ชอบนะคะ
ชอบมากเลยค่ะ
วันนี้ก็ยังชอบที่สุดเหมือนเดิม
ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นเรือนผมหนา ๆ ของคุณกลับมาเป็นสีดำขลับตามธรรมชาติอย่างที่เคยทำให้ฉันตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ถึงแม้เฉดสีไหน ๆ จะเข้ากับคุณไปหมดก็เถอะ แต่ฉันก็อดรำคาญใจเวลาคุณต้องทนเจอสารเคมีกลิ่นฉุนชวนคันคะเยอทุกสองสามเดือนไม่ไหว ไม่รู้ว่าจะมีคนข้างนอกสักกี่คนคิดถึงความลำบากของคุณอย่างจริงจังบ้าง อย่างมากพวกเธอคงแค่ถอนหายใจตอนรำพึงว่า “ตายแล้ว เปลี่ยนสีผมอีกแล้วเหรอเนี่ย” ด้วยน้ำเสียงที่แยกไม่ออกว่าสงสารหรือชื่นชม ไม่ใช่ว่าคุณไม่คู่ควรกับคำสรรเสริญหรอกนะ แต่ยังไงยัยพวกนั้นคงไม่เข้าใจคุณอย่างที่ฉันเข้าใจหรอก
ตายจริง เอาอีกแล้วแฮะ
ฉันเห็นหยาดน้ำหยดลงมาจากปลายผมของคุณชัดแจ๋วเลยล่ะ ถ้าไม่รีบเช็ดให้แห้ง เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอานะ คุณนี่ชอบเอาผ้าขนหนูคล้องคอไว้เฉย ๆ อยู่เรื่อยเลย
ค่อยยังชั่วหน่อยที่ในที่สุดคุณก็รู้ตัวแล้วลุกมามองหาไดร์เป่าผมบนชั้นวางจนได้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มันไม่อยู่ตรงที่ที่เคยอยู่ เมื่อสองชั่วโมงก่อนเพื่อนห้องข้าง ๆ ของคุณเดินเข้ามาฉวยมันไปใช้หน้าตาเฉย ฉันรู้สึกจั๊กจี้อยู่เหมือนกันตอนรู้ว่าเรื่องที่คุณเล่าในรายการบันเทิงพวกนั้นไม่ใช่แค่มุกตลกที่ออกแบบมาให้เข้ากับบุคลิกพวกคุณแต่ละคน สมาชิกในวงคนนั้นชอบดอดเข้ามาหยิบโน่นนี่ไปใช้สบายใจเฉิบอยู่บ่อย ๆ จะต่างกันก็แค่คุณไม่เคยบ่นเขาเลยสักครั้ง เวลานี้คุณก็ทำเหมือนเคย แค่เดินออกไปทวงข้าวของที่โดนยืมไปอย่างเงียบเชียบ เพราะได้ล่วงรู้อะไรแบบนี้แหละ ฉันถึงตื่นเต้นเสียจนรู้สึกคันยุบยิบที่ฝ่ามือแทบทุกวัน
ดูเหมือนวันนี้ฉันจะโชคดีเป็นพิเศษ ไม่ใช่แค่ได้เห็นสีผมของคุณก่อนใคร แต่ท่วงทำนองที่คุณฮัมออกมาตอนใจลอยนั่นก็ไม่น่ามีใครเคยได้ยินมาก่อน อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ใช่พวกที่ทำตัวเป็นแฟนช่างวิเคราะห์แล้วแน่นอน พวกนั้นจะคาดเดาอะไรลงอินเทอร์เน็ตไปก็เชิญ แต่ให้ตายก็ไม่มีวันรู้หรอกว่าชั่วขณะที่ดนตรีก่อกำเนิดจากตัวคุณนั้นเป็นอย่างไร เสียงที่บางทีแปร่งเพี้ยน บางทีก็ก้องกังวานจับใจ บางครั้งสั่นเครือ บางครั้งเจือความโหยหาที่ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าคุณคิดถึงสิ่งใดอยู่ พวกเขาเหล่านั้นจะได้ฟังเพียงเสียงที่สมบูรณ์แบบ หรือไม่อย่างนั้นก็ได้เห็นความพยายามที่จะไปให้ถึงจุดนั้นในวิดีโอเบื้องหลังที่ผ่านการเลือกสรรมาแล้ว พวกเขาไม่ได้เห็นคุณตอนนี้ ตอนที่ยังไม่มีสิ่งที่ว่ามาทั้งหมด จะมีก็เพียงตัวคุณในชุดเสื้อยืดสีขาวและกางเกงนอน กำลังร้องเพลงที่ประกอบด้วยเสียงสูง ๆ ต่ำ ๆ และถ้อยคำที่ไร้ความหมายคลอไปกับเสียงไดร์เป่าผมเอื่อย ๆ เท่านั้น
