เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Movie Review | ดูแล้วมาเล่าtortuewaii
[Review (มั้ง)] Hidden Figures | ทีมเงาอัจฉริยะ (10/10)


  • หนังที่ครบรสสุข เศร้า ฮา ซึ้งถ้าไม่ให้เต็ม 10 ก็ไม่รู้จะยังไงแล้วววววววววววววววว

    Hidden Figures เป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริงโดยเป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราวของผู้หญิงผิวสีสามคนได้แก่ แคทเธอรีน จอห์นสัน (ทาราจิ พี. เฮนสัน) โดโรธี วอห์น (ออคทาเวีย สเปนเซอร์) และแมรี่ แจ็คสัน (จาเนล โมเน่) ซึ่งทำงานอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนาซ่าในการส่งยานอวกาศพร้อมกับมนุษย์ขึ้นสู่วงโคจร (รวมถึงการส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรกได้สำเร็จในภายหลังด้วย) ซึ่งในช่วงนั้นอเมริกากำลังเครียดหนักเพราะรัสเซียซึ่งเป็นคู่ขั้วตรงข้ามสามารถส่งยานอวกาศขึ้นไปได้ก่อน แล้วก็ยังสามารถส่งมนุษย์คนแรกซึ่งก็คือ ยูริ กาการิน (อย่างที่เราได้เคยเรียนกันมา) ขึ้นไปได้ก่อนเป็นประเทศแรกอีกด้วย

    ช่วงปี 1961 นั้น บางรัฐของอเมริกาก็ยังคงมีการเหยียดและแบ่งแยกสีผิวอยู่อย่างชัดเจนแม้ว่ามันจะขัดต่อกฎหมายของรัฐบาลกลางก็ตาม คนผิวสีจะไม่มีสิทธิใช้ของร่วมกับคนผิวขาว จะมีห้องกินข้าวสำหรับคนผิวสี ก๊อกน้ำสำหรับคนผิวสี ห้องน้ำสำหรับคนผิวสี ถ้าจะขึ้นรถเมล์ร่วมกันคนผิวสีก็จะต้องนั่งที่เบาะท้ายเท่านั้น มีโรงเรียนที่ไม่รับคนผิวสี รับเฉพาะคนผิวขาวเท่านั้น ขนาดจะไปยืมหนังสือที่ห้องสมุดประชาชนก็ยังมีโซนแยกสำหรับคนผิวสีโดยเฉพาะเลยว่าจะอ่านจะยืมอะไรได้บ้าง แบ่งแยกกันเบอร์นั้นเลยล่ะค่ะ

    ที่นาซ่ามีผู้หญิงทำงานอยู่น้อยมากถ้าเทียบกับอัตราส่วนของผู้ชาย และผู้หญิงที่เป็นคนผิวสีก็ยิ่งมีน้อยไปกันใหญ่ เพราะในยุคสมัยนั้น นอกจากจะแบ่งแยกเรื่องสีผิวแล้ว แน่นอนว่าสิทธิสตรีเองก็ยังไม่เท่ากับในตอนนี้ ผู้หญิงยังคงโดนกดให้อยู่ต่ำกว่าผู้ชายโดยการมองว่าไม่มีความสามารถเท่า ยิ่งเป็นผู้หญิงที่เป็นคนผิวสีก็ยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดผู้ชายผิวสีก็ยังมองว่าผู้หญิงไม่มีความสามารถพอที่จะรับหน้าที่สำคัญๆ ได้เลย เห็นได้อย่างชัดเจนว่าอยู่ต่ำสุดของห่วงโซ่อาหารขนาดไหน ทั้งค่าแรง ทั้งสวัสดิการก็ไม่เท่าถึงแม้ว่าจะทำงานหนักเท่าๆ กับคนผิวขาวก็ตาม

