บางทีแล้วเราอาจจะต่างยืนอยู่ตรงกลางสุดของโลกหรือจักรวาล
ที่ข้างบนและข้างล่างของเราต่างเป็นอินฟินิตี้
และเราเองก็อาจจะเป็นองค์ประกอบในอินฟินิตี้ของคนอื่น
ไม่ล่างก็บนไม่ขวาก็ซ้ายอะไรอย่างงั้น
และถ้าเราคิดจะเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆ หรือสิ่งอื่นๆ มันก็จะไม่มีที่สิ้นสุดหรอก
ก็เหมือนกับเวลาที่เรายืนเข้าแถวเรียงตามลำดับไหล่ แต่ที่ๆ เรากำลังยืนเรียงอยู่ดันเป็นกาแล็กซี่
ไม่ใช่แค่โรงเรียน และมันก็มีผู้คนมากมายที่แตกต่างจากนายเรียงล้อมตัวนายอยู่เป็นล้านๆ
และบางทีมันอาจถึงขั้นมีเอเลี่ยนเข้าแถวอยู่กับนายด้วยก็ได้ และมันคงไม่ได้แตกต่างกันแค่เรื่องส่วนสูงเหมือนตอนที่มีแค่เพื่อนร่วมชั้น
และไม่ว่านายจะเปรียบเทียบให้ตัวเองกลายเป็นยาจกหรือว่าพระราชา
เปรียบให้เป็นคนอัจฉริยะหรือว่าคนห่วยแตก
มันก็เปรียบได้ถึงขนาดนั้นแหละ
โคตรอินฟินิตี้
จริงๆ แล้วมันอาจจะเป็นอย่างงั้นก็ได้
มีคนมากมายยืนเรียงต่อแถวกับนายอยู่
ไม่อยู่สูงกว่าก็ต่ำกว่าไม่อยู่ถัดไปทางซ้ายก็ทางขวา
แล้วเราก็ไม่มีทางจะรู้เลยว่าปลายแถวทางซ้ายและขวา ข้างบนหรือข้างล่างคือใคร
แล้วความสุข?
นายจะหามันเจอมั้ย
จากการเปรียบเทียบพวกนั้น
ไม่มีทางรู้เลย
พอมาคิดแบบนี้แล้ว
ความสุขของใครก็คือความสุขของใคร
ความทุกข์ของใครก็คือความทุกข์ของใคร
มันอาจจะมีความทุกข์มากมายที่เราสร้างขึ้นมาเอง
แล้วมันก็อาจจะมีความสุขมากมายอีกเหมือนกันที่เราสร้างขึ้นมาเอง
จากการเปรียบเทียบบนล่างซ้ายขวาพวกนั้น
แล้วก็เคยคิดว่าถ้าความสุขมันเป็นเรื่องแบบว่ามีมาตรฐาน สามารถวัดได้อะไรแบบนั้น
มาตรฐานแบบที่โลกใบนี้หรือโฆษณาบ้าบออะไรก็ตามชอบบอกกันว่านั่นคือความสุขนี่คือความสุข
บอกว่านายควรเป็นแบบนั้นนะ
บอกว่านายควรทำแบบนี้นะ
นายน่าจะใช้ชีวิตแบบนั้นนะ
ทั้งๆ ที่ปากของเราต่างก็บอกว่า ความสุขของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน และเราก็ไม่เหมือนกัน
แต่เราก็ยังไม่เคยหลุดจากวงจรความทุกข์ความสุขงี่เง่า
แบบที่โลกใบนี้และคนอื่นๆ ชอบบอกกันจริงๆ เลยซักที
บางทีก็เคยคิดว่าคนที่มีชีวิตแบบที่เราอยากจะมี ได้เป็นคนเจ๋งๆ แบบที่เราอยากจะเป็น
ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เราอยากจะใช้
ชีวิตในแบบที่สำหรับเรามันเป็นความฝัน แต่สำหรับเค้ามันเป็นความจริง
พวกเค้าก็คงจะมีความสุขมากจนตายห่านไปเลยมั้ย
เป็นฟีลแบบว่า overdose อะไรงั้น ที่มีความสุขเว่อร์จนตายไปเลย
ละถ้ามันเป็นแบบนั้นก็คงจะไม่ใช่แล้วอ่ะ เพราะแม่งโคตรจะไม่เมคเซนส์เลย
ถ้าเรามองพวกเค้าและบอกว่าคนนั้นคนนี้แม่งมีชีวิตที่โคตรดีเลยให้ตาย
ถ้าเราเป็นเค้า จะมีความสุขขนาดไหนกันนะ บลาๆ ไปเรื่อย
ถ้าชีวิตแบบนั้นที่เราเคยมองมันว่าเหมือนสวรรค์ เป็นชีวิตที่โคตรดี
เราน่าจะได้อยู่ตรงนั้นบ้าง มีชีวิตแบบนั้นบ้างอะไรงี้
มันก็อาจจะพังตั้งแต่ที่มนุษย์เราไม่สามารถเลือกเกิดได้แล้วอ่ะ
(เช่น เราอยากจะเกิดในยุโรปงี้ คนผิวคล้ำอยากเกิดเป็นคนผิวขาว ผู้ชายอยากเกิดเป็นผู้หญิง บลาๆ )
เหมือนกับตอนเด็กๆ เราเคยคิดว่าพระเจ้าคงจะมอบเยลลี่จอลลี่แบร์ให้เราได้รู้จัก
และคิดว่ามันเป็นของขวัญของโลกใบนี้ แต่พอเข้าซูเปอร์ซื้อขนมอิมพอร์ตมากินก็เออ...
พระเจ้าไม่ได้มอบจอลลี่แบร์ให้เป็นสิ่งที่เรียกว่าของขวัญของกรูหนิเห้ย
ทำไมประเทศกรูถึงไม่มีเยลลี่อร่อยๆ คุณภาพดีๆ เยอะๆ แบบต่างประเทศเค้ามั่งวะ
จะได้ไม่ต้องเสียตังซื้อแต่ขนมอิมพอร์ตที่คุณภาพมันดีกว่า รสชาติมันอร่อยกว่า
แล้วจะเอาอะไรได้ล่ะ ขนาดแค่ขนมอย่างเยลลี่ยังต่างกันเลย
ความจริงแล้วมันอาจจะมีแค่อย่างเดียวเท่านั้นมั้งที่คนเราเหมือนกัน
และไม่จำเป็นต้องมีมาตรฐานห่านอะไร
ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ซีกโลกไหน
ผิวสีอะไร ตาสีอะไร ผมสีอะไร เพศอะไร
ไม่ว่าจะเป็นมือกีต้าร์อัจฉริยะของวงร็อคระดับโลก
หรือว่าเป็นนักเตะเวิร์ลคลาสที่เกิดมากับพรสวรรค์ ที่ต่อให้คนทั่วไปฝึกให้ตายก็ไม่เก่งเท่า
หรือจะเป็นศิลปินวาดภาพระดับโลก ที่ต่อให้บางคนเรียนเป็น 10 20 คอร์สก็ยังวาดตามไม่ได้
เป็นผู้กำกับหนังรางวัล เป็นป๊อปไอดอล เป็นยาจก เป็นขอทาน หรืออะไรก็ตาม
อย่างเดียวที่มันเหมือนกัน ก็ความรู้สึก
เพราะเวลาที่เศร้าจะตาย หรือสุขจะตาย
ขีดจำกัดของมันก็เท่าๆ กัน
...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in