……….
ตอนที่ 39 : ณ คฤหาสน์ #1
“โดนกัดตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมถามอลิซที่นั่งคุกเข่าดูอาการแคลอยู่ข้างๆระหว่างที่ไบรอันทำหน้าที่คุ้มกันให้
“ฉันไม่รู้ว่าเธอทนไว้นานแค่ไหนแล้ว แต่ดูเหมือนยาต้านไวรัสจะไม่ออกฤทธิ์”อลิซตอบเมื่อเห็นเนื้อตัวแคลเริ่มซีดเซียว อีกไม่นานเธอก็จะกลายเป็นหนึ่งในผู้ติดเชื้อ
“หยิบหลอดวัคซีนให้ผมที” อลิซยื่นหลอดวัคซีนให้อย่างงุนงงว่าผมเอาไปทำอะไร ในเมื่อตัวผมไม่สามารถตายด้วยไวรัสจากพวกซอมบี้ได้ เลือดผมก็น่าจะมีสารแอนตี้บอดี้อยู่ ผมเสียบปลายเข็มเข้าไปในข้อพับแขนดูดเลือดเข้าสู่หลอดวัคซีนที่ก่อนหน้าเคยเป็นยาต้านไวรัส ผมยื่นมันให้กับอลิซที่ทึ่งๆ กับความคิดผม
“ลองดู” ผมบอก เธอรับหลอดวัคซีนไปอย่างเก้ๆ กังๆ ไบรอันที่เห็นเหตุการณ์ก็ดูท่าจะค้านแต่ก็ไม่เอ่ยปากอะไร
อลิซจัดการฉีดเข้าไปตรงข้อพับแขน “แน่ใจนะว่าจะได้ผล”เธอถามเพราะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน
“ไม่มีทางอื่นแล้วนี่” ผมมองดูแคลที่ยังนอนไม่ได้สติบนพื้นหญ้า ก่อนลุกขึ้นมองไปรอบๆ เห็นชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังต่อกรกับซอมบี้ที่หลั่งไหลเข้ามาตรงกำแพงที่โดนทำลาย ส่วนอีกฝั่งของคฤหาสน์ก็เห็นลุงวัยกลางคนนำทีมต่อกรกับซอมบี้เช่นกัน พวกนั้นกำลังพยายามเข้าไปในตัวคฤหาสน์เพื่อช่วยผู้รอดชีวิตข้างในแต่ดูท่าจะทำได้ค่อนข้างลำบาก
เสียงกระอักเลือดพร้อมกับเสียง อึก ! เมื่อร่างนอร่ากระแทกเข้ากับพื้นเต็มแรง เจ้าหัวหน้านั่นยังไม่จบง่ายๆมันยังคิดจะพุ่งเข้าจู่โจมเธอต่อ
“ฝากแคลด้วย” ผมบอกทั้งไบรอันและอลิซ รีบทะยานออกไปสุดแรง เข้าไปขวางระหว่างนอร่าและเจ้าหัวหน้านั่นทันที มันชะงักกลางคันเมื่อเห็นผมเข้ามาแทรก
“นายจริงๆ ซะด้วย...เจค” เจ้าหัวหน้าว่า
“วอลเทอร์ !?” ผมแปลกใจที่เห็นเขาอยู่ตรงหน้า วอลเทอร์เป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมชะตากรรมการทดลองพร้อมกับผมมา ก่อนที่ผมจะได้พอลช่วยหนีรอดออกมาจากเคลโอ แต่ด้วยความคิดที่แตกต่างทำให้ผมกับวอลเทอร์กลับกลายเป็นศัตรูกันนับแต่นั้นมา
“เป็นไงมั่งล่ะ ไอมนุษย์แสนจะอ่อนด้อยของนายน่ะ แปปเดียวก็ตายกันหมดแล้ว ยังจะช่วยพวกมันไว้อีกให้ฉันพาพวกมันไปเปลี่ยนเถอะ บางทีพวกมันอาจต้องการเป็นแบบเราก็ได้” วอลเทอร์กล่าว
