ร้านสตาร์บัคส์แห่งแรกนั้น เล็กกว่าที่ฝันคิดเอาไว้มากเลยค่ะ หากเพื่อนไม่ชี้ให้ฝันเห็นว่าเรามาถึงแล้ว ฝันคงเดินผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ การตกแต่งร้านไม่ได้มีอะไรพิเศษมากมายขนาดนั้น สีจะเป็นโทนน้ำตาลๆ ออกโบราณๆหน่อย แต่เชื่อไหมคะ ว่ามันมีพลังดึงดูดอย่างน่าประหลาด โดยเฉพาะคุณนางเงือกสองหางสีน้ำตาลที่ห้อยตระหง่านอยู่หน้าร้าน อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ โลโก้นี้เป็นสีน้ำตาล ไม่ได้เป็นสีเขียวอย่างที่เราคุ้นเคย รวมถึงตัวนางเงือกเองก็ดูต่างออกไป ไหนๆก็มาถึงแล้ว ฝันควรจะลองเข้าไปข้างในดู เพื่อนๆหลายคนก็เห็นด้วย และเมื่อเรามองไปยังแถวที่ต่อรอเข้าด้านในของร้านเพื่อดื่มด่ำไม่ว่าจะบรรยากาศหรือรสชาติอันลึกล้ำของเครื่องดื่มสุดโปรด ฝันเปลี่ยนความคิดเลยค่ะ เพราะหางแถวอยู่ที่ไหนยังหาไม่เจอเลย อาจจะรู้สึกผิดบ้างที่เปลี่ยนใจง่าย ไม่เข้าซะเฉยๆ แต่ถ้าจะให้ยืนต่อแถวนานๆรอเข้าร้านกาแฟที่ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นนี้แล้วล่ะก็ มันมีฤทธิ์รุนแรงมากพอจะให้ฝันป่วยจนขึ้นเครื่องบินรอบถัดไปไม่ไหวอย่างแน่นอน ฝันเลยขอถอนตัวแล้วฝากความหวังไว้กับเพื่อนคนอื่นๆแทน
ว่ากันว่าธุรกิจทั้งหมดทั้งมวลที่ยิ่งใหญ่ของโลก เริ่มต้นจากจุดเล็กๆกันทั้งนั้น สตาร์บัคส์เองก็เช่นกัน เรื่องมีอยู่ว่าเพื่อนสามคน คุณครูภาษาอังกฤษหนึ่งคน คุณครูประวัติศาสตร์หนึ่งคน และนักเขียนอีกหนึ่งคน ได้รับแรงบันดาลใจมาจากร้าน Peet's Coffee and Tea ในเบิร์คลีย์ และด้วยความหลงใหลในกาแฟของทั้งสาม ประกอบกับความโชคดีที่พวกเขารู้จักกับเจ้าของร้าน Peet's ที่สอนให้เขารู้จักวิธีการคั่วกาแฟ พวกเขาสามคนรวบรวมเงินทุนได้ประมาณ 8,000 ดอลลาร์ และแล้ว ร้านสตาร์บัคส์แห่งแรกก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในปีค.ศ. 1971 แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกๆของการเปิดกิจการ พวกเขายังไม่ได้ขายกาแฟแต่อย่างใด เขาขายแต่เมล็ดกาแฟคั่วเท่านั้น จะมีก็เพียงกาแฟถ้วยน้อยๆให้ลองชิม ส่วนของเมล็ดกาแฟสดที่เขานำมาคั่วขาย จะซื้อมาจากร้าน Peet's แล้วภายหลังถึงติดต่อกับชาวไร่กาแฟเองโดยตรง ผ่านไปเพียงไม่นาน ใครจะเชื่อว่าสตาร์บัคส์ได้ขึ้นแท่นเป็นร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในกรุงวอชิงตัน และปัจจุบันมีสาขากว่า 20,000 สาขาทั่วโลก
