1
ดูเหมือนว่าชื่อเสียงของซอยองโฮจะมาก่อนตัวเสียอีก
เหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะคิมโดยองเก็บสะสมข้อมูลเป็นงานอดิเรกและถือคติรู้เขารู้เราเป็นที่ตั้ง ถึงได้พอทราบเรื่องราวของอัยการหนุ่มคนใหม่ที่จะมาประจำออฟฟิศของพวกเขาอยู่บ้าง ส่วนหนึ่งมาจากเอกสารที่ระบุถึงข้อเท็จจริงชวนให้ทึ่งอย่างการสละสัญชาติอเมริกันหรือการออกจากคณะกฎหมายของมหาวิทยาลัยชิคาโกเพื่อมาเรียนกฎหมายเกาหลีใหม่หมดที่โซล อีกทั้งยังสอบเนติบัณฑิตผ่านในครั้งเดียวด้วยคะแนนเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่ข้อมูลอีกส่วนมาจากออฟฟิศของอัยการอาวุโสที่ดูแลอัยการซอช่วงฝึกงาน ข่าวจากบรรดาผู้ช่วยสาวๆ ที่เล็ดรอดเข้าหูมาช่วงพักเที่ยงฟังดูเหมือนข้อคิดเห็นมากกว่าอะไรทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น “ตัวสูง” “หล่อ” “สุภาพอ่อนโยน” หรือแม้แต่ “ตัวหอม” — เรื่องพวกนี้คิมโดยองได้แต่เก็บบันทึกไว้ในโฟลเดอร์ปกิณกะในสมอง เห็นสีหน้าระเรื่อและได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวพวกนั้นแล้วก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาซดซุปเต้าหู้เงียบๆ
อันที่จริง เขาเคยเดินสวนอัยการซอตรงทางเดินอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้ชายตัวสูงใหญ่ขนาดนั้นไม่ว่าเห็นที่ไหนย่อมต้องจำได้ ในมือชายหนุ่มแปลกหน้าหิ้วกาแฟร้อนและเย็นหลายแก้ว โดยองไม่อยากเชื่อสายตาว่าจะมีใครใช้อัยการน้องใหม่ไปซื้อเครื่องดื่ม หรือที่ร้ายกว่านั้นคืออีกฝ่ายใจป๋าซื้อมาเลี้ยงคนในออฟฟิศตั้งแต่แรก แต่พอได้พบกันอย่างเป็นทางการเท่านั้น เขาถึงได้รู้ว่าตัวเองทั้งคิดถูกและคิดผิดในคราวเดียวกัน
มือข้างซ้ายของอัยการซอถือที่หิ้วกาแฟที่มีทั้งถ้วยกระดาษและแก้วพลาสติกเต็มสี่ช่อง ส่วนมือข้างขวามีเครื่องดื่มเย็นทั้งช็อกโกแลต คาราเมล และชาเขียวอยู่เต็มเช่นกัน เหมือนสตาร์บัคส์เคลื่อนที่ โดยองคิดในใจทั้งที่รู้ดีว่าคงซ่อนสีหน้าสุดทึ่งของตัวเองไม่มิด อัยการหนุ่มคนใหม่โค้งทักทายอย่างเงอะงะ หลังจากยื่นของฝากให้ผู้ช่วยอีแล้ว มือข้างขวาที่มาสัมผัสด้วยก็เป็นดังเช่นการกล่าวสวัสดีและฝากเนื้อฝากตัว ดูหนักแน่นและเปี่ยมด้วยพลัง แต่ความรู้สึกสุดท้ายที่หลงเหลือกลับเย็นเยียบ
