Note: ชื่อเรื่องแบบคนคิดอะไรไม่ออกอีกแล้วในโลกใบนี้
**********
"อะ ให้"
จู่ ๆ แก้วชาเขียวนมพร้อมหลอดที่ใส่หูหิ้วพลาสติกก็ถูกยื่นมาตรงหน้าจุน
มันเป็นวันอังคารกลางสัปดาห์ที่อากาศร้อนใช้ได้ จุนที่วันนี้ต้องแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า ถ่อรถไฟมาเรียนก่อนเก้าโมงรู้สึกง่วงจนอยากขึ้นไปนอนในห้องสมุด แต่เพราะมีงานที่ต้องส่งก่อนบ่ายสองทำให้จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง งานก็จวนตัว หิวก็หิว แต่ก็ดั้นด้นปั่นงานอยู่หน้าคณะด้วยความคิดว่า จบงานนี้เสร็จจะวิ่งไปโรงอาหารทันทีเลย
แล้วก็เหมือนฟ้ามีตาหรืออะไรไม่รู้ จู่ ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้เอาชาเขียวมาวางตรงหน้า
จุนละสายตาจากชีตเรียนและหน้าจอคอมมามองตามมือที่ถือแก้วนั้น ชายหนุ่มตัวสูง––มาก สูงกว่าเขามาก ๆ เจ้าของตาโตและคิ้วพาดเฉียง เครื่องหน้าชัดเจนแบบที่เรียกได้ว่าหน้าตาดี ทั้งที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของนักศึกษาเหมือนกัน แต่กลับดูเหมือนนายแบบในเสื้อแบรนด์เนมราคาหลายหลัก
"...ให้เราเหรอ"
เขาถามกลับ แล้วเจ้าคนตัวสูงนั่นก็พยักหน้า
จุนหน้าเหวอ ทำไมจู่ ๆ ถึงมีคนเอาน้ำมาให้เขาอะ แล้วหมอนี่เป็นใครวะเนี่ย!
"จุน เสร็จยัง หิวแล้ว-– อ้าว โจ้ เอ๊ะ? รู้จักกันเหรอ"
สิบ, บุคคลที่จริง ๆ แล้วนั่งอยู่กับจุนจนถึงสิบนาทีที่แล้วกลับมาที่โต๊ะหน้าคณะพร้อมขนมถุงในมือ พอทักเขาแล้วหันไปเห็นคนข้าง ๆ ที่ยืนถือแก้วน้ำอยู่ก็อุทานด้วยความประหลาดใจ
โจ้? โจ้ไหนอีก
"เปล่าอะ" นายโจ้คนนั้นส่ายหน้า "แต่เห็นคนนี้นั่งทำท่าเหมือนอยากกินอะไรสักอย่างอยู่สักพักแล้วนี่เพิ่งซื้อน้ำมาให้เพื่อน แต่ดันจำเมนูผิด ก็คิดอยู่ว่าจะทำยังไง ผ่านมาเห็นเลยคิดว่าเอามาให้คนที่อยากกินดีกว่า"
"..."
อะไรของมันวะ
จุนขมวดคิ้ว ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรมีปฏิกิริยายังไงกับคำตอบยืดยาวของคนตรงหน้า
"เหตุผลอะไรของมึงวะ"
เป็นสิบที่พูดแทนใจเขา เพื่อนร่วมเอกที่สนิทที่สุดยิ้มขำ "นั่งก่อนไหม แล้วทำไมมาคนเดียว คณะมึงไม่ได้ใกล้เลยนะ"
ถึงกับขึ้นสรรพนามแบบนั้นได้ หรือจริง ๆ แล้วสิบกับนายโจ้อะไรนี่จะสนิทกัน
จุนมองซ้ายมองขวา เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองต้องพูดอะไรไหม และที่สำคัญ โจ้อะไรนั่นมันลงมานั่งม้านั่งถัดจากเขาตามคำชวนของสิบจริง ๆ
เดี๋ยวก่อน สิบ ดูหน้ากูก่อน ดู-หน้า-กู
