Title: We Can't Be Friend with Our Ex.
Rating: PG
Fandom: NCT
Categories: M/M
Relationship: TEN&DOYOUNG
Characters: JOHNNY, TEN, DOYOUNG, JAEHYUN
เคยมีคนบอกเขาว่า คนเรามักไม่รู้ตัวว่ามีของสำคัญอยู่ จนกว่าจะสูญเสียมันไป
โดยองคิดว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเผชิญสถานการณ์เช่นนั้นอยู่
แจฮยอน: พี่จะไม่มาจริง ๆ เหรอ
ข้อความสั้น ๆ จากรุ่นน้องปรากฏขึ้นบนหน้าจอ โดยองมองมันอยู่ครู่หนึ่ง และจมจ่อมกับความหมายเบื้องหลังประโยคนั้นอยู่นานพอจนไม่รู้สึกแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่
“เฮ้ย ทำไมยังอยู่ตรงนี้”
เป็นจอห์นนี่ที่เขามาทักเขา โดยองกะพริบตาปริบ ๆ เหมือนเพิ่งระลึกได้ว่าตัวเองนั่งอยู่กลางห้องโถงของคณะมาจะสิบนาทีแล้ว และคาบเรียนต่อไปกำลังจะเริ่มในอีกห้านาที
“ไม่ได้ไปส่งเตนล์เหรอ”
คำถามซัดเข้ามาอีกรอบ
โดยองฝืนขยับรอยยิ้ม
“ไม่อะพี่ ไปทำไม ต่างคนต่างก็บล็อกกันไปหมดแล้ว”
“ไม่เก็ตว่ะ ก็เคยเป็นเพื่อนกันนี่”
“คนเกาหลีไม่เป็นเพื่อนกับแฟนเก่านะพี่”
“อเมริกันไม่เข้าใจแฮะ” จอห์นนี่ถอนหายใจ “จะด่าเรื่องเก่า ๆ ก็คงเสียเวลา แต่ถ้าไม่ไปตอนนี้ก็ไม่รู้จะเจออีกเมื่อไหร่นะ”
“มันแค่กลับไทยปะพี่”
“มันจะไปเรียนต่อที่อังกฤษกับน้อง อยู่ตั้งหลายปี”
ความจริงที่ฟาดเข้าหน้าอย่างกะทันหันทำให้ไปไม่เป็นอีกรอบ โดยองไม่เคยรู้เรื่องนี้ เขารู้แค่เพียงว่าเตนล์จะกลับไทนแล้ว ไม่ได้รู้ว่าหลังจากนั้นอีกฝ่ายจะไปทำอะไรที่ไหนยังไงต่อ ก็ไม่แปลก เพราะตั้งแต่ที่เลิกกันไป พวกเขาก็ตัดความสัมพันธ์กันทุกทาง
“แค่ความเป็นเพื่อนก็ให้กันไม่ได้เหรอ”
“แกเป็นเพื่อนกับคนที่เคยจูบแกได้จริง ๆ เหรอ เตนล์”
“…”
“แค่นั้นแหละ”
“เออ”
“ก็ให้มันจบไป”
“…ก็ให้มันจบไป”
จอห์นนี่มองเขาที่พึมพำแล้วถอนหายใจ
“อีกชั่วโมงจะเช็กอิน ถ้าจะไปส่งก็ยังทันนะ”
“ผมมีเรียนน่ะ”
คนเป็นรุ่นพี่กลอกตา
“ไม่ได้สนับสนุนให้โดดเรียนนะ แต่เรียนยังมีคนคอยจดให้ ยังตามได้ แต่เรื่องบางเรื่องอะ พลาดไปแล้วก็คว้าจับมันกลับมาไม่ได้อีกเลยนะ”
“…”
ชายหนุ่มตัวสูงวางมือลงบนไหล่เขา ตบเบา ๆ
“คิดดี ๆ คิมโดยอง”
“คิดอะไรอีกพี่”
