หายไปอีกแล้ว อยู่ไหนกันนะ
นักวิ่งที่ออกตัวช้าไม่มีสิทธิ์ร้องอุทธรณ์ในเมื่อคู่แข่งเป็นกรรมการให้สัญญาณในคนเดียวกัน แม้อยากจะพุ่งตัวไปทางเดียวกันมากเพียงใด แต่กติกาย่อมเป็นกติกา ใช่ว่าอยู่เคียงข้างกันแล้วส่วนต่างหกเซนติเมตรจะสร้างความแตกต่างได้มากมายอะไร สุดท้ายคิมโดยองก็จะลงเอยด้วยการวิ่งตามจอห์นนี่ ซออยู่เสมอ ไม่แน่ว่าขายาวๆ ของอีกฝ่ายอาจเป็นเล่ห์กลที่ธรรมชาติสร้างมาเพื่อให้คนขี้เกียจออกกำลังอย่างเขาได้มีโอกาสให้หัวใจสูบฉีดเลือดอย่างแข็งแรงก็เป็นได้
สูงก็สูง ลมก็แรง แยกไม่ออกแล้วว่าเสียงลมหรือเสียงหอบหายใจของตัวเองดังกว่ากัน หากวิ่งเข้าหาศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาย่อมไม่สำคัญหากได้มาบรรจบกันใช่หรือไม่ แต่ถ้าพวกเขาวิ่งวนเป็นวงกลม ถ้าขั้นบันไดสลับซับซ้อนเหล่านั้นเป็นขั้นบันไดเพนโรส คิมโดยองไม่แน่ใจแล้วว่าการเดินหาอีกคนอย่างบื้อใบ้จะนำพาเขาไปสู่จุดไหน สายตาคนเราไม่ได้มีไว้เพื่อกวาดไปทั่วอย่างสะเปะสะปะพร้อมๆ กับการก้าวเท้าไปทีละขั้น พลาดเพียงนิดเดียวจะทำให้ล้มคะมำโดยไม่รู้ตัว
อีกฟากของอาคาร จอห์นโบกไม้โบกมือให้ยกใหญ่ โดยองถอนหายใจ อย่างน้อยการพบเจอกันบนเส้นขนานก็ยังดี
หายไปอีกแล้ว ให้ตายเถอะ
ร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายไม่น่าจะเร้นกายหายไปได้อย่างง่ายดายเพียงนั้น แต่แค่ปล่อยให้คลาดสายตาไปแวบเดียวเพราะก้มมองแผนที่ในโทรศัพท์มือถือ เพื่อนร่วมทางของคิมโดยองก็ไม่อยู่ข้างตัวเสียแล้ว เบื้องหน้าของเขามีเพียงฝูงชนที่มาเดินเล่นประปราย ข้างซ้ายมีคุณลุงนั่งเล่นกลองจังหวะสนุก ส่วนไกลลิบๆ ทางขวามีกลุ่มนักศึกษามาทำกิจกรรมกันคึกคัก ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับจนดวงตาของคนสายตาสั้นแทบพร่าเลือน ไร้แววของคนที่ออกปากชวนมาที่นี่แต่แรก จู่ๆ โดยองก็รู้สึกเศร้าสร้อยแบบเดียวกับประตูโค้งของวอชิงตันสแควร์ที่เรื่อแสงสว่างอยู่ตรงนั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
รู้ดีว่าอีกเดี๋ยวจอห์นก็จะยิ้มร่ากลับมา บางทีหากโชคดีก็จะมีเสียงหัวเราะนำหน้ามาก่อนการปรากฏตัว กังวานยิ่งกว่าเสียงไหนในเมืองใหญ่แสนอึกทึก เช่นเดียวกับดวงตาที่พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด หูของเขามีไว้ฟังเสียงทุ้มที่ไม่ว่ายินที่ใดก็จำได้ โดยองสูดหายใจลึก ก้มมองหน้าจอของเครื่องมือสื่อสาร หวังใช้ความเชื่อใจให้นำทางอีกฝ่ายกลับมาก่อนที่นิ้วมือตัวเองจะไม่เชื่องจนต้องใช้ถ้อยคำอ้อนวอน
จอห์นยิ้มตาหยี ปลายนิ้วชี้มาที่โดยอง ก่อนจะเข้ามาใกล้ทีละก้าว ทีละก้าว สองสามนาทีหลังจากนั้นเต็มไปด้วยเรื่องเล่าน่าตื่นเต้นจากการผจญภัยในสวนสาธารณะ ส่วนคิมโดยองนั้นไม่รู้จะพูดอะไรนอกจาก “โล่งอกไปที”