คิมโดยองหยิบคาราเมลมัคคิอาโต้พร้อมมอบคำขอบคุณแลกเปลี่ยน อัยการซอเพียงแค่ยิ้มรับแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านแฟ้มคดีที่กองพูนบนโต๊ะพร้อมกับกาแฟที่ลดลงทีละแก้ว จากสี่ สาม สอง จนถึงแก้วสุดท้ายที่หมดเกลี้ยงเสียจนโดนลมพัดปลิว
ก่อนกลับบ้านตอนเวลาหนึ่งทุ่มเศษ เขาเห็นอัยการซอเดินไปชงกาแฟสำเร็จรูป
2
ตอนที่คิมโดยองวางขวดน้ำแร่ใส่มือที่กำลังเอื้อมไปคว้าแก้วกาแฟ ซอยองโฮทำหน้าเหมือนลูกหมาที่เขาเคยแอบมองลอดรั้วเพราะไม่กล้าเข้าไปเล่นด้วยตอนเด็กๆ ไม่มีผิด
“ดื่มน้ำเปล่าบ้างเถอะครับ” โดยองถอนใจ ถือวิสาสะหยิบแก้วอเมริกาโน่เย็นแก้วที่สามของวันใส่ตู้เย็นมินิในห้อง “แล้วก็กลับบ้านให้เร็วขึ้นหน่อยก็ได้ ช่วงนี้ไม่ได้มีคดีเร่งด่วนอะไรนี่”
อีกฝ่ายกะพริบตามองเขาปริบๆ จนโดยองชักไม่แน่ใจว่าตัวเองล้ำเส้นในฐานะผู้ช่วยหรือไม่ อัยการซอก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง แววตาเลื่อนลอยเหมือนคนเครื่องช็อตไปแล้ว ในโฟลเดอร์ปกิณกะ เขาเพิ่มคำว่า “เด๋อด๋า” “ซื่อ” และ “ดื้อ” ลงไปสมทบกับ “ดื่มกาแฟอย่างกับน้ำ” “ใจดีกับเด็ก ผู้หญิง และคนชราเป็นพิเศษ” รวมถึง “หัวเราะอร่อย” จากการสังเกตเชิงประจักษ์ตลอดสองเดือนมานี้ ถึงจะไม่ได้ลบข้อมูลเก่าจากคำให้การของสาวๆ ออฟฟิศเก่าออกไปอย่างที่ตั้งใจเพราะไม่มีอะไรจะค้าน แต่โดยองรู้สึกพึงพอใจกับข้อมูลที่เขาเก็บมาได้เองมากกว่า
“ผู้ช่วยคิมกลับก่อนได้เลยครับ” อัยการซอใช้ปลายดินสอเกาขมับเบาๆ ก่อนจะมองหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างหนักใจ “ผมมีข้อมูลที่อยากค้นต่ออีกเยอะเลย”
“เรื่องอะไรครับ เราจัดการคดีที่ต้องขึ้นศาลยาวไปถึงอาทิตย์หน้าแล้วนะ”
“ก็ใช่ครับ นี่เป็นการค้นคว้าส่วนตัวของผมมากกว่า เพราะงั้นผู้ช่วยคิมไม่ต้องอยู่ช่วยก็ —“
โดยองชะโงกหน้าไปมองข้อความบนหน้าจอ พอเห็นอีกฝ่ายรีบยื่นมือมาปิดอย่างกับเป็นเนื้อหาล่อแหลมหรือผิดกฎหมายก็ยิ่งน่าขำ อยากจะดุในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งมากกว่าอัยการกับผู้ช่วย
“เรื่องรวบรวมข้อมูลน่ะปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเถอะ ยิ่งเรื่องนี้เป็นของถนัดผมด้วย” เขาถอนใจ “ฟอร์เวิร์ดไฟล์มาสิครับ แป๊บเดียวก็เสร็จ”
