10 สิงหาคม 2560
วันนี้เป็นวันที่แรกที่ฉันได้ออกมาใช้ชีวิตนอกสถานบำบัดจากการที่ฉันกรีดข้อมือ ทำร้ายตัวเอง (ฉันยังคงยืนยันว่าฉันมีสติทั้งก่อนทำ ขณะทำ และหลังทำ) ฉันถูกส่งตัวเข้าสถานบำบัดหรือที่คนทั่วไปเรียกว่าแอดมิดนั่นแหล่ะ ฉันเข้าไปเพื่อดูอาการ ทุกวินาทีในนั้นสำหรับฉันมันคือประสบการณ์ มันคือทุกข์ที่ไม่ถึงกับทรมานจนแทบขาดใจตาย แต่ก็ไม่ได้สุขจนชีวิตของฉันจะสดใสขึ้นมาได้ โดยรวมๆแล้วมันไม่ได้แย่มากมายแต่ก้ไม่ได้ดีที่สุด
หากคุณลองจินตนาการว่าคุณต้องไปเข้าค่ายอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถมีอะไรติดตัวได้เลย เสื้อผ้าที่คุณใส่ต้องถูกเปลี่ยน ใช่มันเหมือนเวลาคุณไปนอนโรงพยาบาลนั่นแหล่ะ หากแต่มันต่างออกไตรงที่คุณ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีของมีค่าติดตัว ไม่มีเงิน มีเพียงของใช้ส่วนตัวซึ่งก็คือแปรงสีฟัน สบู่ แชมพู เท่านั้น คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับใคร ยกเว้นจะมีคนมาเยี่ยมคุณในเวลาที่อนุญาตให้เยี่ยมเท่านั้น คุณจะไม่สามารถเดินออกไปไหนก็ได้ ทุกประตูจะถูกขังและล็อคด้วยกุญแจ หน้าต่างที่มีแต่เหล็กดัด สำหรับบางคนอ่านมาถึงตรงนี้แล้วคิดว่ามันคือคุกดีๆนี่เอง เปล่าเลย สำหรับฉันมันไม่ใช่คุก
คุกมีไว้สำหรับคนที่ทำผิดกฎหมายหรืออะไรก็ตามที่ถูกพิพากษาแล้วว่าต้องโทษ มีความผิด แต่ที่นี่ไม่ใช่ ถึงแม้คุณจะถูกตามติดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ถึงแม้การเข้านอน การตื่นนอน การอาบน้ำ การกินข้าว กินยา ชีวิตประจำวันของคุณจะถูกกำหนด แต่มันต่างกันตรงที่คนที่เข้ามาล้วน "ไม่ได้ถูกพิพากษา" แต่ได้รับ "การวินิจฉัย" โดยแพทย์ และบางคนก็ "สมัครใจ" จะเข้าไปอยู่ในนั้นเช่นตัวของฉันเอง
สำหรับฉันที่นั่นเปรียบเสมือนโลกใหม่ที่ฉันได้เข้าไปสัมผัส เรียนรู้ ได้พบปะผู้คนหลากหลายแบบ หลากหลายอาการ เข้าใจถึงความทรมาน ความเจ็บปวด และยิ่งไปกว่านั้นฉันสัมผัสได้ถึงความหวัง ความเข้มแข็งในจิตใจของเขาเหล่านั้น สถานที่แห่งนี้ คนเหล่านี้สอนให้ฉันมองเห็นจุดดำๆบนพื้นสีขาวที่มีกรอบเทาๆที่ถูกผสมด้วยสีสันต่างๆ และพร้อมจะจางหายไปเมื่อคนหยัดยืนได้มั่นคงมากพอ
และฉันในตอนนี้แม้จะเข้าไปอยู่ในสถานที่แห่งนั้นเพียงระยะสั้นๆ และก้าวพ้นออกมาจากกรอบสีเทาๆที่มีสีอื่นผสมปนเปกันไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะก้าวผ่านมันออกไปได้ทั้งหมด ฉันยังคงต้องเติบโตและยืนหยัดให้มั่นคงเพียงพอที่จะก้าวหลุดออกจากกรอบ และมองมันจากมุมภายนอกในสักวันหนึ่ง
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in