ท่าทางคุณจะพอใจกับชั่วขณะแห่งการค้นพบนี้ไม่น้อย พอห้องกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง คุณถึงได้รีบเปิดคอมพิวเตอร์แล้วคว้าหูฟังมาสวม นี่ก็เหมือนกัน คนอื่น ๆ อาจได้เห็นชั่วโมงทำงานของคุณแค่ชั่วครู่ผ่านทางสารคดี แต่ฉันสงสัยว่าจะมีใครอีกที่ได้เห็นคุณกระโดดโลดเต้นด้วยความพอใจสุดขีดหรือโอดครวญด้วยความผิดหวัง ถึงจะไม่ชอบเห็นคุณออกอาการโกรธจัดจนต้องทุบโต๊ะดังลั่น แต่ช่วยไม่ได้ที่เราต้องโอบรับทุกสิ่งของคนที่รักไม่ใช่หรือ ฉันจะช่วยสาปแช่งโปรดิวเซอร์หน้าโง่ที่ไม่รู้จักของดีแทนคุณเอง ฉันรู้ซึ้งว่าการเอื้อยเอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกไปไม่ได้เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นคุณตั้งใจทำงานไปเถอะ ฉันชอบตอนที่ท่อนแขนของคุณขยับไปมาระหว่างที่นิ้วมือเคลื่อนไหวบนคีย์บอร์ด ส่วนมัดกล้ามเนื้อตรงสะบักและแผ่นหลังของคุณนั้น ฉันก็มองได้ไม่มีวันเบื่อ
ที่เขาว่าคนเรามีเสน่ห์ตอนตั้งใจทำงานนี่เห็นด้วยเลยล่ะ คุณดูจะไม่รับรู้เวลาที่ล่วงเลยไป จดจ่ออยู่กับโลกใบน้อยที่ไม่ว่าใครก็เข้าไม่ถึง ฉันทำได้แค่มองดูอยู่แบบนี้ ไม่ได้น้อยอกน้อยใจอะไรหรอก ไม่ได้เบื่อหรือเป็นกังวลว่าจะเสียเวลาไปโดยใช่เหตุด้วย ก็นะ เวลาเป็นสิ่งที่ฉันมีเหลือเฟืออยู่แล้วนี่
คุณเหยียดแขนสองข้างแล้วบิดขี้เกียจจนสุดตัว พักนี้คุณใช้ร่างกายอย่างหักโหมอยู่เหมือนกัน ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจเลยนั่นแหละ ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าไหล่ของคุณจะหายจากอาการขัดหรือยังนะ แต่ยังไม่ทันได้เดาไปไกลก็เห็นคุณเอื้อมไปนวดมันเบา ๆ ก่อนจะเปิดตู้เย็นมินิที่วางอยู่ข้างโต๊ะทำงานแล้วหยิบชาเขียวแบบขวดออกมาดื่ม มันไม่ใช่ยี่ห้อที่คุณเป็นพรีเซนเตอร์ ฉันยังจำรสชาติขมเฝื่อนที่ตกค้างอยู่ทั่วปากได้อยู่เลย ตอนนั้นฉันดื่มมันติดกันทุกวันเป็นเดือนทั้งที่รู้ว่าท้องไส้ตัวเองอ่อนไหวเป็นพิเศษ นึกดูแล้วก็น่าขำ ความรักนี่เป็นพิษกับคนเราในหลายทางจริง ๆ
