เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
The Murderous Hand (DToL Omegaverse AU)piyarak_s
Chapter 2 : Tobias Faulkner
  • ดร. โทเบียส ฟอล์กเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญการตรวจศพคดีที่ยากจะหาคำอธิบายมากที่สุดไม่มาทำงานและไม่สะดวกที่จะเข้ามาทำงาน เพราะกำลังใช้ ‘สิทธิลาหยุดของโอเมก้า’ 


    จากสีหน้ายุ่งยากใจของสารวัตรแบล็ค ซึ่งเป็นปฏิกิริยาที่แสดงออกต่อคำตอบของ ดร. เวสต์ ก็เป็นเหมือนกับตำรวจหลาย ๆ คนที่หงุดหงิดใจที่เกิดอุปสรรค แต่เรื่องส่วนตัวดังกล่าวก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงได้โดยเฉพาะเมื่อเรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่ธรรมชาติกำหนด และไม่ใช่ความผิดของ ดร. ฟอล์กเนอร์เลยแม้แต่น้อยที่เกิดมาเป็นโอเมก้า


    ‘สิทธิลาหยุดของโอเมก้า’ แตกต่างจากสิทธิการลาไปทำธุระส่วนตัว เช่น ไปธนาคารหรือทำธุรกรรมอื่น ๆ ในความหมายทั่วไป แต่มีความหมายเฉพาะตัวว่า โอเมก้าที่ใช้สิทธิลาดังกล่าวกำลังอยู่ในช่วง ‘ฮีท’ หรือช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายของเขาหรือเธอถูกปรับให้พร้อมที่สุดสำหรับการสืบพันธุ์และปล่อยฟีโรโมนดึงดูดอัลฟ่าให้เข้ามามีความสัมพันธ์ด้วย ไม่ว่าโอเมก้าคนนั้นจะต้องการหรือไม่ก็ตาม เคราะห์ยังดีที่เบต้าไม่สามารถสัมผัสสิ่งดังกล่าวได้ ไม่อย่างนั้น โอเมก้าคงแทบไม่มีความปลอดภัยหรือคนที่พอพึ่งพาได้ในช่วงเวลานั้นเลยนอกจากโอเมก้าด้วยกันเอง


    แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่กี่วันและไม่กี่ครั้งในรอบปี แต่ช่วงเวลาสั้น ๆ ดังกล่าวก็อาจเป็นนรกสำหรับโอเมก้าที่ไม่มีคู่ของตนเองหรือไม่พร้อมที่จะจับคู่กับใครได้เช่นกัน เพราะฟีโรโมนจากตัวเธอหรือเขาจะกระตุ้นเร้าสัญชาตญาณสัตว์ในตัวของอัลฟ่าในรัศมีที่สัมผัสได้ให้พลุ่งพล่านและดึงดูดให้ตามกลิ่นมาหาโอเมก้าในช่วงฮีท อัลฟ่าที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของฟีโรโมนส่วนมากจะหมดความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ อาจมีพฤติกรรมก้าวร้าวและรุนแรงเป็นพิเศษด้วยสัญชาตญาณดิบของสัตว์ที่สนใจแต่เรื่องของการจับคู่เพื่อสืบพันธุ์


    กรณีที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นได้ และเกิดขึ้นมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน คือ กรณีที่โอเมก้าที่อยู่ในช่วงฮีท ไม่พร้อมสำหรับการมีคู่ แต่ไม่สามารถพาตัวเองกลับไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้ทัน และในช่วงเวลานั้น มีโอเมก้าเพียงคนเดียว แต่มีอัลฟ่าอยู่ในบริเวณใกล้เคียงมากกว่าหนึ่งคน ความเสียหายที่ตามมามีตั้งแต่อัลฟ่าต่างบาดเจ็บเพราะต่อสู้เพื่อแย่งชิงโอเมก้า  ไปจนถึงเหตุการณ์อาจจบลงด้วยการรุมโทรม ถ้าหากโอเมก้านั้นไม่ยินยอมหรือไม่ได้ตกอยู่ใต้อิทธิพลของฮีทจนเตลิดไปด้วยกันทั้งสองฝ่าย