หายไปอีกแล้ว เหลือเกินจริงๆ
ไม่ได้มีแค่เด็กที่พลัดหลงกับผู้ปกครองเท่านั้นที่รู้สึกสิ้นหวังในซูเปอร์มาร์เก็ต หลังผ่านไปได้ห้านาทีและสามสายที่ไม่ได้รับ ความเป็นจริงก็ค่อยๆ ซึมซาบสู่ห้วงสำนึกว่านี่เป็นการกลั่นแกล้งมากกว่าเหตุสุดวิสัย คิมโดยองเดินผ่านชั้นวางสินค้าแถวแล้วแถวเล่าเหมือนกระต่ายไล่ตามแครอทในเขาวงกต เห็นความเหนื่อยล้าและหวาดหวั่นบนใบหน้าผ่านบานกระจกในโซนเสื้อผ้าแล้วรู้สึกอยากร้องไห้เสียเหลือเกิน
เมนูจับเวลาบนโทรศัพท์มือถือของจอห์นบ่งบอกช่องว่างที่สาบสูญราวแปดนาทีเศษ แต่แท้จริงแล้วเวลาไม่ได้เดินเที่ยงตรงเช่นนั้น ตามหลักการสัมพัทธภาพ ระยะทางและเวลาขึ้นอยู่กับผู้สังเกต ระหว่างที่จอห์นหยุดนิ่งอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้างอันใหญ่โตมโหฬาร โดยองกลับคิดว่าอีกฝ่ายเคลื่อนออกไปไกลทุกที และระยะเวลาที่ยาวนานเท่าเพลงรักสองเพลงดูจะมีค่าเป็นอนันต์เมื่อการมีอยู่ของใครบางคนขาดหายไปจากพื้นที่ที่มีร่วมกัน
เมื่อเจอหน้า จอห์นหัวเราะดังลั่นเสียจนตัวโยน ดูชอบอกชอบใจกับเสียงตัดพ้อของโดยองเป็นพิเศษ “ห้างมันใหญ่มากเลยนะ” เขาโอดครวญ ถึงแม้ไม่มีอะไรให้กลัว แต่หากช้ากว่านี้อีกสักนาที ไม่แน่ว่าความรู้สึกสูญเสียนั้นอาจติดตัวโดยองไปตลอดกาล
หายไปอีกแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่ในฝัน
สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ไร้เสียงกรนเบาๆ ของคนร่วมห้อง แสงสลัวจากโคมไฟฉายให้เห็นภาพเตียงข้างๆ ว่างเปล่า ด้วยสติที่ยังกลับคืนมาไม่สมบูรณ์ แวบหนึ่งโดยองกลัวจับใจเนื่องจากแยกแยะความฝันและเรื่องจริงที่ปนกันเหมือนหมอกควันในอากาศไม่ออก ก่อนหน้าจะลืมตาขึ้นมา ตัวเขาวิ่งไล่หาจอห์นเสียจนหอบแฮ่ก ไม่รู้เหนือรู้ใต้ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าฉากหลังคือที่ไหน จิตใต้สำนึกโหดเหี้ยมเหนือการควบคุมในทุกลมหายใจ เหมือนเป็นลิขิตจากสวรรค์ว่าเขาคงต้องใช้ชีวิตมองหาจอห์นอยู่เรื่อยไป
ข่มตาหลับไม่ลง แต่ก็เหนื่อยเกินกว่าจะก้าวลงจากเตียงและเดินท่องไปตามโถงทางเดินของโรงแรมที่ไม่คุ้นเคย เมืองนอกหน้าต่างสว่างไสวเกินกว่าจะเห็นดาว แต่โดยองยังคงอธิษฐานในใจ “พี่จอห์นนี่อยู่ไหน พี่หายไปไหนน่ะ รีบกลับมาเร็วๆ สิ” ราวกับเด็กน้อยร้องหาพ่อแม่เมื่อต้องนอนคนเดียว
จอห์นดูจะประหลาดใจยามเห็นโดยองเด้งตัวขึ้นจากเตียงทันทีที่เปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง “ฝันร้ายหรือยังไง” คนเป็นพี่ถาม ขณะที่คนเป็นน้องอยากตอบเหลือเกินว่าความเป็นจริงที่ไม่มีพี่อยู่ต่างหากคือฝันร้าย แต่ท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงรินน้ำจากโต๊ะข้างเตียงมาดื่มหลังจากตระหนักได้ว่าคอตัวเองแห้งผากเพียงใด