แววตานั้นเลื่อนลอยอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเบิกกว้างและเป็นประกาย ตอนอัยการซอพูดขอบคุณ คิมโดยองสังเกตเห็นฟันกระต่ายและรอยลักยิ้มจางๆ ที่แก้มซ้ายของอีกฝ่าย ข้อมูลเหล่านั้นไม่จำเป็นหรือมีประโยชน์ใดๆ แต่สมองของเขาบันทึกมันเป็นไฟล์ภาพถ่ายเสร็จสรรพโดยอัตโนมัติ
ตอนที่ซอยองโฮขับรถมาส่งที่อพาร์ตเมนต์และรอเขาเดินเข้าไปในอาคารจนเรียบร้อย คิมโดยองมองผ่านกระจกล็อบบี้ เห็นอัยการหนุ่มมองซ้ายมองขวาก่อนจะข้ามถนนไปร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม
3
“วันนี้แค่สองแก้วเหรอครับ” ตอนแรกโดยองว่าจะไม่ทัก แต่มันเกินกว่าคนหู ตา และปากไวอย่างเขาจะทนได้ไปหน่อย
อัยการซอวางแค่แก้วเครื่องดื่มเย็นลงบนโต๊ะของตัวเอง ส่วนแก้วสีขาวที่ดูเล็กไปถนัดใจในมือถูกหยิบยื่นมาให้ผู้ช่วยอย่างเขา กลิ่นหอมฉุยนั้นผิดแผกไปจากกาแฟขมที่คนตรงหน้าดื่มเป็นอาหารหลัก มันเป็นกลิ่นของน้ำตาลไหม้
“หลังจากได้คนทำงานเก่งอย่างผู้ช่วยคิมมาชี้แนะ ชีวิตก็เปลี่ยนไปเลยครับ” ว่าแล้วคนที่สีหน้าปกตินั้นดุและไร้อารมณ์อยู่บ่อยๆ ก็ยิ้มแก้มปริจนตาเป็นขีด อย่างกับระยะเวลานับเดือนที่ผ่านมา คิมโดยองไม่เคยได้เห็นคนตรงหน้าเลยสักครั้ง ไม่ใช่เพราะว่าเขาตาบอด แต่เพราะซอยองโฮไม่เคยเผยตัวออกมาพ้นกองเอกสารหรือจอคอมพิวเตอร์ ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที ซอยองโฮคนนี้ไม่ใช่อัยการซอที่ยืนอยู่หน้าบังลังก์ในศาล ไล่ต้อนทนายจำเลยเสียจนมุมโดยไม่หวั่นไหว ไม่ใช่แม้แต่อัยการคนดีที่กุมมือคนเฒ่าคนแก่ที่โดนบริษัทยักษ์ใหญ่เอาเปรียบในชุมชนและรับฟังปัญหาอย่างตั้งอกตั้งใจ เขาไม่แน่ใจว่าคนคนนั้นเป็นใครกันแน่ หรือว่าควรเก็บภาพที่เห็นไว้ในโฟลเดอร์ใดดี
“เพราะงั้นต่อจากนี้คงไม่ต้องกลับดึกแล้ว” คนเป็นอัยการหัวเราะเก้อๆ “แต่ว่าของีบในห้องสักครึ่งชั่วโมงได้ไหมครับ แล้วค่อยรบกวนผู้ช่วยคิมมาปลุกทีถ้ายังไม่ตื่น”
เชื่อเขาเลย โดยองคิดในใจ แม้ปากจะพูดออกไปว่า “ได้ครับ ในเมื่ออัยการซอไม่มีนัดอะไรอยู่แล้ว”
ไม่ถึงห้านาที เสียงกรนก็ดังลอดออกมาจากประตูห้องส่วนตัว ผู้ช่วยอีหัวเราะคิกคัก ส่วนโดยองได้แต่ถอนใจแล้วส่ายหน้า
