BE MINE
GOT7 Fan Fictions
Jackson x Mark
Special Chapter
Gain Weight
ปัญหาของแฟนหนุ่มโดยทั่วไปมักเป็นเรื่องพฤติกรรมการกินของแฟนสาว ผู้หญิงส่วนใหญ่ใส่ใจการกิน ทั้งกินมากและกินน้อย มีความย้อนแย้งหลายประการในการจะหาร้านอาหารดี ๆ สำหรับการออกเดต บ้างก็ต้องเจอกับคำตอบสุดฮิต “เราควบคุมอาหารอยู่” แต่พามากินขนมแคลอรี่สูง หรือไม่ก็ “เราอยากกินบุฟเฟ่ต์ แต่กินคนเดียวไม่หมด ตัวเองกินเป็นเพื่อนหน่อยนะ” เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ สำหรับคนเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างแจ็คสันนั้น เขายินดีช่วยออกความเห็นอย่างยิ่ง การคำนวณแคลอรี่สำหรับเขาไม่ใช่เรื่องยาก อยากจะรักษาหุ่นก็ปรึกษาเขาได้ ยิ่งถ้าเป็นแฟนกันเขายิ่งขันอาสาเลยล่ะ ใครบ้างจะไม่อยากมีแฟนหุ่นดี สุขภาพดี เพราะยังไงแจ็คสันก็เป็นสายเฮลตี้อยู่แล้ว
แต่เหมือนแฟนของเขาจะไม่คิดแบบนั้น
“…”
แจ็คสันกลืนคำพูดที่อยากจะพูดลงไปเมื่อเห็นถาดหมูสามชั้นถาดใหม่ลงเสิร์ฟบนโต๊ะพร้อมสีหน้าดีอกดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่นของ มาร์ค ต้วน เขาคงจะไม่อับจนคำพูดขนาดนี้ ถ้านี่ไม่ใช่ชุดใหญ่พิเศษ ชุดที่สี่แล้ว
พอมาแบบนี้แจ็คสันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำหน้าที่เดิม คือคีบหมูย่างให้ แล้วก็มองคนที่นั่งรอหมูสุกด้วยสายตาเป็นประกายเหมือนอดอยากมาหลายวัน ขณะที่ตัวเขาเองอิ่มไปตั้งแต่ชุดที่สองแล้ว ไม่เข้าใจเลยว่ามาร์คกินแล้วเอาไปไว้ตรงไหนหมด
“…ยังไม่อิ่มเหรอ?”
เขาถามอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวมาร์คจะโวยวายกลับมา แต่อีกเจ้าของแก้มนิ่ม ๆ ที่เหมือนจะย้วยขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยกลับกะพริบตาปริบ ๆ ใส่
“หมดชุดนี้ก็อิ่มแล้วแหละ แต่เดี๋ยวกินขนมต่อ”
เชี่ย
นี่เขาปล่อยแฟนอดอยากจนต้องกินแหลกลานขนาดนี้เลยเหรอ
แจ็คสันใจคอไม่ดี อาทิตย์ที่ผ่านมาเขาติดโปรเจกต์ใหญ่ ไม่มีเวลาไปกินข้าวกับมาร์คเหมือนปกติ เลยสัญญาจะมาทบต้นทบดอกทีเดียวตอนสุดสัปดาห์ที่ร้านบาร์บีคิวชื่อดัง ที่เพิ่งเปลี่ยนกระทะใหม่ จริงอยู่ว่าร้านนี้มีอาหารแบบไม่อั้น และคิดเป็นรายหัว แต่กินขนาดนี้น่ากลัวว่าจะโดนแบล็กลิสต์เหลือเกิน
“มาร์ค” เขาเรียกเสียงอ่อน ขัดจังหวะคนที่กำลังจะคีบหมู่เข้าปากอีกชิ้น ตากลม ๆ เหลือบมองเขาอย่างสงสัย
“ว่า?”
“…กินขนาดนี้เอาไปเก็บไว้ตรงไหนหมดน่ะ?”