ลูกกระเดือกคุณของเลื่อนขึ้นลงช้า ๆ ขณะที่ของเหลวค่อย ๆ พร่องไปจนค่อนขวด ตรงนี้แหละที่ดูเหมือนโฆษณาหน่อย เพียงแต่รสชาติของสองยี่ห้อนั้นคงต่างกันมากทีเดียว คุณถึงพ่นลมหายใจออกมาอย่างสดชื่นโดยไม่ต้องมีใครมากำกับ
ดีจังเลยนะ ชั่วขณะแสนสั้นและสามัญแบบนี้ทำฉันแทบหลั่งน้ำตา
หลังจากเก็บขวดชาที่ยังดื่มไม่หมดกลับเข้าตู้เย็น คุณก็เดินออกไปนอกห้องอีกครั้ง ฉันเดาว่าคงถึงเวลาแปรงฟันและทำธุระก่อนเข้านอนแล้ว นาฬิกาดิจิทัลบนหัวเตียงส่งเสียงเตือนเมื่อเข้าชั่วโมงใหม่เป็นจังหวะสั้น ๆ พรุ่งนี้คุณมีตารางงานแต่เช้าตรู่ รีบพักผ่อนก็ดีแล้วล่ะ คงไม่ต้องบอกว่าฉันดีใจแค่ไหนที่คุณไม่ได้ออกไปค้างที่อื่นแล้วต้องรีบกระหืดกระหอบกลับมาอย่างลับ ๆ เหมือนเมื่อหลายเดือนก่อน ฉันไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณเลิกรากับคนคนนั้นไปได้ก็ดีแล้ว
คุณกลับมาหลังผ่านไปอึดใจหนึ่ง ฉันประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อพบว่าคุณไม่ได้เข้ามาเพียงลำพัง เพื่อนร่วมวงคนหนึ่งเดินตามมาประชิดตัวคุณ ก่อนที่เสียงประตูกระแทกปิดจะดังก้องจนน่าจะได้ยินกันทั้งห้องชุด ไม่ไหวเลย เป็นถึงพี่ใหญ่แท้ ๆ ก็น่าจะระวังหน่อยสิ ฉันเห็นร่องรอยความไม่สบอารมณ์แวบผ่านใบหน้าอ่อนโยนของคุณวูบหนึ่ง แต่เพราะว่าคุณเป็นคุณ ตอนหันกลับไปหาอีกฝ่ายถึงได้มีรอยยิ้มน้อย ๆ เหมือนเคย
แต่คุณรุ่นพี่ดูจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“นี่” น้ำเสียงของเขาเร่งร้อนแต่แผ่วเบา “เรื่องผู้หญิงคนนั้นน่ะ”
เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้องจนมาหยุดตรงที่ที่หนึ่ง ฉันคิดว่าเมื่อกี้เราได้สบตากันด้วยซ้ำ แต่เขาดันรีบหันหน้าไปทางอื่นเสียก่อน
“ผมจัดการแล้วล่ะ”
“ถึงนายจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่ถ้าข่าว—”
ดวงตากลมโตสีน้ำตาลไหม้ของคุณหรี่ลงเล็กน้อยเหมือนสัตว์กำลังประเมินอันตราย พอคืนกลับไปดังเดิมก็แฝงประกายคมกล้าเหมือนมีดต้องแสงไฟ คุณกำลังโกรธ ทำไมฉันจะดูไม่ออกเล่า ก็เคยประสบมาทั้งหมดแล้วนี่นา ทั้งแววตาอบอุ่นที่ดำมืดลงจนเกือบเป็นสีไม้มะค่า ทั้งเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่บนนัยน์ตาคู่นั้น มือของคุณเย็นเฉียบและสั่นเทาเล็กน้อย แต่ยังคงกุมรอบลำคอของฉันแน่นไม่เปลี่ยน ริมฝีปากที่เม้มจนเกือบเป็นเส้นตรงและกรามที่เผลอเกร็งไปตามธรรมชาติอาจทำให้รูปโฉมของคุณดูบิดเบี้ยว แต่ในชั่ววินาทีนั้น คุณก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตแสนงดงามของฉันอยู่ดี เพราะว่าไม่มีใครหน้าไหนเคยได้เข้าใกล้คุณเท่าฉันมาก่อน ไม่มีใครเคยได้แตะต้องจิตวิญญาณของคุณ ไม่มีเลย