เขาปล่อยให้คุณอัยการนอนต่ออีกครึ่งชั่วโมง เมื่อคนตรงหน้าเดินงัวเงียออกมาล้างหน้าล้างตา คิมโดยองชี้ไปที่ตุ๊กตาคาบิกอนบนโต๊ะของตัวเอง ดูเหมือนคนโดนกล่าวหาว่าเป็นโปเกม่อนจะเข้าใจความหมายดี ซอยองโฮหัวเราะลั่นจนเขาอดคิดไม่ได้ว่านั่นทำให้ฝุ่นละอองเต้นระบำบนแสงแดดห้าโมงเย็นเข้าจริงๆ
4
นอกจากจะดื่มกาแฟต่างน้ำ กับเหล้าก็ไม่ต่างกัน
โดยองออกจะแปลกใจนิดหน่อยที่จู่ๆ อัยการซอก็ปิดคอมพิวเตอร์แล้วเอ่ยว่า “ผู้ช่วยคิม ไปดื่มกันไหมครับ”
แต่ที่แปลกใจยิ่งกว่าคือการที่เขาตอบตกลงจากสันหลังมากกว่าสมอง ไม่ใคร่ครวญที่มาที่ไปหรือพิจารณาสีหน้าเครียดปนเหนื่อยล้าของผู้ชวนเลยสักนิด รู้ตัวอีกทีก็เดินตามคนตัวสูงที่พับแขนเสื้อขึ้นถึงศอก เอาสูทพาดบ่า ก้าวรวดเร็วไปบนโถงทางเดินโดยไม่หันมองคนที่โค้งทักทายด้วยซ้ำ ซอยองโฮไม่ได้เลือกร้านหรูหราอย่างที่โดยองคาดไว้ พวกเขามาลงเอยกันที่แผงอาหารริมทางที่อัยการหนุ่มกินต็อกเผ็ดแกล้มโซจูแก้วแล้วแก้วเล่าจนริมฝีปากอิ่มคู่นั้นแดงไปหมด โชคดีของโดยองที่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ยัดเยียดเครื่องดื่มมึนเมาให้เขาท่าเดียว พวกเขาต่างคนต่างจัดการตามพึงพอใจของตัวเอง แม้ว่าสำหรับซอยองโฮแล้ว นั่นจะหมายถึงขวดแก้วสีเขียวที่เรียงกันบนโต๊ะเหมือนพินโบว์ลิ่งก็เถอะ
“ผู้ช่วยคิม” เสียงของอัยการซอเริ่มแกว่ง “วันนี้ผมโดนดุมาด้วยล่ะ”
ซอยองโฮไม่พูดต่อ แต่ตะโกนบอกป้าเจ้าของร้านว่าขอโซจูอีกขวดด้วยน้ำเสียงเหมือนเด็กเล็กขอขนม โดยองสบตากับคุณป้า ส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจสถานการณ์ดี
“โดนใครดุเรื่องอะไรมาครับ”
“คดีสิ่งแวดล้อมคดีนั้นน่ะ รองหัวหน้าอัยการบอกว่าให้เลิกทำ” อัยการซอทำเสียงงอแงอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน “ถึงจะเป็นคดีที่ตกค้างมาจากอัยการคังที่เกษียณไป แต่ผมก็ต้องรับผิดชอบไม่ใช่เหรอครับ มีชาวบ้านเดือดร้อนตั้งเยอะ”
โดยองเข้าใจดีตั้งแต่วันที่ช่วยอีกฝ่ายรวบรวมข้อมูลมลพิษจากโรงงานอิเล็กทรอนิกส์จนถึงตีสอง อัยการหนุ่มไฟแรงกำลังต่อสู้อย่างไร้เดียงสา ถึงซอยองโฮจะแก่กว่าเขาหนึ่งขวบปี แต่ทุกครั้งที่เห็นคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพราะเชื่อมั่นในอะไรบางอย่าง แม้แต่คนตรงไปตรงมาและอยู่กับความเป็นจริงอย่างเขาก็ทำใจแจ้งข่าวร้ายไม่ได้ ทั้งที่อยากเดินไปบอกใจแทบขาดว่าช่วยมีเล่ห์เหลี่ยมกว่านี้หน่อยเถอะ รู้จักเล่นการเมืองเสียบ้าง
