เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
EVERY SINGLE PIECE OF YOU MAKES ME FALLa week before valentine
[TAEYONG/JAEHYUN] เส้นขนาน
  • เส้นขนาน

    Fandom: NCT
    Pairing: TAEYONG/JAEHYUN
    Note: ใครมันรีรูปนั้นมาอะ รูปที่สนามบินที่น้องยืนตึงใส่กัน นั่นแหละ

    1807 words

     

    ––

     

    เปอร์เซ็นต์ที่คนเราจะเจอ ‘คนรู้จัก’ ในสนามบินที่มีผู้โดยสารและลูกเรือ รวมถึงพนักงานร้านค้าบริการต่าง ๆ พลุกพล่านนี่มันจะสักเท่าไหร่กันเชียว

     

    แทยงถามตัวเองในใจเป็นครั้งที่ร้อย และน่าจะเป็นครั้งที่ร้อยเอ็ดแล้วที่เขาเหลือบมองคนที่ยืนอยู่ห่างกับเขาไปเพียงสองช่วงคน ชายหนุ่มตัวสูงโปร่งที่ใส่แมสก์สีดำคาดใบหน้าครึ่งล่าง และเอาแต่ก้มมองโทรศัพท์มือถืออย่างไม่รับรู้สิ่งใด

     

    ชายที่ถ้าเปิดหน้าออกมาคนทั้งสนามบินอาจจะพุ่งเข้ามาหา หรือไม่ก็แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่ารู้จัก และเจ้าตัวก็คงรู้ดีเลยเลือกจะปิดใบหน้าไปกว่าครึ่ง โชคดีที่สีผมของอีกฝ่ายตอนนี้ไม่ได้โดดเด่น เป็นสีน้ำตาลเข้มเหมือนคนอื่น เลยไม่เป็นที่สังเกตเท่าไหร่

     

    แต่สำหรับอีแทยง แค่ปลายหางตา หรือใบหูแดง ๆ นั่นเขาก็จำได้แม่น

     

    นายแบบชื่อดังที่กำลังเป็นที่จับตามองตอนนี้

     

    จองแจฮยอน

     

    ถ้าพูดให้ลึกลงไปกว่านี้อีกว่า ทำไมเขาถึงมีคำถามแบบนั้นกับตัวเอง และเพราะอะไรถึงได้จดจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของคนผิวขาวคนนี้ได้

     

    เหตุผลก็แสนสั้น เป็นคำสองพยางค์ที่ได้ยินทีไรก็รู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดในใจตลอดเวลา

     

    แฟนเก่า

     

    ใช่ จองแจฮยอน เป็นแฟนเก่าของเขาเอง

     

    ––

     

    แถวเช็กอินหน้าเคาท์เตอร์สนามบินเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า แทยงแปลกใจพอสมควรว่าทำไมระดับแจฮยอนถึงไม่เลือกจะซื้อที่นั่งเฟิร์สคลาสแล้วใช้อีกแถวเพื่อความสะดวกรวดเร็วกว่า แต่เขาก็ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ เพราะคงไม่มีความกล้าพอจะเดินไปถามตรง ๆ

     

    แทยงไม่ได้หลบหน้าแจฮยอน ความจริงเขาแทบจะเสนอหน้าเข้าไปให้อีกฝ่ายเห็นด้วยซ้ำ คนที่ยืนคั่นระหว่างเขากับแจฮยอนไม่ใช่คนตัวสูงอะไรเลย เป็นคู่สามีภรรยาวัยกลางคนที่เอาแต่คุยกันโดยไม่สนโลกใบนี้ แทยงแสร้งทำเป็นชะเง้ออยู่หลายรอบ แต่ทุกครั้งเขาก็จะเห็นแจฮยอนจดจ่ออยู่กับหน้าจอโทรศัพท์เช่นเดิม ที่หูก็มีหูฟังเสียบอยู่ด้วย ถ้าเรียกคงไม่ได้ยิน

     

    แต่เขาเนี่ยนะจะเรียกแจฮยอน

     

    คนพูดบอกเลิกเนี่ยนะ จะเป็นฝ่ายง้อก่อน

     

    ไม่ใช่เรื่องศักดิ์ศรีหรอกที่ทำให้แทยงปากหนัก เป็นความเสียใจมากกว่า

     

    ห่างกันไปเป็นปี ปิดกั้นการสื่อสารกันทุกทาง หลบเลี่ยงทุกปัจจัยที่มีแนวโน้มว่าเราจะกลับมาเจอกันได้ จนแผลใจใกล้จะปิดสนิทแล้วนั่นแหละ เขาก็มาเจอแจฮยอนอีกรอบ

     

