1
“เรื่องของวินนี่เดอะพูห์เหรอ” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้น แววตาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ผมไม่ทันตั้งตัวด้วยซ้ำว่านี่เป็นการพูดคุยแบบ
ปกติมนุษย์ ไม่ค่อยมีใครคิดว่าอธิบายตัวเขาด้วยคำว่า ‘ปกติมนุษย์’ เท่าไรหรอก (คำชม) แต่ก็นั่นแหละ —
“เรื่องของคนเขียนวินนี่เดอะพูห์น่ะ” ผมตอบ "หรืออันที่จริงก็คริสโตเฟอร์ โรบิน"
“อ้อ” เขาส่งเสียงตอบรับเบาๆ พร้อมพยักหน้า ก่อนจะหันไปดูมอนิเตอร์ เข้าโหมดเคร่งเครียดตามเคย เมื่อทุกอย่างเป็นที่น่าพอใจ เราเตรียมตัวแยกย้ายกันกลับและจบวันที่ยาวนานไปอีกหนึ่งวัน ผมอยากดื่มเบียร์สักเหยือกเหลือเกิน อันที่จริง ผมอยากดื่มเบียร์สักเหยือกกับใครสักคน — พ่อคนต่างถิ่นในลอนดอนที่คงไม่อยากแตะแอลกอฮอล์ในช่วงที่ต้องทำงานและตรงดิ่งกลับโรงแรมทันที ให้มันได้อย่างนี้สิ หมอนั่นไม่ไปกินมื้อเที่ยงกับเพื่อนร่วมงานคนที่ใครๆ ต่างก็อยากได้รับเชิญกันถ้วนหน้า แถมไม่ยอมโผล่ไปร่วมมื้อค่ำถ้าไม่โดนบังคับอีกต่างหาก ผมไม่อยากเสี่ยงเก็บเศษหน้าด้วยการออกปากชวนตรงๆ หรอก
“คืนนี้คุณจะทานอะไรเป็นมื้อค่ำเหรอ” ผมเปิดสนทนาอย่างเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขากำลังรอให้คนขับรถมารับ ผมเลยโอ้เอ้อยู่แถวนั้นต่อสักหน่อย
“ซีเรียลกับนมมั้ง” เขาตอบ คนอื่นที่ไม่ใช่ผมคงหาว่าเขากวนตีน แต่ผมมั่นใจว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ นั่นแหละ ก่อนที่ต่อมาผมชักจะไม่แน่ใจว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ ตอนที่เขาหันมาถามผมด้วยสีหน้าจริงจังว่า “นี่ นายชอบตัวละครไหนในวินนี่เดอะพูห์มากที่สุด”
“อะไรนะ”
“นายชอบตัวละครไหนในวินนี่เดอะพูห์มากที่สุด”
“ไม่รู้สิ” ผมตอบตามตรง
ผมไม่เคยคิด อย่างน้อยก็ไม่เคยคิดอย่างจริงจังมาก่อน เรื่องของเรื่องคือผมไม่ได้เติบโตมากับวรรณกรรมเด็กเรื่องนี้ ดิสนีย์และเอ.เอ. มิลน์คงผิดหวังในตัวผมน่าดู แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ก็ผมไม่รู้จริงๆ นี่ ให้ตาย
รถเอสยูวีสีดำขับมาจอดด้านหน้าพอดี เขาต้องไปแล้ว
“ฉันชอบอียอร์”
ผมมองแผ่นหลังกว้างของคนร่างยักษ์ค่อยๆ ห่างและหายเข้าไปในรถคันโต “ฉันชอบอียอร์” นั่นมันคำพูดประเภทไหนกัน เป็นแค่ประโยคบอกเล่าแจ้งให้ทราบหรือเชื้อเชิญให้สนทนาต่อกันแน่ แต่สิ่งที่จริงแท้ที่สุดก็คือหมอนั่นไม่อยู่ตรงนั้นให้เขาถามหรือพูดสั้นๆ ว่า “งั้นเหรอ” อีกต่อไปแล้ว
2
“คุณชอบตัวละครไหนในวินนี่เดอะพูห์มากที่สุดเหรอครับ” คำถามนี้อีกแล้ว ต่างกรรมต่างวาระ คราวนี้คนที่ถามใส่สูทผูกเน็กไทเรียบร้อย ยิ้มแป้นอย่างเป็นมิตรพร้อมถือไมโครโฟน ผมมีกลยุทธ์ใหม่อยากจะแกล้งคนแปลกหน้าสักหน่อยก็เลยถามยียวนกลับไปว่า “ลองเดาดูสิครับ”
ยิ้มชั่วร้าย ผมเห็นเขาคิดหนักอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “เอ่อ พิกเล็ต” ซึ่งทำเอาผมร้องลั่น เขาคงทำการบ้านมาดีถึงเดาเอาว่าผมคงชอบอะไรสีชมพู หรือไม่ก็คงโพล่งออกมาแบบหมดหนทางจริงๆ พิกเล็กเนี่ยนะ ล้อกันเล่นหรือเปล่า