“วันหลังไปไหนก็ชวนหน่อยสิ”
“เห็นหลับสบายแบบนั้นใครจะปลุกลง”
โดยองถอนใจก่อนจะทิ้งตัวลงนอน หันหลังคลุมโปงให้อีกฝ่าย ไม่อยู่ในอารมณ์คัดค้านให้มากความ
แล้วก็ไม่ว่าอะไรเหมือนกันตอนพื้นที่ว่างบนเตียงยวบลงเพราะน้ำหนักคนตัวใหญ่ที่จู่ๆ ก็ลงมาเบียดอย่างไม่มีที่มาที่ไป ไร้คำขออนุญาต
“วางใจได้ ไม่ไปไหนแล้วน่า”
วงแขนที่เกาะเกี่ยวเอวผ่านผ้าห่มนุ่มสบายนั้นทั้งจริงและหนักแน่นยิ่งกว่าคำสัญญา คล้ายว่าไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายตามหา ตราบใดที่เขาไม่ปล่อยมือ
“ถึงจะดูเหมือนมองไม่เห็นกัน แต่จริงๆ แล้วมองดูโดยองอยู่ตลอดเวลานะ”
“แล้วทำไมถึงชอบหายตัวไปนักเล่า”
“เพราะชอบความรู้สึกตอนหาเจอ หรือโดนหาเจอมั้ง”
“ไม่สนุกเลย เหนื่อยมาก”
“ทีหลังถ้าหาไม่เจอก็ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องกลัว”
“แบบนั้นแล้วจะได้เจอกันเหรอ”
“เจอสิ จะหาจนเจอเสมอ สัญญา”
ปล.ตอนดูคลิปจอห์นโดที่ The vessel จบก็แอบคิดนิดๆว่าอยากให้คุณกิ๊บแต่งฟิกจัง แล้วคุณกิ๊บก็มาแต่งจริงๆด้วย ดีใจมากๆเลยค่ะ ฮืออออ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ?
ขอบคุณนะคะอีกหลายๆครั้งนะคะสำหรับเรื่องดีๆแบบนี้ เหมือนได้รับพลังงานดีๆมาเลย
ฮืออออ ;-; อยากกอดคิมดง พร้อมๆกับที่อยากตีพี่จอห์นนี่
ตอนดูคลิปนี้เรารู้สึกว่าเวลาอยู่คนเดียวโดยองดูinsecureมาก ผิดกับตอนที่มีพี่เขาอยู่ข้างๆสุด จนอยากตีนายจอห์นซอมากๆ เทอเห็นหน้าหงอยๆ นั่นแล้วแกล้งลงเหรอ! แล้วฟิกนี้เหมือนเอาความรู้สึกเราตอนดูคลิปมาเข้าเครื่อง amplifier เลยค่ะ แงงง โดยองที่มองหาพี่เขาตลอดเวลามันใช่มากๆเลยค่ะคุณกิฟต์ ;-;
ส่วนตัวเราชอบท่อน ‘ระยะเวลาที่ยาวนานเท่าเพลงรักสองเพลงดูจะมีค่าเป็นอนันต์เมื่อการมีอยู่ของใครบางคนขาดหายไปจากพื้นที่ที่มีร่วมกัน’ กับ ‘ความจริงที่ไม่มีพี่อยู่ต่างหากคือฝันร้าย’ มากเป็นพิเศษ อ่านแล้วจะขาดใจแทน ประเด็นของคิมโดยองมันคือแค่นี้เลย แค่ไม่มีพี่เขาอยู่ข้างๆ ในระยะที่สัมผัสได้ /กุมอก/
แต่สุดท้ายที่อยากตีนายจอห์นนี่ซอยังไงก็ทำไมลงเพราะท่อนสุดท้ายนี่เลยค่ะ มันจริงมากที่พี่เขาก็คอยมองหาโดยองอยู่ตลอดเหมือนกัน ทั้งที่ The vessel แล้วก็ที่ Target เลยค่ะ ;-; แต่รู้ตัวแล้วก็กอดน้องให้แน่นๆนะจอห์นซอ เทอทำให้คนinsecureเขาฝันร้ายแล้วนะ!
ขอบคุณสำหรับฟิกนะคะคุณกิ๊ฟต์ touchหัวจัยมาก ชอบความรู้สึกอุ่นๆในตอนสุดท้ายมาก เป็น lost & found จริงๆ เพราะยังไงทั้งคู่ก็จะหากันจนเจอแน่ๆเลย ฮือ เลิ้บฟีลลิ่ง ;-; คืนนี้เราต้องฝันดีแน่เลยค่ะ