    สิ่งที่เป็นปัญหาหนักหน่วงที่สุดที่เกิดขึ้นในทางคดี คือ เส้นแบ่งระหว่างความยินยอมกับไม่ยินยอมของโอเมก้านั้นไม่ชัดเจน เพราะความคลุมเครือดังกล่าว กรณีที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จึงมักจบลงด้วยข้อสรุปว่า ต่างคนต่างทำไปโดยสัญชาตญาณ และโอเมก้ามักถูกมองว่าเป็นฝ่ายประมาทที่ไม่รู้จักดูแลตัวเองในช่วงฮีทเสียเอง


    ด้วยเหตุดังกล่าว ประกอบกับโอเมก้าต้อง ‘ลาด้วยเหตุส่วนตัว’ ทุกหนึ่งเดือนหรือสองเดือนคราวละสามถึงห้าวัน แม้จะเป็นความจำเป็นทางธรรมชาติ ไหนจะเรื่องที่โอเมก้าเป็นฝ่ายตั้งท้องและอาจจะต้องลาหยุดยาวเพื่อคลอดและเลี้ยงลูกที่เพิ่งเกิด ทำให้พวกเขาและเธอต้องเผชิญกับข้อจำกัดมากมายที่อัลฟ่าซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายวางกรอบและข้อจำกัดเอาไว้ โดยเฉพาะในเรื่องการทำงาน


    โอเมก้าไม่เคยมีที่ยืนในงานด้านบริหารประเทศและด้านความมั่นคงไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจ เป็นไม่ได้แม้แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคเล็ก ๆ ในกรมกอง สำหรับผมมันเป็นการเลือกปฏิบัติ แต่คนอื่นอาจไม่คิดเช่นนั้น


    แม้ว่าสังคมปัจจุบันได้ก้าวผ่านจุดที่โอเมก้าเป็นฝ่ายที่คอยรองรับความต้องการสืบพันธุ์ของอัลฟ่า มีหน้าที่ตั้งท้อง เลี้ยงลูก อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนไม่ออกมา 'เพ่นพ่าน' ให้อัลฟ่าทั้งหลายปั่นป่วนมาไกลพอสมควรแล้ว อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกว่าการได้สิทธิในการหยุดงานเป็นพิเศษเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายทำให้การงานไม่ต่อเนื่อง และเป็นต้นเหตุของความปั่นป่วนหรือมีส่วนก่อให้เกิดอาชญากรรมทางเพศ หรือแค่ตัวเองทำงานไม่ได้แล้วยังไม่พอยังฉุดให้อัลฟ่าเสียงานไปด้วย ก็ยังอยู่ในความคิดของอัลฟ่าจำนวนมาก และผมก็สัมผัสความรู้สึกนั้นจากตำรวจหลายคนในแผนกสืบสวนอาชญากรรม โดยเฉพาะเมื่อดร. เวสต์เอ่ยชื่อของ ดร. ฟอล์กเนอร์ ซึ่งเป็นโอเมก้า


    ไม่ว่าเขาจะเป็นคู่แท้ของผมหรือไม่ ผมยอมรับว่า ผมสนใจคนคนนี้ เพราะการที่โอเมก้าก้าวขึ้นมายืนในตำแหน่งที่อัลฟ่าจะต้องยอมฟังความคิดเห็น และต้องขอความช่วยเหลือไม่ใช่เรื่องธรรมดา 


    เขาเก่ง และเป็นคนเก่งที่มีอยู่เป็นจำนวนน้อย... นั่นคือสิ่งสำคัญที่ทำให้ผมประทับใจในตัวเขา