“ไม่มีใครอยากเป็นแบบพวกเราหรอกวอลเทอร์” ผมพยุงนอร่าที่ท่าทางสะบักสะบอมขึ้นจากพื้นหญ้า
“งั้นอย่างนี้ฉันก็ต้องจัดการนายด้วยสิเนี่ย” วอลเทอร์พูดราวกับว่าตนไม่อยากจะทำ
“ฮะๆ สิ่งเดียวที่นายยังเหมือนเดิมคือปากเก่งเนี่ยแหละ” ผมย้อน เจ้าวอลเทอร์ดูฉุนเฉียวขึ้นมาทันทีพร้อมกับทำท่าฮึดฮัดจะพุ่งเข้าใส่
“ไหวมั้ย?” ผมถามนอร่า สายตายังจ้องไปทางวอลเทอร์
“พอไหว นายก็ระวังตัวไว้ละกัน หมอนี่ไม่ธรรมดา”นอร่าเตือน
“รู้แล้วล่ะ เธอไปช่วยพวกไบรอันเถอะ” ผมบอกนอร่า รู้มาตลอดว่าวอลเทอร์นั้นฝีมือไม่ธรรมดา ตั้งแต่อยู่นิวเคลโอด้วยกันมาวอลเทอร์เป็นหนึ่งในคนที่ต่อกรกับพวกนักเลงที่ชอบมาหาเรื่องพวกเรา
“อันที่จริงฉันกับนายยังสะสางเรื่องเมื่อวันนั้นไม่เสร็จเลย” วอลเทอร์กล่าว
มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้ว เมื่อผมเริ่มบาดหมางทางความคิดกับวอลเทอร์ จนเกิดการทะเลาะถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่พอลก็ดันเข้ามาขวางและพาผมออกมาจากเคลโอซะก่อน
“นั่นสินะ อย่าตกใจซะล่ะถ้าเกิดสู้ไม่ได้น่ะ” ผมยั่ว
“เดี๋ยวก็รู้” วอลเทอร์พูดจบก็วิ่งตรงเข้าหา ผมเอี้ยวตัวหลบหมัด ถอยฉากมาข้างหลัง มันพุ่งตามมาพร้อมเตะกวาดกลางอากาศ ผมก้มหลบพร้อมเตะตัดขา เจ้าวอลเทอร์ไหวทันใช้ขาข้างที่ยืนอยู่ตีลังกากลับหลังไปยืนกับพื้นเพื่อหลบการโจมตีผม
“พัฒนาขึ้นนี่” วอลเทอร์เอ่ย อาการเหนื่อยเริ่มเห็นชัดขึ้น
ผมไม่ตอบสายตายังไม่ละจากมัน ก่อนที่ทั้งผมและมันจะหันไปตามเสียงเครื่องยนต์ที่พุ่งฝ่าเข้ามาในคฤหาสน์ มันเป็นรถเรนจ์ โรเวอร์ สีดำสามคัน วิ่งบดพื้นสนามหญ้าด้วยความเร็วพุ่งชนเหล่าซอมบี้และพวกกลายพันธุ์ที่ขวางทางก่อนหยุดรถใกล้ๆนอร่าและพวกไบรอัน
แสงไฟหน้ารถดับลง เผยทหารหน่วยจู่โจมนับสิบเปิดประตูก้าวลงจากรถพร้อมอาวุธครบครัน
“ดูท่านายจะตกที่นั่งลำบากแล้วนะ” ผมยิ้มให้วอลเทอร์
“นายก็น่าจะรู้นะว่าฉันน่ะมีไม้ตายลับเสมอ” มันตอบ สีหน้าไม่ได้วิตกกังวลกับหน่วยจู่โจมที่ตอนนี้กำลังช่วยชาวบ้านกวาดล้างพวกซอมบี้กันอย่างเต็มที่ ชาวบ้านที่เหลือรอดต่างพากันร้องเฮด้วยความดีใจ ไม่แน่วันนี้อาจเป็นวันล้างบางซอมบี้ของหมู่บ้านนี้ก็ได้
“จะรอดูแล้วกัน” ผมพุ่งเข้าไปหามันอีกครั้ง