“ถ้ามันเป็นโอกาสสุดท้าย แกก็กำลังจะพลาดจริง ๆ”
จอห์นนี่เดินจากไปแล้ว ขณะที่เขายังนั่งอยู่ที่เดิม
นาฬิกาบอกเวลาเข้าเรียนแล้ว โดยองลุกจากโต๊ะอย่างคนตัดสินใจได้
“เหม่ออะไรอีกพี่”
เสียงเรียกของรุ่นน้องทำให้เตนล์ละสายตาจากร้านกาแฟสีเขียวเข้มกลับมา รุ่นน้องตัวสูงที่ยืนดูดลาเต้เย็นท่าทางสบายใจกะพริบตาปริบ ๆ มองเขา แววตาดูกังวล แต่ก็เหมือนคิดได้ว่าไม่ควรพูดอะไรออกมา
เตนล์ถอนหายใจ เผลอยิ้มออกมา
“เห็นร้านนี้แล้วคิดถึงเมนูหวาน ๆ ที่โดยองชอบ ไม่มีอะไรหรอก”
“…อ่อ”
แจฮยอนอ้าปากค้าง รู้สึกกาแฟในปากจะขมกว่าปกติไปสักหน่อย แต่เมื่อพี่เตนล์ไม่มีท่าทางอย่างอื่นนอกจากหวนระลึกถึงความหลังในทางที่ดีอีก เขาก็ไม่รู้ว่าต้องปลอบอะไรหรือเปล่า
แจฮยอนหยิบมือถือขึ้นมาดู ข้อความที่ส่งไปให้โดยองยังไม่มีการตอบกลับใด ๆ ไม่รู้ว่าอ่านหรือยังด้วย อาจจะอ่านผ่านแจ้งเตือน เขาเลยกดเข้าไปดูข้อความจากพี่จอห์นนี่
พี่จอห์นนี่: ช่วยได้เต็มที่แล้ว
พี่จอห์นนี่: กำลังไปสนามบิน
“อังกฤษเวลาต่างกับที่เกาหลีกี่ชั่วโมงนะ”
เตนล์พึมพำขึ้นมา ทำเอาแจฮยอนสะดุ้ง
“ครับ? อ๋อ... ไม่แน่ใจ ขอผมดูแป๊บ” เขาไถ ๆ มือถือดูเวลา “เก้าแหละ ที่นี่เร็วกว่าเก้าชั่วโมงเลย”
“เก้าเหรอ”
คนตัวเล็กกว่าถอนหายใจ แล้วเงียบไป
ไอ้ฉิบหาย ยังไงดีเอ่ย นี่เศร้าหรือเปล่า ต้องปลอบไหม หรือปล่อยไปเดี๋ยวก็หายเอง จองแจฮยอนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ให้เขาเลือกว่าชอบอะไรมากกว่ากันระหว่างพิซซ่าเป็ปเปอโรนี่กับฮาวายเอี้ยนยังไม่ยากขนาดนี้เลย
ไม่สิ อาจจะยากพอกัน
“แจฮยอน ซื้อกาแฟให้พี่หน่อยสิ”
“ครับ?”
จู่ ๆ เตนล์ก็เปลี่ยนเรื่อง สั่งเมนูมาให้เขาพร้อมยื่นเงินมาให้ด้วย
“เงินวอนก้อนสุดท้ายแล้ว เดี๋ยวคงไม่ได้ใช้แล้วล่ะ”
“…”
ท่าทางที่เหมือนอยากจะตัดขาดจากสถานที่แห่งนี้ทำเอาคนฟังจุกขึ้นมา แต่ก็ยอมวิ่งไปซื้อกาแฟอีกแก้วให้คนที่จะเช็กอินอยู่รอมร่อ
แจฮยอนกลับมาพร้อมกาแฟอีกแก้วในมือ จอห์นนี่มาถึงแล้วและกำลังคุยกับเตนล์เป็นภาษาอังกฤษที่เร็วกว่าปกติ ทำเอาคนที่นาน ๆ จะใช้ภาษาอังกฤษทีอย่างเขาจับใจความไม่ได้ แต่สองคนนั้นก็หยุดทันทีที่เห็นเขาเข้ามาในคลองสายตา
ไม่ได้กำลังนินทาอะไรใช่ไหม...