ถ้าเป็นผู้หญิง คำถามนี้คงน่ากลัวจะโดนตบกลับมา แต่พอดีมาร์คเป็นผู้ชาย พอได้ยินคำถามนี้ แทนที่จะทำหน้าบึ้งใส่เขา กับยู่หน้าทำหน้าน่ารักแล้วตอบเสียงใส
“กำลังเพิ่มน้ำหนักอะ”
“ฮะ?”
แจ็คสันเหวอ “เพิ่มทำไม?”
มาร์คตัดสินใจคีบหมูใส่ปาก เคี้ยวจนแก้มตุ่ยแล้วกลืน ก่อนอธิบาย
“ก็ไอ้มิโนกับบ๊อบบี้มันบอกว่ากู… เรา” อีกคนเปลี่ยนสรรพนามกลางคัน “ผอมเป็นไม้เสียบผี แล้วดูหุ่นมันสองคนสิ ห่า ยืนเรียงกันสามคนแล้วกูไปยืนตรงกลางก็เป็นหลุมละเหอะ” สุดท้ายก็ใช้คำเดิมที่ชินปาก แต่แจ็คสันไม่ได้มีกะใจจะมาติงตรงนั้น
“แล้วเพิ่มน้ำหนักมันจะช่วยอะไร?” เป็นหลุมมันเกี่ยวกับความสูงไม่ใช่เหรอ?
“ก็อย่างน้อยมีกล้ามแขนแบบพวกมันก็ยังดีไง” มาร์คพูดหน้าตาเฉย แล้วยกแก้วโคล่าขึ้นจิบ ส่วนแจ็คสันเหมือนสติหลุดไปแล้ว
“………อะไรนะ?”
มาร์คมุ่นคิ้ว “ให้กูพูดซ้ำอีกเหรอ? ก็เพิ่มน้ำหนักอยู่ไง อยากได้กล้ามแขนสวย ๆ บ้าง นี่ก็กินเวย์อยู่ตลอด แต่แม่งไม่ค่อยช่วยอะไรเลย อาทิตย์นี้ก็เพิ่มมาไม่ถึงโลฯ”
พระเจ้า แจ็คสันจะเป็นลม
“เห้ย คือ มันไม่จำเป็นปะวะ” แจ็คสันรู้สึกว่าต้องรีบตัดไฟตั้งแต่ต้นลม “ตอนนี้มาร์คก็โอเคแล้วนะ จะไปสนใจอะไรมันสองคนบ่นวะ เราว่าแบบนี้ก็ดีจะตาย น่ารักออก”
“กูน่ารักในสายตามึงคนเดียวก็พอแล้ว กับคนอื่นอยากให้มองว่าหล่อ รู้ไว้ซะด้วย”
แม่งไม่รู้จะเขินหรือยังไงดีกับประโยคเมื่อกี้ แต่แจ็คสันอยากเอาหน้าจุ่มเตาปิ้งย่างเหลือเกิน
“แล้วทำไมไม่ปรึกษาเรา” เขาค่อย ๆ ตั้งสติพูด “เราเรียนทางนี้โดยเฉพาะนะ มาร์คลืมหรือไง?”
“เปล่า” มาร์คตอบ “แต่เพราะรู้ว่าถ้าพูดมึงก็ต้องห้าม ถูกไหม?”
เออ ก็จริง
แต่เดี๋ยวนะ
“แปลว่านี่วางแผนมาตั้งนานแล้วเรอะ!?”
