……….
ตอนที่ 17 : ทางแยก #1
บรรดาทหารนิวเคลโอในชุดเครื่องแบบสีขาวอมเทาเดินสำรวจตามซักปรักหักพังดูว่ายังหลงเหลือผู้รอดชีวิตอีกหรือไม่ ซึ่งผมคาดว่าไม่น่าจะรอดแล้วล่ะถ้าจมอยู่ใต้ซากตึกที่ถล่มลงมาขนาดนั้นพวกอ๋องกำลังเกาะกลุ่มคุยอะไรสักอย่างกับทหารของนิวเคลโอ พวกของเขาแต่งตัวแตกต่างจากพวกนิวเคลโออย่างเห็นได้ชัดชุดสีดำเข้มมีเกราะกันกระสุนอย่างดี เครื่องแบบพร้อมรบและรูปร่างที่ค่อนข้างจะดูแข็งแรงกว่าพวกนิวเคลโอที่ใส่เครื่องแบบสีขาวแล้วก็สะพายปืนไว้ข้างหลัง
“นายต้องไปนิวเคลโอกับเรา” นอร่าบอกผม
“เราสองคนเข้าไม่ได้ไม่ใช่รึไง?”
“เราเข้าไปในฐานะสมาชิกหน่วยจู่โจมต่างหากซึ่งอันที่จริงฉันก็เป็นอยู่แล้ว”
“มิน่าถึงเก่งนัก แล้วทำไมไปอยู่กับพวกไบรอันได้ล่ะ” ผมถาม
“ก็คล้ายๆ พวกนอกเครื่องแบบนั่นแหละ” เธอตอบก่อนจะโดนริกเรียกตัวไป
นี่ผมได้เข้านิวเคลโอจริงๆรึเนี่ย ว่าแต่ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมต้องไปแต่ผมก็ไม่อยากจะคิดมันให้รกหัวเพราะยังไงผมก็ไม่รู้จะไปไหนอยู่แล้ว
“เฮ้ ! ไปกันได้แล้ว” อ๋องตะโกนเรียกก่อนขึ้นรถเอสยูวีที่ทางนิวเคลโอเตรียมไว้
อ๋องเริ่มออกรถทันทีเมื่อผมปิดประตูผมนั่งเบาะหลังคนขับกับนอร่า ริกนั่งข้างคนขับ รถแล่นไปเรื่อยๆ ไม่ช้าไม่เร็วข้างหน้าไม่มีสิ่งกีดขวางแต่ปรากฏอาคารต่างๆที่ถูกบูรณะใหม่แล้วทั้งสิ้นยกเว้นบริเวณที่เพิ่งทำลายไปทุกอาคารมีข้าวของภายในพร้อมเสร็จสรรพ ข้างหน้าเป็นกลุ่มแรงงานที่เพิ่งจะหนีตายมาหมาดๆตอนแรกผมนึกว่าพวกนั้นพากลับนิวเคลโอซะอีกกับพาออกมาห่างจากจุดเกิดเหตุสองสามกิโลเมตรเท่านั้น
“แล้วนี่ผมต้องไปทำอะไรในนั้น” ผมถามขึ้นเมื่อทุกคนเอาแต่นั่งเงียบ
“เราต้องรู้ก่อนว่าทำไมพวกมันถึงต้องการตัวนาย” อ๋องตอบมองผมผ่านกระจกมองหลัง
“ยังไง?”
