……….
ตอนที่ 16 : นิวเคลโอ
“จัดการหน่วยสื่อสารมันก่อน” ริกสั่งมือสไนเปอร์ของทีม พูดจบเสียงปืนก็ดังขึ้นริกชำเลืองมองผ่านกระจกรถที่แตกไปหมดแล้วก่อนเห็นหนึ่งในพวกมันไกลๆ ล้มลง
ตอนนี้ดูเหมือนว่าฝั่งริกกำลังได้เปรียบเนื่องจากพวกมันดันส่งทีมไปบุกเขตก่อสร้างของนิวเคลโอซะหมดทำให้กำลังคนของมันตรงนี้มีไม่กี่คน
“อย่าให้พวกมันเรียกกำลังเสริมได้” ริกย้ำกับลูกทีม
“ครับผม” ลูกทีมรับคำ
“เอาล่ะ พวกเราต้องกลับไปช่วยฝั่งทางโน้นอีก รีบๆ ปิดงานกันดีกว่า”
“โอ๊ส !” เหล่าลูกทีมพากันขานรับอย่างมุ่งมั่น
ตูม ! เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่วท้องถนนตอนนี้เปรียบเสมือนสนามดวลปืนก็ไม่ปาน พื้นถนนแตกเป็นเสี่ยงๆรวมไปถึงตัวอาคารบ้านเรือนเองก็ถูกพวกมันระเบิดถล่มลงไปไม่น้อย บนท้องถนนก็เต็มไปด้วยซากปูนที่ถล่มลงมาเกิดกองไฟไหม้เป็นบางพื้นที่ตามเศษซากปรักหักพัง
“บ้านมันรวยระเบิดรึไงวะ” ริกสบถขณะพวกมันเอาแต่ใช้ปืนระเบิดยิงอย่างเดียว ทำให้พวกตนต้องคอยร่นระยะและหาที่กำบังใหม่เรื่อยๆเพราะพวกมันดันไล่ยิงตามตลอด
“นับถึงสาม แกสองคนวิ่งเข้าไปตึกตรงนั้นนะ” ริกชี้ไปตึกตรงหน้า “เดี๋ยวฉันจะไปตึกตรงข้าม วิ่งทะลุตรอกอ้อมไปจัดการพวกมัน” ริกอธิบาย
“งั้นผมสองคนก็เป็นตัวล่อระเบิดน่ะสิหัวหน้า”
“สไนเปอร์คุ้มกันพวกมันสองคนด้วย” ริกสั่งสไนเปอร์ที่ตนสั่งให้ไปซุ่มอยู่รอบๆตามดาดฟ้าตึกและกำชับให้คอยเปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลาเพราะพวกมันมันจ้องจะถล่มมือปืนฝั่งเราอยู่
“หัวหน้าครับ หัวหน้า ฟังพวกกูมั่งดิเฮ้ย !”
“นี่เป็นคำสั่งนะ พวกนายต้องเข้าใจสิ” ริกหันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงพยายามบอกถึงความจริง
“เริ่มได้ !” ริกพูดเสร็จก็ลุกพรวดออกจากหลังรถที่ตนใช้เป็นที่กำบังมุ่งไปยังร้านขายเสื้อข้างหน้า
“ให้ได้อย่างงี้สิน่า” ลูกทีมสองคนวิ่งออกจากที่กำบังมุ่งตรงไปยังอาคารที่หัวหน้าตนสั่ง
เพล้ง ! ริกถีบประตูร้านที่ทำด้วยกระจกใสรีบเข้าไปเมื่อพวกมันระดมยิงไล่หลัง ก่อนที่ตนจะได้ยินเสียงระเบิดที่ดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามของตึก
“หวังว่าเจ้าสองคนนั้นมันจะรอดนะ” ริกรีบวิ่งเข้าไปภายในร้าน ใช้ปืนพกยิงลูกบิดประตูก่อนใช้ลำตัวกระแทก
สองมือริกกระชับปืนพกในมือแน่นสอดส่องซ้ายขวาว่ามีศัตรูหรือไม่ ก่อนออกวิ่งไปข้างหน้า มุ่งไปทางตรอกเสียงการยิงปะทะเป็นตัวบอกได้อย่างดีว่าลูกทีมตนยังมีชีวิตรอดอยู่