"เรียนรวมไง ไม่งั้นจะมาทำไม คณะห่างไกลชาวบ้านขนาดนี้" โจ้พยักเพยิดไปทางอาคารสูงด้านหลังซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารเรียนรวมที่นักศึกษาจากหลายภาควิชาจะมีโอกาสได้มาเจอกันหลังจากวัน ๆ เอาแต่จมจ่อมอยู่ในคณะตัวเอง "เออ เราชื่อโจ้นะ"
ในที่สุดก็มีช่วงแนะนำตัว
"เราชื่อ จุน"
"ทำไมมึงมีเพื่อนที่ดูเรียบร้อยขนาดนี้วะสิบ" โจ้หันไปหาอีกคนที่กินขนมหน้าตาเฉยเสมือนว่าเมื่อครู่พวกเขาไม่ได้นัดกันว่าจะไปกินข้าวที่ร้านหน้ามหาวิทยาลัย
"มันดูเรียบร้อยเพราะยังไม่สนิทกันเฉย ๆ เหอะ" สิบเถียง "เออ โจ้เป็นเพื่อนกูตอนมัธยม มันเรียนการเงินฯ"
"ถึงจะดูไม่ค่อยเหมือนเด็กการเงิน แต่เรียนการเงินจริง ๆ แหละ" โจ้หัวเราะ
จุนได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ เพราะไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงกับคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่ถึงห้านาที แต่เอาน้ำมาให้เขา แถมมานั่งข้างกันเหมือนสนิทกันมาสิบปีคนนี้ดี
"กินน้ำได้นะ ให้จริง ๆ" โจ้ว่า เลื่อนน้ำเข้ามาใกล้ "เราว่าชาเขียวที่นี่ก็ไม่ได้แย่"
ด้วยความปรารถนาดีอยากให้เขาได้กินน้ำไว ๆ มือใหญ่ของโจ้เอกการเงินเลื่อนแก้วน้ำมาอย่างรวดเร็ว ทว่าวันนี้คงเป็นวันซวยของจุนจริง ๆ
"เหี้-"
เพราะแก้วดันไปชนขอบเอกสารแล้วทุกอย่างในนั้นก็เทลงใส่โต๊ะหมดเลย
จุนอยากตาย ขอเขาหลับไปแล้วฟื้นมาว่านี่เป็นแค่ความฝันได้ไหม
**********
ช่างเป็นการพบกันครั้งแรกที่น่าประทับใจ
โชคดีว่ามีไฟล์บางอย่างในคอมที่เขายกออกทันมันเลยไม่เสียหายตามชีตเรียนไปด้วย ถึงจะต้องเสียเวลาไปถ่ายเอกสารใหม่เพราะเลอะจนอ่านไม่ออก แต่นายโจ้นั่นก็บอกว่าจะออกค่าใช้จ่ายให้
ในความเหี้ยอะไรเนี่ยของวันนี้ ก็ยังมีเรื่องดี ๆ อยู่นิดหน่อย...มั้ง?
จุนปลง เขาส่งงานไปแล้วเรียบร้อย ตอนนี้อยากกลับไปนอนที่ห้องจะแย่ ส่วนสิบที่กินขนมอิ่มแล้วก็เทเขาไม่กินข้าวเที่ยงด้วย เพราะมีเรียนต่อ ช่างน่าโมโห
สุดท้ายจุนเลยต้องมายืนรอข้ามถนนคนเดียว แผนการหลังจากนี้คือแวะซื้อข้าวกล่องกลับไปกินที่หอพัก แล้วหลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกทีว่าจะออกไปไหนต่อไหม
ทันใดนั้นเอง แดดบ่ายที่รู้สึกว่าเริ่มร้อนจนแสบผิวก็หายไป แทนที่ด้วยร่างสูงใหญ่ของคนที่เขาเพิ่งเจอเมื่อไม่กี่สิบนาทีก่อนยืนอยู่ข้าง ๆ
"จุน"
"...อะไร"
"โห เสียงแข็งเลย ขอโทษนะ" อีกฝ่ายทำหน้าสำนึกผิดจากใจจริง "เดี๋ยวเราไปถ่ายเอกสารให้ ไม่ต้องห่วงนะ"
"...ห่วงหนักกว่าเดิมอีก"
โจ้กะพริบตาปริบ ๆ ใส่เขา ทำหน้าเหมือนลูกหมาจะโดนทิ้ง
จุนถอนหายใจ "ช่างเหอะ แค่รับผิดชอบตามที่บอกก็พอ เราไม่ติดใจอะไรหรอก"
"งั้นไปกินข้าวกัน"
"...ฮะ"
อะไรวะ