“กาแฟครับ”
เตนล์รับกาแฟไปจากมือเขา จอห์นนี่มองแก้วกาแฟนั้น แล้วหันมามองหน้าเขา ท่าทางเหมือนกำลังจะถามผ่านสายตาว่า ‘นี่มันอะไร’ ด้วยน้ำเสียงที่ใกล้เคียงกับการตำหนิ (ถ้าสายตามันมีเสียงก็คงเป็นแบบนั้น)
แจฮยอนกะพริบตาปริบ ๆ ตอบ
“ขอบใจนะ”
เตนล์ว่าแล้วก้มหน้าดูดกาแฟผ่านหลอด แต่ทันทีที่รสหวานของกาแฟแผ่ในปาก เขาก็ชะงัก
คนอายุน้อยที่สุดในวงสนทนายังคงงงต่อไป ส่วนจอห์นนี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“…หวานขนาดนี้ มันกินได้ไงวะ” เตนล์พึมพำ
‘มัน’ ไหน ก็คงไม่ต้องเดา แจฮยอนพอจะเข้าใจท่าทางที่เหมือนอยากดุเขาของจอห์นนี่แล้ว แต่เขาไม่ผิดสักหน่อย ก็เตนล์เป็นคนบอกให้เขาไปซื้อนี่หว่า
ใครจะคิดว่าซื้อมารำลึกความหลัง
“ซื้ออเมริกาโน่ให้พี่หน่อยสิ”
คราวนี้จอห์นนี่หันมาหาเขา แจฮยอนกลอกตา
“ไปซื้อเองเลย ผมวิ่งไปวิ่งมาสองรอบแล้วนะ”
“ซื้ออเมริกาโน่ให้พี่แก้วหนึ่ง แล้วซื้อขนมอะไรมาก็ได้ พี่เลี้ยง”
“…ก็ได้”
แจฮยอนวิ่งกลับไปที่ร้านกาแฟอีกรอบ
เตนล์มองน้องที่วิ่งออกไปแล้วหันไปหาจอห์นนี่
“หลอกน้อง”
“หรือจะให้ฉันพูดต่อหน้าแจฮยอน ก็ได้นะ”
“อะไรอีก ยังไม่จบหรือไง”
“ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตัดขาดกันขนาดนั้น”
“Johnny. It’ s him, who wanted to cut me out of his life. I did nothing. I just leave when the time comes, and THIS IS THAT TIME.”
“Why don’ t you to make things clear before you go?”
“Actually, it’ s none of your business.”
จอห์นนี่หน้าตึงขึ้นมา เตนล์รีบพูดต่อ
“ผมรู้ว่าว่าพี่ห่วง แต่ดึงดันฝ่ายเดียวไม่มีประโยชน์ ถ้าเขามูฟออน ผมจะปล่อยตัวเองอยู่ตรงนั้นต่อไปเหรอ ไม่ได้หรอก ผมก็แค่เดินต่อ เหมือนที่เขาทำ”
“มันไม่ได้เดินต่อ”
“ไม่จริง”
“แกเห็น เตนล์ โดยองไม่ได้ไปไหน มันอยู่ที่เดิม แกก็ด้วย”
เตนล์วางแก้วกาแฟรสหวานจัดในมือลงบนกระเป๋าเดินทางของตัวเอง
“เลิกกันไปจะปีแล้วนะ ทำใจไม่ได้สักทีก็กลับมาหากันไหม”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่พี่ต้องมาพูดแทนโดยองอยู่ดี”
“แปลว่าถ้ามันพูดเองก็จะกลับไปเหรอ”
เตนล์ถอนหายใจอย่างอึดอัด
“พี่ พอเถอะ ให้มันเป็นเรื่องดี ๆ ในอดีตก็พอ อย่าขุดขึ้นมาเลย ให้พี่กับแจฮยอนเป็นเหตุผลที่ผมยังอยากกลับมาที่นี่เถอะ ไม่อย่างนั้นก็คงไม่ต้องเจอกันอีกแล้ว”