     กว่าจะเป็นแพทย์นิติเวชเต็มตัวต้องใช้เวลาร่วมสิบปี หลังจากเรียนแพทย์มาห้าหรือหกปีแล้วแต่เงื่อนไขและหลักสูตรของแต่ละมหาวิทยาลัยจนจบ และผ่าน F1 หรือ Foundation Year ได้เป็นแพทย์เต็มตัวแต่อยู่ในความดูแลของแพทย์รุ่นพี่ในโรงพยาบาลที่ไปทำงานแล้ว เขาหรือเธอจึงจะมีคุณสมบัติพอที่จะสอบคัดเลือกเข้าไปฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางที่จะเปิดรับเพียงปีละครั้ง โดยมีมหาวิทยาลัยที่เปิดรับเพียงไม่กี่แห่ง และรับแพทย์เข้าอบรมเพียงไม่กี่คน ใช้เวลาเป็นแพทย์ประจำบ้านอย่างน้อยสี่หรือห้าปีต้องผ่านการสอบที่ยากสาหัสสองครั้ง ก่อนที่จะจบหลักสูตรได้รับประกาศนียบัตรว่าผ่านการอบรม และขึ้นทะเบียนกับราชวิทยาลัยพยาธิแพทย์เมื่อสอบผ่านแล้ว ก็ยังต้องทำงานอีกอย่างน้อยสองหรือสามปีจึงจะไปขึ้นทะเบียนกับกระทรวงมหาดไทยในฐานะที่ปรึกษาด้านนิติเวชศาสตร์และพยาธิวิทยาได้


    ไม่มีข้อยกเว้นพิเศษสำหรับโอเมก้าอย่าง ดร. ฟอล์กเนอร์ หรือโอเมก้าคนอื่น ๆ ที่เลือกทางสายนี้ และพวกเขาอาจต้องพยายามมากกว่าปกติเพื่อที่จะตามคนอื่นให้ทัน หลังจากจำเป็นต้องหยุดเพราะเหตุจำเป็นส่วนตัวดังกล่าว และผมก็เข้าใจความจำเป็นดังกล่าวดี เพราะแฟนนี่ น้องสาวของผมก็เป็นโอเมก้า เธอไม่ใช่คนที่มีผลการเรียนโดดเด่นเป็นพิเศษ แต่เราเห็นความพยายามของเธอและยินดีในความสำเร็จของเธอเมื่อเธอจบมหาวิทยาลัย และหางานทำได้ ถึงชีวิตของเธอจะสะดุดไปพักหนึ่ง เพราะอัลฟ่าห่วย ๆ คนหนึ่ง แต่ผมก็ดีใจที่เธอเข้มแข็งพอที่จะเลิกกับเขาเสียได้ อย่างไรก็ตาม ผมคงต้องให้ความยุติธรรมกับเขาบ้าง เพราะว่าอย่างน้อย เขาก็มีส่วนทำให้โลเวลล์ หลานชายของผมเกิดมา


    อย่างไรก็ตาม บทเรียนหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากกรณีของแฟนนี่และกรณีอื่น ๆ รวมถึงจากทัศนคติของคนที่ทำงานร่วมกันมาตลอดหลายสิบปี คือ ต่อให้มีความรู้มากแค่ไหน หรือมีความเชี่ยวชาญพิเศษเพียงใด สำหรับอัลฟ่าบางคน โดยเฉพาะอัลฟ่าเพศชาย โอเมก้าก็ยังเป็นโอเมก้าที่อ่อนแอและไร้ศักยภาพอยู่ดี


    เหตุผลที่เขาไม่ยอมพบใคร โดยเฉพาะตำรวจอย่างผม เพราะเจ้าหน้าที่แผนกสืบสวนอาชญากรรมส่วนใหญ่เป็นอัลฟ่า


    อย่าว่าแต่คนอื่นเลย ขนาดตัวผมเองที่ได้กลิ่นซึ่งเป็นเหตุให้เขาต้องลากิจเพียงน้อยนิด ใจผมก็เขวไปเรื่องที่อยู่นอกคดีได้แล้ว คงไม่ต้องพูดถึงเวลาที่ได้พบตัวจริงของเขาแบบตัวต่อตัว