ความสัมพันธ์มันจะรุดหน้าเร็วเกินไปไหม เพิ่งรู้จักกันยังไม่ถึงชั่วโมงเลยนะ
"ร้านในสถานีก็ได้ อากาศร้อนอะ แวะกินข้าวก่อนเถอะ" โจ้โน้มตัวเข้ามาใกล้เขา "หน้าเริ่มซีดแล้วนะ ไม่ได้กินอะไรเลยดิ"
เขายกมือขึ้นตะปบหน้าตัวเองทันที แต่มันจะไปรู้สึกอะไรได้ยังไงกันล่ะ พอหันควับไปทางคนข้าง ๆ ก็เห็นโจ้ยิ้มกว้างอยู่
ยิ้มอะไรวะ
ถึงจะอยากหนีจากสถานการณ์ที่แสนทำตัวไม่ถูกนี่กลับห้องไว ๆ แต่ความหิวไม่ปรานีเลย จุนหิวจริง ๆ เขารู้สึกแข้งขาอ่อนแรงเพียงแค่เดินข้ามถนนแล้วเจอแดดจัด เป็นโจ้ที่ไม่รู้เอาร่มจากไหนมากางแล้วเรียกเขามาเดินด้วยกัน
"เดี๋ยวเป็นลมแดดก่อนถึงห้องหรอก"
"...ขอบคุณ"
เออ ก็ไม่ใช่คนไม่ดีสักเท่าไหร่หรอก แค่วิธีเข้าหาตอนแรกมันแปลก ๆ ไปหน่อย
จุนปลอบใจตัวเอง พวกเขาพากันเดินเข้าสถานี แวะหาข้าวกินแถวนั้น ร้านในสถานีไม่ได้มีที่นั่งมาก พวกเขาเลยเลือกนั่งม้านั่งใกล้ ๆ จุนซื้อข้าวปั้นสองก้อนมากิน ส่วนโจ้กลับมาพร้อมติ่มซำเซ็ตใหญ่และซาลาเปา
"กินด้วยกันได้นะ"
แล้วทำไมชอบแบ่งของกินจังวะ
จุนสงสัยขึ้นมา
"แบ่งของกินให้อีกแล้ว"
พอเขาพูด โจ้ก็ชะงักมือที่กำลังจะส่งซาลาเปาเข้าปาก คนตัวสูงทำท่าคิดเล็กน้อยก่อนว่า
"ก็ คนเราต้องกินนี่นา ถ้าไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงแล้วมันเป็นของอร่อย ก็อยากให้ทุกคนได้กิน"
"ใจดีจัง"
"กับบางคนแหละ"
ฮะ?
จุนไม่แน่ใจว่าประโยคท้ายโจ้พูดอะไรเพราะมันเบามาก แล้วโจ้ก็ชิงยัดซาลาเปาทั้งลูกเข้าไปก่อน คงใช้เวลาอีกหลายนาทีกว่าจะตอบเขาได้
เขาได้แต่ส่ายศีรษะไปมา สงสัยจะหิวและง่วงเกินไปถึงได้หูไม่ค่อยดี รีบกินรีบกลับไปนอนดีกว่า
*********
แต่เหมือนพระเจ้าจะยังไม่สาแก่ใจกับชีวิตของเขา
"...นี่หอโจ้อยู่ตรงไหนน่ะ"
เขาน่าจะรู้สึกได้ตั้งแต่ที่พวกเขาลงสถานีปลายทางเดียวกัน แถมยังเดินออกประตูเดียวกัน แล้วจนถึงตอนนี้
"อ๋อ หอนี้แหละ"
ก็ยังมายืนหน้าหอพักเดียวกัน
จุนอ้าปากค้าง ขณะที่โจ้มองเขางง ๆ แล้วก็ทำหน้าอ๋อ
จุนรู้สึกเหมือนจู่ ๆ คนที่โคจรกันอยู่คนละระบบก็ถูกเคราะห์กรรมหรืออะไรสักอย่าง เบี่ยงวิถีโคจรให้มาอยู่ใกล้กันจนแทบจะติดกันอยู่แล้ว
"อ๋อ ถ้ามีอะไรมาหาเราได้นะ เราอยู่ห้อง 812" โจ้ยิ้มกว้างให้เขา "ขึ้นลิฟต์ไปด้วยกันเลยไหม"
เขารอจนโจ้ขึ้นลิฟต์ไป จึงกดลิฟต์อีก เมื่อเข้าไปในลิฟต์ กดเลข 7 รอจนมาถึงชั้นนั้น จุนเดินไปตามทางเดิน แล้วหยุดยืนหน้าห้องของตัวเอง
- ไม่รู้ว่าจะมีต่อไหม เพราะจริง ๆ แค่นึกอะไรขึ้นมาได้เลยเขียน ๆๆๆๆ ไม่ได้มีพล็อตมีอะไรเลยแต่อย่างใด
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in