    แถวค่อย ๆ ขยับไปด้านหน้า แจฮยอนเดินไปหน้าเคาท์เตอร์ตัวหนึ่ง สองสามีภรรยาไปอีกเคาท์เตอร์หนึ่งที่ว่าง แทยงมองตามแผ่นหลังนั้นเงียบ ๆ พร้อมกับได้ยินเสียงพนักงานเรียกเขาไปที่เคาท์เตอร์ข้าง ๆ

     

    แจฮยอนอยู่ห่างเขาไปเพียงสามช่วงแขน

     

    แต่เขาก็ต้องแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ยื่นหนังสือเดินทางให้พนักงาน ยกกระเป๋าตัวเองขึ้นสายพาน ตอนนั้นเองที่เห็นกระเป๋าเดินทางของแจฮยอน มันใบใหญ่จนเขาตกใจ

     

    ปลายทางของเขาคือญี่ปุ่น

     

    แล้วของแจฮยอนคืออะไรกันนะ…

     

    “...ผู้โดยสารคะ”

     

    เสียงพนักงานสลัดเขาจากภวังค์ แทยงรับหนังสือเดินทางคืนมาอย่างงง ๆ หันมาอีกทีแจฮยอนก็หายไปแล้ว

     

    เขาถอนหายใจกับตัวเอง แล้วเดินตรงไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

     

    ––

     

    แทยงเพิ่งเห็นว่าคนที่เขาเดินตามมาจนถึงแถวตรวจร่างกายคือ จองแจฮยอน

     

    ให้ตายเถอะ เพราะเมื่อกี้มัวแต่เซ็งเลยก้มหน้าก้มตากดมือถือ พอเงยหน้าขึ้นมาเห็นแผ่นหลังคุ้น ๆ และช่วงศอกสีอมชมพูนั่นถึงได้รู้สึกสะกิดใจ

     

    แจฮยอนยังไม่เห็นเขา แต่เขาจำกลิ่นน้ำหอมที่อีกฝ่ายใช้ประจำได้

     

    ยังไงดีวะ

     

    ความรู้สึกตีรวนกันไปหมด เขาในตอนนี้เหมือนเป็นคนละคนกับอีแทยงที่เคยบอกเลิกจองแจฮยอนอย่างไร้เยื่อใยไปเมื่อสองปีก่อน แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังท่าทีเย็นชา เขากลับมาร้องไห้อยู่หนึ่งอาทิตย์และนอนไม่หลับอีกเกือบเดือน กว่าจะพาตัวเองออกจากความเศร้าตรงนั้นได้

     

    พอมาเจอกันจริง ๆ แทยงถึงได้รู้

     

    เขาไม่เคยก้าวออกมาจากตรงนั้นได้เลย

     

    คนที่ทำท่าเหมือนเดินจากมา ความจริงก็แค่หลอกตัวเองว่าก้าวออกมาไกลแล้ว ทั้งที่กำลังเดินอยู่บนสายพานซึ่งเส้นทางวนกลับมาที่จุดเดิม

     

    จู่ ๆ แทยงก็คิดถึงเสียงที่อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาขึ้นมา

     

    “พี่แทยง”

     

    และมันจะมาพร้อมรอยยิ้มสดใสจนเห็นลักยิ้มที่บุ๋มอยู่ข้างแก้ม แววตาเป็นประกายล้อมรอบด้วยแพขนตายาว แจฮยอนตอนยิ้มสดใสที่สุดในโลกของเขา และทำให้ใจพองโตขึ้นอีกเมื่อคิดได้ว่ารอยยิ้มนั้นเกิดจากความสุขที่เขามอบให้แจฮยอนเอง

     

    และก็––เขาเองนี่แหละที่พรากมันไปจากแจฮยอน

     

    พอย้อนคิดถึงความชั่วของตัวเองแล้วก็เผลอก้าวถอยเพื่อรักษาระยะห่างกับคนที่เขาเดินตามอยู่ จนเผลอไปชนคนข้างหลัง แทยงหันไปขอโทษอีกฝ่ายอย่างรีบร้อน พอหันกลับมา

     

    แจฮยอนมองเขาอยู่

     

    ––

     

    แทยงอ้าปาก พยายามจะพูดอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่มีอะไรหลุดรอดออกมาแม้แต่พยางค์เดียว เสียงก็ไม่มี ตอนนี้สติก็ไม่มีเช่นกัน

     

    เป็นแจฮยอนที่เอ่ยขึ้นมาก่อน

     

    “ไม่เจอกันนานนะครับ”

     

    และโค้งให้เขาเล็กน้อยอย่างมีมารยาท

     