“สองเดือนได้” มาร์คยักไหล่ “ที่ช่วงนี้แก้มยุ้ย ๆ ก็เพราะงี้แหละ แต่ไม่ได้อยากให้มันออกแก้มอะ ไหน ๆ ก็รู้แล้ว ทำไงดี บอกหน่อย”
ถึงจะอ้อนอะไรตอนนี้ แจ็คสันก็รู้สึกอยากออกไปวิ่งรอบห้างแล้วตะโกนโวยวายให้สุดเสียง
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยย กูต้องโทร.ไปด่าไอ้สองคนนั้นเดี๋ยวนี้
“จะว่าเป็นความผิดของพวกกูฝ่ายเดียวก็ไม่ได้นะ” เสียงมิโนดังมาตามสาย “มาร์คแม่งก็เป็นคนงี้ มึงก็รู้ว่ามันห่วงภาพลักษณ์ตัวเองขนาดไหน พอเป็นแฟนมึงคนทั้งม.ก็คิดว่ามันไม่หล่อแล้ว เป็นน้องเอินคนน่ารักแห่งคณะวิศวะแทน น่าสงสารเดือนมหาวิทยาลัยจริง ๆ”
สรุปความผิดกูเรอะ แจ็คสันคิด “กูต้องห้ามมาร์ค”
“เออ มึงก็พยายามเข้านะ”
“ว้อย ช่วยกูคิดสิ!” แจ็คสันรีบพูดก่อนอีกฝ่ายจะวางสาย “ตอนอยู่คณะมาร์คอยู่กับพวกมึง ช่วยกูด้วย อย่าให้ซี้ซั้วเพิ่มน้ำหนัก”
“แต่มันพยายามเพิ่มมาสองเดือนแล้ว น้ำหนักขึ้นไม่ถึงสามโลเลยนะ กูงงมาก” น้ำเสียงมิโนบ่งบอกความงงได้ชัดเจน “มันเบิร์นยังไงของมันวะ”
เรื่องนั้นแจ็คสันไม่อยากอธิบาย จริง ๆ เขาก็พอเข้าใจอยู่ว่าทำไมน้ำหนักมาร์คมันไม่ขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นสักที ไอ้เวย์โปรตีนที่ซื้อมานี่ก็เหมือนมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอกเฉย ๆ ไม่ได้ช่วยเรื่องกล้ามอะไรเลย
แต่พอปลายสายพูดมาแบบนี้เขาเลยนึกอะไรดี ๆ ออก
“…อ่า กูพอนึกอะไรดี ๆ ออกแล้ว แค่นี้นะ” แล้วก็ตัดสายทิ้ง ไม่ได้สนใจว่าปลายสายจะงงแค่ไหน
“วันนี้กินอะไร?” แจ็คสันรีบถามทันทีที่มาร์คก้าวออกมาจากแล็บ วันนี้มาร์คเลิกช้ากว่าเขาเพราะมีทำแล็บฟิสิกส์อะไรสักอย่าง ช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าเขาก็มารอรับเหมือนปกติ
มาร์คในเสื้อช็อปสีน้ำเงินกรมยังคงน่ารักน่าหยิกเหมือนเดิมเพราผมหน้าม้าที่ยาวเหนือตากลม ๆ นั่นไปนิดเดียว แก้มก็ยุ้ยเป็นลูก ปากก็ยังแดงนุ่มนิ่มเหมือนเยลลี่ ไม่แปลกที่คนบอกว่าเป็นน้องเอินคนน่ารักแห่งคณะวิศวะไปแล้ว
แต่เนื้อแท้ก็ยังเป็นมาร์ค ต้วน อยู่ดีนั่นแหละ
“ทำไมรีบถามจังวะ?” มาร์คทำหน้างง ขณะเก็บของใส่กระเป๋าสะพาย “กูหิวก็จริง แต่ยังไม่ได้คิดเลย มึงอยากกินอะไรอะ?”