“ทดสอบไง” ริกตอบ สายตามองเหล่าผู้คนที่เดินขวักไขว่สองข้างทาง
“ยังไง?” ผมถามอีกครั้ง
“เดี๋ยวก็รู้เองล่ะน่า” นอร่าพูดแทรก
“ก็คนมันอยากรู้นี่”
“ถึงแล้ว” อ๋องเอ่ยขึ้นก่อนชะลอรถข้างหน้าเป็นกำแพงสูงลิ่วเหมือนกับขาลงแต่คราวนี้ผมไม่เห็นบันไดตอนลงเหมือนกับตอนแรก ตัวผนังเป็นช่องว่างขนาดใหญ่พอที่รถบรรทุกคันโตจะเข้าไปจอดได้มีมันช่องแบบนี้ไล่ยาวไปหลายสิบช่อง แต่ละช่องจะมีเจ้าหน้าที่เฝ้าไว้ตลอดมันก็คือลิฟต์นั่นเอง อ๋องเคลื่อนรถค่อยๆ เข้าไปหยุดในช่องที่ว่างก่อนพื้นดินข้างล่างจะยกตัวสูงขึ้นรอบตัวพลันมืดสนิท เห็นแต่ผนังกำแพงที่เคลื่อนผ่านไปในเงามืดก่อนเราจะขึ้นมาสู่แสงสว่างอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ยกแผงกั้นออกอ๋องแล่นรถออกไป ข้างหน้าเป็นลานจอดรถที่กว้างขวางพอตัวอ๋องขับวนหาที่จอดสักครู่ก่อนจะหยุดรถแถวๆ ร่มไม้
“อยากนอนเต็มที่แล้ววุ้ย” ริกพูดพลางเปิดประตูรถ
ทุกคนก้าวลงมายืนบนลานจอดรถที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรถพยาบาลและเต็นท์ที่ปฐมพยาบาลเฉพาะกิจก่อนจะเร่งพาตัวคนเจ็บเข้าไปรักษาข้างในอีกที
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาเหยียบในนิวเคลโอตึกสูงเสียดฟ้าแทบจะรายล้อมรอบๆ ทุกอย่างที่นี่ดูก้าวหน้ากว่าทุกสิ่งที่ผมเคยเจอ อันที่จริงผมก็อยู่แต่ที่รกร้างมาหลายปีไม่ค่อยได้เจอความเจริญสักเท่าไหร่
“ตามมาเร็วเข้า” อ๋องเร่งทุกคนให้รีบก้าวตามตนไป
ทุกคนเดินตามอ๋องไปติดๆเราเดินผ่านรถพยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่กำลังปฐมพยาบาลคนเจ็บเบื้องต้นอยู่ ออกมาจากพื้นที่ขีดเครื่องหมายอาณาเขตจอดรถขึ้นมาเดินอยู่บนทางเดินยาว รอบข้างประดับประดาไปด้วยต้นไม้นานาชนิดมีเก้าอี้มานั่งตลอดสองข้างทางบรรยากาศร่มรื่นมีแสงแดดอ่อนๆ ทั้งๆ ที่ตอนนี้น่าจะบ่ายกว่าแล้ว
“เฮ้ !” เสียงไบรอันดังขึ้นก่อนผมจะเห็นทั้งไบรอัน อลิซ และแน่นอน แคลทุกคนต่างนั่งอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งสีน้ำตาลยาว
“พวกเธอไม่เป็นอะไรกันหรอกรึ?” ริกถามทันทีเมื่อเห็นทุกคน
“พวกเราพอจะดีขึ้นตั้งแต่ได้ยาข้างล่างแล้วล่ะพอขึ้นมาเจ้าหน้าที่ก็แจกขนาดเล็กให้อีก ตอนนี้เลยดีขึ้นเยอะนี่ก็รอแต่แคลที่ต้องไปรักษาตาล่ะ” ไบรอันอธิบายแทนทุกคน
“ว้าว ! ดีใจด้วยนะแคลทีนี้เธอก็จะได้เห็นพวกเราทุกคนแล้วสิ” อ๋องดีใจเมื่อได้ยิน
“ขอบคุณทุกคนมากๆ นะที่ช่วยฉันมาตลอด” แคลพูด
“โอ้ยย ! ไม่ลำบากเลยสักนิด มันเป็นงานพวกเราอยู่แล้ว”ริกตอบ
ผมรู้สึกอึดอัดใจอย่างบอกไม่ถูกผมได้เห็นแคลตรงหน้า แน่นอนว่าผมดีใจ ผมอยากจะเข้าไปสวมกอดเธอด้วยซ้ำแต่เหมือนมันมีอะไรกั้นผมไว้อยู่เพราะผมรู้ตัวเองว่ายังไงก็ต้องจากเธอไปอยู่ดี ผมได้แต่ยืนอึกอักมองทุกคนคุยกัน ซึ่งนอร่าก็เห็นปฏิกิริยาของผม
“แล้วเจคล่ะ?” แคลถาม แน่นอนว่าเธอต้องถามแน่
“นั่....” ไบรอันกำลังจะพูดแต่ก็โดนนอร่าพูดแทรกขึ้นมา