ผมปล่อยหมัดเข้า มันใช้มือรับไว้ได้ก่อนเหวี่ยงแขน ผมหมุนตัวตีลังกาข้างตามแรงเหวี่ยงของมันเพื่อลดการบาดเจ็บ เมื่อเท้าแตะพื้นผมใช้ขาขวาถีบไปตรงหน้า มันปล่อยมือจากแขน เอนตัวไปด้านหลังเพื่อหลบลูกเตะ ผมพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วที่ดูจะเหนือชั้นกว่า ใช้มือซ้ายกระชากชุดทหารของมันเข้าหาตัว ปล่อยหมัดขวาอัดกระแทกเข้ากลางอกมันเต็มๆ มันกระเด็นไปหลายเมตร ผมไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือ พุ่งเข้าไปอีกพร้อมเข่าลอย แต่มันก็ใช้สองมือรับเข่าผมก่อนจะเหวี่ยงผมกระแทกพื้น
ผมรีบถีบตัวลุกขึ้น แต่ก็ต้องก้มหลบลูกเตะของมัน รู้สึกพลาดที่ก้มเพราะมันดันเตะเสยเข้าช่วงท้องผมอย่างจัง ตัวผมลอยไถลครูดไปกับพื้นหญ้า รีบยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง “ฝีมือสูสีกันแบบนี้คงต้องตายกันไปข้าง”ผมคิดในใจ วิ่งเข้าหาวอลเทอร์ที่ดูเหมือนจะรอตั้งรับอยู่แล้ว
..........
“อลิซ” แคลเรียกอลิซด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกระซิบ
“แคล !” อลิซดีใจที่แคลได้สติ เนื้อตัวกลับมาดูมีชีวิตอีกครั้ง ไบรอันและนอร่าหันมาตามเสียงอลิซที่ร้องเรียกแคล
“เอ้อ จริงสิ เอานี่ไป ถึงเป็นยาระดับหนึ่งแต่ก็คงดีกว่ายาต้านไวรัสล่ะนะ”นอร่าส่งเม็ดยาของเธอให้กับแคลหนึ่งเม็ดมันเป็นยาที่พวกทีมสำรวจไม่มี แคลรับไปพร้อมกล่าวขอบคุณ เธอเคี้ยวมันก่อนกลืนลงไป
“รู้สึกเย็นซ่านไปทั้งตัวเลย” แคลพูดขึ้น
“นั่นแปลว่ามันยังใช้ได้อยู่” นอร่าตอบ เดินไปที่รถพลางหันไปมองลูกทีมที่แปรรูปขบวน จัดการกับเหล่าซอมบี้
“นี่ไม่คิดจะทักกันสักหน่อยเลยรึไง” ริกทักขึ้น ตนผละจากพวกอ๋องที่ช่วยหน่วยของตนอยู่
“ไม่ไปช่วยเพื่อนนายล่ะ” นอร่าถาม ทิ้งตัวลงเอนกับเบาะรถราวกับว่าสถานการณ์รอบด้านเป็นเพียงงานสังสรรค์ครึกครื้นงานหนึ่งเท่านั้น เธอไม่คิดจะลงมือเพราะดูเหมือนฝ่ายเราจะได้เปรียบอยู่ตอนนี้
“พวกนั้นมันเก่งอยู่แล้ว” ริกตอบ นั่งบนพื้นรถเอนหลังพิงกับเข่านอร่าที่นั่งอยู่บนเบาะ
“นี่ ไปนั่งตรงอื่นไม่ได้รึไง”
“ก็อยากนั่งตรงนี้นี่ รึว่านั่งไม่ได้”ริกย้อนถามอย่างอารมณ์ดี
“นายนี่มัน...” นอร่าไม่อยากจะเถียงเพราะยิงเถียงกลับก็ดูจะยืดยาวไปอีก
“เธอไม่อยากให้ฉันอยู่ใกล้ๆ สินะ” ริกพูดน้ำเสียงน้อยใจ
“เปล่าสักหน่อย...”
