ปิดเทอมใหญ่ก่อนขึ้น ป.6 ผมต้องทำนู่นทำนี่เยอะแยะวุ่นวายไปหมดทั้งว่ายน้ำ-เตะบอล (และขยันดื่มนม) เล่นวิดีโอเกมจริงจังขึ้น (ขยับมาเล่นเครื่องเมกาไดรฟ์) ครอบครัวยังพาผมท่องโลกกว้างด้วยการซื้อทัวร์ไปเที่ยวต่างประเทศราวหนึ่งสัปดาห์ แล้วผมก็ต้องเริ่มเรียนพิเศษ เพื่อเตรียมตัวสอบเข้า ม.1 ในช่วงปีการศึกษาหน้า
2-3 เดือนนั้น ผมเริ่มมีอาการแตกเนื้อหนุ่ม คือ เสียงแตก แต่กลับไม่ได้รู้สึกว่าตนเองตัวสูงขึ้นเยอะนัก จากตัวเลข 151.5 ซม. เมื่อปลาย ป.5 เทอมสอง
โดยเฉพาะเมื่อไปเทียบเคียงกับเด็กผู้หญิงสองคนที่ผมพบเจอในระหว่างปิดเทอม---
ผมและเพื่อนๆ ร่วมโรงเรียนจะเป็นคนที่เรียนหนังสือตามเกณฑ์อายุยุคโบราณของกระทรวงศึกษาธิการ คือเป็นพวกอายุครบ 7 ขวบ ระหว่างเรียน ป.1 และจะจบ ป.6 ขณะมีอายุ 12 ย่าง 13 ปีอย่างไรก็ดี สมัยนั้น เด็กกรุงเทพฯ ในอีกหลายโรงเรียนจะไม่ค่อยเข้าเรียนตามเกณฑ์อายุดังกล่าวกันแล้ว แต่มักเข้าเรียนก่อนเกณฑ์เป็นเวลาหนึ่งปี
เวลาผมได้เจอเด็กอายุเท่ากันที่อยู่โรงเรียนอื่น หลายครั้งพวกเขาและเธอจึงจะเรียนอยู่ในชั้นที่โตกว่าผมหนึ่งปี
ยกตัวอย่างเช่น
"แพร"ผมเจอแพรระหว่างเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศก่อนตัวเองจะขึ้น ป.6 เธอมีสถานะเป็น
"เพื่อนร่วมคณะทัวร์" ของผม
เราสองคนอายุเท่ากัน แต่แพรกำลังจะขึ้น ม.1 แล้ว
นอกจากเรื่องที่เธอเรียนเร็วกว่าผม ยังมีอีกสองเรื่องที่เราแตกต่างกัน
เรื่องแรก แพรเรียนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตแห่งหนึ่ง ซึ่งพอจบ ป.6 แล้ว ก็สามารถศึกษาต่อในระดับมัธยมที่โรงเรียนแห่งเดิมได้ทันที เธอจึงมาเที่ยวเมืองนอกได้อย่างสบายใจ ผิดกับผมที่กำลังจะต้องเรียนพิเศษจริงจัง เพื่อเตรียมตัวสอบเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนมัธยมแห่งอื่น เพราะโรงเรียนประถมของตนเองเปิดการสอนถึงชั้น ป.6 เท่านั้น
เรื่องที่สอง แพรเป็นเด็กผู้หญิงรูปร่างผอมบางแต่ตัวสูงกว่าผมเยอะมาก เอาเข้าจริง แม้แต่เพื่อนผู้หญิงร่างโย่งทั้งหลายในโรงเรียนผมก็ยังสูงสู้แพรไม่ได้สักคน
ผมถามแพรว่าสูงเท่าไหร่แล้ว? เธอตอบว่า 158 ซม. ซึ่งนั่นเป็นส่วนสูงที่มากกว่าโยซะอีก
ผมทำใจยอมรับความจริงได้ยากเหมือนกัน ที่พบว่ามีเด็กผู้หญิงวัยเดียวกัน ซึ่งตัวสูงกว่าตนเองถึงเกือบ 7 ซม.
---
กลับมาเมืองไทย พ่อแม่ก็เริ่มส่งผมไปติวหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบเข้า ม.1
ผมไม่ได้ไปเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาอย่างเป็นทางการ แต่ไปเรียนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่บ้านพักของคุณครูคนหนึ่ง
เด็กที่มาเรียนกับครูคนนี้มีอยู่หลายรุ่น ตั้งแต่ที่กำลังจะขึ้น ป.3 จนถึงที่กำลังจะเตรียมตัวสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมฯ
ที่นั่น ผมได้เจอกับ "พี่อ้อม" ว่าที่นักเรียนชั้น ม.1 ของโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดัง ซึ่งคุณแม่ส่งตัวมาเรียนปรับพื้นฐานเป็นการเพิ่มเติม
วันแรกๆ ที่พบกัน พอรู้ว่าพี่อ้อมเรียนอยู่ในชั้นที่โตกว่าผมแค่หนึ่งปี ผมก็แอบนึกในใจว่า จริงๆ แล้ว เราสองคนอาจอายุเท่ากัน
แต่พอยืนคุยและเทียบส่วนสูงกับพี่อ้อม ผมก็มั่นใจว่าเธอไม่มีทางเกิดปีเดียวกับผมแน่ๆ
เมื่อถามว่าพี่อ้อมสูงเท่าไหร่? คำตอบที่ได้กลับมาก็คือ 162 ซม.
"ถ้าอายุเท่ากันจริง พี่อ้อมเค้าจะสูงกว่าเราเป็น 10 เซนฯ ได้ยังไง" ผมนึกในใจ
น่าจะเป็นสัปดาห์ที่สองที่ได้รู้จักกัน ซึ่งพวกเราพูดคุยถึงปีเกิดของแต่ละฝ่าย และพี่อ้อมแจ้งให้ผมทราบว่าเธอเกิดเดือนเดียวปีเดียวกับผม แถมยังอ่อนวันกว่าด้วย
ผมยังตัดสินใจเรียกเพื่อนอายุเท่ากันคนนี้ว่า "พี่อ้อม" ต่อไป เพื่อปฏิเสธความจริงที่ว่า ผมเตี้ยกว่าเด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกันอย่างขาดลอย
---
แล้วพอกลับไปเรียนหนังสือชั้น ป.6 ผมก็ได้เจอกับเด็กผู้หญิงอย่าง "แพร" และ "พี่อ้อม" อีกมากมายหลายคน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in