รุ่นพี่กระแอมเบา ๆ เขาชอบทำแบบนี้เวลาจะพูดเรื่องสำคัญ
“แล้วตัวเธอ…”
เสียงที่เปล่งออกมาฟังดูเบาหวิว
คุณถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ใช่ด้วยความวิตกกังวล แต่น่าจะด้วยความละเหี่ยต่อรุ่นพี่ขี้กลัว ฉันนึกสงสารเขาอยู่เหมือนกัน ถ้าเพียงแต่เขาไม่ทะเล่อทะล่าเข้ามาผิดเวลาในวันนั้น ก็คงไม่ต้องยืนตัวสั่นงันงกแบบนี้หรอก
คุณยกแขนขึ้น ปลายนิ้วชี้ไปยังที่ที่ฉันอยู่
รุ่นพี่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ฉันอุตส่าห์คาดหวังว่าเขาจะใจกล้าแล้วเปิดตู้เสื้อผ้าดูให้เห็นกับตาเสียอีก นั่นคงเป็นฉากอารมณ์ที่น่าสนใจไม่น้อย แต่สุดท้ายเขาแค่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้วเดินออกจากห้องไป ตอนคุณรั้งแขนเขาไว้โดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ฉันเห็นน้ำตาเม็ดโตคลออยู่ในดวงตาของเขาด้วยซ้ำ
เอาเถอะ คิดว่าเขาคงเข้าใจความหมายของคุณแล้วล่ะ
ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดหลังจากคุณเดินไปปิดสวิตช์ไฟ มีเพียงแสงรำไรจากตึกสูงที่อยู่ห่างออกไปลอดเข้ามาผ่านรอยต่อของผ้าม่าน ฉันได้ยินเสียงคุณทิ้งตัวลงบนเตียงและเสียงผ้าห่มเสียดสีกับผ้าปูที่นอนเบา ๆ ในเงาสลัว ฉันเพิ่งเห็นว่าคืนนี้คุณนอนหันหน้ามาทางฉันเสียด้วย ถึงจะมองไม่ชัดนัก แต่ฉันรู้ดีว่าไม่มีเศษเสี้ยวของความหวั่นไหวอยู่บนใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั่นหรอก ฉันโชคดีจริง ๆ ที่ชอบคุณ ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดคุณข่มตาหลับไม่ลงในแต่ละคืนเพราะเรื่องนี้ล่ะก็ ฉันคงทุกข์ระทมแย่
“ลำบากหน่อยนะ”
คุณเอ่ยกับฉัน หรือจริง ๆ แล้วก็คือเศษซากของสิ่งที่เคยเป็นฉันมากกว่า แต่ความแตกต่างเหล่านั้นจะไปสำคัญอะไรในเวลานี้ คำพูดนั้นไม่ได้ช่วยปลอบประโลมใจฉันเท่ากับความจริงที่ว่าคุณไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด และฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจเหมือนกัน เราไม่ได้เหมาะสมกันเพราะแบบนี้หรอกเหรอ
ขอบคุณนะที่ฉุดฉันออกมาจากหลืบมุมมืดมิด ให้ฉันได้สบตาคุณสักที
“ราตรีสวัสดิ์นะ”
ฉันเงี่ยหูฟังลมหายใจที่ดังสม่ำเสมอในห้วงนิทราแสนสุข
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in