“กลับบ้านแล้วนอนหลับสักตื่นเถอะครับ” โดยองว่า “พรุ่งนี้อาจคิดอะไรออกก็ได้”
อันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยเชื่อคำพูดตัวเองเท่าไร แต่คนเมาดูจะเชื่อฟังกว่าที่คิด แม้ว่าการลุกขึ้นปุบปับเกือบจะทำให้โต๊ะพับพลิกคว่ำจนพังพินาศก็ตาม
บ้านที่ว่ากลายเป็นบ้านของคิมโดยอง ในเมื่อคนขับรถมาเดินยังแทบไม่ตรง หลังจากชั่งใจอยู่นานว่าจะนั่งแท็กซี่มุ่งหน้าไปห้องชุดในย่านผู้มีอันจะกินของคุณอัยการดีหรือไม่ เขาก็ตัดสินใจว่าคนอย่างซอยองโฮคงลุกไปหากาแฟดำกับซุปแก้เมาค้างกินเองไม่ไหวแน่
เช้าวันรุ่งขึ้น ด้วยสภาพดูไม่จืดอย่างนั้น อัยการซอเดินมากอดเขาเป็นครั้งแรก
5
“โดนส่งมาอยู่กับคุณยายตอนปิดเทอมม.ปลายน่ะครับ” อัยการซอพูดหลังจากกลืนแซนด์วิชคำโต “คุณยายร้องเรียนสารพัดเรื่องในชุมชน แล้วก็ชอบเดินประท้วงด้วย แต่ตอนนั้นดูจะไม่มีใครจริงจังกับท่านเท่าไร”
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดเรือนผมสีดำปลิวลู่ ส่งความเย็นแต้มปลายจมูกและแก้มจนแดงระเรื่อ พวกเขาขึ้นมานั่งกินมื้อเที่ยงบนดาดฟ้า คุยเรื่องสัพเพเหระราวกับเป็นเพื่อนเก่ามารำลึกความหลัง ภายในระยะเวลาไม่กี่อาทิตย์ โดยองต้องเพิ่มคำว่า “ช่างจ้อ” “คิดว่าตัวเองน่ารัก” “พลังเยอะ” และ “อ่อนไหว” ลงในโฟลเดอร์อย่างเสียไม่ได้ ในนั้นมีแต่ถ้อยคำที่ดูไม่เกี่ยวข้องกันจนชวนให้สับสน เขาพยายามไม่แวะไปขุดคุ้ยให้มากความเพราะรู้ดีแก่ใจว่ามีอันตรายรออยู่ตรงหน้าเพียงใด
“คุณยายเสียใจมากเลยตอนที่คุณลุงข้างบ้านตายไป” ยองโฮเล่า “ต้องโดนเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม แล้วดันมาป่วยจากการทำงาน คุณยายผมปล่อยเรื่องนี้ไปไม่ได้เลย ผมว่าท่านต้องเป็นศัตรูอันดับต้นๆ ของบริษัทยักษ์ใหญ่ในเกาหลีแน่ๆ”
ข้อมูลใหม่: หัวเราะเศร้า
“แบบนี้น่าจะพาท่านมาสำนักงานเรานะครับ”
“นั่นสินะครับ แต่ว่าท่านเสียไปแล้วล่ะ ปีเดียวกับที่ผมกลับมาแล้วสอบเข้าม.โซลได้เลย”
เหตุผลทั้งหมดที่ไม่ได้บอกช่างใสซื่อขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ คิมโดยองอยากถอนใจแรงๆ สักที แต่เห็นคนตัวใหญ่ที่เคี้ยวมื้อเที่ยงอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุขจนไม่เหลือเค้าคนเศร้าแล้วก็มีอันต้องเลิกล้ม ทั้งมีหวังและสิ้นหวังได้ถึงขนาดนั้นทีเดียว