ริกค่อยๆ ก้าวเดินอย่างระวังเมื่อตนอยู่ในตรอกเยื้องไปทางซ้ายเป็นพวกมันที่ใช้รถตู้ของตนเป็นที่กำบัง พวกมันมีจริงๆ แค่สี่คนเท่านั้นแต่กลับยื้อเวลาได้นานขนาดนี้สายตาริกตอนนี้จ้องไปที่ไอชุดสูทคนหนึ่งในมือถือปืนยิงระเบิดเพราะมันเนี่ยแหละทำให้เราล่าช้าขึ้นมาก
“เล่นไว้เยอะนะเราน่ะ” ริกเก็บปืนพกเปลี่ยนเป็นปืนกลที่ตนสะพายไว้ข้างหลังโน้มตัวลงประทับปืนแน่น สายตามองผ่านกล้องเล็งยิงจุดศูนย์กลางเป้าอยู่กลางหลังหัวมันพอดิบพอดีอีกทั้งระยะไม่ถึงร้อยเมตรแค่นัดเดียวก็จอดแล้ว
ปัง ! กระสุนพุ่งเข้ากลางหัวปืนยิงระเบิดหล่นกระแทกพื้น เลือดกระเซ็นสาดขึ้นตัวรถตู้สีดำ เพื่อนคนข้างๆ พากันสะดุ้งโหยง ริกไม่ปล่อยผ่าน จัดไปอีกสองนัดร่างหนึ่งกระแทกตัวรถก่อนล้มลง อีกร่างทรุดยวบลงกับพื้น
“เปลี่ยนจากชุดสูทเป็นชุดเกราะดีกว่ามั้ง” ริกพูดลดปืนลงก่อนสั่งลูกทีมให้เคลื่อนพลยึดรถ
“เดี๋ยวนะ มันหายไปคนนึงนี่หว่า”
เมื่อนึกขึ้นได้ริกก็ประทับปืนไว้กับตัวค่อยๆ เดินออกจากตรอกช้าๆ สอดส่องสายตาไปรอบๆ รวมทั้งมองเข้าไปภายในอาคารเผื่อว่ามันอาจจะซุ่มอยู่ก็ได้ ริกก้าวมาหยุดอยู่หลังรถตู้ก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดแต่ตนก็ต้องอุ่นใจขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลูกทีมพูดขึ้น“เสร็จไปหนึ่ง”
“เอาล่ะ พื้นที่เคลียร์ ลงมาได้แล้ว” ริกสั่งให้ทุกคนมารวมตัวกันที่รถก่อนจะเลื่อนประตูด้านข้างเปิดออกไล่เจ้าสองคนไปนั่งข้างหน้าพร้อมกับขับรถตนนั่งข้างหลังกับเจ้าสไนเปอร์ก่อนบึ่งรถมุ่งหน้ากลับไปยังเขตก่อสร้างข้างหน้า
..........
การต่อสู้กับพวกมันในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านแบบนี้เป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก มีผู้คนโดนลูกหลงล้มตายไปหลายคนทั้งจากตึกถล่มบ้างจากกระสุนที่มันพยายามจะยิงผมบ้าง ผมกลมกลืนกับฝูงชนก่อนทะยานอ้อมไปข้างหลังหนึ่งในพวกมัน ปิดปากและจับหักคอจากทางด้านหลังก่อนทะยานออกอย่างรวดเร็วจนอีกสองคนต้องตกใจเมื่ออยู่ๆ เพื่อนของตนก็ล้มลง
ระหว่างที่อีกคนกำลังก้มสำรวจและพยายามจะช่วยเหลือเพื่อนผมก็พุ่งเข้าใส่อีกคนอย่างรวดเร็ว เสียบมีดด้ามยาวแทงทะลุหัวใจมันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดถึงแม้ว่าผมจะปิดปากมันแล้วก็ตามแต่เพื่อนอีกคนก็ได้ยินและหันมาตามเสียง
ผมปล่อยมือจากมีดยาวลดมือลงไปคว้ามีดสั้นที่เหน็บอยู่ข้างหลังออกจากฝัก สะบัดข้อมือตัวมีดลอยลิ่วแทงเข้ากลางหน้าผากของอีกคนมันล้มตึงทับเพื่อนตัวเอง