    ผมยอมรับด้วยความสัตย์จริงว่า ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะห้ามใจตัวเองหรือคุมสติตัวเองไม่ให้กระโจนเข้าหาเขาได้หรือเปล่า โดยเฉพาะเมื่อเขาถูกกำหนดมาให้เป็นคู่หมายของผม แต่นั่นไม่ใช่ความผิดของเขาเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อธรรมชาติถูกกำหนดมาให้เป็นอย่างนั้น แต่เป็นผมต่างหากที่กำลังจะไปรบกวนสร้างความลำบากให้เขามากขึ้น


    “พอจะติดต่อกับเขาได้ไหมครับ” ผมถาม ดร. เวสต์ เมื่อเรานำศพมาถึงห้องเก็บศพของโรงพยาบาลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัย


    “เขาปิดมือถือ โทรศัพท์บ้านสายไม่ว่าง อาจจะตั้งใจวางหูไม่สนิท” แพทย์นิติเวชบอกผม พลางถอนใจก่อนที่จะยิ้มให้ เมื่อเห็นว่า ผมมีสีหน้าเหมือนคนกำลังจะถอดใจ

     

    “เดี๋ยวผมจะลองโทรหาอัลเฟรด คอร์ตนีย์ เพื่อนร่วมบ้านของเขาให้ อัลเฟรดเป็นนักเขียน เวลานอนไม่ปกติเท่าไหร่ บ่ายแก่ ๆ แบบนี้ เขาน่าจะตื่นแล้ว เพราะเมื่อวานที่ผมแวะเอาของที่โทบี้... ผมหมายถึง ดร. ฟอล์กเนอร์ลืมไว้ที่ออฟฟิศไปคืนให้เขา อัลเฟรดกำลังกินอาหารเช้าตอนบ่ายของเขาอยู่”


    เป็นความกรุณาอย่างยิ่งของดร. เวสต์  และคำบอกเล่าของเขาก็ทำให้รู้สาเหตุที่กลิ่นประจำตัวของอีกฝ่ายติดตัวเขามา แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจนักว่าคนที่เราต้องการตัวจะอยู่ในสภาวะที่พูดคุยกับเราได้เต็มที่และต่อเนื่องแค่ไหน เพราะโอเมก้าที่อยู่ระหว่างฮีท ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พวกเธอหรือเขาหลายคนต้องทนทรมานจากการควบคุมตัวเองไม่ได้ และสิ่งที่ต้องการมากที่สุดในเวลานั้น ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากการปลดปล่อยความต้องการของตนเองอีกแล้ว


    ความต้องการในช่วงฮีทเป็นเรื่องธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่อัลฟ่ามีช่วง 'รัท' แต่ไม่เคยถูกพิจารณาว่าเป็นอุปสรรคในการทำงานเหมือนฮีทของโอเมก้า แต่ถึงจะเป็นความต้องการตามธรรมชาติ ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันอย่างเปิดเผย และการที่โทเบียส ฟอล์กเนอร์เลือกที่จะขังตัวเองเอาไว้ในห้อง เช่นเดียวกับที่น้องสาวของผมเคยทำ หมายความว่า เขาไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์กับใครทั้งสิ้น และคงลำบากใจไม่น้อยที่จะต้องปรากฏตัวในสภาพที่ไม่ต้องการให้ใครเห็น


    ผมมอง ดร. เวสต์พูดโทรศัพท์อยู่อีกมุมหนึ่ง ซึ่งคราวนี้ดูจะใช้เวลานานเป็นพิเศษจนผมเกือบจะบอกเขาว่า ไม่ต้องรบกวน ดร. ฟอล์กเนอร์แล้วก็ได้ เขาก็วางโทรศัพท์และหันหน้ามาหาผม ยิ้มกว้างเหมือนคนที่เพิ่งทำสิ่งสำคัญได้สำเร็จ



    “สารวัตรเฟย์ ไปที่โต๊ะทำงานผมกัน ดร. ฟอล์กเนอร์ขอคุยกับคุณผ่านโปรแกรมวิดีโอคอลล์”

     


     -------------------------------------------------- 


    ผมได้พบ ดร. โทเบียส ฟอล์กเนอร์เป็นครั้งแรกผ่านโปรแกรมสื่อสารผ่านระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่เราจะติดต่อกันได้โดยไม่ต้องพบกัน และไม่มี ‘ความเสี่ยง’ ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างโอเมก้าและอัลฟ่า