“เจคตายแล้ว” นอร่าพูดขึ้น ทุกคนต่างทำสีหน้าแปลกใจเมื่อได้ยินนอร่าพูดออกไปเพราะต่างก็ยังเห็นผมยืนอยู่ด้วย
“ฮะ !” ไบรอันยังตกใจที่นอร่าพูดพลางทำไม้ทำมือชี้มาที่ผม อลิซกับอ๋องไม่พูดอะไร ริกหันกลับมามองนอร่าสลับกับมองผมด้วยสีหน้าเค้นหาความจริงซึ่งผมก็ยังตกใจกับสิ่งที่นอร่าพูดออกไป แต่ก็เข้าใจในสิ่งที่เธอพยายามจะทำมันอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดก็เป็นได้
“ล้อเล่นใช่มั้ย? เจคยังไม่ตายใช่มั้ย?” น้ำเสียงแคลสั่นเครือเมื่อได้ยินสิ่งที่นอร่าพูดน้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
“ไหนสัญญาแล้วไงว่าจะตามมา” แคลพูดต่อ ทุกคนเงียบกริบมีแต่เสียงร้องไห้ของแคลที่ดัง ทุกคนไม่แม้แต้จะพูดอะไรต่อ
ผมยืนอยู่ข้างหน้าเธอแท้ๆแต่ไม่สามารถจะเข้าไปปลอบปะโลมเธอได้เหมือนทุกที ไม่ได้แม้แต่จะพูดปลอบด้วยซ้ำผมรู้สึกทั้งโกรธและเกลียดตัวเองที่ทำไมไม่เป็นคนธรรมดาเหมือนกับคนอื่นๆ เขา ริกเดินเข้ามาตบไหล่ผมเบาๆ ด้วยความเข้าใจสายตาผมยังจ้องมองเธอที่นั่งอยู่ตรงหน้า ใกล้แค่เอื้อม ก่อนจะต้องมองตามสายตาทุกคนที่หันไปทางเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่เข็นรถผู้ป่วยมาทางนี้
“ไม่ทราบว่าคนไหนคือแคลเอ่ย?” บุรุษพยาบาลในชุดทำงานสีขาวถามขึ้น
“อยู่นี่ครับ” ไบรอันตอบก่อนโอบแคลที่ยังคงร้องไห้ไม่หยุดให้ลุกขึ้น
“เธอต้องไปแล้วนะ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพวกเราจะไปกับเธอด้วย” ไบรอันพยายามทำให้แคลรู้สึกดีขึ้นก่อนประคองเธอลุกขึ้นช้าๆพาเธอไปนั่งบนเก้าอี้ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมมาให้
“ดูท่าพวกเราคงต้องไปแล้วล่ะ” ไบรอันกล่าวก่อนเดินตามเจ้าหน้าที่ที่พาแคลไปยังรถพยาบาลที่จอดอยู่ข้างหน้าอลิซเดินขนาบข้างเธอไปด้วย
“ไว้เจอกันนะแคล อย่าลืมพวกเราซะก่อนล่ะ” ริกตะโกนไล่หลัง
“เจคไม่ได้ตายทรมานใช่มั้ย?” อยู่ๆ เธอก็บอกให้เจ้าหน้าที่หยุดก่อนจะถาม
“ไม่รู้สิ เราไม่เห็นศพเขานะแต่ตรงที่ตึกถล่มมันเป็นตำแหน่งเดียวกับที่เจคอยู่น่ะ…” ริกพูด
“พวกนายรู้อะไรมั้ย? หมอนั่นน่ะตายเป็นซะที่ไหน” แคลพูดเหมือนมีความหวังเจ้าหน้าที่เข็นรถไปต่อ คำตอบเธอทำเอาผมยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง
“นั่นสินะ พวกเราอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ยังไงก็รักษาตัวด้วยไว้จะไปเยี่ยมนะ” ริกตอบ
“อื้อ พวกนายก็โชคดีล่ะ” แคลว่า
“แถเก่งเหมือนกันนะเพื่อนเรา” อ๋องพูดกับริก
“ทำไงได้ล่ะ” ริกตอบ
“งั้นพวกเราก็ไปกันต่อเถอะ” อ๋องเอ่ยขึ้นก่อนเดินนำพวกเรามุ่งหน้าเข้าเมืองนิวเคลโอ
“ยังไงก็ขอบใจละกันที่ช่วยพูดไป” ผมบอกนอร่า
“ก็แค่ไม่อยากเห็นสีหน้านายตอนแย่น่ะ” นอร่าตอบก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินให้ทันสองคนข้างหน้า ทำเอาผมต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งเล็กน้อยให้ทันกับกลุ่ม
..........
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in