“เก่งขึ้นนี่ รู้จักใช้พลังที่มีให้เกิดประโยชน์ไม่ใช่เอาแต่วิ่งอย่างเดียว” เสียงนอร่าดังขึ้นก่อนเห็นเธอเดินปะปนออกมาจากฝูงชนที่กำลังแตกตื่นรอบๆ ตัวมีรถจากนิวเคลโอมารับเหล่าคนงานกลับนิวเคลโอ พร้อมกับรถทหารอีกหลายคันที่เพิ่งมาถึง
“ขอบคุณที่ชม” ผมบอกเธอ ดึงมีดยาวออกจากร่างไร้วิญญาณก่อนเดินไปเก็บมีดสั้นตาม ผมเช็ดคราบเลือดกับชุดสูทของพวกมันก่อนเก็บไว้ตามเดิม
“พวกมันมากันกี่คน” ผมถามพลางเดินเข้าไปใกล้ๆ นอร่า
“มากันแค่สิบกว่าคนเอง ฉันจัดการไปหมดแล้วล่ะ” นอร่าตอบ
“ความผิดผมสินะ ที่ทำให้ทุกคนรวมทั้งแคลต้องมาเจ็บตัวขนาดนี้”
“แต่ถ้านายไม่ช่วยแคลตั้งแต่แรกเธออาจจะไม่มีวันนี้ก็ได้นะ” นอร่าตอบ
“ก็จริงของเธอ” ผมตอบ มองไปรอบๆ
เหล่าเจ้าหน้าที่พากันระดมกำลังแยกย้ายกันออกไปสำรวจพื้นที่คนงานเริ่มน้อยลง คงเพราะโดนส่งกลับไปกันแล้ว แต่ซากศพก็มีมากมายเหลือเกินตามพื้นถนนและใต้ซากนั่งร้านและซากตึกที่ถูกพวกมันระเบิดถล่มลงมา
“ดูท่านายจะชอบแคลสินะ”
“ชอบขนาดไหนก็คงไม่ได้เจอแล้วล่ะ” ผมตอบ
“เฮ้ออ ! ความรักหนอ ความรัก” นอร่าส่ายหน้าไปมาเดินไปทางรถเจ้าหน้าที่ ก่อนจะหันกลับมาถามผมว่า “แล้วนายจะเอาไงต่อ”
“ไม่รู้สิ” ผมยักไหล่ นอร่าถอนหายใจ กระโดดขึ้นหลังคาหายลับไปอันที่จริงผมค่อนข้างเศร้าที่จะไม่ได้เจอแคลอีกผมรู้สึกเหมือนหมดความหมายราวกับว่าไม่รู้หนทางของตัวเองว่าตนต้องไปทางไหนหรือทำอะไรต่อ
……….
“ฉันมาช่วยแล้วเพื่อน” ริกรีบเปิดประตูรถออกอย่างรวดเร็วก่อนตกใจเมื่อทั้งอ๋องและเหล่าทหารต่างพากันชี้ปืนมาทางพวกตนพร้อมโจมตี
“นี่มันอะไรกันเนี่ย?”
“โห่ ! ก็นึกว่าพวกมัน” อ๋องสั่งให้ทุกคนลดปืนลงเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนตน
“ใครใช้ให้มึงเอารถพวกมันมาใช้เนี่ย” อ๋องถาม
“ถ้าพวกกูวิ่งมาก็มาช่วยมึงไม่ทันสิวะ”
“มันจบไปตั้งนานแล้วว้อย”
“อ่าว ดูท่าพวกเราจะมาช้าไปนะ” ริกหันไปพูดกับลูกทีมตนที่ค่อยๆทยอยลงมาจากรถด้วยสภาพอิดโรย แต่สีหน้าทุกคนกับแสดงความดีใจกันถ้วนหน้าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี
“แล้วจะเอาไงกับหมอนั่น” นอร่าที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนเดินเข้ามาถามอ๋อง
“พาไปด้วยน่ะสิ เราต้องรู้ให้ได้ว่าพวกมันต้องการอะไรจากเจ้านั่น” อ๋องตอบ
“พากลับฐานเราน่ะหรอ” นอร่าถาม
“เปล่า พาเข้านิวเคลโอต่างหาก” อ๋องตอบ
……….
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in