริสุทธิ์ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความรักที่ไม่ใช่แค่ความรักที่สวยงาม แต่เป็นความรักที่ทำให้คนรักได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริง” จากรอยที่คุณขีดทับไว้ ถึงผมจะไม่เคยเกริ่นลงไป...แต่ผมก็ใคร่ครวญถึงมันเสมอเลย

     

    เชิงอรรถ
    1. ^เค้กเนื้อนุ่มละมุนผสมชาเอิร์ลเกรย์สลับชั้นกับบัตเตอร์ครีมเอิร์ลเกรย์ และราดด้วยคาราเมลเค็มเพื่อเพิ่มรสชาติ

     

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in