“ไปวนรอบม.ก่อนดีไหม? เราก็คิดไม่ออกว่าจะกินอะไร”
“เอาดิ” มาร์คเห็นด้วย พอดีกับที่มิโนกับบ๊อบบี้เดินออกมาพอดี พอเห็นเขาก็ผิวปาก
แซ็วมาตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสาม ไอ้ห่าพวกนี้แม่ง
“ไปไหนกันจ๊ะ น้องเอินกับพี่แจ็คสัน” บ๊อบบี้ล้อ และโดนมาร์คลงโทษด้วยการดีดหน้าผากแรง ๆ ไปหนึ่งที
“ไปกวนตีนกูไกล ๆ ไม่สร้างสรรค์แล้วยังเสือกอีกนะ”
“ล้อนิดล้อหน่อยก็ไม่ได้นะมึง” บ๊อบบี้เลยแกล้งล็อกคอแรง ๆ จนมาร์คหน้าหงายจะล้ม ผลสุดท้ายก็โดนเอาคืน โดยมีแจ็คสันยืนมองยิ้ม ๆ
“แล้วมึงก็ไม่ช่วยกูเลยเหรอครับบบ คุณแฟนนนนนน” คนตัวเล็กกว่าชาวบ้านโวยวาย แจ็คสันหัวเราะก๊าก
“เออ ๆ ปล่อยเหอะ บ๊อบบี้ สงสาร ตัวนิดเดียว”
สุดท้ายมาร์คก็เดินกลับมาทำหน้าบึ้งใส่ แจ็คสันรู้สึกว่าต้องได้ง้อคนอีกแล้ว แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร มาร์คก็ทำงอนไปงั้นแหละ แกล้งเพื่อน
“พวกกูไปละ มึงดูแลมาร์คด้วยล่ะ”
แล้วสองคนนั้นก็เดินจากไป มาร์คหันขวับมามอง ทำปากยื่น ๆ บ่น
“ไม่เคยช่วยกูเลยนะ”
“ก็เห็นกำลังสนุก”
“เออออออออ สนุกมากกกกกก” ลากเสียงยาว “แบกกูไปที่รถเลย ไม่อยากเดินแล้ว”
แจ็คสันหลุดขำพรืด แต่ก็ยอมหยิบกระเป๋าสะพายอีกคนมาถือไว้แทน แล้วย่อตัวนิดนึงให้มาร์คกระโดดมาขี่หลังเขาได้ มาร์คตัวเบามาก แบบที่ถ้าแจ็คสันต้องแบกวิ่งรอบม.ก็คงไม่รู้สึกอะไร
แต่จะให้มาร์ครู้ว่าตัวเองน้ำหนักเท่าเดิมไม่ได้
“…อ้วนขึ้นปะวะ” เขาพึมพำพอให้มาร์คได้ยิน ซึ่งคนที่มือคล้องคอเขาอยู่ก็รีบก้มมาถามข้างหู
“จริงปะ?”
ท่าทางตื่นเต้นจนแจ็คสันอย่างถอนหายใจแรง ๆ แล้วบอกว่าคิดไปเอง แต่ก็ทำได้เพียงพยักหน้ารับ
“เออ หนักจริงแฮะ รู้สึกล้าแขนกว่าปกติ”
ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักอยู่ข้างหลังแล้วแจ็คสันก็ได้แต่ส่ายหน้าขำ ๆ แจ็คสันให้มาร์คขี่คอมาถึงรถที่จอดไว้โดยไม่ได้สนสายตาคนรอบข้างเลย เออ อยากมองก็มองไปสิ อิจฉาให้ตายไปเลย แฟนกูน่ารักครับ ทำไม?
“แล้วสรุปคิดได้ยังว่าจะกินอะไร?”
เขาย้ำคำถามอีกครั้งเมื่อมานั่งบนรถ มาร์คคาดเข็มขัดให้ตัวเองแล้วก็ทำท่าคิด
“บิงซู”
“แล้วไม่กินข้าวเหรอ?”
“กินอะไรอะ? อาหารไทยก็เผ็ดมึงกินไม่ได้ อาหารเกาหลีก็เบื่อ… เออ อาหารจีนเป็นไง เห็นบ่นอยากกินวันก่อนนี่?”
“เอางั้นก็ได้” แจ็คสันยิ้มรับความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่น “กินข้าวก่อนแล้วไปกินของหวานนะ”
มาร์คพยักหน้ารับท่าทางร่าเริงเต็มที่ ไม่ได้เอะใจเลยว่าทำไมแจ็คสันไม่ห้ามเรื่องกินอีก
เพราะเขานึกได้น่ะสิ ว่าวิธีการเบิร์นที่ดีที่สุดของมาร์คคือตอนกลางคืน… กับเขานี่แหละ?
FIN
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in