    แทยงโค้งตอบอย่างงก ๆ เงิ่น ๆ ร้อยวันพันปีเราไม่เคยแสดงท่าทีอย่างนี้ต่อกันเลย อ่อ นั่นมันก่อนจะเลิกกัน

     

    “สบายดีไหม แจฮยอน”

     

    แจฮยอนเลิกคิ้ว แมสก์สีดำยังคาดใบหน้าช่วงล่างอยู่ แววตาเรียบเฉยเป็นปกติ แต่ไม่ปกติสำหรับแทยงที่เคยเห็นมันสดใสเป็นประกายอยู่เสมอ

     

    “ก็ดีครับ”

     

    “...อ่า ดีแล้วล่ะ”

     

    “คุณจะไปไหนเหรอ”

     

    คุณเลยนะ

     

    ความห่างเหินอย่างชัดเจนทำเอาแทยงสะอึก

     

    “...ญี่ปุ่นน่ะ”

     

    “บิน XXX?”

     

    “ใช่ ไฟลต์หกโมงห้าสิบ…”

     

    “อ่า…”

     

    แจฮยอนส่งเสียงในลำคอ คงเอะใจแล้วว่าพวกเขาบินเที่ยวบินเดียวกัน

     

    ไม่มีบทสนทนาอะไรอีก แจฮยอนปลดแมสก์ออกเดินไปหาเจ้าหน้าที่ ถึงตอนนี้คนรอบข้างคงเริ่มสังเกตแล้วว่าเขาเป็นคนดัง เลยเริ่มมีบางคนยกมือถือขึ้นมาถ่าย

     

    แทยงมองภาพตรงหน้าแล้วก็ยิ้มกับตัวเอง

     

    ทำได้แล้วนะ แจฮยอน

     

    ––

     

    “ถ้าอยากเข้าวงการ ก็ต้องเลิกกับแทยง”

     

    “...พี่พูดอะไร”

     

    “เด็กใหม่เพิ่งเข้าไปแล้วมีแฟนแล้วแบบนี้ มันโตในวงการยากนะ แจฮยอน”

     

    บทสนทนาที่เขาบังเอิญได้ยินเมื่อหลายเดือนก่อนวนเข้ามาในหัวอย่างพอเหมาะพอดี แทยงปัดมันออกไปจากหัว ขณะจัดเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อยหลังผ่านด่านตรวจร่างกาย เตรียมจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เขาเหลือบมองแจฮยอนที่ผ่านเข้ามาก่อนเขา อีกฝ่ายคาดแมสก์ปิดหน้าเช่นเดิมแล้ว ยืนหลังเหยียดตรง มองตรงไปข้างหน้าด้วยท่าทางเหมือนอยู่คนละโลกกับคนรอบข้าง

     

    เป็นจองแจฮยอนที่เขาเคยเห็นในนิตยสารหรือตามสื่อต่าง ๆ

     

    แทยงเดินไปต่อแถวบ้าง รักษาระยะห่างจากอีกฝ่ายประมาณสองช่วงคน และแจฮยอนก็ไม่ได้หันกลับมาเพื่อจะคุยอะไรกับเขาอีก

     

    แม้จะมีคำถามมากมายเช่น ไปญี่ปุ่นเหมือนกันเหรอ ไปทำงานหรือไง แล้วทำไมมาคนเดียว ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง งานเยอะไหม ฯลฯ แต่แทยงก็เลือกจะกลืนคำพูดทั้งหมดลงไป แล้วปล่อยให้ระหว่างพวกเขาเป็นความเงียบที่แม้จะกระอักกระอ่วนนิดหน่อย แต่คงดีกว่าแสดงท่าทีสนิทสนมเช่นเคย

     

    แจฮยอนเหลือบมองมือถือในมือเป็นระยะ อาการติดมือถือที่รักษายากนั่นจะสำแดงออกมาทุกครั้งที่อีกฝ่ายอยู่คนเดียว แทยงเคยช่วยรักษาด้วยการอยู่กับแจฮยอนบ่อย ๆ ช่วยคุยหรือหาอะไรทำด้วยกันจนแจฮยอนต้องยอมวางมือถือ

     

    วิธีการที่ดีที่สุดคือจูบ

     

    มีครั้งหนึ่งที่แจฮยอนเอาแต่นอนเล่นมือถือบนเตียง เขาเลยไล่จูบตั้งแต่ปลายนิ้วขึ้นไปตามต้นแขนจนถึงริมฝีปาก บดบังทัศนวิสัยการจ้องมือถือของอีกฝ่าย จนแจฮยอนต้องยอมปล่อยมันทิ้งไว้บนเตียง แล้วหันมาให้ความสนใจเขาแทน

     

    แทยงแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่แห้งผากขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะกลับไปสนใจแจฮยอนที่ยืนมือล้วงกระเป๋าอยู่นั่นอีกครั้ง