ผมรู้สึกว่าต้องอธิบายตัวเอง แต่เอาเข้าจริงผมก็แทบไม่ได้คิดอะไรตอนที่ปากเอ่ยคำว่า “อียอร์” ออกไป คำชี้แจงค่อยตามมาทีหลังเพื่อไม่ให้ใครก็ตามที่ดูอยู่ต้องผิดหวัง “ผมชอบอียอร์ก็เพราะว่าเอ.เอ. มิลน์ ผู้เขียนวินนี่เดอะพูห์นำเอาความโศกเศร้าทั้งมวลในโลกนี้มาแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะผ่านทางอียอร์น่ะครับ” นี่ไงล่ะ สวยงามหมดจด แต่บอกตามตรงว่าตอนที่พูดออกไปแบบนั้น ผมไม่ค่อยเห็นภาพเจ้าลาแสนเศร้าสร้อยในหัวสักเท่าไร จะนึกถึงก็แต่เจ้าคนร่างโย่งที่เป็นแฟนคลับอียอร์มากกว่า
เพราะอย่างนั้น ผมคิดว่าผมเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องเป็นอียอร์
3
เมื่อได้พูดถึงอียอร์ขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ผมก็หุบปากเรื่องอียอร์ในครั้งต่อมาไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเผลอเพ้อเจ้อพูดว่าอียอร์อยู่ในสตาร์วอร์ส แถมยังหลุดปากยืนยันว่าเจ้าลาขี้เหงาอยู่ฝั่งด้านมืดซะด้วย ถึงจะพยายามยั้งปากว่าตัวเองแค่รู้สึกสนใจตัวละครตัวนี้เป็นพิเศษ แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไรเลย
“ทำไมถึงพูดถึงอียอร์บ่อยนักล่ะ” แม้แต่ผู้ช่วยของผมยังข้องใจ
“ผมกำลังแก้ต่างและเพิ่มความนิยมให้กับตัวละครที่คนไม่ค่อยสนใจต่างหาก” ผมตอบ นั่นก็จริงส่วนหนึ่ง แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่ใช่ ไม่มีใครรู้ว่าผมกำลังพูดจาภาษาอะไรอยู่
ใช่ว่าผมอยากจะให้ทุกคนรู้เรื่องสักหน่อย ผมแค่อยากให้อียอร์รู้ก็เท่านั้นเอง
4
“มีคนโทรมาแน่ะ ‘อียอร์’ นี่ใครกัน“
ผู้ช่วยผมยื่นโทรศัพท์ให้ ตาไม่ฝาด ชื่ออียอร์ตัวเบ้อเริ่มโชว์หราบนหน้าจอ แวบหนึ่งผมนึกว่าตัวเองตายไปแล้วและอยู่บนสวรรค์แห่งป่าร้อยเอเคอร์ซะอีก
“สวัสดี” ผมตอบรับอย่างเป็นการเป็นงาน
“ชอบอียอร์แล้วงั้นเหรอ” น้ำเสียงเขาฟังดูง่วงๆ ชอบกล ที่นั่นคงดึกแล้ว
“ตกหลุมรักเลยล่ะ” ผมว่า ลืมนึกไปว่านั่นออกจะมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า
ปลายสายเงียบไป ก่อนจะตอบว่า “อืม ดี ราตรีสวัสดิ์” แล้ววางสายไป
อะไรวะ —
5
อียอร์โทรมาอีกครั้งในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง ผมอยู่ที่นิวยอร์กพอดี วันเสาร์นั้นผมขึ้นรถเอสยูวีสีดำคันใหญ่ไปที่ร้านอาหารมื้อเช้าและมื้อสายในละแวกบรู๊กลิน ถึงคนจะแน่นร้าน แต่เขาก็ยังคงได้ที่นั่งประจำในฐานะลูกค้าชั้นหนึ่ง ผมรู้สึกสงสารเขาอย่างบอกไม่ถูก มาคนเดียวก็จะแย่อยู่แล้ว แต่นี่ดันพาผมติดสอยห้อยตามมาด้วย แต่ใช่ว่าคนจะจำผมได้มากเท่าไรอยู่แล้ว เขาต่างหากที่เป็นศูนย์กลางความสนใจ ตลกดีที่คนพยายามทำเป็นไม่สนใจเราพอๆ กับที่เราทำเป็นไม่สนสายตาพวกเขา
เขาสั่งแพนเค้กสองที่ ราดน้ำผึ้งจนชุ่มให้ทั้งตัวเขาเองและผม
“แบบนี้พูห์น่าจะชอบ” เขาว่า เคี้ยวแพนเค้กคำโตเหมือนเด็กห้าขวบ
ให้ตาย ผมยังคงไม่เข้าใจเขาจริงๆ
แต่เอาเถอะ อย่างน้อยผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไมผมถึงชอบอียอร์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in