“ถ้างั้นคุณก็ต้องกัดไม่ปล่อยเหมือนคุณยายนะครับ”
“เรื่องนั้น ผู้ช่วยคิมคิดว่าผมจะทำได้จริงๆ เหรอ”
“ไม่รู้สิครับ”
ภาพอัยการที่สาวๆ ทั้งสำนักงานลงมติว่าหล่อเท่ที่สุดหูตกเพราะหงอย ไม่รู้ว่าจะอวดใครได้หรือไม่ว่ามีแค่คิมโดยองได้เห็นคนเดียว
“ถ้าเป็นอัยการซอที่ไม่ลืมเหตุผลของตัวเอง ก็น่าจะทำได้ล่ะมั้ง”
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นบันไดตึ๊กตั๊กฟังดูเหมือนเสียงหัวใจที่เต้นระรัว อัยการซอไม่ยอมใช้ลิฟต์เหมือนขาที่ขึ้นมา แต่พาโดยองลงบันไดห้าชั้นด้วยอัตราเร็วของเสือชีตาร์ อารมณ์เวลามีความสุขของเขาเหมือนโรลเลอร์โคสเตอร์ที่พุ่งสูงไม่มีที่สิ้นสุด ขณะเดียวกัน โดยองกลับรู้สึกว่าตัวเองกำลังร่วงหล่น หัวใจไม่ได้เต้นแรงเพราะคาเฟอีนที่แบ่งกับคนข้างๆ หรือเพราะว่าสูบฉีดเลือดหนัก แต่เพราะมีอาการคล้ายตกหลุมรักจนไม่อยากยอมรับ
6
ใช้เวลาถึงสองปีกว่าคิมโดยองจะได้มายืนตรงหน้าแผ่นหินสีเทาไร้ชีวิตชีวา แต่ด้วยกระถางดอกไม้ที่เขาเลือกสรรและขนมาด้วยตัวเอง ที่พำนักแห่งสุดท้ายของคนสำคัญถึงได้มีสีสันขึ้นมาอีกหน่อย หลังจากใช้ผ้าทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง เขาค่อยได้โอกาสพนมมือทำความเคารพอย่างเป็นทางการ หลับตาเพื่อพูดความในใจกับคนที่ไม่เคยพบเจอ แต่ได้ยินเรื่องราวไม่ขาดสายตลอดเวลาที่ผ่านมา
“อัยการคิม จัดการคนเดียวเสร็จเลยเหรอครับ”
หลานชายแท้ๆ ของคนที่โดยองกำลังพูดด้วยเดินตรงมาอย่างเก้ๆ กังๆ เพราะถือของไหว้มาเต็มไม้เต็มมือ ยองโฮย่อตัวลงข้างๆ ก่อนจะเอามือมาประกบกันเสียงดัง เป็นท่าพนมมือที่เห็นแล้วชวนให้ตีแรงๆ เพราะมันเขี้ยวเหลือเกิน
“ในโอกาสไม่เป็นทางการ ไม่ต้องเรียกแบบนั้นก็ได้ครับ”
“แต่อัยการคิมน่ะดีกว่าผู้ช่วยคิมเยอะเลยนะ”
“ไม่ได้หมายความแบบนั้นสักหน่อย”
“ถอนใจบ่อยขนาดนั้นเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก โดยอง”
“คุณยายครับ ดูหลานคุณยายสิครับ”