จอห์นนี่ยกมือขึ้นขยี้ผมจนไม่เป็นทรง
เขารู้ว่าเตนล์ไม่ได้พูดขู่ บทจะใจแข็งรายนี้ก็ยิ่งกว่าเพชร ตอนที่ตัดขาดจากโดยองก็ตัดทุกช่องทางจริง ๆ ตามที่สองคนนั้นตกลงกัน ไม่มีการติดต่อกันอีก แม้ต่างฝ่ายจะต่างคิดถึงกันจะตายก็ตาม
แจฮยอนกลับมาพร้อมอเมริกาโน่และแซนด์วิชชิ้นใหญ่ หน้าตามีความสุขกับของกินชะงักค้างเมื่อเห็นบรรยากาศกระอักกระอ่วนระหว่างพี่ชายทั้งสอง เขายื่นอเมริกาโน่ให้จอห์นนี่ที่พึมพำขอบคุณตอบ แล้วหันไปชวนเตนล์คุย
“สรุปพี่ไปอังกฤษเดือนไหน”
“อีกสามเดือนมั้ง ขออยู่กับที่บ้านก่อน”
“ดีอะ อยากไปเรียนต่างประเทศบ้าง”
เตนล์พยักเพยิดมาทางคนตัวสูงที่สุดในกลุ่ม
“ชิคาโก้ดิ”
“เหอะ เบื่อคนชิคาโก้”
แล้วก็โดนมะเหงกเบา ๆ จากคนชิคาโก้ตัวจริง
ไม่กี่นาทีถัดมาก็ถึงเวลาเช็กอิน จอห์นนี่ยกข้อมือดูนาฬิกาหลายรอบจนเตนล์ขมวดคิ้ว
“มีอะไรปะ พี่จะไปไหนต่อเหรอ”
“เปล่า แค่กลัวแกสาย” จอห์นนี่ว่า “ไปดิ เคาท์เตอร์เปิดแล้ว”
เตนล์พยักหน้ารับ พอพูดว่า “เดี๋ยวมา” แล้วก็ลากกระเป๋าเดินทางไปพร้อมกับกาแฟหวานจัดที่เจ้าตัวจิบ ๆ อยู่ตลอดการสนทนา
แจฮยอนหันไปหาคนที่ท่าทางลุกลี้ลุกลน
“พี่โดยองจะมาไหมเนี่ย”
“ไม่รู้เลย แล้วแต่พระเจ้าแล้วล่ะ”
แจฮยอนเม้มปาก
“พวกเราแม่งยุ่งไม่เข้าเรื่องปะวะ พี่จอห์นนี่”
“ทำไม”
คนอายุน้อยกว่าขมวดคิ้ว
“มันควรจะเป็นเรื่องของคนสองคนหรือเปล่า เราไม่เกี่ยวอะไรในความสัมพันธ์ของเขาเลยนะ”
คนฟังบีบไหล่คู่สนทนาเบา ๆ
“มันคงเป็นของขวัญส่งท้ายเพื่อนล่ะมั้ง”
พวกเขาได้แต่มองหน้ากันอย่างมีความหวัง
เตนล์เช็กอินที่เคาท์เตอร์และปล่อยกระเป๋าไหล่ไปตามสายพานเรียบร้อย เขามองที่นั่งในตั๋วเดินทางและเวลาบอร์ดดิ้งอีกรอบเพื่อความแน่ใจ ก่อนจะเก็บตั๋วและพาสปอร์ตใส่กระเป๋า เตรียมจะเดินกลับไปหาเพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้องที่น่าจะรออยู่ที่เดิม
แต่คนที่ยืนรอเขาอยู่กลับเป็นคนที่เขาคิดว่าชีวิตนี้คงไม่เจอกันอีกแล้ว
เพราะมันเลือกตัดเขาออกไปจากชีวิตก่อนเอง
“…ไง”
เขาทักทายเสียงเรียบกว่าที่ตัวเองคิด โชคดีที่เพิ่งทิ้งแก้วกาแฟรสชาติหวานเหมือนกินเสร็จแล้วจะตัดขาทิ้งได้ไป ขณะเงยหน้าสบตากับคนที่ยืนนิ่งเหมือนลืมรอยยิ้มทิ้งไว้ที่บ้าน
คิมโดยอง
“บินกี่โมง”
คำถามสั้น ๆ
“สี่โมงเย็น”
โดยองยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“อีกสองชั่วโมง?”