     

    แจฮยอนก็คือแจฮยอน

     

    ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่คนละชั้นเช่นเคย

     

    แต่ตอนนั้นก็ยินดีที่จะใช้ชีวิตไปกับเขา ยิ้มและหัวเราะไปด้วยกัน ทำท่าราวกับจะหันหลังให้เส้นทางที่ตัวเองเคยวาดฝันไว้เพื่อมาอยู่กับคนไม่มีอนาคตแบบเขา

     

    แล้วเขาก็ทำลายหัวใจอันบริสุทธิ์ซื่อตรงนั้นทิ้งเสียจนไม่เหลือดี เพื่อให้แจฮยอนใช้เศษซากหัวใจอันร้าวรานนั้นกรุยทางพาตัวเองไปถึงความสำเร็จได้

     

    เขาตอนนี้มีทุกอย่างหมดแล้ว หน้าที่การงาน ฐานะทางสังคม คู่ควรกับแจฮยอนเท่าที่จะทำได้

     

    แต่เขาก็ไม่กล้าจะยื่นมือออกไปให้แจฮยอนคว้าจับไว้อีกครั้ง

     

    เพราะตอนที่แจฮยอนต้องการมันที่สุด เขาเองที่ปัดมือของอีกฝ่ายทิ้งไป และหวังให้แจฮยอนยืนขึ้นได้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่ต้องมีเขาคอยฉุดรั้งไว้

     

    ––

     

    ไฟลต์โซล-นาริตะไม่เคยยาวนานขนาดนี้เลย ในความรู้สึกของแทยง

     

    แต่ในที่สุดเครื่องบินก็ลงจอด เขาเดินลงจากเครื่อง บิดเนื้อตัวที่เมื่อยขบแล้วเหลือบไปเห็นคนที่ไม่เจอเลยตั้งแต่แยกกันที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

     

    แจฮยอน

     

    อีกฝ่ายก้าวขาอย่างไม่รีบร้อนไปตามทางเดิน เขาเดินตามไปห่าง ๆ พยายามก้าวให้เป็นจังหวะเดียวกัน และเหลือบมองคนที่เดินนำไปด้วย

     

    จะตามไปได้ถึงตรงไหนกันนะ

     

    เมื่อถึงจุดที่เขียนว่า Transfer แจฮยอนก็เลี้ยวไป

     

    แทยงชะงัก ทางที่เขาต้องไปคือโซนสำหรับ Arrival ซึ่งเป็นคนละทาง

     

    แล้วตอนนั้นเองที่ร่างกายอยู่เหนือการควบคุม

     

    “แจฮยอน”

     

    เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปโดยไม่รู้ตัว

     

    แจฮยอนชะงักและหันกลับมามอง

     

    แววตาสงสัยปรากฏขึ้นในนัยน์ตาคู่นั้น ท่าทางที่ทำให้เขานึกถึงเวลาที่แจฮยอนหันมาทุกครั้งที่เขาเรียกชื่อ

     

    “เปลี่ยนเครื่องไปไหนเหรอ”

     

    เขาถาม ทั้งที่รู้ว่าตัวเองไม่ควรถาม

     

    แจฮยอนหันกลับมาเผชิญหน้าเขาตรง ๆ ก่อนเอ่ยตอบ

     

    “อเมริกาครับ”

     

    อ่า…

     

    “ถ้ามีโอกาสก็อยากไปสักครั้งนะครับ อเมริกาน่ะ”

     

    แทยงยิ้มกว้าง

     

    “ยินดีด้วยนะ”

     

    แจฮยอนไม่ตอบ เพียงแค่โค้งให้เขาอย่างมีมารยาท

     

    “ลาก่อนครับ”

     

    แล้วหันหลังเดินจากไป

     

    แทยงมองตามจนแผ่นหลังนั้นลับสายตา และยื่นเหม่ออยู่อีกพักหนึ่ง สุดท้ายเขาก็หันปลายเท้ากลับไปทางที่ตัวเองต้องไป

     

    วินาทีนั้น เป็นครั้งแรกจริง ๆ ที่แทยงรู้สึกอย่างชัดเจนว่า เส้นทางระหว่างเขากับแจฮยอน ไม่มีวันกลับมาเจอกันได้อีกแล้ว

     

    FIN

     

    ––

     

    190620

    ฉันอยากนอนเร็ว ๆ ก็ไม่เคยได้นอนเร็ว

    วันนี้ไม่ได้ไป CTW เพราะทำงานจ้า แก่แล้ว ไม่ไปแล้ว /โบกมือ

    คอมเมนต์ได้ที่นี่ หรือ #wrficnct เช่นเดิมจ้า

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in