เสียงหัวเราะลั่นของซอยองโฮดูจะผิดที่ผิดทางในสุสานไปสักหน่อย แต่ที่แย่กว่านั้นคือมันดูจะเป็นเหมือนโรคติดต่อ ภาพอัยการหนุ่มที่เขาเคยทำงานเป็นผู้ช่วยหัวเราะอย่างเริงร่าไม่ได้อยู่ในโฟลเดอร์ปกิณกะอีกต่อไป หากแต่ถูกบรรจุอยู่โฟลเดอร์ชีวิตประจำวันที่แม้จะแวะเวียนผ่านมาให้เห็นกับตาไม่มากนัก แต่อย่างน้อยเขาก็รู้เสมอว่าอีกฝ่ายได้มีชีวิตอย่างที่ต้องการมากกว่าตอนโฟลเดอร์นั้นถูกสร้างเป็นไหนๆ
“คุณต้องเป็นคนโดนเด้งที่มีความสุขที่สุดในโลกแน่ๆ” โดยองถอนใจ “เบื้องบนคิดว่าจะทำให้คุณหงอย แต่ที่บ้านนอก อัยการซอดันเอาเรื่องหนักกว่าเดิมอีก”
“ต้องรบกวนอัยการคิมที่โซลแล้วครับ” ยองโฮยิ้มหน้าบาน
พวกเขาบอกลาคุณยายท่ามกลางแสงแดดฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นกำลังพอดี ถึงยองโฮจะจามเพราะเกสรดอกไม้อยู่บ้าง แต่โดยองคิดว่าคงไม่มีอะไรลบรอยยิ้มออกจากใบหน้าอีกฝ่ายได้ เขาต่างหากที่ต้องโค้งขอโทษคนอื่นๆ ที่สุสานเมื่อยองโฮรีบวิ่งขึ้นเนินจนทิ้งห่างพลางตะโกนว่า “วิ่งเร็ว เจ้ากระต่าย” ตลอดทาง
บ่ายวันนั้นเขาชงกาแฟสำเร็จรูปในออฟฟิศของยองโฮ ผู้ช่วยสาวคนใหม่บอกว่าเห็นทีต้องเรียนรู้วิธีชงจากอัยการคิม เขาไม่รู้ว่าจะดีใจดีไหมที่เธอบอกว่าเห็นอัยการซอดื่มกาแฟตอนเช้าแค่แก้วเดียว เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ทะเลที่อยู่ข้างล่างทอประกายระยิบระยับเหมือนกำลังขำ
เขียนดีมากเลยค่ะ ขอบความสัมพันธ์เรื่อยๆแต่อบอุ่นแบบนี้ ขอบคุณมากๆที่เขียนเรื่องน่ารักๆแบบนี้ออกมานะคะ
ปล. อยากมีผู้ช่วยคิมเป็นของตัวเองบ้างจังเลยเน้อ
คุณดึงเอาความน่ารักของจอห์นนี่ออกมาได้ดีมากๆเลยค่ะ น่ารักน่าเอ็นดู อยากโอ๋ๆ ;---;
อ่านจบแล้วถึงกับน้วย ฮืออ ชอบความเรียบง่ายของความสัมพันธ์อะไรแบบนี้มากๆ เป็นความสัมพันธ์ที่ดูเข้ากัจอนโดเอามากๆ ดีต่อใจมากกกกกก
ชอบทุกอย่างในเรื่องเลยค่ะ ชอบการค่อยๆ เก็บข้อมูลของคุณผู้ช่วยเอามากๆๆ ชอบลักษณะการบรรยาย บางประโยคบางย่อหน้าบางดีเทลมันอบอุ่นไปหมด ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ
จะติดตามผลงานต่อไปค่ะ ; -)
เวลาอ่านงานคุณกิ๊ฟมักเจอกลิ่นอายของความอบอุ่นอยู่เสมอเลยค่ะ
เรื่องนี้ก็เหมือนกันค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
ผู้ช่วยคิมน่ารักมากๆ ชอบที่ความสัมพันธ์มันค่อยๆขยับไปเรื่อยๆ มันดูเรียบๆแต่ก็ดีต่อใจมากๆ ฮือออออ ขอบคุณสำหรับฟิกสนุกๆนะคะ ?