    ซึ่งปัญหาที่ร่ายไปทั้งหมดนั่นก็เป็นสิ่งที่แคทเธอรีนต้องเจออย่างหนักเพราะเธอถูกเลือกให้เป็นคณิตกรของโครงการอวกาศซึ่งต้องรับหน้าที่สำคัญมากในการคำนวนตัวเลขต่างๆ แถมสีผิวและเพศสภาพก็เป็นตัวกีดกันอย่างหนักไม่ให้แมรี่ได้เป็นวิศกรอย่างที่ใจหวังทั้งที่ความสามารถของเธอมีีล้นเหลือเพราะไม่สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่นาซ่ากำหนดไว้ได้เพราะเป็นมหาวิทยาลัยของคนผิวขาว จะลงเรียนเพิ่มเพื่อเอาวุฒิก็ทำไม่ได้อีกเพราะโรงเรียนที่กำหนดไว้นั้นก็เป็นโรงเรียนสำหรับคนผิวขาว ส่วนทางด้านโดโรธีก็มีความสามารถทางด้านช่างและการตั้งโปรแกรม (เธอแอบเข้าไปตั้งโปรแกรมเครื่อง IBM ที่ขนาดคนของ IBM เองยังใช้ไม่เป็นเลยด้วยซ้ำให้ใช้งานได้ เจ๋งป้ะล่ะ) ซึ่งเธอพยายามอย่างมากที่จะขอเลื่อนตำแหน่งเพราะทุกวันนี้เธอต้องทำงานควบตำแหน่งหัวหน้าของเหล่าคณิตกรผิวสีแต่กลับไม่ได้ขึ้นเงินเดือนและสวัสดิการให้เหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบที่เธอต้องทำ

    ถึงแม้จะทำงานลำบากแต่เพราะว่ามีหัวหน้าดี ทุกปัญหาในการทำงานถึงได้คลี่คลายในที่สุด ถึงแม้จะมีกฎต่างๆ มากมายที่กีดกันผู้หญิง แต่อัล แฮร์ริสันที่เป็นบอสใหญ่ก็เห็นถึงความสามารถของแคทเธอรีนและมักจะอะลุ่มอล่วยให้เสมอเพราะเขามองว่าความสำเร็จนั้นเป็นสำคัญมากกว่าสีผิว ไม่ได้กีดกันเหมือนที่พอล สแตฟฟอร์ด หัวหน้าวิศวกรเป็น แถมยังสั่งพนักงานทุกคนไม่ให้แบ่งแยกสีผิวด้วย ไม่ให้แยกกาต้มน้ำ ไม่ให้แยกห้องน้ำ "เพราะที่นาซ่า ทุกคนฉี่เป็นสีเดียวกัน" 555555555555555

    จริงอยู่ที่หนังสร้างมาจากเรื่องจริง แต่ฟิลหนังมันไม่เครียดเลยค่ะ ออกจะตลกด้วยซ้ำ มีทั้งตลกร้ายที่ถึงแม้จะขำแต่ก็อดหดหู่ในใจไม่ได้และตลกจริงๆ มีหัวเราะ มีน้ำตา มีซีนปังๆ ที่ประทับใจเรามากอยู่หลายซีนซึ่งหนึ่งในนั้นคือซีนที่อัล แฮร์ริสันทุบป้ายห้องน้ำสำหรับคนผิวสีที่เราได้เห็นกันในทริลเลอร์ แต่ซีนที่เราชอบที่สุดคือซีนที่แคทเธอรีนระเบิดอารมณ์เรื่องห้องน้ำกับความคับแค้นใจทั้งหมดก่อนหน้านั้น มันเลยส่งผลให้แฮร์ริสันไปทุบป้ายห้องน้ำอย่างที่เห็นกัน

    ส่วนในเรื่องของความฮา ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับบทของโดโรธีและแมรี่ที่ช่วยดึงเอาไว้ เพราะสองคนนี้นี่สายฮาจริงๆ แถมยังแสบมากๆ ด้วย เวลาเข้าฉากอยู่ด้วยกันครบสามคนแล้วมันจะต้องมีอะไรให้ได้ขำตลอด แถมเราชอบออคทาเวีย สเปนเซอร์ (รับบทเป็นโดโรธี) มาตั้งแต่เรื่อง The Help แล้วด้วย (หนังที่เล่าเกี่ยวกับคนผิวสีที่ในยุคสมัยนั้นยังเป็นได้แค่คนรับใช้ในบ้านคนผิวขาว) ถึงบทเรื่องนี้จะไม่แสบถึงขนาดผสมขี้ในพายให้เจ้านายเก่ากิน แต่เรื่องนี้นางก็แสบไม่เบาเลยจริงๆ 555555555

    หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ได้ชิงออสการ์ 3 สาขา ได้แก่ 

    • ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
    • บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
    • นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม (ออคทาเวีย สเปนเซอร์)


    เพราะงั้นเดี๋ยวต้องมาลุ้นกันค่ะว่าจะชิงรางวัลไหนมาครองได้บ้างมั้ย แต่แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้ใจเราไปเต็มๆ เลยล่ะ <3 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in