    จากคำแนะนำของดร. เวสต์ว่า ดร. ฟอล์กเนอร์เชี่ยวชาญด้านคดีที่วินิจฉัยสาเหตุการตายได้ค่อนข้างยาก ทำให้ผมคิดว่าเขาคงจะอ่อนกว่าผมไม่กี่ปี แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาอายุน้อยกว่าผมถึงสิบปีเต็มเพิ่งกลับมาทำงานเป็นแพทย์นิติเวชและเป็นผู้ช่วยสอนสังกัดมหาวิทยาลัยในลอนดอนไม่นานนัก หลังจากออกภาคสนามในพื้นที่ภัยพิบัติในหลายประเทศ


    ไม่เพียงแต่อายุน้อยกว่า แต่เขายังเป็นชายหนุ่มที่มีเค้าโครงหน้างามละมุนละไมละม้าย จนนิยามได้ว่า สวยมากกว่าหล่อเหลา ดวงตาสีเขียวที่ซ่อนอยู่หลังเลนส์แว่นตาทั้งคู่นั้นแม้จะขุ่นมัวและแดงก่ำด้วยภาวะที่เขากำลังเผชิญอยู่ แต่บางอย่างในแววตาของเขาบอกชัดว่า เป็นคนแน่วแน่ และไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ


    ผมเคยได้ยินมาว่า ดร. ฟอล์กเนอร์มักจะเย็นชากับตำรวจคนอื่น ๆ ทว่าในเวลานี้ ผมรู้สึกได้ว่าแววตาของเขาที่มองมายังผมเป็นมิตรอย่างยิ่ง ผมไม่รู้ว่า เขารู้หรือไม่ว่าผมเป็นใคร แต่ภาพของเขาตรงหน้าแม้ว่าจะอยู่ห่างไกลโดยระยะทางและความจำเป็นบางอย่าง ทำให้ความรู้สึกที่หายไปจากใจของผมเนิ่นนานจนเกือบลืมไปแล้วว่าผมเคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนหลังจากแมรี่จากผมไปกลับคืนมาอีกครั้ง


    ขณะเริ่มต้นสนทนา ดร. ฟอล์กเนอร์เสยผมสีบลอนด์ทรายชื้นเหงื่อขึ้นเหนือหน้าผาก ใช้ผ้าเช็ดเหงื่อที่ใบหน้า ลำคอ และไหล่ กระชับเสื้อคลุมที่ทำให้เขาดูเหมือนแมวสีเทาตัวใหญ่เข้ากับตัว เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ผ้าเนื้อนุ่มเนียนของเสื้อคลุมเน้นให้เห็นโครงร่าง แต่สิ่งที่เห็นเพียงแวบเดียวนั้นก็ทำให้รู้ว่า เขาไม่ได้สวมอย่างอื่นนอกจากเสื้อคลุมตัวนั้น ซึ่งหมายความว่าเขาเพิ่งผ่านอะไรมา ทำให้หน้าของผมร้อนวูบ ก่อนสลัดสิ่งที่ไม่ควรคิดออกไปจากสมอง


    แม้จะไม่ได้กลิ่นฟีโรโมนและกลิ่นประจำตัวของโอเมก้าที่ทำให้อัลฟ่าสูญเสียการควบคุมตัวเอง แต่ผมรู้สึกได้ว่า ชายหนุ่มผู้นี้มีเสน่ห์อย่างประหลาดที่อาจชักนำเขาไปพบอันตรายจากอัลฟ่าได้ในเวลาเดียวกัน


