หนังที่กวาดรางวัลมาแล้วหลายเวที หลายสาขา แถมตอนนี้ก็ทำสถิติขึ้นแท่นหนังที่ได้เข้าชิงออสการ์มากที่สุดถึง 14 สาขา เทียบเท่ากับ All About Eve ในปี 1951 และ Titanic ในปี 1998 ด้วย ได้รับคำชมมากมายแบบว่าถล่มทลาย แถมกระแสก็มาแรงเกินใคร เปิดรอบ sneak peek ให้ดูกันล่วงหน้ายาวเป็นอาทิตย์ เรียกว่าทุกอย่างมาดีมาก เพราะงั้นมันถึงได้ดึงความสนใจเราได้เยอะมาก เรียกได้ว่าเป็นหนังที่ตั้งตาคอยอย่างสุดๆ เลยล่ะ
แต่พอได้ไปดูจริงๆ แล้ว จะใช้คำว่าผิดหวังก็ไม่ถูก แต่มันแค่ไม่ว้าวขนาดนั้นในความรู้สึกเราอ่ะ TT ไม่ได้ประทับใจมากถึงขั้นหนังจบแล้วพูดถึงหนังได้เป็นสามวันเจ็ดวันไม่ยอมจบ (ซึ่งเราจะเป็นแบบนั้นเวลาชอบอะไรมากๆ) พอดูจบแล้วก็... "อ่า จบแล้ว" แล้วก็จบเลยแค่นั้น ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อ เราเลยค่อนข้างเฟลนิดๆ เพราะถึงแม้ว่าหนังจะดี แต่มันไม่แตะขีดความคาดหวังที่เราวางเอาไว้อ่ะค่ะ
La La Land เป็นเรื่องราวความรักของมีอา (เอ็มม่า สโตน) หญิงสาวผู้มีความฝันว่าวันหนึ่งจะต้องเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงให้จงได้และเซบาสเตียน (ไรอัน กอสลิ่ง) นักดนตรีตกอับ (นิดๆ) ที่คลั่งไคล้ในดนตรีแจ๊สและใฝ่ฝันว่าอยากจะเปิดคลับแจ๊สเป็นของตัวเอง ถึงแม้ว่าการพบกันครั้งแรกของทั้งคู่มันจะไม่สวยหรูเอาซะเลย แต่เรื่องราวหลังจากนั้นมันช่างไม่ต่างอะไรจากความฝันเลยแม้แต่นิดเดียว
เราชอบที่หนังบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปตามฤดูกาล เริ่มจากฤดูหนาวที่ทั้งคู่ยังไม่รู้จักกันและต่างคนต่างเคว้งคว้างไปกับความผิดหวังที่ต้องเจอ แล้วก็ได้มาเริ่มทำความรู้จักกันในฤดูใบไม้ผลิที่เปรียบได้เหมือนกับการเริ่มต้นใหม่ ความรักสดใสเบิกบานไปกับฤดูร้อน ก่อนจะค่อยๆ ร่วงโรยด้วยปัญหาไม่ต่างอะไรกับฤดูใบไม้ร่วง เป็นการเรียงไทม์ไลน์ที่เก๋และมีเสน่ห์มาก
ถ้าจะบอกว่า La La Land เป็นหนังขายฝัน... จะเรียกแบบนั้นก็ว่าได้ค่ะ เพราะภาพในหนังสวยมาก ทั้งสี ทั้งมุมกล้อง ดูแล้วก็ชวนฝันอย่างบอกไม่ถูก แถมยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่มีฝันทั้งหลายให้ไม่ยอมแพ้กับความฝันของตัวเองด้วย
แต่ความชวนฝันที่ว่า มันเป็นความฝันที่โลดแล่นอยู่บนความเป็นจริงค่ะ
เหมือนว่าเรากำลังลอยเคลิ้มอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็ถูกความจริงฉุดกระชากลงมาคลุกฝุ่นไม่รู้ตัว
โดนตบหน้ากันแบบนี้เลยล่ะค่ะ มันอาจจะฟังดูไม่ค่อยดี แต่เราโคตรชอบเลยอ่ะ 555555555555555
ถึงจะชมมาซะเยอะ แต่เราค่อนข้างจะเรื่อยๆ เอื่อยๆ กับตัวหนังนะ มีที่ชอบมากจริงๆ สามซีน เป็นซีนที่ทะเลาะกันแล้วสอง แล้วก็ตอนจบ แค่นั้นก็หมดแล้วค่ะ ส่วนเรื่องเพลงประกอบ ถึงจะเป็นหนัง musical ที่มีเพลงประกอบเยอะ แถมแจ๊สก็เป็นแนวเพลงที่เราชอบมากด้วย แต่เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยจะถูกจริตเราเอาซะเลยอ่ะค่ะ ที่เป็นดนตรีแจ๊สเพียวๆ อ่ะดี แต่เพลงอื่นๆ ที่มีเนื้อร้องนี่เฉยมาก มีแค่เพลง Audition (The Fools Who Dream) เพลงเดียวที่พอจะถูกใจอยู่บ้าง
ส่วนในเรื่องของการแสดง เราไม่มีอะไรจะติค่ะ แต่ขอชมไรอัน กอสลิ่งเป็นพิเศษนิดนึงเพราะเล่นเปียโนได้เนียนมากๆ ไม่มีตรงไหนที่ดูแล้วขัดตาเลย ถ้าไม่บอกต้องคิดว่าเป็นคนที่เล่นเปียโนเป็นอยู่แล้วแน่ๆ
เพราะงั้นสรุปคร่าวๆ La La Land เป็นหนังที่เราแนะนำให้คนที่ชอบหนังรักหรืออะไรชวนฝันไปดูค่ะ มันโรแมนติกดีมากจริงๆ
La La Land เข้าชิงออสการ์ 2017 ทั้งหมด 14 สาขา ได้แก่
แล้วก็คว้าไปได้ถึง 6 สาขา คือ
**SPOILER ALERT**
ความรัก เงิน ความฝัน ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วมันไปด้วยกันไม่ค่อยได้จริงๆ นั่นแหละนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in