“หวานกันจริงนะ” อ๋องเดินหอบตรงเข้ามายังรถที่ทั้งสองนั่งอยู่ หมุนปืนไปสะพายไว้ข้างหลัง
“อะไรๆ อิจฉาละซี่” ริกยียวน “อย่าเงียบสิๆ” ริกยังไม่หยุด
“พอเถอะน่า” นอร่าปราม
“ขอบคุณนอร่า” อ๋องทิ้งตังลงนั่งกับพื้น แผ่นหลังพิงกับตัวรถ เมื่อเหตุการณ์เริ่มเข้าที่
..........
“ดีขึ้นแล้วใช่มั้ยแคล งั้นเธออยู่กับพวกนอร่าข้างล่างนี้นะ” อลิซว่า
“เธอจะไปไหน?” แคลถาม
“ฉันจะขึ้นไปช่วยโจ ไม่รู้ป่านนี้หมอนั่นเป็นไงมั่ง ขาดการติดต่อไปเลย” อลิซว่า
“หมอนั่นหายไปร่วมชั่วโมงแล้ว ฉันว่าเรารีบไปกันดีกว่า เจ้านั่นยิงน่าเป็นห่วงอยู่ด้วย” ไบรอันพูด ซึ่งนั่นก็จริง
“งั้นฉันก็จะไปด้วย โจเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมทีม ดังนั้นฉันต้องไปช่วย”
“แต่ว่าแคล…”
“ฉันไหวน่าอลิซ แผลก็หายแล้ว”แคลแกะผ้าพันแผลออก ไม่มีแม้กระทั่งรอยแผลเป็นด้วยซ้ำ
“ให้พวกเราไปช่วยมั้ย?” อ๋องตะโกนถาม ตนได้ยินทางนั้นพูดกัน
“ขอบใจ แต่นายช่วยชาวบ้านเถอะ ดูท่าพวกนั้นยังต้องการพวกนาย” ไบรอันตอบ
“งั้นพวกนายคงต้องการนี่” อ๋องลุกขึ้นเดินไปเปิดท้ายรถ เผยอาวุธยุทโธปกรณ์มากมาย
“โอ้ ขอบใจมาก ดีนะที่พวกนายมาช่วย ไม่งั้นพวกเราคงเสร็จมันไปนานแล้ว”ไบรอันกล่าวขอบคุณเมื่อได้เห็นอาวุธ เขาจัดแจงส่งอาวุธให้กับอลิซและแคลพร้อมกับหยิบแมกกาซีนยัดลงเป้ของอลิซที่มีแค่ใบเดียวไบรอันยกมาสะพายให้
“ไม่เป็นไร เกิดอะไรขึ้นล่ะก็เรียกพวกเราได้ตลอดล่ะ” อ๋องยื่นวิทยุอันเล็กให้กับอลิซ
“หวังว่าจะไม่ได้ใช้เจ้านี่ก็แล้วกัน” อลิซว่าพลางหัวเราะน้อยๆเพราะถ้าใช้เท่ากับว่าตอนนั้นพวกตนคงเจอปัญหาใหญ่อยู่แน่ๆ
“ไปเร็วอลิซ ไม่รู้ข้างในเป็นไงมั่ง” ไบรอันเรียกอลิซ ทั้งสามวิ่งผ่านหน่วยจู่โจมที่กำลังจัดอาณาเขตและปิดล้อมทางเข้าคฤหาสน์ไว้ไม่ให้พวกซอมบี้ข้างในออกมาได้ไบรอันขอเปิดทางเพื่อเข้าไปในตัวคฤหาสน์