ชอบการแอบเก็บข้อมูลของคุณผู้ช่วย เหมือนสิ่งมีชีวิตเล็กๆขี้ระแวงแอบด้อมๆ มองๆ อยู่ใกล้ๆ ;-; น่ารักเหลือเกินคุณคิม แล้วที่เอาน้ำเปล่ามายัดใส่มือแทน เพราะจอห์นกินกาแฟจนจะขาดน้ำเอา เป็นความละเอียดเอาใจใส่ที่ทับซ้อนกับคำว่าเป็นห่วงดีจังเลยค่ะ น่ารักมาก แง แล้วยังตอนแรกที่จอห์นนี่แอบหาข้อมูลเงียบๆ แต่โดยองก็สังเกต เหมือนเป็นห่วงอยู่ในใจแต่ไม่ก้าวข้ามเส้นกัน เป็นความรู้สึกที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็เรียลอย่างบอกไม่ถูกเลยค่ะ!
แล้วก็เป็นฟิกสั้นที่มีไดนามิกของความสัมพันธ์ดีจังเลยค่ะ จากจุดที่เว้นระยะห่างไว้แล้วค่อยๆ ขยับเข้าหากัน ชอบที่กาแฟของคุณซอลดจำนวนลงสวนทางกับความสัมพันธ์มากๆ เลยค่ะ ;-;
ขอบคุณที่เขียนนะคะคุณกิ๊ฟต์ ชอบมากอีกแล้ว แง ?
ชอบคุณอัยการคิม ความพิถีพิถันช่างสังเกตนี้ คอยเป็นผู้ช่วยอย่างดี ความละเมียดที่ซ่อนอยู่ จังหวะของเรื่องเรื่อยๆ ไม่เร่งรีบ จริงๆ ถ้าจะสักสามสิบแก้วก็ไหว (ฮา)/ แต่คนเรากินกาแฟได้วันละแก้วจริงเหรอวะอัยการซอ??
ส่วนคุณซอนั้นนน ลูกหมาตัวหญ่าย น่ารักซะไม่มี... ไม่ๆ นายไม่ได้น่ารักขนาดนั้นอย่างที่นายคิด แต่นายก็น่ารักแหละ ที่แอบทำคดีเงียบๆ เพราะกลัวคุณผู้ช่วยหน้าดุสินะ บอกแล้วว่าเล่นการเมืองบ้างเพราะการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน โดนเด้งเลยเห็นมั้ย ที่นี่ไม่มี ม.44 ช่วยย้ายกลับน้า~
ว่าแต่สองปีที่หายไปเกิดอะไรขึ้นบ้างน้า หมาใหญ่จะเป็นคนสารภาพรักแบบเขินๆ หรือเป็นคุณอัยการคิมที่พูดออกมาผ่านยิ้มกว้างกัน ตอนที่โดนเด้งคุณซอทำหน้าเศร้ามั้ย คุณคิมปลอบยังไงกันนะ เป็นเรื่องราวที่คนอื่นต้องไปครุ่นคิดต่อระหว่างคอฟฟี่เบรค (ลดน้ำตาลด้วย!!) แล้วล่ะ
สุดท้าน เจ้าแม่ฟิกบิตเทอร์สวีตก็ยังคงรสมือชงความหวานแกมขมได้ไม่เปลี่ยน เหมือนมีความเศร้าเป็นแอปหลักในเครื่อง แต่ก็นั่นแหละ ชอบงานของกิฟเพราะความเศร้าที่พอเหมาะพอควรเสมอ มันเรียลในระดับที่โดยองดูเรียล หาได้ในชีวิตจริงเลย (ฮา) เล่าก็เรียบง่ายแต่แอบแซมโคว้ตเด็ดๆ อย่างฝุ่นละอองเต้นระบำบนแดดห้าโมงอยู่ด้วย เยี่ยมมากเจ้ากิฟ!
ขอบคุณที่เขียนให้อ่านนะ
ปล. อัยการซอรับทำคดีคนยึดอำนาจมั้ย พี่จะแจ้ง พี่จะแจ้ง!