    ความหยิ่งยโส เพราะคิดว่าตนเองเป็นโอเมกาที่อัลฟ่าต้องยอมเชื่อทั้งที่โอเมก้ามีสถานะทางเพศและสังคมต่ำกว่าอย่างที่เพื่อนร่วมอาชีพของผมที่เคยทำงานกับเขาบางคนพูด ผมคิดว่านั่นเป็นข้อวิจารณ์ที่เกิดจากความเข้าใจผิด และบางที อาจเป็นอคติ ผมเชื่อว่า เขากำลังพยายามพาตัวเองออกห่างจากคนอื่นให้มากที่สุด และนั่นดูเป็นวิธีการที่เขาจะปกป้องตัวเองได้ดีที่สุด แต่การที่เขาสามารถทำงานอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภัยพิบัติได้อย่างต่อเนื่องราวกับไม่มีปัญหาที่ทำให้ต้องลากิจส่วนตัวเป็นสิ่งที่ผมยังติดใจอยู่บ้างเล็กน้อย 


    สภาพของ ดร. ฟอล์กเนอร์ดูไม่ดีนัก ขณะที่ฝืนตัวเองมาคุยกับผม หลังจากรับรู้ความจำเป็นเร่งด่วนในคดี และนั่นก็ทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิดกับเขา


    “ดร.ฟอล์กเนอร์” ผมแนะนำตัว “ผมชื่อไมเคิล เฟย์ เป็นสารวัตรสืบสวนจาก SCIT ต้องขอโทษจริงๆ ที่รบกวน แต่เรามีเรื่องจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับคดี ดร. เวสต์แนะนำให้ผมมาขอคำปรึกษาจากคุณหมอ”


    คนที่อยู่อีกฟากของนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยตอบด้วยเสียงแผ่วเบาและเหนื่อยล้าเต็มที “ดร.เวสต์บอกผมว่า เป็นคดีที่มีคนร่ำลือว่ากันฝีมือของภูตผีปีศาจ ซึ่งทางตำรวจไม่อยากให้มันกลายเป็นข่าวใหญ่โต…”


    “ถูกต้องครับ”


    “สารวัตรไม่เชื่อว่ามันเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติซึ่งเป็นไปได้พอ ๆ กับที่เราเป็นเชปชิฟเตอร์กันหรอกเหรอครับ…”


    ผมส่ายหน้า “ผมไม่เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อมีคนพูดถึง ผมก็พร้อมจะตรวจสอบ แต่ในขณะเดียวกันผมก็ต้องการคำตอบที่ชัดเจนและแม่นยำมากกว่าการคาดเดาอย่างไร้หลักการ”


    เขามองผมอย่างพินิจพิเคราะห์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าช้า ๆ ผมไม่รู้ว่าท่าทางอย่างนั้นมีความหมายว่าอย่างไร แต่สีหน้าของ ดร. เวสต์ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ทำให้ผมพอจะวางใจได้ว่า คำขอของผมคงได้รับการตอบสนอง แต่ถึงคำตอบของเขาจะเป็นคำปฏิเสธ ผมเองก็เข้าใจ และยอมรับการตัดสินใจนั้น


    ผมคิดแผนการเอาไว้หลายอย่างเพื่ออำนวยความสะดวกกับเขา แต่สิ่งที่ผมได้รับกลับมา เป็นสิ่งที่ผมไม่คาดคิดมาก่อน มันเกินกว่าสิ่งที่ผมคิดไว้ในคราวแรกว่า จะถ่ายภาพความละเอียดสูงและภาพเคลื่อนไหวตลอดเวลาที่ ดร.เวสต์และผู้ช่วยผ่าชันสูตรศพของเจมส์ พ็อตต์ส่งให้เขาวิเคราะห์ แล้วจึงขอความเห็นจากเขา เมื่อเขาพร้อมที่จะทำงานให้


    โทเบียส ฟอล์กเนอร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาในที่สุด 


    “ถ้าสารวัตรรอถึงพรุ่งนี้เช้าได้ เรามาพบกันที่ห้องเก็บศพของโรงพยาบาลเวลาสิบโมงเช้า”




    To be continued.... 

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
salmonrism (@salmonrism)
ง่าา จะได้เจอแล้ววว
notezapza (@notezapza)
น้องกับพี่จะได้เจอกันแล้ว คดีก็น่าสนใจ พี่กับน้องจะเจอกันก็น่าสนใจ อ่านตอนต่อไป
belibalii (@belibalii)
หลงรักคุณโอเมก้าเหมียวซะแล้วค่ะ