ร้านนี้ถือกำเนิดมาได้ก็จากความชอบและความหลงใหลในกาแฟของคนแค่สามคน อาชีพที่พวกเขาใช้หาเลี้ยงชีพอยู่ทุกวันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆกับกาแฟเลย แต่ด้วยความชื่นชอบที่เขามี และความฝันที่จะทำในสิ่งที่ตนเองรัก พวกเขาจึงเลือกที่จะเอาเงินก้อนมาเดิมพันความฝันชิ้นนี้ของพวกเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่พบอุปสรรคหรือความลำบากใดๆเลย แต่ก็เช่นเดียวกับเมล็ดกาแฟเอง หากเราปล่อยให้มันโตไปตามมีตามเกิด อย่างมากมันก็เป็นได้แค่เมล็ดแก่ๆที่เติบโตไปและร่วงลงดินหายไปในที่สุด แต่เมื่อใดที่เมล็ดนั้นถูกผ่านความร้อน และไอน้ำ มันก็จะส่งกลิ่นหอมของตัวมันเองออกมา กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ที่มีแค่ตัวมันที่ทำได้ กาแฟจึงเป็นเครื่องดื่มที่ไม่เหมือนน้ำหวานหรือน้ำอัดลม เพราะพวกนั้นต้องอาศัยกลิ่นอื่นมาแต่งเติม แต่กาแฟมีกลิ่นที่ออกมาเองจากข้างใน เวลาที่คนเราทำอะไรด้วยความรักความเอาใจใส่ ผลลัพธ์มันจะออกมาดีเสมอ อย่างน้อยเราก็มีความสุข ถ้าล้มก็แค่ลุกขึ้นมาเดินใหม่ ถ้าวันนี้ยังไม่ใช่วันของเราก็เดินต่อไป มันจะต้องเจอวันของเราเข้าซักวันหนึ่งนั่นแหละ
ฝันมองดูสัญลักษณ์หน้าร้านแห่งนี้อีกหนึ่งหน นางเงือกสองหางหรืออีกชื่อหนึ่งว่าไซเรน กำลังยิ้มมาให้ฝันราวกับว่าจะเชิญชวนให้เข้าไปสัมผัสความงดงามของนาง หากใครเคยอ่านตำนานเก่าๆ จะรู้ว่าไซเรนนี้มีเสียงที่ไพเราะมาก พวกนางอาศัยอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง เมื่อใดก็ตามที่มีกะลาสีเรือแล่นเรือผ่าน ถ้าไม่หาอะไรมาอุดหู ก็คงจะทนต่อเสียงกังวานหวานหยดแบบนี้ไม่ไหวจนต้องหันหางเสือเรือเข้าไปหาต้นเสียงในที่สุด เป็นไปได้ไหมว่าไซเรนสีน้ำตาลมีเสียงที่ไพเราะกว่าไซเรนสีเขียว เพราะมีกะลาสีเรือมากมายเหลือเกินมายืนต่อแถวอยู่ตรงนี้ และเป็นไปได้ไหมที่เรามาที่นี่ เพื่อจะดื่มด่ำกับบรรยากาศเก่าๆที่ร้านสมัยใหม่ใหญ่โตหรูหราให้เราไม่ได้ บรรยากาศที่บอกกับเราว่าร้านแบบนี้แหละ คือต้นกำเนิดร้านกาแฟอีกหลายพันหลายหมื่นร้านทั่วโลก ร้านที่เรียบง่ายแบบนี้แหละ ที่คนธรรมดาสามคนเริ่มสร้างเส้นทางความฝันให้ตัวเอง ร้านเครื่องดื่นกาแฟธรรมดาๆแบบนี้แหละ ที่ทำให้ชื่อเขาจารึกในประวัติศาสตร์ มันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยจริงๆ เขาก็แค่คนธรรมดาเหมือนกับเรา ขายเครื่องดื่มธรรมดาๆ ในสถานที่ธรรมดา ถ้าจะแตกต่างก็คงเป็นการที่ว่า เขาลงมือเดินตามความฝันตัวเองด้วยชีวิตของเขาเท่านั้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in