“อืม”
“…รอตรงนี้”
แล้วก็เดินผ่านเขาไปอีกทาง เตนล์มองตามอย่างสงสัย คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน สังหรณ์ใจแปลก ๆ ว่าโดยองจะทำอะไรที่ทำให้เขาช็อกจนพูดไม่ออก
ว่าแต่ไอ้สองเจนั่นหายไปไหนแล้ว
เตนล์ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเกือบนาที แล้วนึกได้ว่าตัวเองไม่ควรยืนรอ เขารีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามโดยองไป ก่อนจะอ้าปากค้างจนพูดไม่ออกจริง ๆ เมื่อพบว่าโดยองเดินไปที่เคาท์เตอร์
เพื่อซื้อตั๋วเครื่องบิน
“…เดี๋ยว นั่นจะทำอะไร”
โดยองไม่ตอบ ยกมือห้ามไม่ให้เขาพูดแล้วหันไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่เคาท์เตอร์ เตนล์ได้แต่ยืนมองจนอีกฝ่ายได้ตั๋วมาไว้ในมือ
“ไปด้วยนะ”
“…อะไรนะ”
ไม่มีเวลาให้เตนล์อึ้งนาน โดยองพาเขามายืนตรงใกล้ ๆ กับทางเข้าด่านตรวจคนฯ แต่ตอนนี้เตนล์เหมือนไม่ค่อยมีสติ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองฟังที่โดยองพูดถูกต้อง
“อีกรอบซิ ตะกี้ทำอะไร”
“ซื้อตั๋วไง”
“ซื้อทำไม”
“ก็จะไปไทยด้วย”
“…ไปทำไมเนี่ย”
เตนล์เหวอ มั่นใจว่าหน้าตาตัวเองตอนนี้ต้องตลกมากแน่ ๆ
“ไปง้อ”
“…”
น้ำตาจะไหล ผ่านมาจะปีแล้วแม่งเพิ่งนึกได้เหรอว่าต้องทำยังไง
เตนล์ขมวดคิ้ว
“ไม่ต้อง ไม่ให้ไป”
“ซื้อตั๋วแล้ว เป็นเจ้าของประเทศเหรอถึงห้ามเราเข้า”
“ง้อไม่สำเร็จหรอก ไม่ต้องไปเลย”
“ไม่ ขอลองก่อน”
“แล้วจะมาลองอะไรตอนนี้” เตนล์สวน “ตลอดเกือบปีที่ผ่านมาโง่อะไรอยู่ตั้งนาน”
“…”
“พูดเองนี่ว่า ‘ก็ให้มันจบไป’ เลือกจะบล็อกเราทุกทางเองนี่ กันเราออกจากโลกของตัวเองเอง แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากให้เรากลับไปอีก เพิ่งนึกได้เหรอว่าจะเสียเราไปจริง ๆ แล้ว”
“…”
“ไม่ดิ แกเสียเราไปตั้งนานแล้ว ไม่ทันแล้ว”
เตนล์เสียงสั่น เขามองหน้าคนตรงหน้าไม่ได้
“ขอโทษ”
ในที่สุดโดยองก็เอ่ยปาก
“เอาแต่คิดว่ายังไงก็คงได้เจอ ยังไงก็คงมีโอกาสกลับไปหาแกได้อีก คิดแบบนั้นทั้งที่เป็นคนตัดแกออกจากชีวิตเราเอง”
“…”
“เพิ่งรู้ว่าตอนที่มีแกอยู่ชีวิตมันดีมาก ๆ อะ พอไม่มีแกแล้วเราโคตรเคว้งเลย คิดว่าจะทนได้ แต่พอตอนที่รู้ว่าแกต้องไปจากเราจริง ๆ ...” เตนล์ได้ยินเสียงกลั้นก้อนสะอื้นมาจากคนตรงหน้า “ขอโทษ ขอโทษที่รู้สึกตัวช้า”
กลายเป็นว่าเขาเสียเองที่ร้องไห้ไม่ออก คิมโดยองตรงหน้าเขาเปลี่ยนไปจากคนที่พบกันตอนวันที่บอกเลิก ไม่ได้มีท่าทีแข็งกร้าวอยากเอาชนะ ไม่ได้มีท่าทีอยากลบเขาออกจากสายตา เป็นคิมโดยองที่อ่อนแอจนเขาต้องเดินเข้าไปกอด
“…บอกแล้วว่าอย่างน้อยก็ให้เหลือความเป็นเพื่อนบ้าง”
“จะเป็นเพื่อนได้ยังไงถ้าเห็นหน้ากันแล้วยังอยากจูบกันอยู่วะ”
เตนล์ถอนหายใจ หมดคำจะพูดกับไอ้บ้านี่จริง ๆ
“แล้วยังไง ไม่เป็นเพื่อนแล้วจะไปไทยกับเราในฐานะอะไร แฟนเก่า?”