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น เมื่อหน่วยจู่โจมช่วยกันขนย้ายซากอิฐซากปูนเท่าที่ขนได้ไปสกัดทางเข้าตรงที่กำแพงมันระเบิดพังลงมา พร้อมกับจัดตั้งทีมเฝ้าระวังแทนกลุ่มของมอลลี่ ซึ่งพวกกลายพันธุ์ยังทยอยเข้ามาเรื่อย ๆไม่รู้พวกมันมีจำนวนเท่าไหร่กันแน่ กลับกันตรงทางเข้าก็มีลูกทีมจำนวนหนึ่งเอาประตูรั้วที่ยังพอใช้ได้ ทำการตั้งมันขึ้นมาปิดไว้อีกครั้งพร้อมกับหาซากอิฐมาทำเป็นฐานยึดไม่ให้ประตูมันพังลงมาอีก พร้อมกับทำบังเกอร์กั้นพวกซอมบี้
เหล่าชาวบ้านข้างในจึงมีเวลาได้พักหายเหนื่อยกันบ้าง เมื่อพวกเขาก็รบตบมือกับพวกซอมบี้มาได้นานแล้ว จึงเหลือแต่สังเวียนเดือดของเจคกับวอลเทอร์ที่ยังสู้กันอย่างดุเดือดไม่มีใครยอมใครอยู่กลางลานโล่ง ซึ่งก็ไม่มีใครคิดจะเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ครั้งนี้
“เอาล่ะ หวังว่าเจ้านั่นมันจะอึดพอนะ” ไบรอันพูดเมื่อก้าวเข้ามาในตัวคฤหาสน์อีกครั้ง เขายิงปลิดชีพเหล่าซอมบี้ที่หมายจะเข้ามาทำร้ายพวกตน
“อย่างหมอนั่นมันรอดอยู่แล้วล่ะน่า” อลิซว่า
“ใช่ เห็นงี้แต่เป็นถึงพลซุ่มยิงเลยนา ว่าแต่ก่อนหน้านี้ชาวบ้านข้างในที่ยังรอดหายไปไหนหมดแล้วล่ะ” แคลสงสัย พวกตนยังไม่เห็นชาวบ้านที่ยิงปะทะกันข้างในจะออกมาเลยสักคน แต่ทั้งสามก็ไม่ได้สนใจมากนัก เดินอย่างเงียบเชียบขึ้นสู่ชั้นสอง สอดส่องไปรอบๆ เผื่อพวกซอมบี้ที่มักปรากฏตัวแบบทีเผลอ
……….
“นี่อ๋อง ถามไรหน่อยสิ พวกนายกำจัดเจ้าพวกเนื้อไหม้เนื้อลอกนั่นไปหมดแล้วหรอ?” นอร่าถาม
“เอ พวกเราระดมฆ่าไปได้แค่สามสี่ตัวเองนา แต่ดูพวกไบรอันจะฆ่าไปหนึ่งนะ” ริกว่า
“พวกนายฆ่ามันยังไง” นอร่าถามอีก
“ทำให้มันกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไงล่ะ ดูท่าจะมีแค่ทางเดียวนะ เพราะพวกมันฟื้นตัวไวมาก” คราวนี้อ๋องตอบ
“เท่าที่นายบอกพวกมันยังเหลืออยู่อีกนะ” นอร่ายังสงสัยเรื่องจำนวนพวกมัน
“บางทีเราอาจจะกำจัดไปหมดแล้วก็ได้ อย่าคิดมากน่า” ริกหันไปตอบนอร่าที่ดูกังวลผิดปกติ
“ก็ขอให้มันเป็นยังงั้นแล้วกัน” นอร่าว่า
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in