โดยองผละออกจากการซบไหล่เขา นัยน์ตาคู่นั้นยังแดงระเรื่ออยู่ เหมือนกระต่ายจนเตนล์อยากบีบแก้ม
“ไม่ใช่”
“…”
“ไม่เป็นแฟนเก่า กลับมาคบกันตอนนี้ได้ไหม วินาทีนี้เลย”
“…ไม่”
เตนล์ตอบสั้น ๆ
โดยองอ้าปากค้าง
“…ทำไม”
“ยังจะถามอีกเหรอ ไม่ใช่ตอนนี้” เตนล์อยากตบกบาลอดีตแฟนตัวเองจริง ๆ “จู่ ๆ จะกลับไปคบทั้งที่ห่างกันไปเป็นปีน่ะเหรอ”
“ยังไม่ถึงปีสักหน่อย”
“สนใจด้วย?”
“สนดิ สนหมดแหละ แค่ทำเป็นไม่สนใจ”
“ปากดี ปากแบบนี้แหละทำให้ไม่อยากกลับไปคบเนี่ย”
“…ขอโทษ”
เตนล์มองสีหน้าหงอย ๆ ของคนตัวสูงกว่าแล้วก็อดคว้ามือไปลูบหลังมืออีกฝ่ายเบา ๆ ไม่ได้ เขาชอบทำเวลาโดยองท่าทางไม่สบายใจ
“เลิกหงอย ถ้าจะง้อก็ทำตัวดี ๆ”
“…ได้”
“แล้วจะไปไทยอะ ไม่เอาสัมภาระอะไรไปเลยหรือไง”
“มีเงินไง”
“…เกลียดคำตอบว่ะ”
“อ้าว ก็จริง ไว้ไปซื้อ ที่ไทยของไม่ได้แพงสักหน่อย”
“จ้า นายคิม” เตนล์กลอกตา “เออ ขออะไรอย่างได้ไหม”
“ได้หมด ตอนนี้ขออะไรก็ได้ทั้งนั้น”
เตนล์ทำเสียง ‘หึ’ เบา ๆ
“เลิกกินไอ้กาแฟบ้านั่นสักที หวานแสบคอขนาดนั้น กินเข้าไปได้ยังไงทุกวัน”
“…ปกติแกไม่กินนี่ รู้เหรอว่ารสชาติเป็นไง”
เตนล์ยักไหล่
“ยังไม่อยากเจอแกที่โรงพยาบาล กินอะไรก็ระวังหน่อยดิ”
โดยองยิ้มกว้าง น่าจะเป็นยิ้มที่กว้างที่สุดตั้งแต่เขากับเตนล์เลิกกันไปเมื่อหลายเดือนก่อนนั่นแหละ
ห่างออกไปจากทั้งสองคนที่ยืนคุยกันอย่างลืมเวลา คือแจฮยอนและจอห์นนี่ที่แอบมองอยู่ไม่ไกลนัก
“…พี่ว่าสองคนนั้นจะเข้าเกตวันนี้หรือเปล่า”
“เอางี้ดีกว่า แกว่ามันลืมพวกเราหรือยัง”
“…”
นั่นสินะ...
FIN
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in